เราใช้คุ๊กกี้บนเว็บไซต์ของเรา กรุณาอ่านและยอมรับ นโยบายความเป็นส่วนตัว เพื่อใช้บริการเว็บไซต์ ไม่ยอมรับ
เรื่องเล่า ตัวตน คนอื่นอ่าน-คิด-เขียน
10 ควัน
  • โดย วาฬสีฟ้า

    นิสิตชั้นปีที่ 3  เอกภาษาอังกฤษ โทศิลปการละคร อักษรศาสตร์ จุฬาฯ
    ผลงานลำดับที่ 10 ในคอลัมน์ "เรื่องเล่า ตัวตน คนอื่น"  อ่านที่มาของคอลัมน์ได้ที่  http://minimore.com/b/F5RyR/1


    เธอกลับมาที่นี่อีกแล้ว

    พรพระพายมองไปรอบตัวพบแต่ความว่างเปล่าไร้ที่สิ้นสุด เธอพยายามมองหาเส้นขอบของพื้นที่หรือประตูสักบานเป็นครั้งที่เท่าไรเธอเองก็ไม่แน่ใจ  สิ่งเดียวที่รู้คือเธอไม่มีวันพบสิ่งที่เธอหา  จะมีก็แต่หลุมหลบภัยที่ไม่สามารถระบุตำแหน่งได้ก็เท่านั้น  และครั้งนี้เธอเองก็ไม่รู้ว่ามันไปปรากฏอยู่ส่วนใดของผืนความว่างเปล่านี้

    พรพระพายแหวกว่ายมวลอากาศ ร่างของเธอเคลื่อนตัวไปข้างหน้าอย่างไร้จุดหมาย  เธอไม่รู้ด้วยซ้ำว่าเธอกำลังมุ่งหน้าไปสู่ทิศใด รู้แต่เธอไม่สามารถอยู่เฉย ๆ ณ ที่เดิมได้นอกเสียจากจะอยากให้ความหวาดกลัวเข้าเกาะกุมจิตใจ

    ไม่ใช่ครั้งแรกที่เธอรู้สึกว้าวุ่นและพยายามจะหนี  และไม่ใช่ครั้งแรกเช่นกันที่เธอรู้ดีว่าเธอกำลังจะเจอกับอะไร

    ทุกครั้งที่พรพระพายมาที่นี่กลุ่มควันสีเทาทะมึนจะก่อตัวขึ้นจากความว่างเปล่า เจ้าปีศาจสีเทานั่นจะจู่โจมเธอ มันไล่ตามและพยายามกลืนกินเธอ ครั้งหนึ่งเธอเคยพลาดท่าถูกมันโอบกลืนเข้าไปในร่างของมันห่างจากทางเข้าหลุมหลบภัยเพียงไม่กี่ช่วงตัว  เธอจำได้ดีว่าสายตาเธอในตอนนั้นเห็นความว่างเปล่าเป็นสีเทา  ลมหายใจติดขัดเหมือนท่อน้ำที่มีเศษไม้อุดตันไว้ อารมณ์ความรู้สึกห่อเหี่ยวจนเหมือนไม่เคยพบพานความสุขใดในชีวิต  สติสัมปชัญญะเหมือนแตกออกเป็นเสี่ยง ๆ ก่อนทุกอย่างจะมืดสนิท

            นั่นเป็นครั้งแรกและจะเป็นครั้งสุดท้ายเพราะเธอจะไม่ยอมให้ไอ้ปีศาจหน้าไหนแตะต้องเธอได้อีก




            ครั้นพรพระพายเห็นกลุ่มก้อนสีเทาทางหางตา  เธอหันขวับกลับไปมองก็พบว่า ปีศาจที่เธอกำลังนึกถึงเริ่มก่อตัวเป็นรูปเป็นร่าง  คราวนี้มันมีสีเทาเข้มกว่าทุกครั้ง เลือดในกายเธอเย็นเฉียบ สัญชาตญาณบอกเธอให้ตะเกียกตะกายไปให้ไกลที่สุด เพราะครั้งนี้ถ้าเสียท่าโดนโอบกลืนเข้าไปอีก เธออาจไม่โชคดีรอดออกมาใช้ชีวิตปกติได้อย่างครั้งก่อน

         ปีศาจกลุ่มควันเคลื่อนตัวมาทางเธออย่างไม่รีบร้อนราวกับว่ามันมีเวลาเล่นสนุกกับเหยื่อชั่วกัปชั่วกัลป์ หญิงสาวไม่แม้แต่จะเสียเวลาสักเสี้ยววินาทีไปกับการลังเลใด ๆ เธอรีบแหวกว่ายมวลอากาศธาตุเพื่อทิ้งระยะห่างจากมันให้มากที่สุด และเมื่ออยู่ในระยะปลอดภัยแล้ว พรพระพายรีบจินตนาการถึงกำแพงใหญ่ ทันใดนั้นเองกำแพงคอนกรีตปูนเปลือยสูงตระหง่านก็ปรากฏตรงหน้าเธอ

    เธอเรียนรู้เงื่อนไขของการอยู่ในมิติว่างเปล่าเมื่อไม่นานมานี้เองว่า เธอสามารถสร้างอะไรก็ได้ด้วยพลังจินตนาการของเธอ แต่ภาพในหัวต้องชัดเจนมากพอไม่เช่นนั้นปืนใหญ่จะกลายเป็นไปป์ยักษ์มีขาตั้งอย่างที่เธอเคยทำตอนตั้งใจจะยิงเจ้าปีศาจนั่นเมื่อครั้งก่อนๆ

    “มาสิ ฉันไม่กลัวแกหรอก!”

    หญิงสาวแผดตะโกนดังลั่น เธอเคยใช้กำแพงขวางปีศาจนั่นได้จนถึงเช้าและคิดว่าวันนี้ก็คงจะเป็นแบบนั้นอีกเช่นเคยจนกระทั่ง

    “ไม่! อย่าเข้ามานะ”

    พรพระพายตาเบิกโตทันทีที่เห็นมันทะลุกำแพงเข้ามาได้ สัญชาตญาณของเธออาจจะถูก เจ้าปีศาจในวันนี้ทรงพลังกว่าที่ผ่านมา เธอรีบหันหลังแหวกว่ายหนีออกห่างจากกำแพงโดยเร็ว

    เธอพยายามรวบรวมสติที่กระเจิดกระเจิงไปพร้อมกับเลือดที่สูบฉีดหนักขึ้นให้กลับมาเข้าที่ก่อนจะวาดภาพกล่องกระจกกันกระสุนขนาดใหญ่ครอบตัวเอง

    กล่องเสร็จสมบูรณ์ตอนที่เจ้าควันนั่นกำลังจะแตะปลายผมเธอแบบเส้นยาแดงผ่าแปด

    หญิงสาวถอยกรูดไปชนกระจกอีกด้านตอนนี้เธอกำลังประจันหน้ากับมันโดยมีเพียงผนังโปร่งใสกั้นกลางเท่านั้น

    ในขณะที่พรพะพายกำลังจะถอนหายใจด้วยความโล่งอก ควันปีศาจดูไม่พอใจอย่างมาก มันบิดตัวเป็นเกลียวหมุนคว้างกลางอากาศจากหมุนเอื่อยเฉื่อยค่อย ๆ เร่งขึ้นเป็นก้อนลมขนาดใหญ่ปลายกลุ่มควันหมุนเป็นเกลียวแหลมเล็กชี้มาที่ใบหน้าของเธอ คราวนี้แม้แต่พระพายก็คงไม่อยู่ข้างเธอเสียแล้ว

    กึก กึก แคร่ก!

    เธอกรีดร้องดังลั่นทันทีที่ปลายแหลมสีเทาเจาะทะลุกระจกกันกระสุนที่เธอสร้าง ไม่เพียงเจาะทะลุเท่านั้น มันยังพยายามเสือกตัวเข้ามาในกล่องเดียวกับเธอด้วย เธอรีบออกคำสั่งให้กระจกด้านหนึ่งหายไปก่อนกระเสือกกระสนหนีตายอีกครั้ง


    พลันสายตาเธอเหลือบไปเห็นสี่เหลี่ยมแปลกประหลาดที่โผล่ขึ้นกลางความว่างเปล่าอยู่ห่างไปทางซ้ายมือเกือบห้าสิบเมตร  ความทรงจำย้ำเตือนว่าสิ่งนั้นคือประตูหลุมหลบภัย เธอตัดสินใจเลี้ยวหักศอกในครั้งเดียวแล้วตะกายไปหาประตูนั่น  หางตาเธอเห็นก้อนสีเทาน่าเกลียดก้อนเดิมพุ่งตรงมาทางเธอด้วยความเกรี้ยวกราดอย่างผิดวิสัย

    เท้าขวาของเธอจมเข้าไปอยู่ในกลุ่มควันสีเทาแล้วตอนที่เธอกระชากประตูออก ดีที่เธอถีบตัวเองลงในหลุมหลบภัยและชักประตูปิดได้ทันท่วงที หญิงสาวหอบหายใจจนตัวโยนด้วยความเหนื่อยและหัวใจที่เต้นไม่เป็นจังหวะ

    “ฮะๆๆๆ ฮ่าๆๆๆๆ คราวนี้แกจับฉันไม่ได้หรอก!”

    พรพระพายมัวแต่หัวเราะอย่างผู้ชนะจนไม่ทันได้สังเกตว่าภายในห้องที่เธอเข้าใจว่าเป็นหลุมหลบภัยมีก้อนพลังงานสีขนกาหมุนวนอ้อยอิ่งอยู่รอบห้อง  รู้ตัวอีกทีปีศาจสีดำก็โอบกลืนเธอไปทั้งตัวเสียแล้ว



     เฮือกกก!!

    พรพระพายสะดุ้งสุดตัวลุกขึ้นนั่งเหงื่อแตกพลั่กอยู่บนเตียง เธอหอบหายใจอย่างตะกละตะกลาม แสงแดดลอดผ้าม่านสีอ่อนตกกระทบเส้นผมที่ปรกหน้าทำให้เธอตระหนักได้ว่าฟ้าสว่างแล้ว โชคดีที่เป็นวันหยุด เธอไม่ต้องออกไปเรียนหรือทำธุระอะไรที่ไหน

    หญิงสาวทบทวนความฝันที่เพิ่งเจอ อวัยวะในอกซ้ายยังเต้นแรงไม่ต่างจากยามฝัน พักนี้เธอมักจะฝันเห็นกลุ่มควันสีเทาในดินแดนว่างเปล่าอยู่บ่อยครั้ง แต่นี่เป็นครั้งแรกที่เธอเห็นกลุ่มควันสีดำ เธอยังจำความรู้สึกตอนที่พลังงานในหลุมหลบภัยแทรกซึมเข้ามาในทุกอณูผิวและหลอมรวมเธอเข้ากับมันได้  เป็นความรู้สึกดำดิ่งที่ยากจะลืม พรพระพายสะบัดหัวไล่ความคิดก่อนใช้มือเสยผมที่ปิดหน้าปิดตาออกและลุกจะเดินไปเข้าห้องน้ำ

    เพล้ง!

    มือเจ้ากรรมดันเหวี่ยงไปปัดโดนแก้วน้ำสีชมพูพาสเทลที่วางอยู่บนโต๊ะข้างเตียงตกแตกอย่างไม่ได้ตั้งใจ

    ทำไมเศษแก้วบนพื้นเป็นสีดำ?

    โต๊ะ เตียง ตู้ ประตู เพดาน ผนังพื้น ทำไมทุกอย่างเป็นสีดำ?

    พรพระพายเยื้องย่างเข้าห้องน้ำโดยไม่สนเศษแก้วที่กระจัดกระจายอยู่บนพื้น สิ่งที่เธอเห็นทำให้เธอถอนหายใจอย่างเหนื่อยหน่าย ในหัวก็คิดว่า ‘อะไรกันนักหนาเนี่ย’

    ภาพที่เธอเห็นในกระจก คือตัวเธอที่มีกลุ่มควันสีดำลอยวนอยู่ด้านหลังและยื่นบางสิ่งคล้ายมือมาบังตาเธอไว้ทั้งสองข้างนั่นเอง




    กว่าจะเป็นงานเขียน . . .  วั  

                เราจับฉลากได้คำว่า"น่าเบื่อ"ภาพแรกที่แวบเข้ามาคือคนนอนคว่ำหน้าบนโซฟายาวสักตัวเพราะเราเองชอบทำแบบนั้นเวลาความรู้สึกเบื่อมาทักทาย แต่คิดอีกที เรานึกถึงสิ่งที่อยู่ในหัวขณะนอนคว่ำหน้าอยู่บนโซฟามากกว่า เมื่อเรารู้สึกว่าสิ่งรอบตัวช่างน่าเบื่อหน่าย  ทั้งการบ้าน กิจกรรม เพื่อน 
    แฟน ละครที่ดูจนจบแล้ว หรือบ้านว่างเปล่าเงียบสงัด มันเบื่อจนน่าใจหาย เบื่อจนอึดอัด เบื่อจนว่างเปล่า เหมือนมีกลุ่มก้อนพลังงานสีเทาหมุนวนอลอึงอยู่ในอก นอนตะแคงก็แล้ว นอนหงายก็แล้ว ยังไม่อาจขจัดความน่าเบื่อที่ลอยอยู่เหนือหัวไปได้ จะให้ฟังเพลงหรือเพลงอะไรจะเข้ากับอารมณ์นี้ละจะให้ดูหนังสักเรื่องหรือเรื่องอะไรละจะทำให้โพรงในอกมันถูกถมจนเต็มได้สิ่งที่เราทำได้  ขณะนั้นมีเพียงแค่นอนคว่ำหน้าลงกับโซฟาแล้วเพ่งสำรวจกลุ่มควันสีเทาในอกที่หมุนวนไปมามองคล้ายกำลังเต้นรำอยู่ก็เท่านั้น นอกจากนี้แล้ว ร่างกายและจิตใจเราก็ไม่รับคำสั่งอะไรอีกเลย
                 แต่หลังจากที่ได้เข้าไปนั่งฟังเพื่อน ๆ ในห้องเรียนแสดงความเห็นต่าง ๆ นานา เราเลยอยากลองเขียนให้กลุ่มควันนั้นเป็นรูปธรรม และให้ตัวละครของเราหนีมัน จึงออกมาเป็นเรื่องนี้ค่ะ

    **ลิขสิทธิ์งานเขียนและภาพถ่ายเป็นของผู้สร้างผลงาน**

    --------------------------

    ติดตามคอลัมน์ "เรื่องเล่า ตัวตน คนอื่น"

                                            


เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น

Log in