เราใช้คุ๊กกี้บนเว็บไซต์ของเรา กรุณาอ่านและยอมรับ นโยบายความเป็นส่วนตัว เพื่อใช้บริการเว็บไซต์ ไม่ยอมรับ
เรื่องเล่า ตัวตน คนอื่นอ่าน-คิด-เขียน
9 "กระเป๋า" เจ้าเอย....
  •                                                                  โดย เจ้าหญิงนิทรา 

                                             นิสิตชั้นปีที่ 3 เอกภาษาไทย โทภาษาอังกฤษ อักษรฯ จุฬาฯ

           ผลงานลำดับที่ 9  ในคอลัมน์ "เรื่องเล่า ตัวตน คนอื่น"  อ่านที่มาของคอลัมน์ได้ที่  http://minimore.com/b/F5RyR/1

        

    “สวัสดีค่ะ เชิญค่า” คำพูดสั้นๆที่ติดหูใครหลายคน ถูกเอ่ยขึ้นมาอย่างอัตโนมัติเมื่อมีลูกค้าย่างกรายเข้ามาในร้าน และแน่นอน คำๆนั้นแทบจะไม่มีความหมายอะไรเลยกับพวกเขา แม้กระทั่งพนักงานขายกระเป๋าอย่างฉันเองก็เช่นกัน ก็แหงล่ะ พูดคำนี้ทุกวัน วันละหลายสิบรอบ เผลอๆถึงร้อย  ใครกันจะไม่บื่อ เสียงนี้จึงเป็นเสมือนเสียงเตือนให้ฝ่ายตรงข้ามรับรู้การตอบสนองของเราเยงเท่านั้น



        “สนใจใบไหนสอบถามได้นะคะ” ถ้าเทียบกับคำเมื่อครู่ คำนี้ก็น่าจะมีระดับของความสนใจสูงขึ้นมาหน่อย ส่วนความถี่ของการพูดนั้นพอกัน บรรดาลูกค้า เมื่อได้ยินอย่างนี้แล้วปฏิกิริยาตอบกลับที่ส่งมาจะมีอยู่สองแบบ คือสนทนากับเราหรือนิ่งเงียบซึ่งหมายความได้ว่าให้เราทำตาม ทุกวันทำงานฉันจึงต้องพบเจอกับเหตุการณ์เหล่านี้อยู่เป็นประจำ สวัสดีค่ะ สนใจสอบถามได้นะคะ แบบนี้มีสองสีค่ะ ตัวนี้ยังไม่ลดค่ะ โอกาสหน้าเชิญใหม่ค่ะ พูดวนไป น้อยครั้งที่จะได้พูดว่า ลูกค้ารับใบนี้นะคะ ไม่รู้ทำไมกระเป๋าแบรนด์ที่ฉันทำงานอยู่นี้ถึงได้ขายยากขายเย็น จะว่าราคาสูงไปก็ไม่น่าใช่ เพราะแต่ละคนที่เข้ามาในร้านก็แต่งตัวดูดีกันทั้งนั้น โปรโมชั่นไม่ดึงดูดใจหรือ แม้แต่ยอดขายตอนลด 70% ก็ยังไม่ดีเท่าที่ควรเลย หรือว่าพนักงานบริการไม่ดี อืม...จุดนี้ไม่ขอพูดถึงก็แล้วกัน

        แต่มีสิ่งหนึ่งที่ฉันคิดว่าน่าสงสัย และอาจเป็นคำตอบของปริศนานี้ได้ คือมีลูกค้ากลุ่มหนึ่งที่เดินเข้ามาแล้วมักจะกวาดตามองกระเป๋าบนชั้นราวกับมีเป้าหมายในใจแล้ว เมื่อหาสิ่งที่หมายไว้ไม่เจอก็เดินจากไป ทิ้งให้ฉันเป็นอากาศ ยิ่งพักหลังมานี้เริ่มเจอบ่อยขึ้น จนทำให้เกิดคำถามว่าอะไรคือสิ่งที่อยู่ในใจของเขาเหล่านั้น ราวกับว่ามีอะไรบางอย่างต้องการช่วยฉันหาคำตอบ ลูกค้าสาวผมซอยสั้นคนหนึ่งเดินตรงมาที่ฉันด้วยท่าทีเร่งรีบ

        “โทษนะคะ เคยเห็นกระเป๋าทรงนี้บ้างมั้ยคะ” เธอพูดพร้อมยื่นไอโฟน 7 หรือ 8 ก็ไม่ทราบมาไว้ตรงหน้าฉัน หน้าจอปรากฏรูปคอลเลคชั่นกระเป๋าคอลเลคชั่นหนึ่งที่ประกอบไปด้วยกระเป๋ารูปร่างแปลกตาหลากหลายสีสัน พร้อมกันนั้นก็มีเล็บสีฟ้าอ่อนชี้มาที่ตำแหน่งของกระเป๋าใบที่เธอสนใจ

        “สะ...วี้ด...เล...ดี้” ฉันค่อยๆอ่านตัวหนังสือที่ปรากฏอยู่ข้างใต้กระเป๋า

        “ค่ะ คือไม่ต้องตามนี้เป๊ะก็ได้ค่ะ ขอแค่ทรงประมาณนี้ เคยเห็นมั้ยคะ” ลูกค้าสาวถามอย่างร้อนใจ

        “ต้องขอโทษด้วยค่ะคุณลูกค้า คือทางเราไม่ได้ผลิตกระเป๋าทรงนี้นะคะ สนใจเป็นแบบอื่นมั้ยคะ แบบนี้เพิ่งมาม่ะ…”

       "อ๋อ...ไม่เป็นไรค่ะ เสียดายจังเลย หามาหลายร้านแล้วก็หาไม่เจอเลยค่ะ กระเป๋าทรงนี้ฮิตกันมากๆเลยนะคะทำไมถึงหาไม่เจอก็ไม่รู้ ว่าแต่คุณไม่เคยเห็นเลยเหรอคะ ของที่อื่นก็ได้”

        “เอ่อ…ไม่เคยค่ะ” ฉันตอบกลับด้วยอาการที่ยังตะลึงค้างจากการโดนตัดบทเมื่อสักครู่ ลูกค้าสาวพยักหน้าน้อยๆ แววตาฉายความผิดหวัง

        “ไม่มีจริงๆเหรอเนี่ย หรือว่าต้องสั่งซื้อจริงๆซะแล้ว เอ่อ ขอบคุณมากนะคะ” เธอพูดเบาๆกับตัวเองก่อนจะเอ่ยคำขอบคุณและเดินออกจากร้านไปด้วยความเร็วที่ช้ากว่าเดิมมาก จะว่าไปเมื่อครู่ตอนฉันเสนอขายกระเป๋าให้หล่อน หล่อนกลับมองอย่างตำหนิ คล้ายจะสื่อว่าฉันนี่ไม่รู้เรื่องอะไรเสียเลย เป็นพนักงานขายกระเป๋าแท้ๆ แต่ไม่รู้จักกระเป๋ายอดฮิตอย่างนั้นหรือ

    จะไปรู้ได้ยังไงล่ะ ก็กระเป๋าที่ฉันขายมันเป็นกระเป๋าเป้!


    กว่าจะเป็นงานเขียน... "กระเป๋า" เจ้าเอย...

    รู้สึกเลยว่าตัวเองเป็นคนชอบเขียนอะไรดราม่าๆ 555 ดังนั้นพอจับได้หัวข้อ "น่าสนใจ" จึงทำให้คิดหนักทีเดียว ซึ่งตอนนั้นก็แบบ เอ อะไรที่มันน่าสนใจสำหรับเรา คิดไปคิดมาก็นึกถึงกระเป๋าคอลเลคชั่นที่อยากได้ค่ะ รูปทรงเหมือนหีบมหาสมบัติ  จึงเกิดปิ๊งไอเดียว่า เออ นี่แหละ กระเป๋าละกัน มีความเรียลไปอี้กกก 555 จะถือเป็นการโฆษณาไหมคะเนี่ย อิอิ

    พอหลังจากที่เพื่อนเห็นรูปแล้วความคิดเห็นก็แตกกันไปหลายทางมาก แต่ที่แน่ๆคือไม่มีคำว่าน่าสนใจโผล่มาเลย 555 ตรงกันข้าม มีเพื่อนคนหนึ่งให้ความเห็นว่า "ไม่น่าสนใจ" ซึ่งคนละทิศกับของเราเลย ในงานนี้จึงนำความคิดเห็นของเพื่อนมาต่อยอดค่ะ โดยมองในมุมของพนักงานประจำร้านขายกระเป๋า แถมยังเป็นกระเป๋า "อีกแบบ" ไปเลยด้วย ซึ่งไม่น่าจะสนใจกระเป๋าแบบในรูป งานนี้ก็เป็นอีกงานที่ท้าทายค่ะ เพราะยังไม่เคยเขียนอะไรที่ตรงกันข้ามกับความรู้สึกของตัวเองมาก่อน รู้สึกสนุกตลอดเวลาที่เขียนเลย :)

    แต่งานนี้เป็นงานชิ้นแรกที่รู้สึกว่าได้ทำอย่างเป็นชิ้นเป็นอันและได้นำมาเผยแพร่ให้ทุกคนได้อ่าน หากจะให้เปรียบเทียบก็น่าจะเหมือนกับตอนหัดขี่จักรยาน แรกๆอาจมีเป๋ไปบ้าง ล้มไปเลยก็น่าจะบ่อย ดังนั้นต่อจากนี้ไปผู้เขียนก็จะพยายามฝึกปั่นให้มากและหวังว่าจะคุมจักรยานได้ในเร็ววันค่ะ 555 ยังไงถ้าอ่านแล้วชอบก็อย่าเพิ่งทิ้งกันไปไหนน้า 


    ขอบคุณภาพประกอบจาก https://pixabay.com/

    **ลิขสิทธิ์งานเขียนและภาพถ่ายเป็นของผู้สร้างผลงาน**

    --------------------------

    ติดตามคอลัมน์ "เรื่องเล่า ตัวตน คนอื่น"


เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น

Log in