นอกจากปัจจัย 4 ที่ให้ความมั่นคงทางกายแล้ว ชาวไทย (เป็นคนอ่อนไหว) ต้องการความมั่นคงทางใจอย่างมาก เห็นได้จากสารพัดสิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่ผุดขึ้นมาให้ตามกราบไหว้กันไม่หวาดไม่ไหว วันนี้มินิมอร์จะพาย้อนไปดูว่า 10 ปีที่ผ่านมา เรามีสิ่งศักดิ์สิทธิ์สุดป๊อป (ป๊อปจนเดินไปทางไหนก็ต้องเห็นแน่ ๆ) มีอะไรกันบ้าง ?
แล้วถ้ามองข้ามแง่ความเชื่อ (ที่ก็มีทั้งคนเชื่อและไม่เชื่อ) ไปถึงแง่การตลาดล่ะ ? สินค้าแห่งความศักดิ์สิทธิ์พวกนี้นอกจากจะฮิตและช่วยสร้างความมั่นคงทางใจแล้วเขาสร้างมูลค่าการตลาดไว้ยังไงกันบ้าง
1.จตุคาม-รามเทพ (พ.ศ.2549-2550)
ย้อนกลับไป 10 ปีพอดีไม่มีขาดไม่มีเกิน มองไปทางไหน ก็เห็นแต่องค์จตุคาม-รามเทพ ที่เชื่อกันว่าเป็นเทพรักษาพระบรมธาตุ จังหวัดนครศรีธรรมราช ในแง่ความศรัทธาคงไม่ต้องอธิบายกันให้มากความ เพราะล้นหลามจนน้าแอ๊ด คาราบาวต้องออกมาแต่งเพลง'จตุคามลามทุ่ง'ให้
เฉพาะปี 2549 ปีเดียวมีจตุคาม-รามเทพออกมามากกว่า 100 รุ่น (แต่ละรุ่นก็ผลิตกันตั้งแต่หลายร้อย หลายพันองค์) (จะห้อยกันไหวมั้ยเนี่ย) ราคาบูชาก็มีตั้งแต่หลักร้อย ไปจนถึงหลักล้านนู่นเลย (มาตรฐานการตั้งราคาช่างกว้างยิ่งนัก) แต่เดี๋ยวก่อนกระแสยังไม่จบลงแค่เพียงเท่านั้น เพราะในปี 2550 แค่เดือนมกราคมถึงเดือนเมษายน (แค่ 4 เดือนเท่านั้น) ก็ผลิตจตุคามฯกันออกมาอีก 50 รุ่น! สร้างเงินหมุนเวียนไปเบา ๆ 22,000 ล้านบาท (ใช่ อ่านว่าสองหมื่นสองพันล้านบาท)(ลูกเทพดูเด็ก ๆ ไปเลยสินะ)
ruampra.com
บรรดาร้านค้าในจังหวัดนครศรีธรรมราชพากันผันตัวเองมาเป็นศูนย์จตุคามนับ 1,000 แห่ง แถมช่วงนั้นมีนักท่องเที่ยวเข้าจังหวัด 1.3 ล้านคน มีกระแสเงินสะพัดกว่า 6,000 ล้านบาทไปทั้งจังหวัด (อื้อหือ สุดยอดธุรกิจแห่งปี)
และก็ไม่ต่างจากไฟลามทุ่ง (ตามชื่อเเพลง'จตุคามลามทุ่ง'เป๊ะ) เพราะดังจริง ดังแรง ดังโหมกระพือสุด ๆ แต่ก็ดังไม่นาน ไม่ทันพ้นปลายปี 2550 กระแสจตุคาม-รามเทพก็ค่อย ๆ จางหายไป ทิ้งไว้แต่มูลค่าธุรกิจศรัทธาที่ชวนตะลึง จนอดสงสัยไม่ได้จริง ๆ ว่าองค์จตุคาม-รามเทพหลายหมื่นหลายแสนองค์ตอนนี้อยู่ไหนหมดแล้วนะ
2.หินทิเบต (พ.ศ.2549-2550)
janjow.exteen.com
ถ้าบรรดาสิ่งศักดิ์สิทธิ์เหล่านี้เป็นคน หินทิเบตก็คงเป็นฝาแฝดขององค์จตุคาม-รามเทพแน่ ๆ เพราะเป็นที่นิยมขึ้นมาในปีเดียวกันเป๊ะ (เอ๊ะ ปี 2549 นี่มันมีอะไรเป็นพิเศษนะ คนต้องการสิ่งศักดิ์สิทธิ์กันจริงจังมาก)
หินทิเบต (ชื่อก็บอกอยู่แล้ว) ว่าเป็นหินที่มาจากทิเบต แถมได้รับการปลุกเสกจากพระลามะ เป็นหินสีน้ำตาลทรงรี ๆ มีลวดลายสีขาวตรงกลางที่เขาว่ากันว่าเป็นดวงตา มีตั้งแต่ 1 ตา ช่วยเรื่องสติปัญญา การเรียน 2 ตา ช่วยเรื่องความรัก ไปจนถึง 3 ตา 4 ตา ไปจนถึง 21 ตาก็ว่ากันไป (ตาเยอะไปไหม)
horoscope.thaiza.com
เฉพาะปี 2549 หินทิเบตมียอดขายเพิ่มขึ้น 100% จนมีการคำนวณออกมาว่ามูลค่าการตลาดของหินทิเบตหนึ่งเดือนไม่ต่ำกว่า 300 ล้านบาท (ให้อ่านทวนอีกรอบ เดือนเดียวนะ 300 ล้านบาทเนี่ย!) เท่านั้นไม่พอยังมีการฟีทเจอริ่งกันระหว่างจตุคามฯกับหินทิเบต ด้วยการเอาหินทิเบตมาเป็นสร้อยไว้ห้อยจตุคามได้อีกด้วย (พากันส่งเสริมมูลค่าแก่กันและกันดีจริง ๆ)
แต่ไม่ว่าจะสร้างเงินหมุนเวียนขนาดไหนก็มีคนออกมาแซวกันว่า แหม่ ถ้าหินทิเบตช่วยให้คนเก่ง ฉลาด รวย สมหวังจริง คนทิเบตก็เก่ง ฉลาด รวย สมหวังกันทั้งประเทศแล้วสิก็เล่นอยู่ท่ามกลางหินพวกนี้เลยนี่นา (เออ จริงด้วย)
3.หินสีนำโชค (ปลายปี 2557 - 2558)
กำไลหินสารพัดสีแสนมุ้งมิ้งที่มีจุดเริ่มต้นจากดาราคนดัง ไม่ว่าจะเป็น เจนี่ เทียนโพธิ์สุวรรณ, เจนสุดา ปานโต, คริส หอวัง ไปยันอั้ม พัชราภา ถ่ายรูปคู่กับหินสีลงอินสตาแกรม (หูย พรีเซนเตอร์ดังเลยนะเนี่ย) ก่อนจะได้รับความนิยมขั้นสูงสุด เห็นกลาดเกลื่อนจนไม่รู้อันไหนปลอมอันไหนแท้กันเลยทีเดียว หินสีมีหลายเกรด หลายราคาตั้งแต่หลักร้อยไปจนถึงหลักพัน (ต้องมานั่งส่องกันไปอีกว่าอันไหนจริงอันไหนแท้)
หินสีนำโชค มีสรรพคุณความขลังรอบด้านตามสีและประเภทของหิน มีทั้งหินแห่งชัยชนะ หินสร้างทักษะพลังจิต หินรักษาความทรงจำ หินผ่อนคลายความเครียด (ถ้ามีทุกอันในครอบครอง มินิมอร์เชื่อว่าทุกคนในประเทศจะสามารถเป็นยอดมนุษย์ได้แน่ ๆ)
4.ตุ๊กตาลูกเทพ (กลางปี 2558 - ปัจจุบัน)
gossipstar.mthai.com
จากกระแสเงินสะพัดของพี่ ๆ สิ่งศักดิ์สิทธิ์ฮอตฮิตในรอบ 10 ปีที่ผ่านมา ถ้าตุ๊กตาลูกเทพจะฮิตถล่มทลายขึ้นมาบ้างก็ไม่ใช่เรื่องน่าแปลกใจเท่าไหร่ แต่การตลาดสิ่งศักดิ์สิทธิ์คราวนี้เปลี่ยนรูปแบบให้น่ารักน่ากอดมากขึ้น (หรอ?) เพื่อเจาะตลาดวัยรุ่นและสาว ๆ
gossipstar.mthai.com
ส่วนจุดเริ่มต้นก็ไม่ต่างจากเครื่องราง ของขลัง สิ่งศักดิ์สิทธิ์และเครื่องยึดเหนี่ยวจิตใจอื่น ๆ ที่มักจะเริ่มมาจากดาราชื่อดัง (จนเริ่มสงสัยแล้วว่านี่พี่ ๆ ดาราเขารับค่าจ้างมาโปรโททสินค้าหรือเปล่าเนี่ย) แต่ตุ๊กตาลูกเทพยิ่งดังเปรี้ยงปร้างและถุกพูดถึงมากกว่าอย่างอื่นขึ้นไปอีกเพราะเล่นอุ้มโชว์เรียกความสนใจจากคนทั่วไปได้ง่ายกว่าทั้งจตุคาม หินทิเบต หรือหินสี
askhanuman.co.th
ราคาก็ไม่น้อยหน้า เพราะมีตั้งแต่ 1,999 ถึง 30,000 บาท จุดขายสำคัญอีกอย่าง (นอกเหนือความศักดิ์สิทธิ์จุดขายหลัก) ก็เห็นจะเป็นการเลือกสีผิว ทำผม แต่งหน้า แต่งตัวได้ เอาเรื่องเครื่องราง (ที่ดูเหมือนจะเป็นของไม่ทันสมัย) มาทำให้ทันสมัยดึงดูดลูกค้าน่าดูเลย
prachachat.net
ถ้าสังเกตให้ดีเครื่องราง ของขลังเหล่านี้จะมีจังหวะฮิตได้แค่ช่วง 1 ปีเท่านั้น (ลูกเทพนี่ก็รอติดตามกันต่อไป) ไม่รู้เหมือนกันว่าหลังจากเลิกฮิตกันไปแล้วสิ่งเหล่านี้ไปอยู่ที่ไหนกันบ้าง
เงินที่ควักซื้อมาบูชา สิ่งศักดิ์สิทธิ์ได้ดลบันดาลให้รวยขึ้นบ้างหรือยัง แต่ที่แน่ ๆ สิ่งศักดิ์สิทธิ์ในฐานะสินค้าเหล่านี้กลับกลายเป็นสิ่งที่ทำให้เงินหมุนไปในตลาดได้อย่างไม่น่าเชื่อ (ก็ไม่รู้ว่าควรจะดีใจหรือเสียใจดีแฮะ)
แต่อย่างน้อย ๆ สิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่อาจจะโดนกล่าวหาว่างมงาย ก็พอทำให้เราเห็นแง่มุมในด้านอื่น ๆ ได้บ้าง แต่จะให้จับเป็นธุรกิจจริง ๆ จัง ๆ ก็ต้องมีสติกันนิดนึงเนอะ ฮิต ขลัง ศักดิ์สิทธิ์กันได้ไม่ถึงหนึ่งปีเลยเนี่ย ...
ที่มา: positioningmag.com, manager.co.th,prachachat.net,women.truelife.com