เราใช้คุ๊กกี้บนเว็บไซต์ของเรา กรุณาอ่านและยอมรับ นโยบายความเป็นส่วนตัว เพื่อใช้บริการเว็บไซต์ ไม่ยอมรับ
มาอ่านหนังสือกันเถอะ :)Aum Piyaratt
ทุกการสอนเป็นไปได้ :)

  • หนังสือเล่มบางขนาดกะทัดรัด จำนวน 200 หน้า ที่มีประโยคเล็ก ๆ บนหน้าปกว่า "30 เรื่องราว 100 ไอเดีย จากเพจ insKru ที่จะต่อเส้นเเห่งความเป็นไปได้ให้เกิดขึ้นในทุกห้องเรียน" 

    หากใครเป็นครู หรือ กำลังทำงานเกี่ยวกับด้านการศึกษา อาจจะเคยได้เห็น Facebook Page ที่มีชื่อว่า Inskru - พื้นที่เเบ่งปันไอเดียการสอน อยู่บ้าง เเต่ถ้าใครไม่เคย ให้รีบเข้าไปกดติดตามเอาไว้เลย เชื่อว่าคุณครูทุกคนเวลามีเรื่องราวเกี่ยวกับการสอนของตัวเองก็อยากเล่ากันทั้งนั้น ทางเพจจึงเปิดพื้นที่ให้คนเป็นครูเข้ามาเเชร์ไอเดียของตัวเองที่นำไปใช้กับห้องเรียนเเล้วเด็กมีความสุข เกิดการเรียนรู้อย่างมีประสิทธิภาพ ให้เพื่อนครูคนอื่นได้รับรู้ เเละ นำมาเเลกเปลี่ยนประสบการณ์กัน

    ภายในเล่มจะเเบ่งออกเป็น 4 ตอนหลัก คือ ความเป็นไปได้ระหว่างครูกับนักเรียน ความเป็นไปได้ของห้องเรียน ความเป็นไปได้ของการเป็นครู เเละ ความเป็นไปได้ของการมีความเป็นไปได้อยู่เสมอ

    ความเป็นไปได้ระหว่างครูกับนักเรียน เป็นตอนที่เราชอบมากที่สุด ถึงเเม้ตัวเราจะไม่ได้เป็นครูก็ตาม หากพูดถึงครูในสมัยเด็กของเราบางคนจะมีมาดโหด ดุ เข้ามาเเล้วก็สอนให้จบคาบไป ไม่ได้มีปฏิ-สัมพันธ์อะไรกับนักเรียนมากมาย เเต่ตอนนี้ได้เปิดมุมมองของเราเกี่ยวกับครูในเเบบที่เราเชื่อว่าเด็กทุกต้องการ ครูไม่ควรเป็นเเค่ผู้ถ่ายทอดความรู้ให้กับนักเรียนเพียงอย่างเดียว เเต่ ครูควรเป็นเพื่อนที่สามารถเข้าใจ เเละ รับฟังเวลาพวกเขามีปัญหา ครูควรเป็นเหมือนพี่-น้อง ที่สนับสนุนการเติบโตของอีกฝ่ายอย่างบริสุทธิ์ใจ ที่สำคัญเลย ครูควรเป็นพ่อ-เเม่คนที่สองที่ปล่อยให้พวกเขาได้มีโอกาสเเสดงความคิดเห็น สร้างความเชื่อมั่นว่าพวกเขาสามารถทำได้ในสิ่งที่ตัวเองต้องการ 

    เราเชื่อว่า ครูทุกคนหวังดีต่อเด็กนักเรียนของตัวเองกันทั้งนั้น อยากให้เค้าเป็นคนเก่ง สอบได้คะเเนนเยอะ ๆ เเต่ พอเขาทำไม่ได้ก็หาว่าเขาไม่ตั้งใจเรียน/เกเร บางครั้ง ถ้าคนเป็นครูยอมปล่อยวางบ้าง ลดอคติลง เเละ เข้าไปพูดคุยกับเขาอย่างจริงใจ ทำให้พวกเขารู้ว่าตัวเองมีคนเข้าใจ มีคนที่เห็นคุณค่า ไม่เเน่วันหนึ่ง เราอาจจะได้เห็นเด็กบ๊วยของห้อง หรือ เด็กเเสบของโรงเรียน กลายมาเป็นดาวจรัสเเสงที่เฉิดฉายในเส้นทางของพวกเขาเองก็เป็นได้นะ 

    เคยลองถามเด็ก ๆ มั้ยว่า ที่พวกเขาไม่ตั้งใจเรียน หรือ เเอบหลับในห้องเป็นเพราะอะไร เชื่อว่าครูหลายคนเคยประสบปัญหานี้ ถ้าลองเปลี่ยนจากคาบเรียนที่ครูออกเเบบการสอนคนเดียว มาเป็นคาบเรียนที่ทั้งครูเเละเด็กช่วยกันออกเเบบก็คงจะดีไม่น้อย เมื่อโลกทั้งสองใบของครูเเละเด็กมาพบกัน ความมหัศจรรย์ในห้องเรียนก็คงเกิดขึ้น

    ตอนที่เป็นครูอาสา เรากับเพื่อนใช้วิธีการสอบเเบบ Activity-based learning ในการสอนภาษาอังกฤษตลอด 10 สัปดาห์ เเทบจะไม่เคยมีโต๊ะเรียนที่วางเเบบเรียงเเถวหน้ากระดานเลย ถ้าไม่พาพวกเขาเล่นเกม ก็ชวนทำกิจกรรมเเสดงบทบาทสมมติ จากเด็กที่ไม่เคยชอบภาษาอังกฤษ กลายเป็นคนที่มีความสุขทุกครั้งที่มาเรียน วัฒนธรรมหนึ่งก่อนเริ่มคาบเรียน คือ เด็กจะต้องผ่านด่านทดสอบที่เป็นเนื้อหาความรู้ของคาบที่เเล้วถึงจะผ่านประตูเข้ามาเรียนได้ อีกอย่างหนึ่ง คือ กิจกรรม Reflection ท้ายคาบ
    ทำให้ พวกเราเหล่าครูอาสารู้ว่าเด็กชอบ หรือ ไม่ชอบอะไร ไม่เข้าใจตรงไหน เเละ ต้องการอะไร   
    [ Like/Dislike/Feel/Wish/Wonder ] หลังจากสอนเสร็จ เรากับเพื่อนที่สอนวิชาอื่นก็จะมานั่งล้อมวงกันเพื่อเล่าให้ฟังว่ามีความคิดเห็นอย่างไร เกิดอะไรขึ้นบ้าง เเละ เเก้ปัญหาอย่างไร

    **Professional Learning Community (PLC) คือ การที่ครูมาพูดคุย ปรึกษา เเบ่งปันไอเดีย เเละ ประสบการณ์ เพื่อพัฒนาซึ่งกันเเละกัน

    สุดท้าย อยากจะบอกว่า ไม่มีอะไรที่เป็นไปไม่ได้สำหรับคนเป็นครูหรอก ขอเพียงอย่ายอมเเพ้ จงมีไฟที่จะเปลี่ยนเเปลงการศึกษาให้ตอบโจทย์การเรียนรู้ของพวกเขาอยู่เสมอ เมื่อครูคนหนึ่ง เลิกกลัว เเละ เริ่มเปลี่ยนที่ห้องเรียนของตัวเอง อีกไม่นาน โรงเรียนของคุณก็จะเกิดความเปลี่ยนเเปลงไปในทางที่ดีขึ้นอย่างเเน่นอน :)

เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น

Log in