บทความต้นฉบับ: How Cameron Boyce’s Epilepsy May Have Caused His Death at 20
เขียนโดย: Denise Grady
จาก: สำนักข่าว The New York Times
เผยแพร่เมื่อวันที่: 10 กรกฎาคม 2562
ครอบครัวของดาราหนุ่มจาก Disney Channel แถลงแจ้งถึงอาการเจ็บป่วย ซึ่งนำไปสู่อาการชักจนถึงแก่ชีวิตของเขาเมื่อสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา ประชาชนชาวสหรัฐฯ มีสถิติเสียชีวิตเนื่องจากอาการที่เรียกกันว่า ความตายอย่างเฉียบพลันที่คาดการณ์ไม่ได้ (Sudden unexpected death) ที่พบในโรคลมชักราว 2,600 คนต่อปี
ครอบครัวของ Cameron Boyce นักแสดงวัย 20 ปี ผู้เสียชีวิตเมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมา เผยว่าเขาป่วยเป็นโรคลมชัก โดยมีอาการกำเริบจนชักและจากไปขณะหลับ
Boyce เคยรับทบาทในภาพยนตร์ ซีรีส์ และรายการในสังเกัด Disney Channel มากมาย อันรวมถึง Descendants (รวมพลทายาทตัวร้าย) และ Jessie
“การจากไปอย่างน่าสลดของ Cameron เป็นเพราะอาการชัก ซึ่งเป็นผลจากโรคประจำตัว นั่นก็คือโรคลมชัก” โฆษกประจำครอบครัว Boyce รายหนึ่งให้คำตอบแก่สำนักข่าว ABC เมื่อคืนวันอังคาร สำนักงานชันสูตรประจำเขตปกครอง Los Angeles ทำการชันสูตรพลิกศพแล้ว แต่ก็ประกาศว่าเจ้าหน้าที่ยังต้องรอผลการสำรวจทางการแพทย์เพิ่มเติมก่อน จึงจะแถลงสาเหตุการเสียชีวิตของดาราหนุ่มอย่างเป็นทางการได้
สาเหตุการเสียชีวิตที่เป็นไปได้ที่สุดของเขาก็คือ Sudep หรือ ความตายอย่างเฉียบพลันที่คาดการณ์ไม่ได้ในโรคลมชัก (Sudden unexpected death in epilepsy) นายแพทย์ Orrin Devinsky ผู้อำนวยการศูนย์โรคลมชัก NYU Langone ประจำเขตปกครอง Manhattan กล่าว อย่างไรก็ตาม เขาไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องในการดูแลบำบัดโรคให้กับ Boyce
ผู้ป่วยโรคลมชัก 1 ใน 1,000 คนจะเสียชีวิตด้วยอาการ Sudep ทุกปี และแม้ข้อมูลจะบ่งชี้ว่า ในสหรัฐฯ มีผู้เสียชีวิตเช่นนี้ราว 2,600 คนต่อปีก็ตาม นักประสาทวิทยาหลายคนก็ยังคาดว่าจำนวนผู้เคราะห์ร้ายที่แท้จริงมีมากกว่านั้น
“มันเกิดขึ้นได้กับทุกคนที่เป็นลมชัก” Devinsky กล่าว “อาการชักครั้งแรกอาจเป็นครั้งสุดท้ายสำหรับผู้ป่วยได้เช่นกัน ยิ่งควบคุมอาการไม่ได้มากเท่าไร ความรุนแรงมีมากขึ้นเท่าไร และยิ่งมีอาการกำเริบขณะหลับบ่อยขึ้นเท่าใด ความเสี่ยงก็ยิ่งมากขึ้นเท่านั้น”
นายแพทย์อธิบายเพิ่มว่า Sudep ราว 70% เกิดกับผู้ป่วยขณะหลับ และพวกเขามักถูกพบในสภาพนอนคว่ำหน้ากับเตียง โดยมาก พวกเขายังมักจะนอนแยกห้องตามลำพังอีกด้วย สาเหตุการตายเกิดจากผู้ป่วยหยุดหายใจ โดยอาการชักที่รุนแรงมากสามารถหยุดการทำงานของสมองหลายส่วน รวมถึงส่วนที่ควบคุมการหายใจด้วย
“หากผู้ป่วยมีอาการชักขณะหลับ ซ้ำยังพลิกร่างคว่ำหน้าจากการเคลื่อนไหวขณะชักแล้ว พวกเขาก็จะตกอยู่ในสถานการณ์ที่ย่ำแย่อย่างซ้ำซ้อนทันที” เขากล่าว และเสริมว่า อาการชักยังทำให้ปฏิกิริยาตื่นรู้ (Arousal Reflex) ของร่างกายแย่ลง ซึ่งทำให้ผู้ป่วยหายใจและเขยื้อนตัวลำบากเมื่อทางเดินหายใจของพวกเขาถูกปิดกั้น
หากมีใครสักคนมาพบและช่วยจัดท่าให้นอนหงายและเรียกสติผู้ป่วยให้รู้สึกตัว “ก็อาจจะสามารถช่วยชีวิตผู้ป่วยได้” Devinsky กล่าว
ผู้อ่านสามารถหาข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับโรคลมชัก และการปฐมพยาบาลผู้ป่วยลมชักได้ ที่เว็บไซต์ของมูลนิธิโรคลมชัก (Epilepsy Foundation)
แพทย์จำนวนมากไม่เคยให้คำแนะนำผู้ป่วยและญาติเรื่องภาวะ Sudep โดยส่วนมากมักให้เหตุผลว่า หากเราไม่สมารถคาดเดาหรือหยุดยั้งภาวะนี้ได้ การเตือนให้ระวังจะช่วยอย่างไรได้?
Devinsky ชี้ว่า เราไม่อาจขจัดภาวะ Sudep ไม่ได้ แต่ตัวผู้ป่วยเองและญาติลดความเสี่ยงในการเกิดภาวะนี้ได้บ้าง หนึ่งในแนวปฏิบัตินั้นก็คือ การรับประทานยาควบคุมอาการชักของตนอย่างเคร่งครัด
“หากคุณลืมทานยาแม้แต่ครั้งเดียว คุณอาจเสียชีวิตได้” เขากล่าว
การพักผ่อนที่ไม่เพียงพอ และการดื่มแอลกอฮอล์ปริมาณมากอาจมีผลให้อาการชักกำเริบเช่นกัน
การใช้เครื่องมือดักจับอาการกำเริบของผู้ป่วยลมชัก ที่มาในรูปแบบสวมใส่ที่ข้อมือ หรืออุปกรณ์สำหรับสอดวางใต้ฟูกเตียง ก็ช่วยเตือนญาติหรือสมาชิกในบ้านให้เฝ้าระวังและช่วยเหลือผู้ป่วยอย่างทันเวลาได้มากขึ้น ทว่าการระวังภัยจากภาวะ Sudep อาจช่วยผู้ป่วยที่อาศัยตามลำพังไม่ได้ เนื่องจากยังไม่มีการศึกษาสำรวจใดที่พิสูจน์ได้ ว่าการตั้งเสียงปลุกให้ดังมากในห้องนอนจะช่วยให้ผู้ป่วยที่กำลังชักได้สติหรือไม่
“ข้อบกพร่องประการใหญ่ในระบบสาธารณสุขของอเมริกาในขณะนี้ ก็คือการที่แพทย์ไม่ให้ความรู้เรื่อง Sudep กับผู้ป่วย” Devinsky กล่าว “ญาติโดยมากมักจะไม่ทราบมาก่อน ว่าผู้ป่วยมีความเสี่ยงประการนี้อยู่ ซึ่งเราไม่ควรปล่อยให้เป็นเช่นนี้ ผู้ป่วยโรคลมชักควรมีสิทธิที่จะได้รับข้อมูลและคำปรึกษาเกี่ยวกับภาวะนี้ทุกคน”
เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น
Log in