เราใช้คุ๊กกี้บนเว็บไซต์ของเรา กรุณาอ่านและยอมรับ นโยบายความเป็นส่วนตัว เพื่อใช้บริการเว็บไซต์ ไม่ยอมรับ
คุณเชื่อในรักแรกพบไหม ?stfellove
เรื่องราวของฉันกับวันยุ่งๆในต่างเเดน
  •     นี้เล่ามาถึงไหนเเล้วนะ .......
           นั้นเเละ ฉันใช้เวลาตลอดสิบวันกับประเทศเล็กๆนี้ ที่คนมีระเบียบเเละเคารพกฏหมาย ขนาดเจอคนขับรถบนถนนเเต่อยากสูบบุหรี่ก็ห้ามเปิดกระจกให้สูบในรถ เมื่อฉันมองเข้าไปในกระจนก็จะเห็นควันโขมงยุ่งเหยิงไปหมด จนฉันนึกในใจว่า เขาสูบบุหรี่หรือเขาเผาอะไรกันเเน่ 

         ใช้เวลาเกือบสองวันเพื่อเครียเอกสารเเละเก็บของเพื่อกลับไปอยู่ที่ไทย ในขณะนั้นก็ได้เลือกชิ้นของบางอย่างเพื่อทิ้งเเละเลือกของบางอย่างเพื่อเก็บ 
        ยังช่างใจอยู่นานกับตุ๊กตาบางตัว 
         'มันเน่าเเล้วนะ'    
         'เเต่ ก็อยากเก็บไว้อ่ะ'
         'เห้ยนี้หาตั้งนาน จนซื้อใหม่ไปเเล้วเนี่ย'
         'โอโห้ลืมไปเลยว่าเคยมีเนี่ยไปอยู่ไหนมา'

       เก็บของไปก็บ่นตัวเองไปเเละก็นั่งเล่นของเล่นนั้นจนเสียเวลากับการพินิจพิเคราะห์ของเล่นมากกว่าเก็บของเสียอีก

        เเต่ก็ถึงชิ้นนี้ เป็นกระปุกยา สีฟ้าเป็นกระปุกพับครึ่งที่สามารถเก็บได้สิบสองช่องสองฝั่งปิดได้สองชั้นกันลมเช้าอย่างดีพร้อมโพสอิทเเปะข้างบนเกาะ
       

          ดูแลตัวเองด้วยนะ♡ 

        อืม... มันก็นานเเล้วนะทำไมเราไม่คิดจะลืมมันหรือทิ้งมันสักทีละ ทำให้หยุดมองกล่องยานี้อยู่นานนานจนทำให้ ความคิดเราหลุดไป หลุดไป เรื่อยย...

      ย้อนไปตอน อายุ16ปี
            ตอนนั้นเป็นการย้ายมาอยู่โรงเรียนประจำที่ต้องนอนร่วมกับเพื่อนหลายๆคน ในโรงเรียนซึ่งเราด้วยความที่เป็นเด็กใหม่ก็ยังไม่คุ้นเคยอะไร ก็จับกลุ่มกับเพื่อนไว้ เเละในเวลานั้น เรามีเเฟนอยู่เเล้วเเต่ด้วยระยะทางที่ห่างกันเกือบ 699.4 ตารางกิโลเมตร เเละเวลาที่ห่างเหินกันไปทำให้เรานั้น ได้หายไปจากชีวิตเเฟนของเรา เเละทำให้เราไปชอบเพื่อนคนนึง ที่คืนนั้นเขาถือหมอนเเละมาขอนอนกับเราเพียงเพราะว่าเพื่อนที่นอนข้างๆเขาเก็บเตียงช้า ดูเป็นพรหมลิขิตป่ะ..... ไม่ใช่เลย เรานอนคุยกันหลายๆเรื่อง นอนคุยกันไปจนเกือบจะเป็นการนอนคุยกันทุกเรื่อง นอนคุยกันจนเตียงข้างๆบ่น ให้เงียบหน่อย ตื่นเช้ามาก็อยู่ด้วยกัน เปลี่ยนวันเเละคืน เปลี่ยนจาก1วันเป็น1เดือน จนวันนึง เราตัดสินใจขอเขาคบ ไม่รู้ตอนนั้นคิดไรเหมือนกันนะ

      23.35น. ในเตียง

        เพื่อนข้างเตียง  : นี้เเกเป็นเเบบนี้กับทุกคนป่ะ

        เรา : ก็ไม่นะ ถามทำไมอ่อ

        เพื่อนข้างเตียง : ป่าว เเกก็เป็นเเบบนี้กับทุกคนอ่ะ

        เรา : เป็นอะไรก็บอกดิ่ เห้ย บอกดิ่

        สุดท้ายเเล้วเราก็ตัดสินใจพูดไปว่า 

        เรา : เป็นเเฟนกันไหม .....

        เพื่อนข้างเตียงไม่ตอบอะไรเเละจากเเสงไฟที่สลัวๆเเละทุกคนในห้อนั้นก็หลับหมดเเล้ว ทำให้เราสามารถเห็นเพียงเงาของใบหน้าเขาที่ตอบรับของเราโดยการโยกหัวขึ้นลง ในเวลานั้นทำให้เราดีใจจนเหลือเชื่อเหมือนกันนะ คิดเเล้วก็เเปลกเนาะ 

     เเต่เเล้วเราก็คบกันเป็นเเฟนทำให้เราได้ spend time with her จนไม่สามารถปฏิเสธไม่ได้เลยว่าไม่คิดถึงเวลาที่ต้องห่างกัน รักกันมากจนไม่สามารถมีไรมาทำให้เราเเยกจากกันได้ เเต่นั้นก็เเค่ข้อดีของเรื่องรักครั้งนี้ มันก็ต้องมีข้อเสียปะปนกันไปเป็นปกติ ใครจะเชื่อละคนที่ดูรักกันมากจนคนอื่นอิจฉา จะกลายเป็นคนที่ปัจจุบันเกลียดกันจนไม่กล้ามองหน้า เราทั้งคู่มีความเข้ากันไม่ได้หลายอย่างเลยที่เดียว
    •        เขาสนใจตัวเองเเละไม่สนใจใคร
    •        เขาเลือกที่จะหาความสุขให้ตัวเองก่อน
    •        เขาชอบกินอาหารเกาหลีเเต่เราไม่
    •        เขาชอบไม่ให้จับมือเเต่เราชอบ
             เเต่ก็ไม่ได้เเปลวาสิ่งที่เขาไม่ชอบเเล้วเราจะไปห้ามเขา สิ่งที่เขาชอบเราก็ทำด้วยนะทั้งกินอาหารเกาหลี หัดฟังเพลงเกาหลีจากที่ไม่เคยฟัง 

      จริงๆมีอีกเยอะเเต่ไม่เคยสนใจเรื่องพวกนี้เพราะคิดเสมอว่าคนเราจะเข้ากันได้ไม่จำเป็นต้องเหมือนกันทุกอย่างเพราะ จิ๊กซอร์ทุกเเผ่นที่สามารถต่อติดกันได้ก็ไม่ได้มีหน้าตาเหมือนกันเเต่มีเพียงชิ้นส่วนที่สามารถเข้ากันได้มากกว่า เเต่จริงๆเเล้วก็คิดอย่างงั้นมาร่วมเจ็ดเดือน จนรู้เเล้วว่าตอนนั้นเรารักเขามากรักเขามากพอพร้อมที่จะเอาอะไรมาเเลกทุกอย่างเพื่อให้มีเขา เเต่ตอนนั้นเขาก็เด็ดขาดว่า เขาก็ยอมเเลกทุกอย่างเพื่อให้เราออกไปจากชีวิต ตอนนั้นนอนตายอยู่ในห้อง ทำอะไรไม่ได้นอนร้องไห้ตลอด กินไม่ได้ นอนไม่ได้ ไม่สามารถตื่นมาเป็นคนปกติได้ จนเข้าโรงพยาบาลเเล้วน้ำหนักหายไปเกือบสิบโล เห้อ นึกถึงเรื่องนี้ตอนนี้ยังใจสั่นอยู่เลยอ่ะ การอกหักครั้งนี้เเย่กว่าครั้งเก่า เเต่การอกหักครั้งนี้ทำให้รู้ว่า เราเป็นโรคซึมเศร้า.... เเละสุดท้ายเเล้วมันก็คือการเปิดเผยข้อบกพร่องของตัวเองข้อหนึ่งออกมาเเล้วนะ ใครจะรู้คนที่เก่งเเละเข้มเเข๊งอยู่ตลอด จะกลายเป็นโรคซึมเศร้าได้ ประหลาดใจอยู่เหมือนกัน
         
          หลังจากที่สมองเราหลุดไปในโลกเเห่งความทรงจำมานานพอจนพี่ใหญ่เปิดประตูเข้ามาเเละเรียกให้ไปกินข้าวเราก็สะดุ้ง เเละเช็ดน้ำตาที่มันไหลจนมาถึงข้างเเก้มเเละเก็บกล่องยาอันนั้นใส่กล่องไป รู้ไหมทำไมถึงอยากเก็บไว้ เพราะตลอดระยะเวลาที่คบกันมาเธอคนนี้ ไม่เคยให้อะไรเลยนอกจาก กล่องยา พร้อมโพสอิทเเปะน่ารักๆ นี้ก็คงเป็นของที่เราชอบเก็บไว้ อาจจะบอกว่าเราไม่ลืมเเฟนเก่าก็ได้นะเเต่ เราก็ไม่เคยลืมใคร เพราะ 

    เราเลือกจะเก็บทุกคนในเรื่องดีๆไว้ในความทรงจำเราตลอดกาลเเทน

  •     พอไปถึงมื้อเย็นที่เราลงไปกินพร้อมพี่ใหญ่ เราก็เลยนึกขึ้นได้ว่าเราฝากคุณตุ๊กจัดการเรื่องรักเเรกพบเราไว้เลยกำลังจะโทรหาคุณตุ๊ก เเต่พี่ถามว่าโทรทำไม เราเลยบอกไปว่าเเล้วจะบอก
         คุณตุ๊ก : จัดการให้เเล้วค่ะ เเจกันดอกไม้ตามสีเเละควอทตามที่เขียนให้
         เรา : ดีมาก เเละเขาว่าไงบ้างอ่ะ
         คุณตุ๊ก :อิฉันก็ทำงานจะให้ไปดูฟีดเเบ๊กก็ไม่ใช่นะ

      พอวางสายไปเราก็เล่าให้พี่ใหญ่ฟังเเละสิ่งเขาทำอย่างเเรกคือขำ เเละบอกว่าเาาเริ่มตกหลุมรักใครเป็นเเล้วหรออะไรเเบบนี้เราเลยรู้สึกหงุดหงิดนิดหน่อยเเละทำหน้างอนๆ เเละพี่เขาก็ถามมาว่า
        พี่ใหญ่ : ไม่รู้จักชื่อรู้จักอะไรเลยเเล้วเข้าไปจีบเขาไม่กลัวเขากลัวหรอ
        เรา : ก็เพราะว่าเราคิดว่า  'เราไม่จำเป็นต้องปล่อยให้เวลาไหลๆเรื่อยเเล้วไม่ทำอะไร เราควรลุกขึ้นไปหามันเเทนที่จะรอมันมาหาเรา'
        พี่ใหญ่ : จ๊ะไอ่พ่อนักรัก   

        ซึ่งหลังจากกินข้าวเย็นมื้อนั้นทุกคนต่างเเต่งตัวเเยกย้ายไป เข้านอนกัน ในขณะที่ฉันก็ยังคงเก็บของเเละเล่นกับของที่เก็บได้อย่างสนุกสนาน 
                                                                                                                                          

       อยากให้ข้อมูลเกี่ยวกับโรคซึมเศร้า 

          “ฉันแค่เศร้า หรือ เป็นโรคซึมเศร้า”

         อารมณ์เศร้านั้นเป็นอารมณ์พื้นฐานของทุกๆ คนอยู่แล้ว เราเชื่อว่าทุกคนเกิดมาต้องเคยเศร้า เคยเสียใจ  ส่วนใหญ่อารมณ์เศร้ามักเกิดตามหลังการสูญเสีย หรือเมื่อบุคคลนั้นต้องเผชิญปัญหาอุปสรรคต่างๆ แล้วหาทางแก้ไขไม่ได้ ในคนปกตินั้นอารมณ์เศร้าจะเป็นอยู่ไม่นาน จะค่อยๆ ดีขึ้นเองและในที่สุดก็ปรับตัวได้ ทำใจได้ หลายคนสามารถพลิกวิกฤติเป็นโอกาส กลับมาฮึดสู้แก้ไขในสิ่งที่ทำให้เศร้าได้สำเร็จ
        ส่วน “โรคซึมเศร้า” นั้นจะมีลักษณะที่ชัดเจน และเป็นยาวนานกว่า คือ จะมีอารมณ์เศร้าหรืออารมณ์หงุดหงิดที่เป็นมากและเป็นอยู่เกือบตลอดทั้งวันติดต่อกันเป็นเวลาอย่างน้อย 2 สัปดาห์ อาการไม่มีแนวโน้มที่จะดีขึ้นเอง ทำให้บกพร่องในเรื่องการคิด การตัดสินใจ ไม่สามารถทำหน้าที่การงานหรือการเรียนได้เหมาะสมดังเดิม  บ่อยครั้งคนที่เป็นโรคซึมเศร้ามักจะไม่มีความสนใจในสิ่งต่างๆ รอบตัว เรียกง่ายๆ ว่า “ไม่อยากทำอะไรทั้งนั้น” “เบื่อหน่ายไปหมด” รวมทั้งมีอาการต่างๆ เหล่านี้ตามมาด้วย 
     ความคิดเชิงลบแบบตำหนิตัวเองและความคิดย้ำๆ ซ้ำๆ เกี่ยวกับการฆ่าตัวตายนี้เป็นอาการของโรคซึมเศร้าเรื่องนี้เป็นเรื่องที่สำคัญมาก 

     “คนส่วนใหญ่ที่มีอาการซึมเศร้านั้นมักจะไม่รู้อาการตัวเอง หรือถึงรู้ก็ไม่มีเรี่ยวแรงมากพอที่จะเดินไปหาตัวช่วย” 

    ดังนั้น หากคนใกล้ชิดและครอบครัวสังเกตได้ว่าคนที่เรารักมีท่าทีเศร้าๆ หรือเปลี่ยนไปจากเดิม ก็ควรแสดงท่าทีเข้าใจ ให้กำลังใจและช่วยเหลือให้ได้รับการรักษาที่ถูกวิธี ก็จะทำให้ความคิดหรืออาการต่างๆ เหล่านี้ดีขึ้นได้
     
          “ทำไมถึงเป็นโรคซึมเศร้า”
              จากการศึกษาวิจัยในปัจจุบันพบว่า “โรคซึมเศร้า” นั้นสัมพันธ์กับระดับของสารเคมีในสมองที่ควบคุมเรื่องอารมณ์เศร้าเสียสมดุลไป โดยเฉพาะสารสื่อประสาทที่ชื่อ “เซโรโทนิน” (serotonin) และ “นอร์เอพิเนฟริน” (norepinephrine) ดังนั้นเมื่อแพทย์ให้ยาไปปรับระดับสารเคมีในสมองจึงทำให้อาการซึมเศร้าดีขึ้นได้
    “ถ้าฉันเป็นโรคซึมเศร้าแล้วจะต้องทำอย่างไร”
          
         อันดับแรก คือ ต้องปรับทัศนคติของตัวเองก่อนว่า “โรคซึมเศร้า” ก็เป็นเหมือนโรคอื่นทั่วๆ ไป เช่น โรคเบาหวาน โรคความดันโลหิตสูง เป็นสิ่งที่อาจเกิดขึ้นได้กับทุกคนและไม่ใช่เรื่องน่าอายที่จะพูดคุยเรื่องนี้กับคนใกล้ชิดหรือคนที่ไว้ใจ (ในประเทศไทยพบผู้ป่วยโรคซึมเศร้าประมาณร้อยละ 5)
               ยิ่งถ้าหากมีอาการมากๆ เช่น มีความคิดเรื่องฆ่าตัวตาย หรือบกพร่องในหน้าที่การงานที่รับผิดชอบ ก็ควรรีบหาช่องทางรักษาดูแลใจของตัวเองเสียแต่เนิ่นๆ  เช่น ควรปรึกษาผู้เชี่ยวชาญในด้านนี้โดยเฉพาะ นั่นก็คือ จิตแพทย์ นักจิตวิทยา เป็นต้น
    1. การักษาด้วยยา เป็นการให้ยาเพื่อไปปรับสารเคมีในสมองที่คุมอารมณ์เศร้าให้กลับสู่ภาวะสมดุล
    2. การรักษาทางจิตใจ เป็นการรักษาที่เน้นพูดคุย เพื่อให้ผู้ป่วยได้เข้าใจตนเองและปรับทัศนคติ ปรับวิธีการมองตัวเองและฝึกทักษะต่างๆ ที่จะช่วยให้เอาชนะอาการซึมเศร้าที่เป็นอยู่
    3. การทำกิจกรรม/พฤติกรรมบำบัด

        แนวทางการรักษาผู้ป่วยโรคซึมเศร้านั้นขึ้นอยู่กับประเภทและระดับความรุนแรงของโรค ส่วนใหญ่แล้วการรักษาแบบควบคู่ไปด้วยกันระหว่างการกินยา การรักษาทางจิตใจและการทำกิจกรรม/พฤติกรรมบำบัด จะให้ผลการรักษาที่ดีที่สุด  แต่อย่างไรก็ตามหากผู้ป่วยได้รับความรัก ความเข้าใจจากบุคคลรอบข้างด้วยแล้วก็จะยิ่งเป็นตัวสนับสนุนที่สำคัญที่จะทำให้หายจากโรคซึมเศร้าได้ในที่สุด
    อ้างอิง http://www.thaifamilylink.net/web/node/108

เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น

Log in