เราใช้คุ๊กกี้บนเว็บไซต์ของเรา กรุณาอ่านและยอมรับ นโยบายความเป็นส่วนตัว เพื่อใช้บริการเว็บไซต์ ไม่ยอมรับ
เอาตัวรอดใน app jp lingsomusomu
08 : ทำไมไอดอลเกาหลีพูดญี่ปุ่นเก่ง?
  • 皆さん、こんにちは!
    สวัสดีค่ะ ทุกคน !

    วันนี้ เราก็ยังอยู่ในหัวข้อเรื่อง 特徴 หรือว่า ลักษณะ ของภาษาญี่ปุ่น กันเหมือนเดิมนะคะ!
    แต่! เรามาพร้อมกับคำถามใหม่ค่ะ! 
    เป็นคำถามที่ทุกคนอาจจะเคยสงสัย(แบบเรา?)

    ว่า...ทำไมไอดอลเกาหลีถึงพูดญี่ปุ่นได้คล่องปรื้ดปร้าดขนาดนั้นกันนะ?-? 

    *แต่ก่อนจะเริ่ม ขอให้ทุกคนเคลียร์หัวให้โล่ง ๆ กันก่อนนะคะ 
    เพราะเรื่องที่เราจะพูดอาจจะมีคำเฉพาะอยู่บ้าง*

    ถ้าทุกคนจินตนาการไม่ออกว่าคล่องขนาดไหน ก็คล่องพอที่จะดำเนินรายการคนเดียวโดยไม่ที mc ได้เลยล่ะค่ะ! ตอนเราเห็นคลิปด้านล่างนี้ ไวยากรณ์อาจจะไม่ได้เป๊ะมาก แต่เราก็รู้สึกว่า โห...คล่องจัง คล่องมากกกจนอิจฉาเลยค่ะ แง?


    แล้วปัจจัยที่ทำให้คนเกาหลี พูดหรือเรียนรู้ภาษาญี่ปุ่นได้เร็วขนาดนี้ มันมาจากปัจจัยอะไรกันบ้างนะ?

    ทุกคนอาจจะเคยได้ยินว่า ไวยากรณ์ญี่ปุ่นกับเกาหลีคล้าย ๆ  กันเลย
    ใช่ค่ะ! นั่นก็คือเหตุผลหลัก ๆ 
    แต่ในโพสต์นี้ เราจะมาดูกันว่า ไอที่ว่าเหมือนเนี่ย ตรงไหน??

    โดยคำหลัก ๆ ที่จะมาอธิบายเรื่องนี้ได้มีอยู่ 2 คำที่เราควรจะรู้ค่ะ

    คำแรกเลยก็คือ
    GNMCC
    (General Noun Modifying Clause Construction)

    Matsumoto, Comrie and Sells (2017)
    กลุ่มภาษาที่มีโครงสร้างแบบหลวม ๆ
    เป็นกลุ่มภาษาที่เชื่อมกันทางความหมายมากกว่าโครงสร้าง
    เช่น ภาษาไทย ภาษาเกาหลี ภาษาจีน เป็นต้น

    คำที่สองก็คือ 
    修飾節の位置 
    หรือก็คือ ตำแหน่งที่วางคำขยายในแต่ละภาษา
    ซึ่งจะแบ่งเป็น

    1) 前置型 
    ภาษาที่คำขยายวางข้างหน้า 
    เช่น ภาษาญี่ปุ่น 美味しい料理
    ภาษาเกาหลี 맛있는 음식

    2) 後置型
    ภาษาที่คำขยายวางข้างหลัง
    เช่น ภาษาไทย ภาษาอังกฤษ เป็นต้น

    พอเรารู้จักคำพวกนี้กันแล้ว ต่อมาเราก็จะมาดูตารางด้านล่างนี้กันต่อเลยค่ะ

    ถ้าเทียบจากตารางแล้ว จะเห็นได้ว่า ภาษาญี่ปุ่นและภาษาเกาหลี ทั้งเป็น 前置型 (ภาษาทีี่คำขยายอยู่ด้านหน้า) และยังเป็น GNMCC เหมือนกันอีกด้วยค่ะ ดังนั้นจึงไม่ใช่เรื่องแปลก และก็เป็นเรื่องจริงที่ชาวเกาหลีสามารถเรียนรู้ภาษาญี่ปุ่นได้เร็วมากๆๆๆนั่นเองค่ะ

    แล้วภาษาไทยล่ะ?! เราเรียนกันมาตั้งนาน ทำไม๊ทำไมถึงช้าขนาดนี้เนี่ย!

    เรามาลอง จัดอันดับคนที่สามารถเรียนภาษาญี่ปุ่นได้เร็ว กันค่ะ

    韓国語 > トルコ語 > 英語 > タイ語
    前置型   前置型   後置型   後置型
    GNMCC   関係節   関係節   GNMCC

    ใช่ค่ะ ภาษาไทยได้ที่โหล่เลยค่ะ?

    แต่เพื่อน ๆ สังเกตเห็นอะไรไหมคะ ว่าจริง ๆ แล้วตัวที่กำหนดว่าเราจะเรียนรู้ได้เร็วหรือไม่นั้น 
    คือตำแหน่งของคำขยายมากกว่า การเป็น GNMCC ค่ะ ดังนั้น ภาษาตุรกีที่ถึงแม้จะไม่ได้เป็น GNMCC แต่มีลักษณะของ 前置型 ก็สามารถมาแรงแซงทางโค้งภาษาอื่น ๆ ที่เป็น 後置型 ได้นั่นเองค่ะ

    ดังนั้น จึงไม่ใช่เรื่องแปลกที่ทำไมไอดอลหรือคนเกาหลีถึงเรียนรู้ภาษาญี่ปุ่นได้เร็ว
    แต่คนไทยอย่างเรา ๆ อาจจะก้าวได้ช้ากว่าเขาไปสักหน่อยค่ะ แหะๆ?
    ไม่ใช่เราไม่พยายาม แต่ปัจจัยทางภาษามันไม่ค่อยเอื้อนั่นเองค่ะ T^T

    พอรู้อย่างงีแล้วก็แอบน้อยใจนะคะ 
    แบบว่า ทำไมเราถึงเลือกเรียนภาษาที่ต่างกับภาษาแม่เราขนาดนี้5555555555
    แต่พอมาคิด ๆ ดูอีกที ถ้าเราอยากเรียนภาษาเกาหลีเพิ่ม เราก็จะเรียนได้เร็วมากๆๆ เช่นกันนั่นเองค่ะ (ปลอบใจตัวเองแล้วก้มหน้าเรียนต่อ??)

    -somusomu-

เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น

Log in
iroha (@iroha)
สรุปได้เข้าใจง่ายและน่าสนใจมากเลยค่ะ การเรียนภาษาญี่ปุ่นสำหรับคนเกาหลีค่อนข้างง่ายเลยค่ะ ไม่ว่าจะเป็นการเรียงประโยค หรือคำศัพท์ที่มีความคล้ายกันหลายคำ
Parn Sasisajja (@fb7335685206504)
อ่านเข้าใจง่ายมากเลยค่ะ
เห็นด้วยกับพารากราฟสุดท้ายด้วยค่ะ55555
บางทีก็งงว่าทำไมเราเลือกเรียนภาษายากขนาดนี้นะะ
oriental_tomato (@oriental_tomato)
เขียนได้กระชับมากค่ะ ถึงจะมีคำศัพท์เฉพาะแต่ก็อธิบายได้เข้าใจง่ายและชัดเจนมากค่ะ
k.l.k (@k.l.k)
GNMCC (General Noun Modifying Clause Construction) เป็นโครงสร้างที่เชื่อมหลวม ๆ กรณีนามวลีค่า สรุปได้ดีมากค่ะ
padumpalm (@padumpalm)
สรุปได้ดีและน่าสนใจมากๆเลยค่ะ รูปแบบการเรียงภาษาของญี่ปุ่นกับเกาหลีนี่ถือเป็นอะไรที่ unique กว่าภาษาอื่นจริงๆค่ะ พอเห็นอย่างงี้แล้วรู้สึกแอบอิจฉาคนเกาหลีจังค่ะ TT การออกเสียงก็ทำได้ง่าย คำศัพท์ก็คล้าย แถมรูปประโยคยังคล้ายกันอีก แต่คิดในอีกแง่มุมนึงเราเองก็เรียนภาษาอื่นๆ เช่นภาษาอังกฤษได้ง่ายกว่าเขานะคะ แถมเรายังได้เปรียบเรื่องการออกเสียงอีกด้วย ไม่ต้องเสียใจไปนะคะ!