เราใช้คุ๊กกี้บนเว็บไซต์ของเรา กรุณาอ่านและยอมรับ นโยบายความเป็นส่วนตัว เพื่อใช้บริการเว็บไซต์ ไม่ยอมรับ
Europe First TimeKanSiri
ลูเซิร์น กับรถไฟสายวิบาก
  •             เมื่อมาถึงลูเซิร์นผมเร่งฝีเท้าตรงดิ่งไปยังโฮสเทลโดยที่ไม่ได้แลกเงินฟรังก์สวิสไว้เพิ่มเลย เพราะคิดว่าน่าจะมีตู้เอทีเอ็มแถวๆโรงแรม สุดท้ายแล้ว ผมก็คิดผิดจนได้ ไม่มีตู้เอทีเอ็มแถวนี้เลยซักตู้ รู้งี้แลกตั้งแต่สถานีรถไฟก็สิ้นเรื่องไปล่ะ การตัดเงินผ่านบัญชีโดยบัตรเดบิตก็ดันใช้ไม่ได้อีก ซวยจริงๆ


                สรุปผมต้องเดินกลับไปแลกเงินที่สถานีแล้วเดินย้อนกลับมาที่โฮสเทล ชีวิตที่อยากจะพักผ่อนดันต้องมาเจอเรื่องเซ็งๆแบบนี้ซะได้ ผมจัดการเก็บของและเดินออกมาหาของกินแถวๆโฮสเทล แต่พูดก็พูดเถอะ เหนื่อยขนาดไหนแต่พอได้มาสัมผัสบรรยากาศต่างประเทศแบบนี้แล้วมันอดไม่ได้จริงๆที่อยากจะลองเดินเล่นดูซักพัก แต่คราวนี้จะดีกว่าก็ตรงที่ผมไม่ได้ใส่ใจเลยว่าตามทางจะนำพาผมไปที่ที่ไหน ผมไม่สนใจด้วยซ้ำว่าที่ลูเซิร์นมีอะไรให้เที่ยวบ้าง ทุกอย่างเป็นไปได้สวย อากาศเย็นๆ คนพลุกพล่านประมาณนึงแต่ไม่หนาแน่ ดนตรีจากคณะเปิดหมวก สร้างความสุขให้จนรู้สึกว่า เวลาที่เราไม่ต้องไปกังวลกับเรื่องต่างๆมันก็ดีเนอะ


                คืออย่างงี้นะทุกๆที่ ที่ผมไปเที่ยวที่ผ่านมา นอกจากเรื่องที่พัก การเดินทางแล้วสิ่งที่ผมจะต้องวางแผนเพิ่มก็คือ สถานที่ที่ต้องไปเยือน ทุกครั้งเวลานั่งรถไฟระยะไกลระหว่างเมืองสิ่งที่ผมต้องทำนอกจากการแอบงีบแล้วก็คือ ผมต้องจองที่พักและลิสท์รายชื่อสถานที่ท่องเที่ยวพร้อมกำหนดเวลาคร่าวๆว่าจะต้องใช้เวลาเท่าไหร่ยังไง บลาๆ หากการเดินทาง 4-6 ชั่วโมงบนรถไฟเป็นเรื่องน่าเบื่อ ลองเที่ยวแบบไม่หยุดดู เวลาบนรถไฟนี่สั้นไปเลย เพราะเวลาที่น้อยนิดเงินที่ต้องใช้อย่างคุ้มค่า และหากมีเมืองที่ไปหลายเมือง โดยเฉพาะอย่างยิ่ง “เที่ยวคนเดียว” นั่นคือ ผมต้องคิดทุกอย่างเอง แต่จะว่าไปมันสนุกกว่านั่งทำงานที่ทำงานอีกนะ ฮ่าๆ แต่การเที่ยวแบบไม่ต้องแพลนสิคือการพักผ่อนที่แท้จริง

                ทุกอย่างดูท่าจะเรียบร้อยขึ้นแต่อย่างที่บอกที่นี่สวิส อาหารจะราคาเท่าไหร่ก็ได้ แล้วสิ่งที่ต้องเจอคืออาหารราคา 12 ยูโรเป็นขั้นต่ำ วิธีการแก้ปัญหาที่ดีที่สุดคือ...ซุปเปอร์มาร์เก็ต ที่ซุปเปอร์ผมจะได้อาหาร 2 มื้อในราคา 12 ยูโรเท่ากันเป๊ะๆ แถมยังกินอิ่มมากด้วย

                "การพักผ่อนที่ลูเซิร์นเป็นความพิเศษที่ไม่ได้มีอะไรเป็นพิเศษ" ทุกอย่างมันใกล้จะมาถึงตอนจบแล้ว ผมอาบน้ำเตรียมตัวนอนมีโอกาสเจอเพื่อนร่วมห้อง แต่ก็ไม่ได้คุยอะไรมากมาย ผมนอนคิดถึงเรื่องที่เกิดขึ้นและผลอยหลับไปในที่สุด
  •             รุ่งเช้าที่ลูเซิร์น ผมเตรียมตัวอย่างช้าๆ ไม่มีความรีบร้อนใดๆ อีกต่อไปแล้ว พอกันทีทริปอันแสนยาวไกลในยุโรป เย็นนี้ผมจะได้ไปเจอน้องที่บอนน์อีกครั้งและก็อยู่กับน้องยาวๆไปเลย คิดแล้วมันก็รู้สึกแฮปปี้ขึ้นมาทันที

                ทุกอย่างกำลังเป็นไปด้วยดี ผมตรงไปที่สถานีรถไฟในช่วงสายๆ และความสุขของผมก็ถูกทำลายลงด้วยความพังของรถไฟเยอรมันอีกครั้งจากการคำนวณของผม ผมต้องไปถึงที่บอนน์ตอน 4 โมงเย็น แต่เพราะทางรถไฟ สวิส-เยอรมันอยู่ในช่วงปรับปรุง การเดินรถจึงถูกเปลี่ยนใหม่ทั้งหมด

                “ชีวิตกูนี่ไปต้องไปโกงอะไรกับรถไฟเยอรมันในชาติที่แล้วแน่ๆ”

                คือรถไฟที่ประเทศอื่นไม่เคยมีปัญหาเลยนะทุกครั้งที่ผมนั่ง แต่ทำไม๊ ทำไมกับรถไฟเยอรมันชาติที่ขึ้นชื่อเรื่องตรงเวลามากที่สุด ทำกูเลทเป็นรอบที่ล้านแปด

                สถานีนึงในเยอรมันปิดทำการ แล้วมันก็ดันเป็นสถานีที่ต้องเปลี่ยนขบวนรถไฟด้วย เลทแรกทำผมสาย 2 ชม. ผมรีบส่งข้อความหาน้องทันทีว่าผมจะถึงที่บอนน์นั่นราวๆ5 โมงเกือบ 6 โมง ไม่ต้องรีบออกมานะ

                แต่รถไฟเจ้ากรรมดันมาเสียระหว่างทางอีกรอบ ทำให้ไม่สามารถเข้าชาญชราอีกแห่งได้ เลทไปอีก 1 ชม. และตอนนั้นเองน้องก็มารอผมที่สถานีบอนน์แล้ว

    เหมือนเรื่องจะจบแต่มันไม่จบรถไฟใจทรามมาขัดข้องอีกครั้ง เลทไปอีกครึ่งชั่วโมง

    พอถึงตอนจะต้องย้านขบวน และรถไฟความเร็วสูงก็มีปัญหาอีก ต้องไปหาขบวนใหม่รอไปอีกครึ่งชั่วโมง


    ในที่สุดผมก็ได้นั่งรถไฟหวานเย็น แม้จะช้ากว่ากำหนดไปมาก ก็ดีกว่าไม่ได้กลับไปหาน้อง แต่เรื่องมันไม่ได้จบแค่นี้ รถไฟที่ผมนั่งมันไม่ยอมจอดที่สถานีที่ผมจะลงเนื่องจากปัญหาอะไรซักอย่างนี่แหละผมฟังไม่ออก มีภาษาเยอรมันประกาศมาเป็นจังหวะ ไม่มีซับให้กูเลยจ้า อีกเลทไปอีก 1 ชั่วโมงเต็มๆ วอทเดอะฟัค ความพังของระบบรถไฟในวันนี้ ทำให้ผมต้องอ้าปากถามคนข้างๆว่ามันเกิดอะไรขึ้น

    “ระบบรถไฟมีปัญหาวันนี้ทุกขบวนเลทหมด มีผู้โดยสารติดค้างทุกสถานี”

    นี่คือคำตอบที่กูได้ เมื่อวานเพลิดเพลิน วันนี้ระทมทุกข์ ทำไมชีวิตฉันมันถึงได้เป็นแบบนี้ เบ็ดเสร็จเลทไปทั้งหมด 5 ชม. เวลาที่กูควรจะถึงตอน 4 โมง ดันมาถึงบอนน์ตอน 3 ทุ่ม อิเชี่ย ผมมาเจอน้องในสภาพที่แบบว่า “กูรอมึงมานานมากอะ” ผมเข้าใจความรู้สึกนั้นเลยอะ น้องผมมารอผมตั้งแต่ 5 โมงเย็นต่อให้ครั้งนี้มันไม่ใช่ความผิดของผม แต่ผมรู้สึกผิดมากจริงๆ

                วันนั้นทำให้ผมรู้ว่าระบบรถไฟในเยอรมันมีปัญหาทั่วประเทศและสาเหตุหลักๆก็คงจะมาจากการปิดการเดินทางระหว่างเยอรมันกับสวิส ครั้งนี้ก็ถือว่าเป็นบทเรียนที่สำคัญมากๆผมทำให้น้องเสียความรู้สึกหลายเรื่องมากไม่แต่เฉพาะเรื่องรถไฟเลท แต่รวมถึงการที่ผมจะขอพักจนถึงวันที่ผมกลับเมืองไทยโดยที่ไม่ได้บอกน้องล่วงหน้าและเรื่องที่ผมต้องนอนดึกเพราะผมต้องจัดการกับเสื้อผ้าที่ไม่ได้ซักมาร่วม 2 อาทิตย์กว่าๆ เป็นความรู้สึกผิดที่สุดที่ทำให้น้องเสียความรู้สึกถึง 3 เรื่องในวันเดียว โชคยังดีด้วยความที่น้องเป็นคนน่ารักและนิสัยดีน้องได้แต่ยิ้มเจือนๆและบอกผมว่า

                “ไม่เป็นไรครับ”

                ซึ่งมันทำให้ผมรู้สึกผิดไปอีกร้อยเท่า จากที่ผมจะพักกับน้องจนถึงวันกลับบ้านอีก 1 อาทิตย์กลายเป็นว่าผมอยู่กับน้องได้แค่ 3 คืนเท่านั้น และอีก 3 คืนสุดท้ายนั้น ตอนนี้ผมก็ยังไม่รู้เลยว่าจะไปอยู่ที่ไหน...

    ปล. รูปเป็นสถานที่ในลูเซิร์นทั้งหมด ถือว่าสวยงามและน่าพักผ่อนเป็นอย่างยิ่งครับ
Views

เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น

Log in