สมัย แองเจล่า ซีกเลอร์ เรียนปริญญาเอกสาขาวิทยาศาสตร์ประยุกต์ยังสถาบันเทคโนโลยีแห่งสหพันธรัฐสวิสในซูริค ณ ชั่วโมงหนึ่งของวิชาจริยธรรม ศาสตราจารย์ผู้สอนบอกกับทุกคนว่า "ผมจะให้พวกคุณไปดูละครเวที"
ท่ามกลางความงุนงงและสนใจของนักศึกษาวิทยาศาสตร์ ว่าทำไมพวกเขาถึงต้องไปดูการเล่นชวนหัวให้เสียเวลาค้นคว้าหาความรู้หรือถกเถียงข้อมูลตามควรจะเป็น ศาสตราจารย์เริ่มอธิบายว่า ละครนาม The Physicists ของนักเขียนชาวสวิสชื่อดัง ฟรีดริช ดือเรนมัตต์ นั้นมีอะไรที่นักวิทยาศาตร์ทุกคนทุกสายควรรับรู้ไว้ – แม้คราวแรกทุกคนจะยังไม่เข้าใจเหตุผลแน่ชัดเพราะผู้สูงวัยบอกไว้เพียงเล็กน้อย แต่หลังผ่านสุดสัปดาห์ดังกล่าว เรื่องราวของนักฟิสิกส์สามคนในสถานบำบัด (หรือโรงพยาบาลบ้าตามความเข้าใจของคนสมัยก่อน) ที่สุดท้ายเฉลยว่าพวกเขาแกล้งบ้า เพราะหนึ่งในนั้น ด็อกเตอร์โยฮัน วิลเฮล์ม เมอบิอุส ผู้ฉลาดที่สุด ไม่อยากให้การค้นพบของเขาออกสู่สาธารณะชน เนื่องจากเกรงว่ามันจะถูกนำไปใช้ในทางผิด เป็นอันตรายกับมนุษยชาติ เหมือนดังสูตรของไอน์สไตน์กลายเป็นระเบิดปรมาณูคร่าชีวิตคนนับล้าน ก็เป็นหัวข้อพูดคุยใหญ่ๆ ของนักศึกษาทุกคนแทบทั้งภาคการศึกษา
ขณะนั้น ในวัยเพียง 16 ปี แองเจล่าก็ตระหนัก เพียงแต่ไม่คาดคิดว่าผลงานทางการแพทย์ของเธอจะไปทำร้ายอะไรใครได้ ทุกอย่างเป็นไปเพื่อรักษา ทุกอย่างเป็นไปเพื่อเพื่อนมนุษย์ มันไม่มีวันกลายเป็นอย่างอื่นหรอก ตราบใดที่เธอยังอยู่ ย่อมมีศักดิ์และสิทธิมากพอในงาน เด็กสาวผู้มีรอยแผลจากสงครามจะไม่ยอมให้ใครนำมันไปใช้เป็นอย่างอื่นที่เธอไม่ต้องการ
เด็กอัจฉริยะเคยเชื่ออย่างแรงกล้าเช่นนั้น หากพอโตขึ้นทำงานเข้าจริง เธอกลับพบว่าตนคิดผิดถนัด โดยเฉพาะหลังอยู่โอเวอร์วอทช์ได้พักหนึ่ง คนในองค์กรพิทักษ์สันติภาพนั่นแหละ นำงานเธอไปใช้ผิดความตั้งใจสิ้นเชิงเป็นกลุ่มแรกๆ... โมเลกุลชีวนาโนที่หวังเพื่อรักษา กลับถูกด็อกเตอร์โอ’ ดีโอแรนเปลี่ยนเป็นเซลล์อาวุธชีวภาพ อวัยวะเทียมยื้อชีวิตบุตรชายคนรองของตระกูลชิมาดะก็โดนแบล็ควอทช์ดัดแปลงจนดูไม่ใช่ผลงานเธอ กระทั่งกัปตันอมารีเองก็ร่วมไปกับเขา ใช้ระบบส่งถ่ายโมเลกุลชนิดเดียวกับคฑาคาดูเซียส ให้หัวหน้าวิศวกรลินด์ฮอล์มพัฒนาเป็นไรเฟิลไว้ฆ่าคน
จากอีกหลายเหตุการณ์ตามมาหลังจากนั้น ทำให้ด็อกเตอร์ซีกเลอร์เข้าใจอย่างแท้จริงว่าเหตุใดด็อกเตอร์เมอบิอุสจึงไม่อยากเผยแพร่งานให้โลกรู้ จนเขายอมสละความสบาย สละอนาคตยิ่งใหญ่หากเผยแพร่สุดยอดทฤษฎี สละชีวิตส่วนตัวอันเพียบพร้อมด้วยภรรยาและลูกชายไปอยู่ในโรงพยาบาลบ้านับสิบปี
เพราะในสังคมมีคนบ้าจริงๆ มากมายเหลือเกิน... มากเกินไป...
กระนั้น ท่ามกลางข้อกังขาระหว่างความจริงกับอุดมการณ์ นักวิทยาศาสตร์การแพทย์สาวยังคงค้นคว้าและสร้างสรรค์งานใหม่ไปเรื่อยๆ ไม่ว่าจะอยู่ที่ไหน ในฐานวิทยาการสูง ถึงกลางทะเลทรายสุดแร้นแค้น ไม่ว่าเวลาใด ตั้งแต่อดีต ปัจจุบัน หรืออนาคตก็ตาม
เพราะสุดท้าย เธอคิดว่าหากไม่พบและเผยแพร่งานทั้งหลายด้วยตัวเอง มันก็อาจเป็นเช่นตอนจบของละคร ที่ด็อกเตอร์เมอบิอุสโดน ด็อกเตอร์ ฟอน ซาห์ด หัวหน้าสถานบำบัดลักลอบนำงานไปให้กับผู้อื่น พร้อมกักขังเขาไว้ในโรงพยาบาลบ้าไปชั่วชีวิต
ดังนั้นอย่างไร เธอจึงต้องทำงาน – แม้บางทีมันทำให้หล่อนคิด... ทัศนเช่นนี้ของตนยังเรียกว่าปกติอยู่ไหม? หรือเสียสติไปแล้วอีกคน?
แองเจล่าไม่มีคำตอบแน่นอน เพียงแต่รู้ว่าเธอยังเชื่อในความบริสุทธิ์ ความดีงาม ความหวังใต้แก่นของมนุษย์ชาติเกินกว่าจะยอมปล่อยตัวไปเบื้องหลัง ให้คนไม่รู้อิโหน่อิเหน่ทั่วโลกตายไปโดยไม่คิดทำอะไร ทั้งๆ ที่มีความสามารถมากพอ
เธออยู่เฉยไม่ได้ ไม่เคยอยู่ และไม่คิดจะอยู่
นี่มันบ้าชัดๆ
...ถึงบางหน ประโยคนี้จะชัดแก่ใจ แพทย์ไร้พรมแดนคนหนึ่งก็ยังทำงานของเธอต่อไป
––––––––––––––––––––––––––––––
เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น
Log in