คอนเสิร์ตจบประมาณ 9:30 PM สามทุ่มครึ่ง ถือว่าลาเลห์ให้เวลาเต็มที่กับคอนเสิร์ตจริงๆ พอเพลงสุดท้ายจบ เด็กๆ บางคนก็วิ่งมาที่หน้าเวทีเพื่อรอขอลายเซ็นเธอ ไฟเปิด นักดนตรีเริ่มเดินออกมาพบปะญาติพี่น้องและเพื่อนๆ ส่วนตัวเราเองก็เดินตามๆ กลุ่มคนที่เดินไปข้างๆ เวที ทุกคนไปยืนรอ ภาพที่เห็นคือข้างในบริเวณนั้นเป็นกลุ่มเด็กๆ ที่ได้ขึ้นร้องเพลงกับลาเลห์กำลังยืนเรียงแถวรอลาเลห์ คาดว่าจะมีการถ่ายภาพที่ระลึกกันก่อนกลับ แอบอิจฉาคนที่อยู่ในนั้น เพราะตรงที่เรายืนมีป้าดุๆ สองคนคอยกันเอาไว้
คนที่มายืนรอลาเลห์มีไม่เยอะมาก ประมาณไม่ถึงสิบคน แต่ละคนเหมือนจะรอขอลายเซ็น เป็นเด็กๆ ทั้งนั้นเลย มีพ่อแม่มารอด้วย ส่วนเราอยู่คนเดียวก็ได้แต่มองท่าทีของป้าที่ยืนคุมและคนรอบๆ ตัว จนสิบนาทีผ่านไป ลาเลห์ออกมาปรากฏตัวกับกลุ่มเด็กๆ ข้างในและหยอกล้อกับเด็กน้อยก่อนจะถ่ายรูปกัน เราตื่นเต้นมากที่ได้เห็นลาเลห์อีก แต่พอเค้าถ่ายรูปกันเสร็จลาเลห์ก็เดินกลับเข้าไป ป้าที่ยืนคุมเลยพูดอะไรสักอย่างเป็นภาษาสวีเดนที่ทำให้คนที่มารอเดินกลับบ้านกันไปหมด
อ้าว...
อ้าว แล้วกุล่ะ?
นี่ก็ยืนงงๆ เอ๋อๆ เลยหันไปถามลุงที่ยืนอยู่แถวนั้นว่า
“เอ่อ ขอโทษนะคะ พอดีหนูมีของมาให้ลาเลห์.. พอจะรู้มั้ยว่าเค้าจะออกมามั้ยอะคะ”
ลุงคนนี้เลยตอบมาว่า
“อ๋อ ถ้างั้นคุยกับอดัมเลย”ลุงชี้ไปทางชายหนุ่มหน้าคุ้นๆ หล่อๆ นิดๆ (ใครอยากรู้ว่าคนไหน ขึ้นไปดูรูปคอนเสิร์ตล่าสุด อดัมคือคนที่เล่นกีตาร์อยู่ด้านขวาของลาเลห์)
“อดัมเป็นนักดนตรีของวง บอกเค้าสิ”
“อ้อ ขอบคุณนะคะ”
เริ่มมีหวัง
เราเลยเดินไปทักอดัมที่ยืนคุยกับเพื่อนอยู่
“เฮ้ อดัม.. เอ่อ พอรู้มั้ยคะว่าลาเลห์จะออกมาอีกมั้ย? พอดีหนูมีของจะให้เค้าน่ะ”
อดัมยิ้มทักทายและพูดด้วยความเฟรนลี่
“หวัดดีฮะ มีของเหรอ?”
“ใช่ค่ะ หนูมาจากประเทศไทยเลยนะ เลยอยากเจอลาเลห์”
ยื่นของให้อดัม อดัมรับไป จุดๆ นี้ดีใจกว่าที่คิด เพราะก่อนหน้านี้คิดว่าอะไรๆ จะยากกว่านี้ และไม่คิดว่าจะฝากคนให้ได้ง่ายดายแบบนี้
“โห! มาจากประเทศไทยเลยเหรอ! ถ้างั้นรอเดี๋ยวนะจะลองไปถามให้”
“ขอร้องนะคะ อยากเจอมากเลย ขอบคุณค่ะ!”
งานนี้ก็ต้องอ้อนไว้ก่อน พูดพลีสๆๆ อย่างเดียวเลยค่ะ
แต่..
ต่อให้มีหวัง อะไรมันก็ไม่ได้เป็นไปตามนั้นเสมอไป เมื่ออดัมเดินกลับมาอย่างรวดเร็วแล้วพูดว่า
“ขอโทษด้วยฮะ แต่เธอคงไม่ออกมาแล้ว”
“จริงเหรอคะ... โห แล้วทำไงดีล่ะ” (ทำหน้าเศร้า)
“อ้อ! หรือลองถามกุสตาฟมั้ย นี่ไงกุสตาฟ รู้จักมั้ย?”
อดัมชี้ไปที่กุสตาฟ ชายหนุ่มที่หล่อที่สุดในวงและเราก็รู้จักมาพร้อมๆ กับลาเลห์ เพราะนางปรากฏในคลิปและคอนเสิร์ตของลาเลห์ทุกอัน!!! (กุสตาฟเป็นผู้ช่วยของลาเลห์ คล้ายๆ เลขา และเป็นนักดนตรีที่เก่งมาก เล่นเป็นทุกอย่าง เขาแต่งเพลงร่วมกับลาเลห์หลายเพลงตั้งแต่อัลบั้มก่อนๆ และ.. หากลาเลห์เป็นหม่ามี๊ ก็คงต้องเรียกกุสตาฟว่าป๊ะป๋าแหละมั้ง.. ก็ไม่รู้สินะ หื้มมม)
กุสตาฟกับลาเลห์ จากเว็บไซต์ Zimbio ตอนนี้กุสตาฟตัดผมสั้นแล้ว หล่อมากๆ
กุสตาฟกำลังคุยกับเพื่อนอยู่ แต่พออดัมทัก เขาก็หันมามองเราด้วยหน้าหล่อๆ แล้วทักเรา และของๆ เราก็ไปอยู่ในมือกุสตาฟเรียบร้อยแล้ว
“เฮ้! ว่าไงครับ ผมกุสตาฟนะ”
“กุสตาฟ! หนูเคยเห็นคุณค่ะ เห็นบ่อยมากตามวีดิโอต่างๆ” (เกลียดดดดดที่รีบออกตัว)
“หนูเอาของมาให้ลาเลห์” พูดแล้วก็ชี้ไปที่ของในมือกุสตาฟ
“ใช่ๆ ชื่ออะไรครับ?”
“ชื่อมายาค่ะ”
“มายา โอเค”
“อยากเจอลาเลห์มากเลย ช่วยดูให้หน่อยได้มั้ยคะว่าเธอจะออกมามั้ย”
“ได้เลยมายา.. ไม่แน่ใจเหมือนกัน แต่เดี๋ยวเช็คให้นะ” จังหวะนั้น กุสตาฟหันหลังกำลังจะเดินกลับไปแล้วหันหน้ามาขยิบตาและชูนิ้วโป้งให้เรา (โอ๊ยยยย ความหล่อนี้) ทำให้เรารู้สึกใจชื้นขึ้นมาก แต่ก็ไม่ชัวร์ 100% ว่าจะได้เจอลาเลห์จริงๆ เพราะเท่าที่ดูสถานการณ์เหมือนลาเลห์จะเป็นนางพญาที่ทุกคนอยากเจอแต่เธอจะไม่ออกมาง่ายๆ ตรงนี้เข้าใจดีว่าอาจจะอยากพัก อาจจะเก็บของ นู่นนี่นั่น จะไม่คิดมากใดๆ
แต่...
อุตส่าห์มาถึงนี่แล้ว...
เราจะต้องไม่ยอมแพ้!!!
ลาเลห์ ลาเลห์.. ไม่อยากเจอกันบ้างเหรอออ
กุสตาฟหายเข้าไปหลังเวที
ตอนนี้บรรยากาศรอบๆ คือ สตาฟกำลังแยกชิ้นส่วนของต่างๆ บนเวที เก็บของ ตอกไม้ ขนเครื่องดนตรีใส่กล่อง เตรียมกลับกัน... และเหลือเรา และป้าอีกสองคนที่เป็นเพื่อนกุสตาฟ และรอคุยกับกุสตาฟอีกทีเหมือนกัน...
รอ รอ รอ รอไปสักสิบนาที จนป้าเดินกลับ เราก็เงิบดิเฮ้ย เลยเดินตามป้าแบบเงิบๆ โง่ๆ เพราะอยู่คนเดียว
แล้วป้าทั้งสองก็ลาลับไป... เดินออกไปแล้ว...
เอิ่ม ทำไงอ่ะ ยืนเงิบอยู่คนเดียว แบบเคว้งมาก ในบรรยากาศที่ทุกคนโนสนโนแคร์เพราะเก็บของกันหมด เหล่านักดนตรีต่างๆ กลับเข้าไปหลังเวทีกันหมด คิดว่าคงเก็บของเตรียมกลับโรงแรมกัน เรากำลังลังเลว่าจะกลับบ้าน หรืออยู่ต่อ แต่ไม่ลองก็ไม่รู้ป่ะ อีด้อล นี่อุตส่าห์บินมาถึงสวีเดน 8,000 กว่าไมล์เพื่อมาดูลาเลห์แล้วจะไม่ได้เจอเนี่ยนะ???
โอเค อยู่ก็อยู่
แต่ยืนรอแบบนิ่งๆ มันเงิบมากนะ ลองนึกภาพสิ บางทีก็แอบเขินนิดๆ จนในที่สุดไม่รู้จะทำไงเลยเดินเข้าไปใกล้อีกนิด แล้วทักหนุ่มคนนึงที่กำลังเก็บเวทีอยู่
“เอ่อ.. โทษทีนะคะ พอดีมารอกุสตาฟ.. เค้าจะออกมามั้ยคะ?”
(ใช้กุสตาฟอ้าง)
“อ่อ ครับ น่าจะมั้ง.. เอ่อ ระวังด้วยนะครับ เดินออกจากเขตนี้หน่อย เพราะเค้ากำลังจะปิดม่านลงมา”
แล้วนางก็เดินหายไปเลย แบบ.. โนสนโนแคร์
โอเค๊.. ต้องยึดมั่นตามความหวังของตัวเอง.. กุสตาฟนะกุสตาฟ เทใช่มั้ย เข้าไปคุยหนุงหนิงกับลาเลห์อยู่เหรอ ทำไมปล่อยให้เรายืนรออย่างเคว้งคว้างแบบนี้... แต่วินาทีนี้คือตื่นเต้นมาก ในใจมากกว่าครึ่งคือเชื่อว่าจะได้เจอลาเลห์ ไม่รู้ทำไมนะ ถึงจะดูว่าไม่มีวี่แววก็เถอะ
แต่... สักพัก... ในที่สุด... เธอก็ปรากฏ
ลาเลห์เดินออกมาพร้อมกับกุสตาฟ อยู่ในชุดที่เปลี่ยนแล้ว สะพายกระเป๋าและถือของดูจะพร้อมกลับเต็มที่ เอาเหอะ ถึงแม้เธอจะโนสนหรือรีบหรือยุ่ง อะไรก็ตามแต่ ตอนนี้ดีใจจนปากตะโกนออกไปอย่างดีใจสุดๆ
“ลาเลห์!!!”
ลาเลห์หันมาแล้วยิ้ม เธอทักทายและเดินตรงมาที่เรา สิ่งแรกที่ลาเลห์ทำคือกอดเรา อ้อ คนสวีเดนเค้ามีวัฒนธรรมการกอดน่ะ ที่เจอกันแล้วจะต้องกอดกัน แต่เนี่ย.. กอดจากลาเลห์ และเป็นครั้งแรกที่เราได้เจอ ได้คุยกับลาเลห์ เฮ้ยยยย
“OMG”
เราอุทานรัวๆ เพราะทั้งดีใจทั้งอึ้ง
“มายาใช่มั้ย”
ลาเลห์ยิ้ม เธอน่ารักมากกกกกก
“ใช่ค่ะ! หนูมาจากเมืองไทย อยากเจอคุณมากเลย หนูให้ของคุณไปด้วยนะ”
“โอ้โห มาจากเมืองไทยเลยเหรอ ใช่ๆ เมื่อกี๊เรานั่งดูสมุดเล่มนั้นด้วยกันอยู่เลย ขอบคุณมากเลยน้า”
“ดีใจมากเลยที่ได้เจอคุณ เนี่ยรู้มั้ยว่าหนูบินมาสวีเดนเพื่อดูคอนเสิร์ตคุณโดยเฉพาะเลยน้า ลาเลห์”
(ขี้โม้มาก แต่จุดนี้ ดีใจจนต้องโม้เกินจริงหน่อย โอเค ลาเลห์คือจุดประสงค์แอบหลักอย่างหนึ่ง แต่เราก็รักสวีเดนมากๆ ถึงกลับมานั่นแหละ)
“สุดยอดไปเลย มาจากเมืองไทยแน่ะ!”
“ขอถ่ายรูปกับคุณได้มั้ยคะ”
เราพูด ลาเลห์บอกว่า ได้สิ! ตอนแรกว่าจะเซลฟี่ แต่กลัวไม่สวยก็เลยยื่นให้กุสตาฟ (ที่ในมือก็ถือแซนด์วิชและน้ำของทั้งคู่อยู่ น่าสงสารง่า)
“กุสตาฟ ถ่ายรูปให้หน่อยได้มั้ยคะ”
“ได้สิ”
“นี่ มาถ่ายมุมนี้ดีกว่า แสงสวยกว่า”
ลาเลห์พูด แล้วถอดหมวกออก
“อุ๊ย ถอดหมวกนี่ก่อนดีกว่าเนอะ”
เราและลาเลห์ <3 <3 <3
ก่อนจะถ่ายรูป ลาเลห์หันมาหาเราแล้วพูดว่า
"เราหน้าเหมือนกันเลย!" (ทรงผมเหมือน)
แล้วเราก็ถ่ายรูปกัน ลาเลห์น่ารักมาก เธอโอบเราไว้ เราก็ทำแบบนั้นเช่นกัน ดีใจมากๆ กุสตาฟถ่ายมาหลายรูปมากและรูปสวยมากกกก พอเราถ่ายรูปกันเสร็จ ลาเลห์ก็เดินไป เราเดินตามๆ กันไปแล้วคุยกัน
“คือ.. อยากเจอลาเลห์มาก อยากคุยด้วยมาก แต่พอเจอก็ไม่รู้จะคุยอะไรเลย”
เราพูด ลาเลห์ยิ้มกว้างเหมือนเข้าใจ เราคุยกันสักพัก
“หิวน้ำรึเปล่า?”
“เอ่อ..”
ยังไม่ทันตอบ แต่ลาเลห์เดินไปหยิบน้ำเปล่าขวดหนึ่งมาแล้วยื่นให้เรา
“ขอบคุณค่ะ”
เราดีใจมากกกกกกกกกก กรี๊ดดดด ลาเลห์ให้น้ำ คือให้อะไรก็ได้ ดีใจมาก
“ชอบคอนเสิร์ตรึเปล่า?”
“ชอบค่ะ ชอบมากเลย!”
“เหรอ แล้วชอบเพลงอะไรมากที่สุด?”
“ชอบ Some Die Young แต่ถ้าเป็นอัลบั้มใหม่ชอบ Bara få va mig själv” (บอรา โฟ วอ เม เควลฟ์ ตอนนี้พูดยากนิดนึงเพราะเป็นภาษาสวีเดน ลาเลห์มีความแอบงง แต่ก็เข้าใจและยิ้ม)
“นี่ ดูสิ! กระเป๋านี่หนูเพ้นท์เองนะ”
พูดแล้วก็อวดกระเป๋าให้ลาเลห์ดู ลาเลห์เห็นแล้วชอบมาก ถึงแม้เธอจะมีกระเป๋าคล้ายๆ แบบนี้ขายอยู่ที่บูทร้านค้าของเธอก็ตาม แต่ของเราสวยกว่า 5555
“หนูหนาวรึเปล่า?”
ลาเลห์ถาม โอ๊ย คนอะไรน่ารักขนาดนี้ คือเราหนาวมากตอนดูคอนเสิร์ต หนาวจริงๆ โดยเฉพาะเท้า ไม่รู้ทำไม
“หนาวมากๆ ค่ะ ไม่รู้ทำไมทุกคนถอดเสื้อโค้ทออกกัน หนูนี่นั่งหนาวมากเลย”
“ใช่ หนาวเหมือนกันเลย”
ลาเลห์พูด และกุสตาฟก็เสริมว่า
“ที่หนาวเพราะที่เนี่ยเป็นสนามกีฬาฮ็อคกี้นะ แต่คนสวีเดนคงชินกับอากาศหนาวกันแล้วล่ะ”
“ใช่ พวกเค้าน่าจะชินแล้วจริงๆ 555”
เราคุยเรื่อยเปื่อยกันอีกสักพัก ลาเลห์ดูรีบเดินไปขึ้นรถ เราเปิดประตูออกไปทางประตูข้างของอารีน่า แล้วก็พบกับรถคันใหญ่สองคันจอดอยู่ คันนึงเป็นของนักดนตรี อีกคันน่าจะเป็นของทีมลาเลห์
“เอาล่ะ มายา ดีใจมากที่ได้เจอคุณวันนี้นะครับ”
(ใช้สรรพนามมั่วมาก คุณ/หนู/บลาๆ 5555)
กุสตาฟพูด
“เช่นกันค่ะ”
เรายิ้ม แล้วลาเลห์ก็เข้ามากอดเราอีกเป็นครั้งสุดท้าย เป็นกอดที่แน่นและยาวกว่าเดิม เราดีใจมาก อยากจะจำความรู้สึกนั้นไปนานๆๆๆๆ
“ต้องไปแล้วล่ะ มายา ดีใจที่ได้เจอกันนะ”
“ดีใจเหมือนกันค่ะ บ๊ายบายลาเลห์ หนูรักคุณนะ”
“รักหนูเหมือนกัน”
ปกติไม่เคยพูดบอกรักใครโดยไม่คิดมาก่อนแบบนี้ แต่นี่ต่อให้ไม่คิดแล้วพูดไป ก็เชื่อว่าคงรู้สึกแบบนั้นจริงๆ ไม่งั้นคงไม่พูดออกไป และลาเลห์ก็ตอบออกมาอัตโนมัติเหมือนที่เธอพูดกับแฟนเพลงที่เธอรักหลายๆ คนเหมือนกัน เราเชื่อว่าลาเลห์กับกุสตาฟน่าจะจำเราได้ และเราก็คงเป็นหนึ่งในคนแปลกๆ ที่โผล่มาในช่วงเวลาชีวิตของลาเลห์ (แปลกนี่ไม่ได้หมายถึงเราแปลกนะ แต่แบบ ยูนีคอ่ะ แบบ หายาก 55555) ลาเลห์มีคอนเสิร์ตสำหรับทัวร์คริสตัลนี้ประมาณสิบที่ในสวีเดน และที่นี่คือที่ๆ สอง ยังอีกยาวไกล และหวังว่าเธอจะจำเราได้ และวันนี้คงเป็นเรื่องดีๆ อีกเรื่องในชีวิตของเธอ
“หวังว่าคุณคงชอบของที่ให้ไปนะคะ”
“แน่นอน ชอบอยู่แล้วจ้า แล้วเจอกันนะ”
“แล้วเจอกันค่ะ”
ลาเลห์ขึ้นรถไป เราไม่ต้องการอะไรไปมากกว่านี้แล้ว...
เหตุการณ์บางเหตุการณ์มันเกิดขึ้นในช่วงเวลาสั้นๆ แบบไม่ถึงยี่สิบนาที แต่แสนวิเศษเหลือเกิน บางครั้งมันอาจจะเกิดขึ้นเร็วและดีมากจนคล้ายกับความฝัน นี่เราฝันไปรึเปล่า? เราไม่ต้องถามตัวเองซ้ำๆ เพราะรู้ว่ามันคือความจริง แต่ความจริงนี้ก็สั้นมาก สั้นจนอยากย้อนเวลากลับมาเล่นซ้ำๆ อีกครั้ง...
รักลาเลห์มาก
ใครจะไปรู้ว่าคนที่เรานั่งดูคลิปคอนเสิร์ตแล้วยิ้มกับตัวเองบ่อยๆ จะมายืนอยู่ตรงหน้าและคุยกับเราแบบนี้ น่ารักขนาดนี้ ดีใจที่ครั้งหนึ่งในชีวิตได้เจอกับผู้หญิงแสนวิเศษคนนี้ ดีใจมากจนอธิบายออกมายังไงก็ไม่หมดและอาจดูเลี่ยนเกินไป ในความคิดเราลาเลห์คือผู้หญิงที่น่ารักมาก มีใจที่สวยงามมาก เรารู้ว่าไม่มีใครเพอร์เฟคบนโลกนี้ และทุกคนก็มีด้านขาวและดำอยู่เสมอ แต่ก็ไม่บ่อยที่จะเจอใครที่ดูเทพนิยายขนาดนี้ ถ้าจะให้เปรียบเทียบ ลาเลห์ก็อาจจะเหมือนยูนิคอร์นตัวนึง ที่บังเอิญมีอยู่จริง...
ลาเลห์ที่งาน Allsång, Skansen, Stockholm, Sweden 2016
ชอบรูปนี้มาก เพราะลาเลห์ลงมาหาเด็กๆ และเล่นกับเด็กๆ น่ารักมากกก (คลิปหายไปละ วงวาร)
สักวันเราคงได้พบกันอีกนะคะลาเลห์
ดาวหางที่ตกลงมาบนผืนโลก และเกิดเป็นดอกไม้ที่สวยงามบนพื้นดิน...
ติดตามผลงานของลาเลห์ได้ตามลิงค์ที่แทรกไว้ตามชื่อเพลงต่างๆ ลองฟังแล้วจะหลงรักเธอ :)
เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น
Log in