“อาจจะฟังดูแปลกสักหน่อย” นายแพทย์หนุ่มกล่าวต่อ “การมีความสัมพันธ์กันระหว่างอีราสเตสและอีโรเมนอส โดยหลักการของคนสมัยนั้น ไม่ใช่เรื่องของความใคร่ แต่เป็นเรื่องของการแสดงความรัก และการส่งต่อความเป็นชายจากผู้ชายที่เป็นผู้ใหญ่แล้วไปยังเด็กผู้ชายที่จะต้องเติบโตขึ้นเป็นผู้ใหญ่ในวันหนึ่ง ดังนั้น อีราสเตสจึงเป็นฝ่ายกระทำ ในขณะที่อีโรเมนอสเป็นฝ่ายรับการกระทำ เมื่อฝ่ายหลังโตขึ้น บรรลุนิติภาวะ แต่งงาน มีครอบครัว มีสถานะทางสังคมอย่างพลเมืองทั่วไป พวกเขาก็จะสลับกลับขึ้นมารับหน้าที่ของอีราสเตสด้วยการรับเด็กหนุ่มเข้ามาเป็นอีโรเมนอสในความดูแลของตนเอง”
ข้าพเจ้าเอนหลังพิงพนักและนั่งฟังเขาในท่าทางที่สบายมากขึ้น ความจริงแล้ว หัวข้อสนทนาของเราเป็นเรื่องที่หลายคนฟังแล้วคงจะหน้าแดงด้วยความอายหรืออึดอัดกับการพูดคุยเรื่องดังกล่าวอย่างเปิดเผย ในช่วงแรกที่พบเจอสถานการณ์ดังกล่าว ข้าพเจ้ายอมรับว่าตนเองก็วางตัวไม่ถูก แต่เมื่อได้พูดคุยกันตามลำพังกับคนที่แน่ใจว่าจะพูดด้วยได้ จึงค่อยสามารถถกเรื่องดังกล่าวได้อย่างถนัดปากมากขึ้น
สำหรับสุภาพชน เรื่องเหล่านี้อาจเป็นเรื่องที่ไม่เหมาะสมที่สุดที่จะหยิบยกขึ้นเป็นหัวข้อสนทนา แต่สำหรับตำรวจและศัลยแพทย์ที่ทำงานในมุมที่มืดที่สุดของลอนดอนมานานปีอย่างเราสองคน ที่ได้พบเจอสิ่งเลวร้ายและเหตุการณ์ไม่คาดฝันมาแล้วแทบทุกรูปแบบ พบปะผู้คนที่เรียกได้ว่ามีชีวิตแต่ไม่ได้ใช้ชีวิตมานักต่อนัก จึงไม่มีเรื่องใดที่นับว่าชั่วช้าหรือน่าอับอายเกินกว่าที่จะเอ่ยถึง หากเรื่องนั้นเป็นข้อเท็จจริงที่สมควรพูดคุยให้ชัดเจนและควรค่าแก่การทำความเข้าใจ
“ข้อนั้นผมพอจะเข้าใจ” ข้าพเจ้าบอก “ผมพูดกับคุณหมออย่างตรงไปตรงมาก็แล้วกันว่า คนที่สอนเรื่องผู้หญิงให้ผม ไม่ใช่คุณพ่อหรือคุณลุงที่เป็นผู้ปกครอง แต่เป็นเพื่อนรุ่นพี่ที่ทำงานด้วยกันซึ่งชวนพวกเด็กฝึกงานอย่างผมไปเที่ยวผู้หญิง ผิดกันตรงที่เขาไม่ได้แสดงวิธีการให้ผมดูด้วยการเล่นบทบาทของผู้กระทำกับผมเท่านั้นเอง”
“นั่นเป็นข้อสังเกตที่น่าสนใจ” นพ. ฟอล์กเนอร์เห็นด้วย “โดยหลักการแล้ว เพศสัมพันธ์ที่เกิดขึ้นระหว่างอีราสเตสและอีโรเมนอสไม่มีการล่วงล้ำเข้าไปภายใน แต่เป็นการเสียดสีภายนอกที่บริเวณระหว่างต้นขาด้านในของฝ่ายรับเท่านั้น ความสัมพันธ์ทางเพศระหว่างชายกับชายของอิสรชนพลเมืองชาวกรีกในรูปแบบนี้เท่านั้นที่จะได้รับการยอมรับ เพราะเชื่อว่าการล่วงล้ำเข้าไปในร่างกายของอีกฝ่ายเป็นการทำลายศักดิ์ศรีในฐานะเพศชายของอีโรเมนอสที่จะจะเติบโตเป็นพลเมืองกรีก การล่วงล้ำจะเกิดขึ้นเฉพาะแต่กับทาสและโสเภณีชาย ซึ่งถือเป็นทรัพย์สินหรือคนที่ไม่มีศักดิ์ศรีทางสังคม”
“ผมจะสรุปอย่างนี้ได้ไหม คุณหมอ ว่าสำหรับพลเมืองชาวกรีกตราบใดที่ไม่มีการล่วงเกินเข้าไปภายใน การร่วมประเวณีระหว่างชายกับชาย โดยเฉพาะระหว่างผู้ใหญ่กับเด็กหนุ่มเป็นเรื่องที่ยอมรับได้ ไม่ถือว่าผิดแบบแผน”
“ใช่ครับ และการร่วมประเวณีกับทาสหรือโสเภณีชาย ไม่ว่าจะมีการล่วงล้ำหรือไม่ ก็ไม่ถือว่าผิดแปลกอะไร ตราบใดที่เขาเป็นผู้กระทำ แต่เมื่อเทียบกับระบบพีเดอราสตีตามปกติ การมีความสัมพันธ์เพื่อสนองความใคร่เป็นเรื่องที่ได้รับการยอมรับน้อยกว่า” เขาเสริม “โดยทฤษฎี ระบบพีเดอราสตีเป็นเรื่องของการแสดงความรักอย่างบริสุทธิ์ใจ เหมือนกับเวลาที่เรารักใครสักคนอย่างจริงจังแล้ว คำพูดและการสัมผัสทางร่างกายเพียงอย่างเดียวไม่เพียงพอต่อการแสดงความรู้สึก การอยากมีความสัมพันธ์อย่างลึกซึ้งกับคนที่รักจึงไม่ใช่เรื่องน่ารังเกียจ และการหักห้ามใจตัวเองไม่ให้กระทำให้อีกฝ่ายเสียศักดิ์ศรีความเป็นชายระหว่างมีความสัมพันธ์กัน ถือว่ามีความยับยั้งไม่ให้ตนเองตกอยู่ในอำนาจความใคร่แต่เพียงอย่างเดียว”
ข้าพเจ้าหยิบกล่องบุหรี่ออกมาจากกระเป๋าเสื้อ ยื่นส่งให้เขาเป็นเชิงถามว่าจะรับด้วยไหม เขากล่าวขอบคุณ เมื่อเขาหยิบบุหรี่ไปมวนหนึ่งแล้ว ข้าพเจ้าก็หยิบบุหรี่ของตนเองมาคาบไว้ก่อนเก็บกล่องคืนกลับที่เดิม
“ขอบคุณ คุณหมอ” ข้าพเจ้าบอกศัลยแพทย์หนุ่มที่จุดไม้ขีดและจ่อไฟเข้ากับปลายมวนบุหรี่ของข้าพเจ้าให้ “เป็นแนวคิดที่เข้าใจยากเอาการสำหรับผม และไม่ใช่สิ่งที่คนในยุคสมัยของเราจะยอมรับได้ง่าย ๆ บางทีผมก็รู้สึกว่า เรื่องบางเรื่องที่คนพยายามหาคำอธิบาย กลับกลายเป็นเรื่องที่เราไม่เข้าใจเสียยิ่งกว่าเดิม ทั้งที่ตอนที่ไม่มีคำอธิบาย กลับเข้าใจได้ง่ายกว่า”
นพ. โทเบียส ฟอล์กเนอร์ใช้ไฟที่เหลือจุดบุหรี่ของตนเองบ้าง สลัดให้ดับก่อนที่เปลวไฟจะลามถึงปลายนิ้ว แล้วโยนก้านไม้ขีดเข้าไปในเตาผิงตามความเคยชิน “ฟังดูไม่เหมือนสารวัตรเฟย์ที่ทุกคนคุ้นเคยเลยนะครับ… ผมเคยเห็นพวกนักข่าวตั้งฉายาให้สารวัตรว่า ‘ฌาแวร์แห่งลอนดอน’ เพราะความตรงไปตรงมาและไม่ยอมทิ้งประเด็นเล็กน้อยที่เกี่ยวข้องกับคดีจนกว่าจะได้ตัวผู้กระทำความผิดมาลงโทษ”
“เวลาที่คุณหมออยู่กับผมก็ไม่เหมือนศัลยแพทย์ตำรวจที่ตำรวจทั้งไวท์ชาเพลขยาดเหมือนกันไม่ใช่หรือ” ข้าพเจ้าหัวเราะ เคาะเถ้าบุหรี่กับที่เขี่ยไม่ให้เศษเถ้าหล่นลงบนพรมของเขา “บางทีนักข่าวก็เขียนเรื่องฉูดฉาดมากไปและดูเป็นนิยายมากไป แต่สำหรับผมแล้ว เรื่องบางเรื่องก็ไม่จำเป็นต้องหาคำอธิบาย คำถามบางคำถามก็ไม่จำเป็นต้องมีคำตอบ ละวางเรื่องบางเรื่องเสียบ้างอาจจะมีประโยชน์มากกว่า คือสิ่งที่ผมเรียนรู้หลังเห็นโลกมาค่อนชีวิต โดยเฉพาะช่วงที่เข้ามาทำงานกับสก็อตแลนด์ยาร์ด ซึ่งอาจผิดก็เป็นได้ เพราะประสบการณ์ที่สี่สิบกว่าปีของผมยังน้อยนักเมื่อเทียบกับสามสิบกว่าปีของคุณหมอ”
หากมองไม่ผิด เขากำลังยิ้มน้อย ๆ กับคำพูดของข้าพเจ้า แต่ยากที่จะบอกได้ว่าเขาเห็นพ้องหรือเห็นต่าง “แล้วจากเรื่องที่เราพูดคุยกันเมื่อครู่นี้ สารวัตรคิดว่า มันบอกอะไรเกี่ยวกับผู้ต้องสงสัยของเราได้อีกบ้าง”
ข้าพเจ้าทำเสียงอืมในลำคอ เรียบเรียงความคิดของตนเองอยู่ครู่หนึ่ง เพื่อตอบคำถามที่เขาถามขึ้นเพื่อเปลี่ยนเรื่อง “ผมยังนึกไม่ออก แต่ถ้า ‘อคิลลีส’ เป็นคนที่มีลักษณะอย่างที่คุณหมอคาดเอาไว้จริง ผมคิดว่าเขาไม่น่าจะทำในสิ่งที่รุนแรงกับจิมมี่ ซัลลิแวนที่อยู่ในฐานะเปโครคลุสของเขาได้เลย”
“นั่นคือสิ่งหนึ่งที่ผมคิดไว้เหมือนกัน” นพ. ฟอล์กเนอร์บอก “แต่รอยขบกัดบนร่างกายของจิมมี่ รุนแรงเอาการ เหมือนตั้งใจจะทำร้ายมากกว่าทำเพราะอารมณ์พาไป หรือไม่เช่นนั้น บุคคลดังกล่าวก็อาจมีรสนิยมทางเพศที่ชอบความรุนแรง ทำนองเดียวกับมากีส์ เดอ ซาด ผู้อื้อฉาว”
“หรือเจ้าของรอยฟันที่ว่าจะเป็นฮาเดรียน” ข้าพเจ้าสันนิษฐาน ขยี้บุหรี่ที่สูบไปได้ไม่เท่าไรให้ดับและทิ้งลงในที่เขี่ยบุหรี่ หยิบดินสอขึ้นมาจดต่อ พลิกเปิดสมุดบันทึกของตนเองออกดูสิ่งที่จดเอาไว้ระหว่างการตรวจสถานที่เกิดเหตุ
“ก็เป็นไปได้ที่จะเป็นเขา” นายแพทย์หนุ่มว่า “หากพิจารณาตามประวัติศาสตร์โรมัน เป็นที่รู้กันว่า จักรพรรดิฮาเดรียนทรงตั้งสถานที่ฝึกมหาดเล็กและคัดเลือกเด็กหนุ่มหน้าตาและบุคลิกดีทั้งชาวบ้านธรรมดาและชนชั้นขุนนางเข้ามาเรียนศิลปวิทยาการต่าง ๆ รวมถึงการต่อสู้และล่าสัตว์ และอันติโนอุส ชายหนุ่มเชื้อสายกรีก ซึ่งได้รับการยกย่องในฐานะคู่รักของพระองค์ก็เคยผ่านการศึกษาที่นี่ อย่างไรก็ตาม แม้ว่าพระองค์จะนิยมและรับเอาวัฒนธรรมกรีกรวมทั้งระบบพีเดอราสตีของกรีกมาใช้ แต่ระบบพีเดอราสตีก็ไม่ใช่วัฒนธรรมทั่วไปของโรมัน หากเป็นสิ่งที่คนบางกลุ่มถือปฏิบัติเท่านั้น นอกจากนี้ ในสมัยโรมัน ก็ยังมีโสเภณีชายหรือเด็กชาย ซึ่งเป็นทาสหรือทาสไถ่ ไว้ให้บริการแก่ชายที่เป็นพลเมืองโรมันอีกด้วย ความสัมพันธ์ระหว่างชายกับชายของโรมันจึงค่อนไปทางเรื่องเพศมากกว่าการสอนสั่งให้เติบโตในฐานะผู้ชาย”
พูดไปแล้ว เขากลับโคลงศีรษะเหมือนยังมีบางสิ่งที่ไม่ลงตัว “แต่ผมไม่คิดว่า ฮาเดรียนจะคิดว่า จิมมี่เป็นอันติโนอุสของเขา… เพราะหากเขามองว่าพ่อหนุ่มนั่นเป็นเสมือนบุคคลที่รักยิ่งของจักรพรรดิฮาเดรียน เขาไม่น่าจะกระทำรุนแรงขนาดนี้”
“ถ้าหากความรักเปลี่ยนเป็นความชังเล่า คุณหมอ” ข้าพเจ้าตั้งข้อสังเกต “มันก็มีความเป็นไปได้เหมือนกันมิใช่หรือ”
“ก็เป็นไปได้ครับ” เขาพยักหน้า หากแต่ยกมือขึ้นกอดอก ซึ่งท่าทางเช่นนั้นบอกให้ข้าพเจ้ารู้ว่า ยังมีบางอย่างที่ยังติดใจเขาอยู่ “สารวัตรมีข้อมูลอะไรเพิ่มเติมเกี่ยวกับสถานที่เกิดเหตุหรือเปล่าครับ”
ข้าพเจ้าก้มดูบันทึกของตนเองแวบหนึ่ง
“ห้องเช่าห้องที่ดีนสตรีทเป็นห้องที่จิมมี่ ซัลลิแวนมาเช่าทิ้งเอาไว้ เมื่อปลายเดือนมิถุนายนที่ผ่านมานี่เอง โดยจ่ายค่าเช่าล่วงหน้าสามเดือน และจ่ายค่าจ้างให้หาคนซักรีดเครื่องนอนกับทำความสะอาดห้องให้อีกส่วนหนึ่งต่างหาก ผมไม่รู้ว่าแฮมมอนด์กับนิวเลิฟที่เป็นนายหน้าจัดหาลูกค้ามาซื้อบริการจากเขาทราบเรื่องนี้หรือไม่ เพราะเท่าที่รู้ หากพวกลูกค้าไม่หลับนอนกับพวกแมรี่แอนน์ที่บ้านบนถนนคลีฟแลนด์ ก็จะรับตัวพวกเขาไปหลับนอนกันข้างนอก กรณีของพ่อหนุ่มที่น่าสงสารรายนี้ น่าจะเป็นประการหลัง”
ข้อมูลที่ได้รับทำให้เขาเลิกคิ้วน้อย ๆ ด้วยความสนใจ “มีความเป็นไปได้ที่อคิลลีสหรือฮาเดรียนอาจเป็นคนออกเงินค่าเช่าห้องให้เขาเพื่อความสะดวกในการพบปะกันสินะครับ”
“เป็นไปได้มากทีเดียว และนั่นอาจเป็นคำอธิบายว่า ทำไมห้องที่เกิดเหตุถึงอยู่ในสภาพค่อนข้างเรียบร้อย และไม่มีใครรู้ว่า จิมมี่เสียชีวิตแล้ว ทั้ง ๆ ที่ตอนพบศพ คนเมาโวยวายอยู่เพียงคนเดียวก็ทำให้คนทั้งตึกแตกตื่นออกมาดู…”
“เพราะคุ้นเคยกันและใช้สถานที่นี้เป็นประจำจึงเปิดประตูต้อนรับให้เข้ามาในห้องแต่โดยดี และการทำร้ายกันอาจเกิดขึ้นระหว่างที่จิมมี่ไม่ทันระวังตัว” นพ. ฟอล์กเนอร์กล่าวต่อให้
“รูปการณ์น่าจะเป็นเช่นนั้น” ข้าพเจ้าบอก “แต่ผมก็ยังไม่อยากทิ้งประเด็นที่ว่าคนที่ฆ่าเขาอาจเป็นคนอื่นที่ไม่ใช่อคิลลีสหรือฮาเดรียน แต่อย่างน้อยที่สุด บุคคลที่ว่าน่าจะเป็นคนที่เขารู้จักพอสมควร หรือทำให้เขาเชื่อว่าได้รับคำสั่งหรือคำไหว้วานมาจากคนที่เขารู้จักและรู้ว่าเขาเช่าห้องนี้ไว้เพื่อการใด จึงยอมเปิดประตูให้เขาเข้ามาในห้อง…”
“หลังจากนั้นก็ขืนใจจิมมี่ ฆ่าเขา แล้วจัดฉากว่าเขาแขวนคอตาย” คู่สนทนาของข้าพเจ้าเสริม “ในขณะที่เรายังไม่อาจรู้ว่าคนที่ฆ่าจิมมี่เป็นใคร สิ่งหนึ่งที่ค่อนข้างแน่ คือ คนร้ายน่าจะมีรอยแผลจากการถูกเล็บข่วนอยู่บนร่างกาย หากเขาใช้มือบีบคอของจิมมี่ก็อาจมีรอยข่วนที่หลังมือ หากไม่ใช่ ก็อาจมีรอยที่อื่น ซึ่งเป็นหน้าที่ของตำรวจที่จะพิสูจน์ทราบในข้อนั้น”
จากสภาพเหมือนติดอยู่ในห้องมืดหาทางออกไม่เจอในตอนแรก เมื่อได้ใช้เวลานั่งลงพูดคุย ช่วยกันคิดอ่าน ถกเถียงโต้แย้งกัน หลายอย่างก็ดูจะกระจ่างยิ่งขึ้น และเริ่มพบช่องทางที่จะก้าวออกไปภายนอก เพื่อตามหาสิ่งที่คาดหมายเอาไว้และพิสูจน์ว่าสิ่งที่เราสันนิษฐานกันไว้ถูกต้องหรือไม่
คดีนี้ไม่ง่ายเลย… แต่ก็เหมือนทุกครั้งที่ผ่านมา แทบไม่มีคดีไหนที่แผนสืบสวนอาชญากรรมของตำรวจนครบาลทำที่เป็นเรื่องง่าย เพียงแต่ข้าพเจ้าอาจมีโชคกับเขาอยู่บ้างตรงที่มีผู้ใต้บังคับบัญชาที่ดีอย่างจ่ามัสเกรฟ และมีเพื่อนร่วมงานและมิตรสนิทอย่าง นพ. ฟอล์กเนอร์ ซึ่งทำให้ข้าพเจ้ามีกำลังพอจะรับมือกับเรื่องยากทั้งหลายได้
ข้าพเจ้าหยิบนาฬิกาพกจากกระเป๋าขึ้นมาดูเวลา ท้องฟ้านอกหน้าต่างเริ่มมืดแล้ว มื้ออาหารค่ำวันนี้เริ่มค่อนข้างเร็ว และการสนทนาหลังมื้ออาหารของเราก็ดำเนินมานานพอสมควร เมื่อคำนึงถึงเจ้าบ้านที่ทำงานหนักมาตั้งแต่เช้าถึงเย็น
“ผมควรจะไปเสียที ขอบคุณมากสำหรับอาหารค่ำและความคิดเห็น” ข้าพเจ้าลุกขึ้นจากเก้าอี้นวม ในขณะที่นายแพทย์หนุ่มลุกตามมาส่ง “พบกันพรุ่งนี้นะครับ ผมจะไปพบมิสซิสซัลลิแวนกับลิซซี่ที่โรงพยาบาล และแวะไปรับรายงานการชันสูตรที่สำนักงานของคุณหมอด้วย”
หากในระหว่างที่เราลงบันไดมายังทางเดินหน้าบ้าน ข้าพเจ้าก็อดพูดถึงสิ่งที่ตนเองคิดอยู่กับเขาไม่ได้ “ผมกำลังคิดว่า อคิลลีสอาจเป็นคนที่เรารู้จัก และอยู่ไม่ใกล้ไม่ไกลนี่เอง”
คำกล่าวนั้นดูจะไม่ได้ทำให้คนฟังแปลกใจเท่าใดนัก “สารวัตรคิดว่าเขาคือใครกันครับ”
ไม่ทันที่ข้าพเจ้าจะทันตอบความเขา เสียงเคาะประตูหน้าบ้านก็ดังขึ้น มิสซิสดาร์ลตัน แม่บ้านของเขาซึ่งกำลังนั่งทำบัญชีอยู่ในห้องครัวและควบคุมให้สาวใช้อีกคนหนึ่งซ่อมแซมเสื้อผ้าของผู้เป็นนายก็วางมือจากงานเพื่อออกมารับหน้าผู้มาเยือน หาก นพ. ฟอล์กเนอร์โบกมือห้ามไว้ และเปิดประตูรับบุคคลที่รออยู่หน้าประตูด้วยตนเอง
“มิสเตอร์โทเบียส ฟอล์กเนอร์ใช่ไหมขอรับ” ชายหนุ่มในเครื่องแต่งตัวอย่างคนรับใช้เอ่ยถามอย่างนอบน้อม เมื่อได้รับคำตอบแล้ว จึงก้มศีรษะให้ และส่งซองจดหมายซองหนึ่งให้เขา “ผมชื่อบาร์เกอร์ เป็นคนรับใช้ส่วนตัวของมิสเตอร์แอนโธนี เกรเซียน ท่านให้ผมนำข้อความในจดหมายนี้และตั๋วชมการแสดงละครมามอบให้คุณหมอ และให้ผมรอรับคำตอบขอรับ”
เรามองหน้ากันแวบหนึ่ง ก่อนที่เขาจะรับจดหมายจากบาร์เกอร์มาเปิดออกอ่าน ในจดหมายฉบับนั้น นักแสดงหนุ่มกล่าวขออภัยที่เสียมารยาท พร้อมขอนัดหมายที่จะพบ นพ. ฟอล์กเนอร์ที่โรงอาบน้ำตุรกีที่ถนนเจอร์มินสตรีท ถนนที่เต็มไปด้วยร้านค้าซึ่งขายสินค้าชั้นดี และยังเป็นที่ตั้งของโรงละครดังระบุเอาไว้ในบัตรสองใบที่เขาส่งมาให้พร้อมจดหมาย
สถานที่นัดหมายของแอนโธนี เกรเซียนทำให้คิ้วของสหายหนุ่มของข้าพเจ้าขมวดเข้าหากัน เขานิ่งคิดอยู่ชั่วครู่ก่อนหันมาถามข้าพเจ้า “เย็นวันพรุ่งนี้ สารวัตรว่างหรือเปล่าครับ หากผมขอให้ไปเป็นเพื่อน จะได้หรือไม่”
“ได้ซี คุณหมอ เย็นวันพรุ่งนี้ ผมไม่มีธุระอื่น หวังแค่ว่าจะไม่มีคดีเร่งด่วนแทรกซ้อนเข้ามาเท่านั้น”
“ถ้าอย่างนั้นก็กลับไปแจ้งให้มิสเตอร์เกรเซียนทราบด้วยว่า ฉันกับสารวัตรเฟย์จะไปพบเขาที่โรงอาบน้ำตุรกีที่ถนนเจอร์มินตามนัด และฝากขอบคุณในน้ำใจที่ส่งบัตรชมละครมาให้ถึงสองใบ เราจะไปชมละครด้วยอย่างแน่นอน” นพ. ฟอล์กเนอร์บอกแก่คนรับใช้ของนักแสดงหนุ่ม เดินตามไปดูถึงประตูจนกระทั่งอีกฝ่ายขึ้นรถม้ารับจ้างกลับไป จึงหันหลังกลับมาหาข้าพเจ้า และเดินออกมาส่งถึงริมถนนหน้าบ้าน
ข้าพเจ้าสวมหมวกให้เรียบร้อย จับมือร่ำลากับเขา แล้วจึงสวมถุงมือ “ถ้าคุณหมอไม่สบายใจ ปฏิเสธไปเสียไม่ดีหรือ”
“ก็จริงอยู่ แต่ผมไม่อยากให้สารวัตรเสียโอกาสที่จะได้พูดคุยกับเขา” นพ. ฟอล์กเนอร์เอ่ย “ผมไม่ชอบโรงอาบน้ำตุรกีสักเท่าไหร่ แต่มีสารวัตรไปด้วย คงไม่เลวร้ายนักหรอกกระมัง”
ทุกครั้งเขามักหลีกเลี่ยงการพบปะสังสรรค์กับผู้อื่นโดยไม่จำเป็น แต่ในคราวนี้ เขากลับตัดสินใจว่าจะไปตามคำขอ ด้วยเหตุผลเพียงแค่หากเขาไม่ไป ข้าพเจ้าอาจพลาดโอกาสสำคัญที่จะได้ข้อมูลเพิ่มเติมจากบุคคลที่เชิญเขาไปเท่านั้นเอง
“คุณหมอ…”
เขาส่ายหน้า ห้ามไม่ให้ข้าพเจ้าโต้แย้งหรือพูดอะไรต่อไปอีก
“สารวัตรสงสัยไม่ใช่หรือว่าแอนโธนี เกรเซียนอาจเป็นอคิลลีส ผมไม่อยากให้คุณพลาดโอกาสนี้”
To be continued...
-----------------------------------------------
หมายเหตุ: ภาพ cover เป็นภาพของ erastes และ eromenos ที่ปรากฏอยู่บนเครื่องกระเบื้อง Kylix ของกรีกโบราณ
รอลุ้นว่าจะพลิกล็อกมั้ยยย แง
ขอบคุณนะคะ
ถึงเวลาเฉลยก็จะได้รู้แล้วค่ะว่าใครเป็นใคร (คุณหมอเป็นพวกห่วง แต่ไม่พูดค่ะ 555)