เราใช้คุ๊กกี้บนเว็บไซต์ของเรา กรุณาอ่านและยอมรับ นโยบายความเป็นส่วนตัว เพื่อใช้บริการเว็บไซต์ ไม่ยอมรับ
The Scandals on Cleveland Streetpiyarak_s
Chapter 4 : เด็กส่งโทรเลข
  • หมายเหตุ: ภาพ cover เป็นภาพของ Telegram messengers หรือ telegraph boys ที่ทำหน้าที่ส่งโทรเลขของสำนักงานไปรษณีย์กลางลอนดอนช่วงต้นศตวรรษที่ 20 กิจการโทรเลขถูกยกเลิกไปในช่วงปี 1980



    (4)

    แอนโธนี เกรเซียนเป็นนักแสดงที่โดดเด่นและมีเสน่ห์บนเวที แต่แอนโธนี เกรเซียนที่อยู่นอกเวทีเป็นชายหนุ่มที่หล่อเหลาชวนมองยิ่งกว่ายามสวมบทบาทเป็นคนอื่นเสียอีก ความเยาว์วัยและสง่างามของเขาทำให้ข้าพเจ้านึกถึงรูปสลักของอพอลโล เทพแห่งดวงอาทิตย์ในปกรณัมกรีก มือของเขาที่ยื่นออกมาสัมผัสกับมือของข้าพเจ้าแห้งสะอาดและอ่อนนุ่มอย่างมือของศิลปิน กิริยามารยาทของเขาบ่งบอกว่าเป็นผู้ที่ได้รับการศึกษาและอบรมขัดเกลามาเป็นอย่างดี ด้วยเหตุนั้น ความช่วยเหลือที่เขาแสวงหาจากข้าพเจ้าจึงเป็นสิ่งที่ข้าพเจ้าคาดไม่ถึงในคราวแรก แต่มีบางอย่างในตัวของเขาบอกข้าพเจ้าว่า ความสัมพันธ์ของเขาและพ่อหนุ่มซัลลิแวนไม่ใช่เรื่องที่เป็นไปไม่ได้


    มีความเป็นไปได้ที่นักแสดงหนุ่มกับเด็กส่งโทรเลขจะรู้จักกันแน่นอน แต่คำถามในใจของข้าพเจ้า คือ พวกเขารู้จักกันในฐานะใดกันแน่ แค่เพื่อนสนิทอย่างที่แจ้ง หรือมีความสัมพันธ์อื่นแอบแฝงอยู่อีก 


    จะว่าอคติก็ได้ เพราะข้าพเจ้าไม่อยากไว้ใจคนที่มีความใกล้ชิดกับเซอร์เอ็ดเวิร์ด สแตนตันให้มากนัก และชื่อของบุคคลที่ข้าพเจ้าไม่ค่อยอยากพบเจอนักก็หวนกลับมาให้ได้ยินจนได้


    “ผมเคยได้ยินชื่อสารวัตรมาจากเซอร์เอ็ดเวิร์ด เมื่อเกิดเรื่องนี้ขึ้น ผมจึงนึกถึงสารวัตรเป็นท่านแรก ขอบคุณที่สละเวลาให้เราด้วย” เกรเซียนกล่าว หลังข้าพเจ้าเชิญให้เขานั่งลงที่เก้าอี้หน้าโต๊ะทำงาน “คุณแม่ของจิมมี่ป่วยหนักอยู่ เธอจึงขอให้ผมช่วยแจ้งหรือหาทางปรึกษากับตำรวจให้” 


    ก่อนที่ข้าพเจ้าจะทันถามรายละเอียดอาการป่วยไข้ของมิสซิสซัลลิแวน นักแสดงหนุ่มก็ชิงพูดขึ้นก่อน


    “มิสซิสซัลลิแวนผัดเข้าโรงพยาบาลมาหลายรอบแล้วครับ สารวัตร กระทั่งสองวันก่อนที่จิมมี่จะหายตัวไป เธอถึงยอมเข้ารับการรักษา สำหรับคนยากจนที่อาศัยอยู่ในชุมชนแออัดที่ไวท์ชาเพล ถ้าจะมีใครหายตัวไปไม่กลับบ้านคราวละหลายวันเป็นเรื่องธรรมดา แต่ไม่ใช่สำหรับจิมมี่ เพราะเขาไม่ใช่คนประเภทที่จะกล่อมให้แม่หยุดงานเข้ารับการรักษาแล้วหนีไปเสียเฉย ๆ โดยทิ้งน้อง ๆ เอาไว้ข้างหลัง แต่เพราะความเป็นคนจน เธอก็กลัวว่าทางตำรวจจะไม่สนใจและไม่ช่วยติดตามตัวเขากลับมาให้ ไม่ว่าใครจะคิดอย่างไร ผมรับรองได้ว่าเพื่อนของผมคนนี้ ไม่ใช่คนเหลวไหล มิหนำซ้ำยังประหยัด มัธยัสถ์ ไม่ชอบเที่ยวเตร่ เลิกงานแล้ว ก็กลับบ้านทุกครั้ง การหายตัวไปนานขนาดนี้จึงไม่ใช่เรื่องปกติ”


    เมื่อหาช่องจะยั้งเขาได้ ข้าพเจ้าก็ยกมือเป็นสัญญาณขอให้เขาหยุดพูด และให้เวลาแก่ข้าพเจ้าที่จะไตร่ตรองว่า จะพูดกับอีกฝ่ายเรื่องที่เราต่างกำลังตามหาคนคนเดียวกันกับเขาอย่างไร เพราะข้าพเจ้ายังไม่รู้ชัดว่า เขารู้เรื่องสิ่งที่เพื่อนของตนได้กระทำก่อนหน้านี้หรือไม่ 


    “มิสเตอร์เกรเซียน…” ข้าพเจ้าเอ่ยขึ้นในที่สุด “เราได้รับแจ้งเรื่องของเจมส์ ซัลลิแวนจากตำรวจดิวิชั่นเอชแล้ว”


    “มีอะไรเกิดขึ้นกับจิมมี่อย่างนั้นหรือครับ สารวัตร” น้ำเสียงและสีหน้าของเขาบ่งบอกถึงความร้อนใจ เมื่อเห็นท่าทีของข้าพเจ้า 


    “ในเวลานี้ ยังไม่มีใครรู้ว่า เขาอยู่ที่ไหนหรือเป็นอย่างไร” ข้าพเจ้าบอก ใช้ความพยายามในการทำให้เขาสงบลงมากพอ ๆ กับควบคุมกิริยาของตนเอาไว้ให้ได้ “อย่างไรก็แล้วแต่ ขอให้วางใจได้ว่า เราจะรับเรื่องที่เขาหายตัวไปเอาไว้ และจะพยายามอย่างดีที่สุดในการตามหาตัวเขา” 


    แอนโธนี เกรเซียนยิ้มออกมาอย่างโล่งใจ “อย่างที่เซอร์เอ็ดเวิร์ดบอกไว้จริง ๆ ว่าสารวัตรเป็นตำรวจที่พึ่งพาได้”


    เขาดีใจอย่างออกนอกหน้าและเอ่ยชมข้าพเจ้าด้วยนิสัยคนช่างฉอเลาะ แต่เขาคงไม่รู้ว่า คำกล่าวเช่นนั้นทำให้ข้าพเจ้าหนักอกอยู่ไม่น้อย เพราะการรับปากว่าจะช่วยตามหาบุคคลที่เขาหวังว่าจะได้พบ มิใช่คำรับรองว่าจะพบเขาในสภาพปกติดีทุกประการ จะอยู่รอดปลอดภัย หรือจะได้พบเมื่อกลายเป็นศพไปเสียแล้ว 


    “ผมขออนุญาตพูดตามตรง อย่าเพิ่งตั้งความหวังในทางที่ดีอย่างนั้นเลย” ข้าพเจ้าเตือน และไม่ทันขาดคำ พลตระเวนนายหนึ่งก็เข้ามาในห้องสำนักงานของแผนกสืบสวนอาชญากรรม ตรงมายังโต๊ะของข้าพเจ้า 


    “สารวัตรเฟย์ มีจดหมายด่วนจากสารวัตรแบล็คครับ” 


    ข้อความในจดหมายสั้นของสารวัตรเจมส์ แบล็คแห่งไวท์ชาเพลนับว่า เป็นข่าวร้ายที่มาได้พอเหมาะแก่เวลาอย่างยิ่ง 


    “พบศพชายหนุ่ม สวมชุดคนส่งโทรเลข อาจเป็นซัลลิแวน ส่งไปรอยัลฮอสพิทัลแล้ว - เจ แบล็ค”






    หากเวสต์เอนด์ เทียบได้กับสวรรค์ที่เต็มไปด้วยสิ่งปลูกสร้างที่สวยงาม ความเจริญทันสมัย อีกฟากฝั่งหนึ่ง คือ อีสต์เอนด์ ก็ไม่ต่างจากสถานที่ที่เปรียบเสมือนนรก อันยากจะหาสิ่งที่เจริญตาเจริญใจ และความปลอดภัยได้ยากยิ่ง ด้วยฟากฝั่งตะวันตกของมหานครลอนดอนแห่งนี้ขึ้นชื่อว่า ‘มืดมนที่สุดในลอนดอน’


    แม้จะย่างเข้าสู่ฤดูร้อนแล้ว ควันและเถ้าถ่านอันเกิดจากการเผาไหม้ของฟอนฟืนและถ่านหินจากโรงงานทั้งขนาดเล็กและกลาง รวมถึงจากการหุงหาอาหารที่ปกคลุมไวท์ชาเพลอยู่ทุกเมื่อเชื่อวันก็ไม่จางหายไปไหน กลิ่นจากผ้าอับชื้นที่ตกแขวนอยู่บนเชือกที่ขึงพาดระหว่างอาคารที่แอดอัดไปด้วยผู้อยู่อาศัยซึ่งลอยอยู่เหนือถนนเปียกแฉะ และกลิ่นฉุนจัดของแอมโมเนียจากสิ่งปฏิกูลที่ถูกทิ้งตามริมถนนลอยปะทะฆานประสาทของข้าพเจ้าอย่างจัง เช่นทุกครั้งที่มาทำคดีใจกลางชุมชนแออัดของย่านอีสต์เอนด์


    เมื่อหลายศตวรรษก่อน ไวท์ชาเพล ซึ่งเป็นเขตหนึ่งของฝั่งอีสต์เอนด์ เคยเป็นย่านการค้าที่รุ่งเรือง แต่ความรุ่งเรืองนั้นก็กลับกลายเป็นสิ่งที่กัดกร่อนสถานที่แห่งนี้จนเสื่อมโทรมแทบไม่เหลือความมั่งคั่งและสง่างามของวันเก่าด้วยเช่นกัน


    เพราะเป็นแหล่งการค้าจึงมีผู้คนมากมายหลั่งไหลเข้ามาหางานและเงินสำหรับเลี้ยงชีพ ทั้งคนจากชนบทของอังกฤษที่เข้ามาหางานทำในเมืองหลวง ชาวไอริชที่หลบอพยพหนีความยากแค้นด้วยความหวังว่าจะมีวันที่ท้องอิ่ม ชาวยุโรปตะวันออก เช่น รัสเซีย โปแลนด์ และยิวจากเยอรมนี ที่มาแสวงโชคในต่างแดนเป็นองค์ประกอบของพื้นที่ที่มีประชากรแออัดยัดเยียดที่สุดแห่งหนึ่งของฝั่งอีสต์แอนด์แห่งนี้ ยังไม่นับชาวจีนที่มาตั้งโรงยาฝิ่นอีกหลายโรงอย่างถูกกฎหมายที่นี่ด้วย


    นานวันเข้า เมื่อจำนวนประชากรที่เพิ่มสูงขึ้นเรื่อย ๆ คนแย่งกันกินกันใช้จนทรัพยากรและสาธารณูปโภค ที่พักอาศัยที่เคยมีอยู่เดิมไม่เพียงพอเพราะไม่อาจขยับขยายออกไปได้อีก จำนวนคนตกงานและคนไร้ที่อยู่จึงพุ่งสูงขึ้นในช่วงทศวรรษที่ผ่านมาอย่างน่าใจหาย หลายคนผันตัวไปเป็นขอทาน หรือลักเล็กขโมยน้อย ผู้หญิงไม่น้อยลักลอบค้าประเวณีแลกเงินเป็นครั้งคราวจึงไม่เข้าข่ายที่จะขึ้นทะเบียนเป็นโสเภณีที่ถูกกฎหมายได้ นี่เป็นตัวอย่างเพียงส่วนหนึ่งของหลายสิ่งหลายอย่างที่อยู่ในย่านนี้ จึงไม่น่าแปลกใจที่สถิติอาชญากรรมของอีสต์เอนด์พุ่งสูงขึ้นอย่างรวดเร็วภายในช่วงทศวรรษที่ผ่านมา และไม่มีทีท่าว่าจะลดลง 


    สำหรับชนชั้นกลางและชนชั้นสูงโดยมากแล้ว ไม่ค่อยมีใครอยากเยือนฟากฝั่งตะวันออกของลอนดอนโดยไม่มีเหตุจำเป็น เช่น ทำงานตามหน้าที่ กิจกรรมสังคมสงเคราะห์ หรือกิจธุระที่ไม่อาจเปิดเผยต่อสาธารณะได้ อย่างมาสูบฝิ่น หรือหลับนอนกับโสเภณี 


    หลายครั้งที่ข้าพเจ้าเห็นสุภาพสตรีและสุภาพบุรุษหลายคนตกอยู่ในภาวะอึดอัด หวาดหวั่น และตื่นตะลึงกับสภาพของชุมชนแออัด ไม่ว่าจะเป็นไวท์ชาเพล สปิทัลฟีลด์ เบธนัลกรีน หรือโอลด์ นิโคล**  ซึ่งปรากฏแก่ตาตนเองเป็นครั้งแรก และต่อให้เห็นมามากหน บางคนก็ยังแข็งใจเข้าไปในย่านนั้นอีกได้ยากยิ่ง แต่สำหรับแอนโธนี เกรเซียนจะมิได้อยู่ในกลุ่มคนประเภทที่ว่า สายตาที่เขาใช้มองบรรยากาศรอบตัวระหว่างเดินทางด้วยรถม้าไปยังจุดหมายนั้น คือ สายตาของคนที่คุ้นเคยกับสถานที่แห่งนี้เป็นอย่างดี


    “ผมเกิดที่ไวท์ชาเพลครับ แม่ผมเป็นคนทำความสะอาดในโรงพยาบาล ส่วนพ่อเป็นคนกวาดปล่องไฟ คนหนึ่งทำความสะอาดทั้งวัน อีกคนหนึ่งเนื้อตัวเลอะเทอะอยู่เกือบตลอดเวลา” นักแสดงหนุ่มเฉลยกลั้วหัวเราะ เมื่อสังเกตเห็นท่าทีที่ข้าพเจ้ามองเขา “เราจน แต่ไม่ถึงกับอดอยาก ถึงอย่างนั้น เราสี่พี่น้องก็ต้องช่วยพ่อแม่ทำงาน พวกงานกวาดปล่องไฟ ขายหนังสือพิมพ์ หรือทำความสะอาดคอกวัวในฟาร์มของพวกเวลส์ที่มาตั้งแถวมาริลโบน ผมเคยทำมาหมดแล้ว” 


    “ถ้าไม่ได้พบกับมิสเตอร์และมิสซิสฟิตซ์วิลเลียม และเซอร์เอ็ดเวิร์ด อย่างดีที่สุดในตอนนี้ ผมอาจเป็นแค่เสมียนหรือลูกจ้างในร้านค้า คนส่งไปรษณีย์หรือโทรเลข หรือคนกวาดปล่องไฟแบบพ่อก็ได้” รอยยิ้มผุดขึ้นบนริมฝีปากของเขา เมื่อเอ่ยถึงความก้าวหน้าในชีวิต “ตอนนี้ เรามีฟาร์มเล็ก ๆ และทำสวนแอปเปิ้ลอยู่ที่เซนต์อัลบาน ในเฮิร์ตฟอร์ดเชียร์ ไม่ได้ร่ำรวยมาก แต่ก็ไม่ต้องอยู่อย่างเบียดเสียดในห้องเล็ก ๆ ห้องเดียวอีกต่อไป” 


    “แล้วจิมมี่ ซัลลิแวนล่ะ คุณรู้จักกับเขาได้อย่างไร” วิลเลียม มัสเกรฟถาม น้ำเสียงของเขาแสดงให้เห็นชัดเจนว่า ไม่ได้ซาบซึ้งกับเรื่องราวของอีกฝ่ายนัก ติดจะรำคาญอยู่บ้างด้วยซ้ำ จึงนำเขาตรงเข้าสู่ประเด็นที่อยากรู้อย่างไม่อ้อมค้อม 


    ข้าพเจ้าพอจะเข้าใจความรำคาญของจ่ามัสเกรฟอยู่บ้าง เพราะเขาเองก็เป็นคนหนึ่งที่เกิดในครอบครัวของผู้อพยพชาวไอริชซึ่งเคยอาศัยอยู่ในอีสต์เอนด์ ก่อนก้าวขึ้นมาเป็นตำรวจสังกัดแผนกสืบสวนอาชญากรรมของสก็อตแลนด์ยาร์ดได้ด้วยความสามารถของตนเองโดยไม่มีใครช่วยผลักดันหรือให้โอกาส 


    “จิมมี่เคยเป็นเพื่อนข้างห้องของครอบครัวเราครับ ผมจำได้ดีทีเดียวว่าในปีที่ผมย้ายออกไปอาศัยกับผู้รับอุปการะ เป็นปีที่น้องสาวคนสุดท้องของเขาเกิด และไม่นานหลังจากนั้น แม่กับพ่อของเขาก็เลิกกัน แม่ของจิมมี่ทำงานหนักทั้งที่เพิ่งคลอด ป่วยจนถูกให้ออกจากงาน ทำให้พวกเขาต้องไปอาศัยสถานสงเคราะห์คนยากจน***  ที่เซาท์โกรฟเป็นที่อยู่ที่กิน” 


    แอนโธนี เกรเซียนตอบโดยไม่ใส่ใจในท่าทีของผู้ใต้บังคับบัญชาและคู่หูของข้าพเจ้า 


    “จิมมี่อ่อนกว่าผมสามปี ปีนี้เขาอายุสิบแปด เราเคยทำงานเป็นเด็กขายหนังสือพิมพ์ด้วยกันและสนิทกันมาก เขาเป็นคนทำงานหนัก และในช่วงสองปีที่ผ่านมา เขาทำงานหลายอย่างจนมีเงินมากพอที่จะเช่าห้องขนาดใหญ่กว่าเดิมและสะอาดกว่าเดิมได้ แต่ผมก็ยังอดคิดไม่ได้ว่า ถ้าพ่อของจิมมี่ตายไปสักคน เขากับแม่และน้อง ๆ คงจะมีความสุขมากกว่านี้” 


    นั่นไม่ใช่สิ่งที่ข้าพเจ้าคาดหมายว่าจะได้ยินจากปากของชายหนุ่มผู้นี้เลยแม้แต่น้อย สายตาและสีหน้าของเขาแสดงความชิงชังบุคคลที่ตนปรารถนาจะให้ตายอย่างไม่ปิดบัง รอยยิ้มเหยียดหยามบนริมฝีปากของเขาเป็นสิ่งที่ทำให้ใบหน้าหล่อเหลาราวกับรูปสลักกรีกนั้นน่าพรั่นพรึงอย่างบอกไม่ถูก 


    “หลังจากเลิกกันไปแล้ว พ่อของจิมมี่กลับมาเมื่อสัปดาห์ก่อน แต่แม่ของเขาไม่ยอมคืนดีด้วย ไอ้วายร้ายนั่นถึงกับทำร้ายแม่ของเขาจนตาบอดไปข้างหนึ่ง และหากไม่ผ่าตัดเอาตาที่ข้างนั้นออก เธออาจตายได้”


    แอนโธนี เกรเซียนกำหมัดแน่นเพื่อระงับความขุ่นเคืองยามเอ่ยถึงบิดาของเพื่อน 


    “ถ้าแม่ไม่บาดเจ็บจนพิการ จิมมี่ก็คงไม่ต้อง…”


    ไม่ทันจบประโยคเสียงของสารถีรถม้ารับจ้างดังขัดขึ้น 


    “ถึงโรงพยาบาลรอยัลฮอสพิทัลแล้วขอรับ ท่านสุภาพบุรุษ” 


    คนขับรถม้าร้องบอกให้รู้ว่ามาถึงที่หมายแล้ว หลังจากเห็นว่าเราต่างนั่งเฉยอยู่ในรถ ทำให้จำต้องจบการสนทนาแต่เพียงเท่านั้น 


    หลังข้าพเจ้าชำระค่าโดยสาร เราสามคนก็เดินเลาะรั้วโรงพยาบาลไปยังส่วนที่เป็นโรงเก็บศพ เพื่อให้นักแสดงหนุ่มที่แจ้งว่าเพื่อนของตนหายตัวไปมาช่วยระบุตัวของศพชายหนุ่มนิรนามที่ถูกพบ และเพื่อพบกับ ดร. โทเบียส ฟอล์กเนอร์ ศัลยแพทย์ตำรวจและสหายสนิทของข้าพเจ้า ซึ่งจะเป็นผู้ไขความกระจ่างในเรื่องสาเหตุการตายของชายผู้เคราะห์ร้าย


    สำนักงานของศัลยแพทย์ตำรวจตั้งอยู่ใกล้กับโรงเก็บศพ เงียบเหงาและทึมเทาชวนหดหู่เหมือนทุกครั้งที่มา คงมีเพียงคนอย่างสหายหนุ่มของข้าพเจ้าพึงใจจะขลุกอยู่ในสถานที่อย่างนี้ท่ามกลางร่างไร้ชีวิตมากกว่าสถานที่มีบรรยากาศสดใสหรือในวงสังคมเช่นคนอื่นทั่วไป 
      

    “สารวัตรเฟย์ จ่ามัสเกรฟ” พอล วิลคินสันเจ้าหน้าที่ประจำโรงเก็บศพทักข้าพเจ้าและผู้ใต้บังคับบัญชาอย่างคุ้นเคย ชายร่างผอมหน้าเสี้ยมคล้ายหนูผู้นี้เป็นผู้ช่วยศัลยแพทย์มือดี รู้งาน และมีอัธยาศัยดี ดูเหมือนเขาจะรู้อยู่แล้วว่าเราจะมาและกะเวลาออกมารอพบได้อย่างค่อนข้างแม่นยำ “คุณหมอเวสต์รออยู่แล้วขอรับ”


    ข้าพเจ้าแตะปีกหมวกทักเขา  “คุณหมอฟอล์กเนอร์ไปไหนเสียเล่า” 


    “คุณหมอไปช่วยผ่าตัดคนไข้รายหนึ่งอยู่ที่ห้องแสดงการผ่าตัดในโรงพยาบาลขอรับ” 


    คำตอบที่ได้ยินทำให้ข้าพเจ้าเลิกคิ้วด้วยความประหลาดใจ เพราะเขาไม่ชอบการที่มีสายตาจับจ้องและเกือบจะล้างมือจากการเป็นศัลยแพทย์รักษาคนเป็นไปอยู่แล้ว


    “ดร. ฟอล์กเนอร์บอกว่า หากสารวัตรมาถึง ให้เชิญไปที่ห้องแสดงการผ่าตัด” วิลคินสันกล่าวต่อ “ส่วนการพิสูจน์ตัวผู้ตายที่สารวัตรแบล็คให้นำมาไว้ที่โรงเก็บศพ ดร. เวสต์และกระผมจะเป็นผู้อำนวยความสะดวกเองเรื่องนี้เองขอรับ”


    ถึงจะยังนึกสงสัย แต่ข้าพเจ้าก็ไม่อาจซักถามอะไรเพิ่มเติมจากเจ้าหน้าที่โรงเก็บศพได้มากไปกว่าที่เจ้านายของเขาสั่งความเอาไว้ จึงได้แต่แวะเข้าไปทักทาย ดร. เบนจามิน เวสต์ ศัลยแพทย์ตำรวจอาวุโสที่มีความคุ้นเคยกันดีอยู่และขอตัวออกไปหา ดร. ฟอล์กเนอร์ตามที่เขาฝากความเอาไว้ 


    ห้องแสดงการผ่าตัดของโรงพยาบาลหาไม่ยากนัก แต่ก็ต้องอาศัยถามแพทย์และพยาบาลเป็นระยะเพื่อความแน่ใจ ห้องดังกล่างมีลักษณะเหมือนห้องบรรยายขนาดใหญ่ที่มีอัฒจันทร์ล้อมรอบ ตรงพื้นด้านล่าง แทนที่จะเป็นเวทียกสูงแบบเวทีโรงละคร ณ พื้นที่ตรงกลางนั้นมีเตียงสำหรับผ่าตัดตั้งอยู่ 


    ขณะที่ข้าพเจ้าไปถึง ศัลยแพทย์สองสามคนเริ่มดำเนินการสาธิตการผ่าตัดแก่นักเรียนแพทย์และผู้สนใจเข้าชมไปแล้วพักหนึ่ง โดยมีนางพยาบาลอีกสองคนเป็นผู้ช่วยในการส่งเครื่องมือ และคอยสังเกตอาการของคนไข้ที่สลบไสลไม่ได้สติเพราะฤทธิ์ของอีเธอร์อยู่บนเตียง โดยมีสายตาหลายสิบคู่จับจ้องศัลยแพทย์ที่กำลังผ่าตัดเอานัยน์ตาข้างที่เสียหายจนไม่อาจรักษาของหล่อนออกมาจากเบ้า


    แม้ในห้องนั้นจะคลาคล่ำด้วยผู้คน แต่การหาตัวของโทเบียส ฟอล์กเนอร์ไม่ยากเย็นเลย


    “เขาเหมือนเพอร์เซโฟนี****  ผู้งดงามที่ถูกปลดปล่อยออกมาจากขุมนรกเลยใช่ไหมล่ะ สารวัตรเฟย์” 







    To be continued... 


    -----------------------------------------------


    ** Whitechapel, Spitalfields, Bethnal Green และ Old Nichol เป็นชื่อที่ย่านที่มีชุมชนแออัดและแหล่งเสื่อมโทรม (rookery หรือ slum ในปัจจุบัน) 
    *** Workhouse เป็นสถานที่ซึ่งจัดตั้งขึ้นมาเพื่อสงเคราะห์คนยากจนซึ่งไม่มีงาน หรือไม่มีที่อยู่อาศัยให้มีที่อยู่ ที่กิน และมีรายได้จากการทำงานในโรงงานของสถานสงเคราะห์ นอกจากคนยากจนแล้ว คนที่มาอยู่และทำงานในเวิร์กเฮ้าส์ยังรวมไปถึงสตรีที่มีบุตรนอกสมรส คนชรา คนพิการ เด็กกำพร้า หรือคนที่มีปัญหาทางจิตหรือสติปัญญาด้วย
    **** Persephone ในปกรณัมกรีก (Greek Mythology) เป็นธิดาของเทพซูส (Zeus) และเทพธิดาดีมีเทอร์ (Demeter) เป็นราชินีแห่งนรก เนื่องจากถูกลักพาตัวมาเป็นชายาของเฮดีส (Hades) ราชาแห่งนรก และเป็นเทพธิดาแห่งฤดูใบไม้ผลิ และพืชพันธุ์ธัญญาหารด้วย

Views

เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น

Log in
alf_yakusa (@alf_yakusa)
เหม็นหน้าเซอร์เอ็ดเวิร์ดจังค่ะ ชิงชัง 555555 ภาคนี้น่าติดตามมาเรย รู้สึกตื่นเต้นๆ
seven792pn (@seven792pn)
ชอบเรื่องและสำนวนการเขียนมากๆเลยค่ะ
ดีใจที่ได้เข้ามาอ่านงานของคุณนะคะ
piyarak_s (@piyarak_s)
@seven792pn ขอบคุณมากๆ เลยค่ะ ดีใจที่ชอบ เรื่องนี้ลงค้างเอาไว้นานแล้วจะพยายามมาต่อเร็วๆ นี้นะคะ
Cat's box (@Aimer)
ดีใจมากๆที่เห็นอัพเดทของเรื่องนี้ค่ะ ปกติไม่รู้ว่าไรท์เตอร์ลงที่ไหน เลยมารอแต่ที่มินิมอร์ >< จะรอติดตามตอนต่อไปนะคะ
piyarak_s (@piyarak_s)
@Aimer ขอบคุณค่า ปกติลงที่มินิมอร์ที่เดียวค่ะ ถ้าไม่ติดงานจะพยายามลงให้บ่อยขึ้น ไม่ทิ้งช่วงนานแบบคราวที่แล้วละค่ะ ><