หากแอนโธนี เกรเซียนคืออคิลลีส และจิมมี่ ซัลลิแวนคือเปโตรคลุส แล้ว ‘ฮาเดรียน’ เป็นใคร...
คำถามข้อนี้ยังติดค้างในใจของข้าพเจ้าอยู่ไม่วาย แต่การถามออกไปตามตรงอาจไม่ได้คำตอบในสิ่งที่ข้าพเจ้าอยากรู้
“นอกจากคุณแล้ว จิมมี่ได้บอกคุณไหมว่า เขามีลูกค้าคนอื่นอีกหรือไม่” ข้าพเจ้าลองถามอ้อม ๆ ไปก่อน
ชายหนุ่มตรงหน้าของข้าพเจ้านิ่งคิดอยู่ครู่หนึ่ง ปากของเขาขยับคล้ายจะตอบว่า ใช่ แค่คำตอบที่ข้าพเจ้าได้รับกลับตรงกันข้าม “ไม่ครับ สารวัตร... เขาไม่ได้บอกผมว่า มีคนอื่นที่ใช้บริการของเขาอีก”
“แล้วคุณแน่ใจได้อย่างไรว่า จิมมี่ไม่ได้ใช้เวลาของเขากับคุณเพียงคนเดียวอย่างที่คุณต้องการ”
เขาขมวดคิ้วเข้าหากัน “คุณพยายามจะบอกอะไรกับผมกันแน่”
“เท่าที่เรารู้ มีคนอื่นนอกจากคุณที่มีชื่อเป็นผู้ใช้บริการจิมมี่ ซัลลิแวน”
ดวงตาของเขาจับจ้องที่ใบหน้าของข้าพเจ้าเหมือนพยายามจะจับให้ได้ว่า ข้าพเจ้ากำลังโกหกเขาอยู่หรือไม่ แต่เมื่อเขาครุ่นคิดได้สักพัก ก็มีท่าทีผ่อนคลายลง ดูไม่มีความกังวลหรือหวาดระแวงเรื่องพฤติกรรมของชายหนุ่มคู่รักของเขาอย่างใดทั้งสิ้น และคล้ายจะรู้ว่าบุคคลอื่นที่ข้าพเจ้าว่าเป็นใคร อีกทั้งไม่มีเหตุต้องกังวลเกี่ยวกับคนผู้นี้ด้วย
“เรื่องนั้นผมไม่ทราบครับ สารวัตร แต่ผมเชื่อใจในตัวของจิมมี่ว่าเขาไม่มีคนอื่นนอกจากผมอย่างแน่นอน”
“แม้ว่าจะมีชื่อของคนอื่นซื้อบริการเขาน่ะหรือ”
ริมฝีปากของเกรเซียนแย้มออกแช่มช้า เขาสูดควันจากหม้อฮุคคาห์ มองควันที่ล่องลอยในบรรยากาศของห้องพักผ่อนหลังจากอาบน้ำในโรงอาบน้ำตุรกี ก่อนจะส่ายหน้าอย่างหนักแน่น
“คนอื่นจะว่าอย่างไรก็ช่าง ผมรู้จักคนของผมดีกว่าใครก็แล้วกัน”
“คุณจะไม่สนใจเลยจริงหรือ ว่าคนอื่นผู้นั้นเป็นใคร” ข้าพเจ้าโน้มตัวเข้าไปหาเขาแล้วจับข้อมือของเขาเอาไว้ ลดเสียงลง แม้ในเวลานั้นใกล้ตัวเราจะไม่มีใครอื่นอยู่ “ไม่สนใจ ทั้ง ๆ ที่มีข้อสงสัยว่าเขาทำร้ายร่างกายของจิมมี่ของคุณ แล้วทำให้เขาตายอย่างน่าสงสารน่ะหรือ”
คำกล่าวของข้าพเจ้าส่งผลกับแอนโธนี เกรเซียนเกินคาด ดวงตาของเขาเบิกกว้าง สีหน้าของเขาบ่งบอกถึงความไม่เห็นด้วยถึงขีดสุด
“เป็นไปไม่ได้!”
“ทำไมคุณถึงรู้ว่าเป็นไปไม่ได้” ข้าพเจ้าถามเรียบ ๆ ไม่ตื่นเต้นตกใจไปกับเขาด้วย และเป็นตอนนี้เองที่เขาดูเหมือนจะรู้แล้วว่าแสดงพิรุธอะไรออกมา
“ผมแค่พลั้งปากพูดไปเท่านั้น สารวัตรอย่าใส่ใจเลย” เขาปรับท่าทีให้เป็นปกติ แต่ความพยายามนั้นไม่เป็นผลนัก
“คุณเกรเซียน คุณไม่อยากรู้ตัวคนที่ทำให้จิมมี่ต้องตายหรอกหรือ”
“อยากสิ ทำไมผมถึงจะไม่อยาก” เสียงของเขาสั่น ดวงตาของเขาแดงก่ำขึ้นมาทันที ผมรู้ว่าเขาอยากจะตะโกนใส่หน้าผม แต่สิ่งที่ทำได้ในโรงอาบน้ำที่มีคนอื่นอยู่ด้วยคือการพูดลอดไรฟันของเขาออกมาเท่านั้นเอง “แต่...”
“แต่คุณไม่เชื่อว่าคนที่คุณคิดว่าเกี่ยวข้องกับจิมมี่คนนั้นเป็นคนฆ่าเขา” ข้าพเจ้ารุกต่อ “คุณรู้ว่าคนที่ใช้บริการจิมมี่คนอื่นเป็นใคร และคุณไม่คิดว่าเขาเป็นฆาตกร ผมเข้าใจถูกหรือเปล่า”
“อย่ากดดันผม”
“ผมไม่ได้กดดันคุณ คุณเกรเซียน ผมแค่ต้องการความจริงจากคุณ” ข้าพเจ้าบอก “คุณจะช่วยให้เราทำงานได้ง่ายขึ้น ถ้าคุณบอกในสิ่งที่คุณรู้เห็นเกี่ยวกับจิมมี่กับเรา เช่น สถานที่ที่พวกคุณนัดพบกัน วันและเวลาที่คุณพบเขาเป็นครั้งสุดท้าย”
ข้าพเจ้าถอนใจยาว มองชายหนุ่มที่ก้มหน้านิ่ง ขบริมฝีปาก และกำมือสองข้างแน่น
“ผมไม่ได้ต้องการให้คุณตอบผมตอนนี้ เวลานี้หรอก” ข้าพเจ้ากล่าวกับเขาด้วยน้ำเสียงที่อ่อนลง เอื้อมมือออกไปตบหลังมือของเขาเบา ๆ เพื่อปลอบใจให้เขาผ่อนคลายลง “แต่ผมอยากให้คุณรู้ว่า ยิ่งนานวันไป โอกาสที่เราจะค้นหาความจริงเกี่ยวกับคดีของจิมมี่ก็ยิ่งห่างไกลออกไปทุกที”
การบังคับให้เขาต้องตอบคำถามในสถานที่ที่ไม่เหมาะสมไม่มีประโยชน์อะไร ข้อมูลที่ได้จากการพูดคุยกันตามลำพังอาจมีประโยชน์แต่ไม่สามารถนำไปใช้ในทางการสืบสวนคดีได้มากเท่ากับการให้ปากคำอย่างเป็นทางการกับตำรวจ ทุกอย่างเปลี่ยนแปลงได้ ตราบใดที่ไม่มีการบันทึกถ้อยคำไว้เป็นหลักฐาน
“เอาเถอะ ผมคงทำให้คุณหมดอารมณ์ที่จะหาความสุนทรีจากโรงอาบน้ำตุรกีเสียแล้ว” ข้าพเจ้าเอ่ยกับนักแสดงหนุ่ม แล้วลุกขึ้นจากที่นั่ง เขามองตามแต่ไม่ได้กล่าวสิ่งใด “ผมคงต้องไปเสียที ขอบคุณสำหรับประสบการณ์แปลกใหม่ และถ้าหากคุณพร้อมที่จะบอกข้อมูลกับผมหรือทางตำรวจเราเมื่อใด เรายินดีที่จะรับฟังข้อมูลจากคุณเสมอ”
แล้วข้าพเจ้าก็ผละจากแอนโธนี เกรเซียนโดยปล่อยให้เขานั่งอยู่ที่เดิมตรงนั้น ส่วนตนเองก็ออกมาจากห้องพักหลังอาบน้ำ ผลัดเปลี่ยนเสื้อผ้าในห้องแต่งตัว ชำระเงิน แล้วรีบออกมาจากโรงอาบน้ำแห่งนั้นทันที
ระหว่างที่ข้าพเจ้ามองหารถม้ารับจ้างที่จะเรียกให้ไปส่งยังสำนักงานของข้าพเจ้าในสก็อตแลนด์ยาร์ด ก็มีเสียงหนึ่งร้องเรียกมาจากทางด้านหลัง
นักธุรกิจใหญ่ยิ้มให้พร้อมเปิดหมวดโบว์เลอร์ที่สวมอยู่ให้ข้าพเจ้า ดวงตาคมเหมือนตาเหยี่ยวของเขาจับจ้องมายังข้าพเจ้าอย่างสนใจ แต่ดูเหมือนเขาไม่แปลกใจนักที่เห็นคนอย่างข้าพเจ้าเดินออกมาจากโรงอาบน้ำที่เรียกได้ว่าเป็นสถานที่ผ่อนคลายที่ค่อนข้างฟุ่มเฟือยสำหรับชนชั้นกลางอยู่พอสมควร
“มาทำธุระแถวนี้หรือ” เขาทักแบบไม่ต้องการคำตอบ “พอจะมีเวลาอยู่สนทนากับผมสักครู่ไหม”
“คุณอยากคุยกับผมเรื่องอะไรล่ะ” ข้าพเจ้าถามเขาแบบไม่อ้อมค้อม
มุมปากของเขาขยับยกขึ้นสูงกว่าเดิม
“หลายเรื่อง แต่รับรองได้ว่า ผมจะไม่ทำให้คุณเสียเวลาอันมีค่าในการสืบคดีเกี่ยวกับเพื่อนรักของพ่อหนุ่มน้อยของผมหรอก”
เขามีลับลมคมในเช่นเคยและข้าพเจ้าเกลียดความจริงที่ว่า คำพูดของเขากระตุ้นความอยากรู้อยากเห็นของคนฟังได้เสมอ เพราะเขารู้ว่าจะพูดเรื่องใดกับใคร และเรื่องที่เขาเอ่ยออกมานั้นก็เป็นเรื่องที่อยู่ในความสนใจของข้าพเจ้าเสียด้วย
เอ็ดเวิร์ด สแตนตันกล่าวถึงคดีของจิมมี่ ซัลลิแวน และไม่ต้องสงสัยเลยว่า การปรากฏตัวของเขาในย่านถนนเจอร์มินไม่ใช่แค่เรื่องบังเอิญ ท่าทีของเขาจงใจแสดงออกให้ข้าพเจ้าเข้าใจอย่างชัดเจนว่า เขารู้เรื่องดังกล่าวดีและเขามีส่วนเกี่ยวข้องในฐานะของผู้อุปถัมภ์ของแอนโธนี เกรเซียน ซึ่งเป็นเพื่อนกับผู้ตายในคดีของข้าพเจ้า
“ถ้าเช่นนั้นก็ได้” ข้าพเจ้าตอบรับคำชวนนั้น “เราจะคุยกันที่ไหน”
“คุณเข้าใจอะไรง่ายและพูดจาตรงไปตรงมาดี ผมชอบที่คุณเป็นคนแบบนี้” เซอร์เอ็ดเวิร์ดกล่าวยิ้ม ๆ “เราไปใช้สโมสรของสมาคมที่ผมเป็นสมาชิกอยู่ดีกว่า ห้องสมุดของที่นั่นสงบดี จะได้ไม่มีใครมารบกวนระหว่างที่เราพูดกัน”
ข้าพเจ้าไม่ได้กล่าวอะไร เพียงแต่เดินตามเศรษฐีนักเดินเรือไปตามถนนเจอร์มิน สถานที่ตั้งสมาคมที่เขากล่าวถึงไม่ห่างจากโรงอาบน้ำตุรกีมากนัก ประตูหน้าอาคารดูเรียบง่ายแต่ภูมิฐาน บนป้ายเหนือประตูสลักไว้เป็นชื่อว่า ‘สมาคมผู้ศึกษาวัฒนธรรมกรีกและโรมัน’
ขณะที่ข้าพเจ้าชะลอเท้าเพื่ออ่านป้ายก่อนตามเข้าไปภายใน เซอร์เอ็ดเวิร์ดก็หันมามองข้าพเจ้ายิ้ม ๆ ก่อนหันไปกล่าวแนะนำข้าพเจ้ากับคนเฝ้าประตูและพนักงานต้อนรับของสมาคม และเดินนำข้าพเจ้าเข้าไปข้างใน
อาคารแห่งนี้เป็นที่ตั้งของทั้งสมาคมและสโมสรสำหรับสุภาพบุรุษ ชั้นล่างของอาคารแบ่งออกเป็นห้องประชุมและบรรยายของสมาคม ห้องสังสรรค์ของสโมสรสุภาพบุรุษ ส่วนชั้นบนเป็นห้องสมุดและห้องสำนักงานส่วนตัวของเซอร์เอ็ดเวิร์ดที่เป็นผู้อุปถัมภ์รายใหญ่ของสมาคมและเป็นหนึ่งในผู้ก่อตั้งสโมสร
ระหว่างที่เขาพาข้าพเจ้าเดินเข้าไปภายใน เขาก็แวะทักทายกับสุภาพบุรุษที่นั่งสนทนาและสูบบุหรี่กันอยู่ในห้องสังสรรค์อย่างคุ้นเคย บางคนดูเหมือนจะจำหน้าข้าพเจ้าได้จากหนังสือพิมพ์และมีอาการตื่นตกใจอยู่บ้าง ซึ่งข้าพเจ้าคิดว่าแปลก แต่ถึงกระนั้นพวกเขาก็ปฏิบัติกับข้าพเจ้าอย่างมีมารยาท และส่วนใหญ่ดูโล่งใจขึ้นมา เมื่อเซอร์เอ็ดเวิร์ดเป็นฝ่ายแนะนำข้าพเจ้าให้ทุกคนได้รู้จัก ราวกับว่าคำรับรองของเขาทำให้ข้าพเจ้ากลายเป็นพวกเดียวกันกับพวกเขาไปโดยปราศจากข้อกังขา แต่ข้าพเจ้าก็อดคิดอยู่ไม่ได้ว่า สายตาของบางคนดูแปลกใจปนทึ่ง ซึ่งเป็นความแปลกใจที่มีความสบายใจปนอยู่อย่างที่ข้าพเจ้าเดาสาเหตุไม่ได้
หลังจากทักทายผู้คนที่อยู่ภายในสมาคมและสโมสรกันพอเป็นพิธีแล้ว เซอร์เอ็ดเวิร์ดก็นำข้าพเจ้าเข้าไปในห้องสมุด ซึ่งเป็นห้องสมุดที่ดีที่สุดแห่งหนึ่งที่ข้าพเจ้าเคยเห็นมา บรรยากาศ แสงสว่าง จำนวนหนังสือ และการจัดวางโต๊ะเก้าอี้ภายในห้องล้วนเหมาะสมสำหรับการใช้งานได้คราวละนาน ๆ บ่งบอกถึงความใส่ใจของเจ้าของสถานที่เป็นอย่างดี
เซอร์เอ็ดเวิร์ดดูพอใจกับท่าทีของข้าพเจ้าที่มีต่อห้องสมุดแห่งนี้อย่างเห็นได้ชัด เขาถามข้าพเจ้าว่าต้องการดื่มสุราหรือไวน์หรือไม่ แต่ข้าพเจ้าปฏิเสธ เขาสั่นระฆังเรียกพนักงานประจำชั้นสองและขอบรั่นดีแก้วหนึ่งสำหรับตนเอง แล้วหันมาหาข้าพเจ้าหลังจากพนักงานผู้นั้นลับสายตาไป
“คุณต้องการคุยกับผมเรื่องอะไร” ข้าพเจ้าเข้าเรื่อง
“นั่นสินะ เรื่องอะไรดี” เอ็ดเวิร์ด สแตนตันยกขาขึ้นไขว่ห้าง ลูบคางของตนเองยิ้ม ๆ “เรื่องเกี่ยวกับแอนโธนี เกรเซียนที่สารวัตรไปพบเขาที่โรงอาบน้ำตุรกีวันนี้ หรือจะเป็นเรื่องของมิสเตอร์โทเบียส ฟอล์กเนอร์ เพื่อนหนุ่มของคุณที่ไม่ได้มาตามคำเชิญวันนี้ดี”
ข้าพเจ้าเลิกคิ้วน้อย ๆ กับประโยคหลัง
คนตรงหน้าของข้าพเจ้าหัวเราะเบา ๆ กับท่าทีที่ข้าพเจ้าแสดงออก “คุณสงสัยหรือว่าโทเบียส ฟอล์กเนอร์เกี่ยวอะไรด้วย”
“ใช่” ข้าพเจ้าตอบตามตรง
“เกี่ยวซี เกี่ยวอย่างมากด้วย เพราะเขาเป็นแรงบันดาลใจที่ทำให้ผมตัดสินใจตั้งสโมสรผู้นิยมวัฒนธรรมกรีกโรมันนี้ขึ้นมา และแอนโธนีก็เป็นหนึ่งในผลิตผลของสโมสรที่น่าภาคภูมิใจของผมด้วย ความสัมพันธ์ที่สวยงามของเขากับจิมมี่ ซัลลิแวนเป็นสิ่งหนึ่งที่บ่งบอกว่าแนวคิดของสมาคมเรางอกงามในหัวใจของคนหนุ่มอย่างเขาอย่างดีทีเดียว”
“ขออภัยเถอะ” ข้าพเจ้าเอ่ย สิ่งที่เขากล่าวเป็นสิ่งที่ข้าพเจ้าไม่คาดคิดและทำให้ข้าพเจ้าจับต้นชนปลายไม่ถูก “ผมไม่เข้าใจ”
“ทุกอย่างเริ่มต้นเมื่อผมได้พบกับโทเบียส ฟอล์กเนอร์เป็นครั้งแรก” เขาบอก และหยุดไปชั่วครู่เมื่อพนักงานนำสุรามาให้ กำชับว่าห้ามใครเข้ามาในห้องนี้ ก่อนจะกล่าวกับข้าพเจ้าต่อเมื่อพนักงานออกไปแล้ว
“ผมสารภาพกับสารวัตรอย่างไม่อ้อมค้อมว่า ผมสนใจในตัวของ นพ. ฟอล์กเนอร์อย่างจริงจังตั้งแต่แรกพบ เมื่อครั้งที่เขามาร่วมงานเลี้ยงกับทิโมธี และเฮ็คเตอร์ ฟอล์กเนอร์ พี่ชายคนโตและพี่ชายคนรองของเขา” เซอร์เอ็ดเวิร์ด สแตนตันกล่าว “ไม่เฉพาะแต่ความงดงาม ความนิ่งเฉยและพยายามไม่ทำตัวให้เป็นที่สะดุดตาคนของเขานั่นละที่ทำให้ผมประทับใจ”
“การเชิญเฮ็คเตอร์ ฟอล์กเนอร์ พี่ชายของเขาไปล่าไก่ฟ้าที่บ้านพักล่าสัตว์ของลอร์ดดักลาสในซัสเซ็กซ์ การได้เฝ้ามองเขาใช้ชีวิตกลางแจ้งทำให้ผมรู้ว่า เขาเข้มแข็ง ปราดเปรียวเหมือนแมวป่า เจ้าเล่ห์เหมือนสุนัขจิ้งจอก ที่ไม่ว่าสุนัขล่าเนื้อหรือพรานคนไหนก็ใช่ว่าจะตามจับเขาได้ง่าย ๆ แต่ในบางครั้ง เขาก็ไม่ต่างอะไรจากสัตว์ป่าที่ไม่เคยรู้จักมนุษย์”
“เขาไม่ไปร่วมล่าสัตว์ แต่ขอปลีกตัวออกไปตามลำพัง และสิ่งที่ผมเห็นเมื่อลอบตามไปไม่ให้เขารู้ตัว คือ ภาพที่ผมลืมไม่ได้เลยแม้กระทั่งวันนี้”
ดวงตาของเขามีประกายบางอย่างยามเอ่ยถึงเรื่องดังกล่าว
“เขาถอดเสื้อนอกออก เหลือเพียงเสื้อเชิ้ตกับกางเกงขายาวพับขากางเกงขึ้น ถอดรองเท้าไว้บนตลิ่งข้างหนึ่ง เดินลุยน้ำข้ามไปนั่งอ่านหนังสือบนก้อนหินริมลำธารตามลำพัง ทุกกิริยาที่แสดงออกเวลาไม่มีใครมองอยู่มีเสน่ห์ล้นเหลือ... เป็นเวลานั้นเอง ที่ผมเข้าใจเหตุผลที่ชายชาวกรีกโบราณหลงใหลและยกย่องความสวยงามของสรีระชายหนุ่ม และเข้าใจว่า เหตุใดจักรพรรดิฮาเดรียนจึงทรงต้องพระทัยในตัวของเจ้าหนุ่มอันติโนอุสได้ในทันที”
“ขออภัยเถอะ…”
“สารวัตรได้ยินไม่ผิดหรอก จักรพรรดิฮาเดรียนและอันติโนอุส คนรักของพระองค์นั่นละ”
คู่สนทนาของข้าพเจ้าเอ่ยย้ำ แต่นั่นไม่ใช่สิ่งที่ข้าพเจ้าต้องการจะเตือนเขา แม้การเอ่ยชื่อของมหาราชโรมันพระองค์นั้นจะชวนสะดุดใจอยู่เอาการ
“ชาติกำเนิดของอันติโนอุสไม่สูงส่ง แต่เขาก็ได้รับการศึกษาที่ดีในโรงเรียนหลวงที่ฮาเดรียนก่อตั้งขึ้นเพื่อรวบรวมเด็กหนุ่มจากทุกสารทิศมาไว้ฝึกเป็นมหาดเล็ก เขารอบรู้ทั้งประวัติศาสตร์ บทกวี และศิลปะ ยิ่งไปกว่านั้น เขาเป็นนายพรานที่มีทักษะในการล่าสัตว์ โดยเฉพาะสัตว์ดุร้าย เช่น สิงโต และกล้าหาญพอที่จะออกหน้าผจญกับสัตว์ร้ายเหล่านั้นเช่นเดียวกับหมาล่าเนื้อที่จะออกล่านำและปกป้องผู้เป็นนาย ไม่ทะเยอทะยาน ไม่เผยอหน้าอาศัยความเป็นคนโปรดแสวงหาผลประโยชน์เข้าหาตัว ความฉลาด กล้าหาญและซื่อสัตย์นั่นต่างหากเล่าที่ครองใจของจักรพรรดิผู้ยิ่งใหญ่และชาญฉลาดอย่างฮาเดรียน”
“พูดก็พูดเถอะนะ…” เซอร์เอ็ดเวิร์ด สแตนตันกล่าวอย่างมาดมั่น “ผม ‘อยากได้’ โทเบียส ฟอล์กเนอร์ แมวป่าหนุ่มที่งดงาม ดื้อรั้น และอันตรายตัวนั้นมาเป็นของผม… ยิ่งได้ตัวยากเท่าไหร่ เขาก็ยิ่งมีค่าสำหรับผมมากขึ้นเท่านั้น”
คำพูดของเขาสะดุดหูของข้าพเจ้า “ขออภัยอีกครั้งเถอะ… ผมไม่เข้าใจว่าคุณหมายความว่าอย่างไร สำหรับคำว่า ‘อยากได้’ นั่น…”
“จริงหรือ” ปลายเสียงของเขาสูงขึ้นเล็กน้อย ในขณะที่เลิกคิ้วขึ้นน้อย ๆ กับคำถามดังกล่าวด้วยเช่นกัน น้ำเสียงเหมือนกลั้วหัวเราะของเขาทำให้ข้าพเจ้ารู้สึกอึดอัดอย่างบอกไม่ถูก
“ผมถามจริง ๆ เถอะ สารวัตร” เขาลดเสียงลง และโน้มตัวมากระซิบกับข้าพเจ้า “เมื่อสารวัตรเห็นใบหน้าและเรือนร่างที่งดงามของโทเบียส ฟอล์กเนอร์แล้ว สารวัตรไม่อยากครอบครองร่างกายและจิตใจของเขาเลยอย่างนั้นหรือ…”
คำถามนั้นทำให้ข้าพเจ้าผงะโดยไม่รู้ตัว ในขณะที่อีกฝ่ายหนึ่งมองปฏิกิริยาของข้าพเจ้าโดยไม่มีท่าทีกระดากใจกับสิ่งที่ตนเองกล่าวออกมาเลยแม้แต่น้อย
“การที่คุณบอกเรื่องนี้กับผมก็ไม่ได้ทำให้คุณได้สมประโยชน์อันใด นอกเสียจากเป็นเบาะแสให้ผมดำเนินคดีอาญากับคุณเท่านั้นเอง”
“เพราะผมรู้ว่าบุคคลเพียงคนเดียวที่โทเบียส ฟอล์กเนอร์ไว้ใจ คือ สารวัตร และผมก็รู้ด้วยว่า สารวัตรไม่เหมือนตำรวจคนอื่นในสก็อตแลนด์ยาร์ดที่กระเหี้ยนกระหือรือจะสร้างผลงานก่อนจะหาหลักฐานที่มัดตัวบุคคลนั้นให้ได้ก่อน”
มหาเศรษฐีนักเดินเรือหัวเราะอย่างไม่สะทกสะท้าน
“กฎหมายบัญญัติให้ความสัมพันธ์ระหว่างผู้ชายด้วยกันเป็นอาชญากรรม แต่การทำให้คนดี ๆ คนหนึ่งเต็มใจร่วมก่ออาชญากรรมนี้ด้วยกัน มันสร้างความท้าทายและความอยากที่จะเอาชนะขึ้นมาอีกหลายเท่าตัว เพราะฉะนั้น พวกแมรี่แอนน์หรือเด็กส่งโทรเลขที่ถนนคลีฟแลนด์พวกนั้น ที่ควักเงินจ่ายก็ได้ตัว หลับนอนกันเสร็จก็จบไป ไม่ใช่คนประเภทที่ผมสนใจจะทุ่มเทหรือเข้าไปเกี่ยวข้องด้วย”
“คุณกำลังจะบอกผมว่า คุณไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับคดีของเด็กหนุ่มที่ตายไปคนนั้น เพราะคุณไม่เคยซื้อบริการจากถนนคลีฟแลนด์ และท่านมีเป้าหมายที่สูงกว่านั้น คือ ดร. ฟอล์กเนอร์”
เขาคลี่ริมฝีปากเป็นรอยยิ้มอย่างมีนัย
“เห็นไหม ผมเลือกบอกไม่ผิดคนดอก แต่จะบอกว่าผมไม่เคยซื้อบริการจากที่นั่นก็คงเป็นเรื่องไม่จริงสักเท่าไหร่”
To be continued...
-----------------------------------------------
หมายเหตุ: ภาพ Cover คือ รูปสลักของจักรพรรดิฮาเดรียน (มีหนวดเครา) และอันติโนอุส ชายคนรัก ที่จัดแสดงที่ British Museum กรุงลอนดอน สหราชอาณาจักร
เก็บคุณหมอไว้ให้สารวัตรคนเดียวเลยสินะคะ XD