(ต้องขึ้นก่อนเลยว่าอันนี้เป็นที่ได้เห็นกับที่คุยๆกับเพื่อนกับเจ้าภาพแค่เฉพาะคนครับ บางอย่างก็อาจจะมีความเชื่อตามจารีต ประเพณีที่ต่างกันไป ตามแต่ละที่ ไม่ได้มีเจตนาไม่ดี แค่พยายามเล่าสิ่งที่พบเพราะก็ไม่เคยรู้มาก่อนเลยเนื่องจากงานที่เจอปกติจะเป็นทางคนไทยเชื้อสายจีน)
รับสมัครพนักงานครับ ดูประวัติการทำงาน ทำมา 3 ที่ (ไม่รู้มีมากกว่านั้นรึป่าวแต่ช่องมีแค่นั้น) โดยส่วนตัวจะเป็นคนที่ให้ความสนใจกับสาเหตุที่ออกจากงาน พออ่านดูครั้งแรกบวชครับงานศพญาติ อืมม ครั้งที่สองลาออกเพราะต้องไปช่วยงานศพลุง 11 วัน โหวนานมาก ครั้งที่สามว่างไม่เขียนพอถามคือ ที่เก่าให้ออก เพราะลางานยาวเกิน 5 วัน เอ่าทำไมลายาวขนาดนั้นหล่ะ ไปช่วยงานศพปู่ .... เกือบหลุดปากถาม "แล้วจะมีงานศพใครอีกมั้ย"
คือหลายๆครั้งที่เห็นใบลาพนักงานลงสาเหตุไปงานศพ ซึ่งบางครั้งนี่ไม่ได้เป็นญาติไรกันเลย บอกช่วยงานคนในหมู่บ้าน คือใครเสียทีต้องมีส่วนร่วมตลอดเลยมั้ย คอยไปตอนเลิกงานหรือวันหยุดก็ได้ป่ะ ใบเบิกอีกก็ไม่น้อยนะครับ แต่ละที 300 , 500 สาเหตุ ช่วยงานศพ . . . . อะไรมันจะขนาดนั้นเนี่ย บางคนเงินเดือนก็วันละ 300 แต่ช่วยงานทีนี่ 500 ........
จนวันก่อนได้ไปงานศพที่ต่างอำเภอชาวบ้านๆเลยครับ 2 งานติด งานหนึ่งพ่อของลูกค้า อีกงานพ่อของพนักงาน ก็นับเป็นอีกเรื่องแปลกใหม่ที่ไม่เคยเห็นมาก่อน จัดที่บ้านทั้งสองงาน ได้คุยกับทางเจ้าภาพ (จริงๆเป็นเค้าคุย เราได้แต่ฟังคือคุยกับลูกค้าคนไม่สนิท มะค่อยเปน) ตั้งศพมา 4 5 วันแล้ว รอฤกษ์วันเผา และที่นี่ชาวบ้านเค้าก็จะจัดงานทั้งวันคืนมีอาหารน้ำท่ารับรองแขกทุกเวลา ไม่เหมือนของทางจีนที่เห็นปกติจะเน้นแต่ช่วงเย็นๆ คือหลังเลิกงานกันถึงจะมากัน เป็นอันรู้กันทั้งแขกและเจ้าภาพ กำหนดการชัดเจน
การถวายปัจจัย ปกติทางจีนก็จะเป็นกลุ่มที่สนิท หรือตระกูลนั้นตระกูลนี้ กลุ่มนั่นบริษัทนี่ ก็จะเป็นตัวแทนเข้าถวายปัจจัย แต่ของชาวบ้านนี่ไม่ครับ แทบทุกคนที่มาได้ไปถวายหมด คือใครมาก็ไปลงชื่อ แล้วเค้าก็จะมาจัดเป็นชุดๆ ตามจำนวนพระที่มา(งานนี้ 8 รูป)
งานที่ไป คุณพ่อของ พนง. เป็นประมาณ ผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้าน เจ้าภาพล่อไป 35 ชุด คือพระท่านจะต้องได้รับ 35 ซอง เป็นการถวายปัจจัยที่นานที่สุดในชีวิตที่เคยได้พบ คณะที่มาเป็นกลุ่มยังดี(12ชุดแรก) อ่านทีแล้วก็ลุกไปหมด แต่ที่ลงชื่อมาเองนี่ อ่านครับ อ่านทีละคนเลย คือใครมาไม่มานี่รู้หมด แล้วเค้าก็เหมือนรู้จักกันหมดทุกคนด้วย
พอเห็นปัจจัยที่ถวายให้พระแล้ว ก็พอเข้าใจที่ พนง.ต้องเบิกขึ้นมาหน่อยครับ คือต้องให้พ่อให้แม่ด้วยไม่ใช่มาเป็นแค่ตัวแทนบ้าน และที่ยิ่งทึ่งคือ ของ ลูกค้าวันก่อนหน้าที่ผมมา มีเทศน์ พระ 24 รูป เจ้าของงาน(ลูกค้า) ถวายปัจจัย ตอนแรกในใจผมตั้งไว้ที่ รูปละ 100 ก็เล่นมากันตั้งหลายรูป แต่ผิดไปค่อนข้างห่างครับ เจ้าภาพถวายรูปละ 500 และองค์ประธาน 5000 !! เชรด(อุทานในใจ) เบ็ดเสร็จวันเดียวแค่ค่าถวายปัจจัยกว่าหมื่นหก เยอะกว่าที่งานคนจีนเค้าจัดอีก นี่ยังไม่รวมวันอื่นหรือตอนเจ้าภาพร่วมช่วยปัจจัยถวายอีกนะ ถึงว่าทำไมวัดตามต่างอำเภอนี่ถึงใหญ่ๆกัน
ซองทางคนจีนมาจะไปที่เจ้าภาพก่อนครับแล้วใครลงชื่อเป็นคณะเจ้าภาพร่วมค่อยเตรียมมาถวายพระ(คือเน้นช่วยเจ้าภาพ) ในระหว่างที่ซองของชาวบ้านนี้จะไปที่พระก่อน แต่ถามเพื่อนๆเค้าบอกจริงๆก็จะมีซองช่วยงานเจ้าภาพอยู่ด้วยเหมือนกัน
ระหว่างจัดงานตั้งศพ เพื่อรอวันเผา งานนี่ก็ไม่ต้องทำกันจริงๆครับ ไม่ใช่แค่ระดับพนักงานประจที่ต้องทำเองอันนี้ต้องลาเป็นธรรมดา แต่ระดับเจ้าของกิจการเองก็ปิดร้านเลย เพราะต้องคอยอยู่รับแขกทั้งวันให้ลูกน้องมาคอยช่วย ในระหว่างที่ของจีนบางครั้งทางคนในบ้านเองยังมีต้องแบ่งกันไปเปิดร้านหรือให้ญาติไปช่วยดู คือไม่ให้ปิดยาว (แต่อันนี้อาจจะแล้วแต่สังคมธุรกิจด้วย)
ถามพนักงาน ที่นั่งไปด้วยเค้าก็บอกงานศพจัดมีแต่ขาดทุน(ก็แน่หล่ะจัดงานเอากำไรนั่นออแกไนซ์ละ) เสียเงินเยอะ ส่วนหนึ่งเค้าก็ถือว่าเป็นการทำให้เป็นเกียรติครั้งสุดท้ายของบุคคลที่เสียชีวิต และส่วนหนึ่งก็เพราะประเพณี คู่มือปฏิบัติกันมาว่าต้องทำ งานใครใหญ่ก็จะดูดีในหมู่บ้าน(อันนี้ก็คงเหมือนกันทุกที่) แต่ก็อดคิดไม่ได้คือหัวชอบบวกลบเลข ถ้าเทียบค่าใช้จ่ายในงานหนึ่งๆนี่แทบคงพอๆกันกับของทางคนจีนเลย แต่รายได้ของคนจีนที่ว่าเค้าจัดงานก็คงไม่ได้เดือดร้อนอะไรตัวเขามากมาย นี่พูดถึงเฉพาะเรื่องเงินนะครับ ส่วนจิตใจการเสียคนที่รักไปอย่างไม่กลับไม่ว่าใครก็คงเสียหายกันทั้งนั้น
ชาวบ้าน คนตามต่างอำเภอที่เราว่าบ้านนอกๆ หลายๆครั้งจัดงานใหญ่กว่าคนในเมืองเยอะครับ โดยเฉพาะงานที่เกี่ยวข้องกับศาสนา บวช แต่ง งานศพ จัดทีก็หยุดงานหายกันไปทั้งหมู่บ้าน บางงานมีลิเกมาด้วย ใครเป็นผู้รับเหมาหรือได้พนักงานมาจากหมู่บ้านเดียวกันหมดนี่วันนั้นอาจต้องปิดไปร่วมงานด้วยเลยเพราะคงลากันไปหมด
ที่ว่าเมืองไทยเป็นเมืองยิ้มส่วนหนึ่งคงเพราะแบบนี้ ทุกงานเป็นงานรื่นเริงได้หมด สังสรรค์พบป่ะ เด็กก็จะมาวิ่งเล่น ผู้ใหญ่ก็นั่งพูดคุย ไพ่ก็มีเล่นเป็นธรรมดา กินดื่ม แหม่จะให้เฝ้าทั้งคืนไม่ต้องทำไรก็คงเบื่อกันแย่ วัดก็ยังคงเป็นศูนย์รวมของหมู่บ้าน
วันก่อนไปทำบุญ 9 วัด เป็นคณะใหญ่ พอไปแต่ละที่ก็จะมีชาวบ้านในหมู่บ้านนั้นๆมาคอยบริการ เตรียมต้อนรับ เสริฟน้ำ เอาของมาร่วมทำบุญ มาช่วยบริการคณะทำบุญตลอดทุกวัด ขอเพียงแต่หลวงพ่อบอกแค่นั้น แม้ไม่มีสตางค์ แต่มีแรงก็ลงแรงช่วย แต่ปกติที่เห็นก็ถ้าไม่ใช่คนแก่ ก็จะเป็นเด็กๆ วัยรุ่นนี่จะไม่ค่อยเห็นเท่าไหร่
มันก็เป็นความแตกต่างของแต่ละสังคม นี่ขนาดจังหวัดเดียวกัน ศาสนาเดียวกันนะครับ ไม่ต้องพูดถึงข้ามประเทศข้ามศาสนาเลย ดังนั้นจะให้ใครมาเชื่อ มาคิด มาทำแบบเราไปทุกเรื่อง ก็คงเป็นไปไม่ได้ แต่ถ้าให้เข้าใจกันอันนี้อาจพอเป็นไปได้บ้าง . . . . (แต่ ลา 7 8 วัน บ่อยๆ นี่ก็ไม่ไหวนะ ไม่เข้าจายย >< )
เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น
Log in