ถ้าได้เข้าร้านหนังสือ ก็จะพบเห็นหนังสือหุ้นอยู่ตามชั้นหนังสือแนะนำ หรือ Top sale อยู่กันพอสมควร และก็มีออกมาใหม่กันอย่างสม่ำเสมอทั้งไทยและเทศ
ผมได้มีโอกาสเริ่มเล่นหุ้นตั้งแต่ มีนา 2556 ครับ ด้วยความคิดส่วนหนึ่งที่ว่า นั่งๆ กดๆ เงินก็มา แถมเรายังเป็นคนชอบอ่านชอบวิเคราะห์ จะมีอะไรเล่าที่จะดูหาเงินได้ง่ายอย่างนี้ ไม่ต้องไปพบไปปะทะคนอื่นด้วย แถมคนที่รวยๆหลายคนก็มาจากเล่นหุ้นกันทั้งนั้น ถ้าเราหาเงินได้เองคงเท่หน้าดู
เตรียมตัวอยู่นาน ที่นานไม่ใช่ว่าลองเล่น(มันมีให้ลองใน click2win) หรืออ่านอะไรมากมายครับ แต่หาวิธีเปิดบัญชี กว่าจะได้ เรื่องเงินเริ่มต้นผมพอมีครับคือเงินสะสมตั้งแต่เด็กที่พ่อแม่เปิดบัญชีไว้ให้แล้วเอาพวกแตะเอียไรนี้ใส่เข้าไป (จริงๆ 5,000 ก็เล่นได้ แต่ถ้าคุ้มค่าธรรมเนียมขั้นต่ำก็น่าเริ่มราวๆ 30,000 เห็นว่าบัวหลวงไมีมีขั้นต่ำ ผมเปิดของกสิกรครับ)
เริ่มเล่นก็ งงๆ ครับ จะดูบริษัทไรดีมีเป็นร้อย ตัวย่อเพียบ บางตัวก็คุ้นชื่อ true ,dtac ,bts ,ptt ... และก็จะมีที่เราอาจคุ้นบางตัวแต่ไม่ได้เกี่ยวอะไรเลยเช่น mk ,scg ขนาด bland ผมยังเข้าใจว่ารังนกเลย(จริงๆ brand) ช่วงแรกก็มั่วได้ใจครับ แต่นึกดูครับขนาดซื้อมั่วๆยังเขียวเลย โหยวันเดียวเป็นพัน แบบนี้เติมเงินเข้าพอร์ตสิครับ แหม่ รวยละเรา....
จริงๆตอนนั้นได้คุยกับ ผู่ใหญ่พอบอกว่าเราเพิ่งเล่น เขาก็ หูย เพิ่งเข้าเหรอระวังนะ ไม่เข้าใจระวังที่เขาบอกหรอกครับ แต่ตอนนี้เข้าใจละครับ T^T ถ้าลองย้อนไปดูกราฟหุ้นปีที่แล้ว มันจะมีจุดยอดราวๆเมษา พค คือ อารมว่าหุ้นมานขึ้นทุกวันๆ ซื้อมั่วๆก็ขึ้นได้ไม่ยาก ไอ่เราเห็นง่ายก็ไปเพิ่มเงิน
เดิมผมซื้อขายทุกวันครับเป็นราย ชั่วโมง นาทีก็มี ว่างจัด จนมาพบหุ้น IPO คือหุ้นเข้าตลาดวันแรก เห้ยวันเดียว 1000% ก็มี ทีนี้ลองเลยครับจับแม่น bkd ได้เป็นหมื่นเลยครับวันเดียว กระยิ่มยิ้มย่อง ความโลภเข้าครอบงำ ผมลงไปหมดทั้งพอร์ตเลยครับ winner นรกบังเกิดจัดเป็น TOP5 เรื่องที่รู้สึกแย่ที่สุดในชีวิตที่เคยเจอเลยครับ วันเดียวหายไป เยอะอ่ะครับ (คือพ่อแม่เล่นเฟสเดี๋ยวรู้ จนป่านนี้ยังไม่เคยบอกเลขจริงเลยครับ เพราะก่อนหน้านี้พ่อแม่ก็เตือนแล้ว>< ) มันจะอารมณ์เหมือนโดนบอกเลิก งงๆ ว่างๆ อึดอัด ทำไรไม่ถูก ผมตัดขายเลยครับ ปิดคอมไม่คุยกับใคร ขึ้นชั้นสอง นอน zZ อย่างเงียบสงบ(แกล้งตาย) และก็หยุดลง
ก่อนกลับมาใหม่อีกครั้งพร้อมสไตล์ VI ซื้อถือนานแต่แหม่ชีวิตช่างจริงชั่งแสนโหดร้าย ก็กะถือยาวหล่ะครับแต่ดันไปถือช่วงมิถุนา คือก่อนตลาดมันจะตู้มม !!! QE บ้าบออะไรก็ไม่รู้ เออะ ติดดอยสิครับ แต่ก็ตัดขาดทุนจนได้ครับในอีก 2 3 เดือนต่อมา ( VI ในหนังสือเขาหมายถึงถือกันเป็น ปีๆ แต่ vi ผมเดือน สองเดือนก็นานละครับ พอมันเริ่มว่างไม่มีไรทำก็กลับมาเล่นอีกเลยได้ตัดขาดทุนไป) ยังมีความผิดพลาดอะไรนี้อีกเยอะครับสำหรับการเล่นหุ้นของผมทั้งติ๊กผิดช่อง จาก sale เป็น buy ใส่ราคาผิด ซื้อผิดตัว ก็พอสมควรครับ และไม่เข้าใจ? ทำไมมันชอบ ซื้อปุบลง ขายปึบขึ้น =.= ไปซะทุกที
หนังสืออ่านๆไปครับผมอ่านเป็นปกติอยู่แล้ว ซึ่งจริงๆอ่านก็ดีอยู่ละครับ แต่ก็ไม่ต้องไปซีเรียสมากมายอะไรถามใคร ใครก็รู้วิธีเล่นหุ้นให้รุ่งรู้ตังแต่ไม่ต้องอ่านไรเลยด้วยซ้ำ ก็ซื้อถูกขายแพง แต่ตอนไหนถูกตอนไหนแพงนั่นเป็นอีกเรื่องเลย อีกคำเตือนที่น่าสนใจครับ ขนาดคนเล่นหุ้นเก่งๆยังเตือนคือ อย่าเสียเวลามากจนเกินไปเล่นเลย แต่อย่าทุ่มเล่นหมด เพราะครั้งแรกๆทุกคนจะเสีย (ส่วนผมเป็นสิบๆครั้งละครับแม่ม...ปัจจุบันก็ยังเสีย) ดั่งสุภาษิตที่ว่า อย่าทดสอบความลึกด้วยเท้าทั้งสองข้าง หึๆ . . . แต่ก็พยายามหลอกตัวเองครับ ถือเป็นค่าเทอมค่าเล่าเรียน ตอนนี้ก็เกือบๆหลักสูตรอินเตอร์ได้ >
ถึงอย่างนั้นผมก็ยังอยากเล่นหุ้นต่ออยู่ดีนะครับ(ไม่ใช่ว่าอยากได้คืนขนาดเล่นป็อกอะไรแบบนั้นนะครับ แม้จะมีบ้างนิดหน่อย) ถึงที่ผ่านมามันจะไม่ได้เงิน แถมยังเสียไปไม่รู้เท่าไหร่(ไม่กล้าไปนั่งรวม เพราะแค่เคร่าๆก็ ... T^T ) แต่มันก็ทำให้ได้รู้อะไรหลายๆอย่างดีครับ ได้อ่านหนังสือแนวใหม่ๆ ได้ดูพวกข่าวมากขึ้น ได้เพื่อนใหม่ๆ ได้มีเรื่องไว้โม้ไว้คุย ไว้ใช้เข้าสังคม คือหุ้นเป็นอะไรที่คุยสนุกมากครับ มันฟุ้งๆดี ถ้าเห็นพวกคนนั่งคุยเรื่องหุ้นกันอยู่ คือมันก็ไม่ได้ดูฉลาดอลังการอะไรกันนักหรอกครับ ส่วนใหญ่ก็โม้ๆกันนั่นแหละ (ขนาดคนเก่งๆยังผิดมานัดต่อนัดเลย) แต่มันก็คุยสนุกจริงนะครับ
สำนวนหนึ่งที่ชอบมาก หลังจากเล่นหุ้น ได้ยินมาจากเพื่อนครับ
" รู้อะไร ไม่เท่า รู้งี้ " โหยถ้ารู้อย่างนี้นะ ..... แหม่ บังเอิญเสือกไม่รู้
เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น
Log in