เราใช้คุ๊กกี้บนเว็บไซต์ของเรา กรุณาอ่านและยอมรับ นโยบายความเป็นส่วนตัว เพื่อใช้บริการเว็บไซต์ ไม่ยอมรับ
Let’s have Minimore fun!minimore
เปิดทำเนียบ "Beauty&the Beast" ผ่านมากี่ยุคกี่สมัย ใครก็ทำอะไรพี่ไม่ได้
  • สวัสดีเพื่อน ๆ ชาว Minimore ที่น่ารักทุกคนนะจ๊ะ มินิมอร์กลับมารายงานตัวแล้วจ้า สำหรับเรื่องราวที่หยิบมานำเสนอในวันนี้
    มินิมอร์ขออิงกระแส Beauty and the Beast ที่กำลังมาแรงแซงทางโค้งแบบสุด ๆ มาวันนี้มินิมอร์เลยขอเอาใจด้วยการรวบรวมเวอร์ชั่นที่ผ่าน ๆ มาของภาพยนตร์เรื่องนี้มาให้เพื่อน ๆ ได้ดูกัน มาดูสิว่าแต่ละเวอร์ชั่นนั้นจะน่าดูขนาดไหน




    Beauty and the Beast หรือชื่อภาษาไทยที่เรียกว่า โฉมงามกับเจ้าชายอสูร เป็นนิทานโบราณ ซึ่งแต่เดิมนั้นเป็นภาษาฝรั่งเศส แต่ด้วยความนิยมที่แพร่หลายไปในหมู่ประเทศในทวีปยุโรป จึงทำให้เกิด Beauty and the Beast ในรูปของภาษาอื่น ๆ ตามมาอีกมากมาย 

    Beauty and the Beast เป็นเรื่องราวของ เบลล์ หญิงสาวผู้มีจิตใจดีที่ได้เข้าไปช่วยเหลือชายผู้เป็นพ่อที่แอบไปเด็ดดอกกุหลาบสุดรักสุดหวงของอสูรตนหนึ่งเข้า ทำให้เบลล์ต้องเดินทางไปยังปราสาทของอสูรพร้อมกับหาทางช่วยเหลือบิดาของตนกลับคืนมา ซึ่งภายหลังเธอได้รู้ว่า การที่พ่อของเธอได้ถูกปล่อยตัวออกมานั้นเป็นเพราะว่า พ่อของเธอได้เสนอตัวของเธอในการแลกเปลี่ยนกับอิสระภาพของเขา ด้วยความรักและกตัญญูของเบลล์นั้น ทำให้เธอต้องจำใจอยู่ที่ปราสาทแห่งนั้นต่อกับอสูร เรื่องราวดูเหมือนจะน่ากลัว แต่ทว่ากลับเป็นการพิสูจน์หัวใจอันบริสุทธิ์ของเบลล์ด้วย สุดท้ายแล้วอสูรจะกลับคืนร่างได้ไหม แล้วทั้งสองจะครองรักกันยังไง อย่าลืมติดตามดูกันนะจ๊ะ



    La Belle et la Bête (1946)




    (ภาพจาก wearemoviegeeks)

    หลายคนอาจจะงงว่านี่มันคือ Beauty and the Beast แน่หรอ มินิมอร์ตอบให้จ้าว่า แน่ เห็นชื่อแปลก ๆ อย่างนี้ ความจริงแล้วมันมาจากภาษาฝรั่งเศสตามต้นฉบับเดิมนั่นแหละจ้ะ ภาพยนตร์เรื่องนี้ถือว่าเป็นเรื่องแรก ๆ เลยสำหรับการหยิบเอาบทประพันธ์เรื่องนี้มาทำ และถือว่าเป็นภาพยนตร์สุดคลาสสิกเรื่องนึงเลยด้วย หากใครได้กดชมตัวอย่างกันแล้วอาจจะมีหวั่น ๆ บ้างเล็กน้อย ก็แหม.. อสูรอะไรมันถึงช่างปุกปุยขนาดนี้ ใครยังไม่เคยดูมินิมอร์ขอแนะนำให้ไปดูเลยจ้า บอกเลยว่าภาพยนตร์เรื่องนี้อยู่ในสมัยหนังขาว-ดำ นู้นเลยนะ อย่าพลาดเด็ดขาด! 




    Beauty and the Beast (1962)




    (ภาพจาก cinematerial)

    ภาพยนตร์เรื่องนี้เป็นภาพยนตร์ขนาดสั้นเรื่องแรกที่มีเนื้อหาเกี่ยวกับเทพนิยายเหนือจินตนาการ ซึ่ง Edward Small ผู้กำกับของเรื่องนี้ได้ให้คำจำกัดความว่า 

    "fairytale for everybody - no messages, no menace."  

    ซึ่งแปลได้ว่า เทพนิยายสำหรับทุกคน ไม่มีความหมาย และไม่มีอันตราย ถือได้ว่าเป็นการเปิดมิติใหม่ของการชมภาพยนตร์ในสมัยนั้นเลยทีเดียว




    Beauty and the Beast (1976)




    (ภาพจาก sunshinevm)

    เปลี่ยนบรรยากาศการชมมาเป็นรูปแบบของทีวีซีรีย์กันบ้าง สำหรับ Beauty and the Beast เรื่องนี้ นำแสดงโดย George C. Scott นักแสดงชายผู้โด่งดังในยุคนั้น โดยเนื้อเรื่องก็มาจากต้นฉบับ อาจจะมีการดัดแปลงบ้างเล็กน้อยเพื่อให้เข้ากับยุคสมัยในช่วงเวลานั้น บอกเลยว่าซีรีย์ชุดนี้ต่างเป็นซีรีย์ในดวงใจของคนในสมัยนั้นเลยก็ว่าได้ มาลองดูกันดีกว่าว่าจะถูกใจเพื่อน ๆ กันไหม ถ้าใครได้ดูแล้วอาจจะสงสัย สรุปแล้วนี่คืออสูรหรือหมูป่ากันแน่555555 (หยอกเล่นนะจ๊ะ)




    Beauty and the Beast (1987)




    (ภาพจาก cineplex.media.baselineresearch)

    Beauty and the Beast เวอร์ชันนี้เป็นแนว Musical จ้ะ แถมยังเป็นการร่วมทุนสร้างระหว่างประเทศอเมริกากับอิสราเอลอีกด้วย ใครเป็นคอหนังแนว Musical ต้องหามาดูกันด่วนนะจ๊ะ เพราะนอกจากเรื่องราวสุดคลาสสิกแล้ว ยังมีเพลงประกอบสนุก ๆ ให้ได้ฟังตลอดทั้งเรื่องเลยอีกด้วย บอกเลยว่าเรื่องนี้ถ้าใครที่จะดูต้องใช้ใจดูนะถึงจะเข้าใจ ก็เหมือนพระนางคู่นี้ไง ที่กว่าจะรักกันได้ก็ต้องผ่านบททดสอบมามากมายเหมือนกัน



    Beauty and the Beast (1987)




    (ภาพจาก s-media-cache-ak0.pinimg)

    ภายในปีเดียวกันนั้นก็ถือเป็นจุดกำเนิดของ Beauty and the Beast เวอร์ชั่นทีวีซีรีย์ออกมาอีกด้วย
    มินิมอร์จะบอกว่าซีรีย์เรื่องนี้ได้รับความนิยมสูงมากที่อเมริกาในตอนนั้น อีกทั้งเป็นเรื่องราวแนวแฟนตาซีเหนือจินตนาการยิ่งทำให้ซีรีย์เรื่องนี้ดึงดูดใจคนดูมากขึ้นไปอีก โดย Beauty and the Beast เวอร์ชั่นนี้ มีการปรับเนื้อหาให้เข้ากับยุคสมัย โดยเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นนั้นอยู่ในสมัยปัจจุบัน เรียกได้ว่าเป็นการฉีกบทประพันธ์ได้แบบแหวกแนวและกล้าแบบสุด ๆ ได้รับความนิยมขนาดไหนลองดูสิ มีถึง 3 เวอร์ชั่นโน่นแหนะ ฮั่นแน่ อยากดูกันแล้วละสิ รีบไปหาดูโลดเลยจ้า




    Beauty and the Beast (1991)




    (ภาพจาก thatfilmguy)

    ถือได้ว่าเป็นเวอร์ชั่นที่คนรู้จักมากที่สุด และได้รับความนิยมมากที่สุด โดยภาพยนตร์อนิเมชั่นเรื่องนี้เป็นผลงานการสร้างของ  Walt Disney Feature Animation และ Walt Disney Pictures แถมยังกวาดรางวัลมาแล้วมากมาย อาทิเช่น Best Picture , Best Original Score , Best Original Song , Best Motion Picture ด้วยความสำเร็จที่ได้มาส่งผลทำให้เกิดเรื่องราวภาคต่อของภาพยนตร์เรื่องนี้ขึ้นมา 2 ตอน ได้แก่  Beauty and the Beast : The Enchanted Christmas และ  Belle's Magical World
    มินิมอร์เชื่อว่าไม่มีเพื่อนคนไหนที่ยังไม่เคยชมภาพยนตร์เรื่องนี้แน่ ๆ หรือบางคนอาจจะหลง ๆ ลืม ๆ กันไปแล้ว ไม่เป็นไรเอาใหม่ เดินไปหยิบแผ่นแล้วหยิบไปใส่เครื่องดูกันได้เลยยย  :>




    Beauty and the Beast (1992)




    (ภาพจาก deviantart)

    สำหรับ Beauty and the Beast เวอร์ชั่นนี้เป็นผลงานของค่าย GoodTimes Entertainment โดยทำออกมาเป็นการ์ตูนสำหรับเด็ก ความยาว 49 นาที มีเนื้อหาและเค้าโครงมาจากต้นฉบับเหมือนเคย แต่สิ่งที่แตกต่างจากเรื่องอื่นคือลายเส้นที่มีเอกลักษณ์ของค่ายนี้ แถมสาวเบลล์ของเรามีผมสีบลอนด์ไม่เหมือนเรื่องอื่นที่เป็นสีน้ำตาลเข้ม หากใครยังไม่เคยชมก็เชิญได้ตามสบาย เพราะวิดิโอที่มินิมอร์นำมาแปะให้นั้นเป็นฉบับเต็มเรื่อง! ถ้าอยากดูก็ดูได้เลยจย้า :>



    Beauty and the Beast (2009)




    (ภาพจาก image.tmdb)

    ถือว่าเป็นมิติใหม่ของ Beauty and the Beast ที่แท้จริงจ้ะ เพราะนอกจากจะไม่ได้หวานแหววแนวลูกกวาดแบบเรื่องที่ผ่าน ๆ มาแล้ว ยังมีความดาร์ก ความโหด แทรกตัวอยู่ทุกอณูอีกด้วย โดยภาพยนตร์เรื่องนี้ถูกเรียกว่าเป็น Beauty and the Beasts : A Dark Tale แถมเบลล์ของทุกคนก็ไม่ได้โลกสวยเหมือนเดิม เพราะเรื่องนี้ได้เปลี่ยนจากการหยิบหนังสือมาจับดาบแทน (งานโหดที่แท้จริง) แต่ถึงเริ่มต้นจะโหดร้าย แต่ตอนจบของเรื่องเขาก็หวานไม่แพ้เรื่องก่อนหน้าเลยนะ ไหนใครอยากลองเปลี่ยนบรรยากาศมาดูเวอร์ชั่นแบบดิบ ๆ มินิมอร์ก็ขอแนะนำให้ไปชมภาพยนตร์เรื่องนี้เลยจ้า..



    Beauty and the Beast (2012)




    (ภาพจาก baratako)

    เรียกได้ว่าเป็นซีรีย์ที่อสูรของเรานั้นทั้งหล่อ ทั้งแซ่บ น่ากิ๊น น่ากินดีมาก ๆ เลยจ้ะ บอกเลยว่าอิจฉานางเอกของเรื่องนี้จริง ๆ มินิมอร์เชื่อว่าซีรีย์เรื่องนี้เพื่อน ๆ คงจะได้เห็นผ่านหูผ่านตากันมาบ้างแล้ว บอกเลยว่าไม่มีใครไม่รู้จักอะ ก็แหม ออกจะดังทั่วบ้านทั่วเมืองขนาดนี้ แถมเรื่องนี้แฟน ๆ ชาวไทยนี่ขอบอกเลยนะว่าตรึม! แถมยังมีต่อเนื่องยาวนานถึง 4 ซีซั่น ได้เข้าชิงรางวัลก็เยอะแยะมากมาย แถมฉีกกฎการเป็น Beauty and the Beast อีกด้วย เรียกได้ว่าเป็นซีรีย์ที่แหวกแนวขนาดนี้ ใครที่ยังไม่เคยดูต้องรีบตามดูด่วน ๆ เลยนะจ๊ะ



    Beauty and the Beast (2014)




    (ภาพจาก s0.cinema)

    Beauty and the Beast สัญชาติฝรั่งเศส - เยอรมันเรื่องนี้ บอกเลยว่าโดนใจแฟนหนังทั่วโลกหลายคนเลยจ้ะ แถมยังกวาดรายได้ไปแบบฉุดไม่อยู่เลยอีกด้วย ฮิตทั่วบ้านทั่วเมืองจนได้ถูกเชิญให้ไปฉายในงาน 64th Berlin International Film Festival และได้เข้าชิงรางวัลในงาน People's Choice Award และ European Film Awards ก่อนจะได้รางวัล Best Production Design ในงาน 40th César Awards มานอนกอดแบบฟิน ๆ บอกเลยว่าพอได้ดูแล้วมินิมอร์อยากจะบอกว่าโปรดักชั่นนั้นดี๊ดี ดีจนอยากแนะนำให้เพื่อน ๆ ทุกคนมาดูกันเลยจ้ะ อย่าลืมไปหามาดูกันน้า..



    Beauty and the Beast (2017)




    (ภาพจาก digitalspyuk)

    มาถึงเวอร์ชั่นล่าสุด บอกเลยว่าสาวเบลล์นั้นถูกใจมินิมอร์จริง ๆ เลย แถมพ่ออสูรน้อยกลอยใจของมินิมอร์ก็ทั้งหล่อ ทั้งเท่ห์ ทั้งสมาร์ท มินิมอร์เลยอยากเสียสละชีวิตตัวเองไปแทนสาวเบลล์เขาจริง ๆ (แต่ติดอยู่ที่พ่ออสูรจะรับหรือเปล่านั่นก็อีกเรื่อง) โปรดักชั่นดี๊ดี งานละเอียด งานดีขนาดนี้ ต้องสมกับที่เรารอคอยกันแน่นอนเลยจ้ะ เตรียมเงินซื้อตั๋วกันไว้ได้เลย..

    อะ ๆ ลืมบอกล่าสุดเขามีเอ็มวีตัวใหม่ออกมาด้วยนะ มินิมอร์บอกเลยว่าอลังการงานสร้างไม่แพ้หนังเลยล่ะ ใครยังไม่ดู กดคลิกดูกันได้เบยย..




    ก่อนจากกันมินิมอร์ขอฝากภาพยนตร์เรื่องนี้ไว้ในอ้อมอกอ้อมใจของทุกคนด้วยนะจ๊ะ และมินิมอร์จะหาข่าวสารที่น่าสนใจเกี่ยวกับภาพยนตร์เรื่องนี้มาฝากเพื่อน ๆ อีกแน่นอน ฝากติดตามกันด้วยน้า..


    มินิมอร์หวังว่าเพื่อน ๆ จะชอบเรื่องที่มินิมอร์นำมาฝากในวันนี้กันนะจ๊ะ ถ้าใครชอบ อยากอ่านแนว ๆ นี้อีก ก็คอมเม้นบอกมินิมอร์กันมาได้นะ มินิมอร์จะพยายามหาข้อมูลมาให้แน่นอนจ้ะ ยังไงก็ขอบคุณเพื่อน ๆ ที่อ่านกันมาจนถึงตรงนี้ น่ารักที่สุดอะ 55555 ไว้เจอกันใหม่ บ๊ายบายจ้า


    ขอบคุณที่มา


    เขียนโดย Minimore Trainee : NNAT24
Views

เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น

Log in
รักเรื่องนี้มาก นี่ต้องขอบคุณเลยนะครับ เพราะหลายเวอร์ชั่นยังไม่เคยรู้เลยว่ามี

เพลงนี่โอ้ยยยย เราชอบเพลงมาก มันเหมือนกลอน เหมือนบทกวีอะ
minimore (@minimore)
@Centrix ดีใจที่ชอบนะจ๊ะ มินิมอร์เองก็รักเรื่องนี้เหมือนกันนน :>