เราใช้คุ๊กกี้บนเว็บไซต์ของเรา กรุณาอ่านและยอมรับ นโยบายความเป็นส่วนตัว เพื่อใช้บริการเว็บไซต์ ไม่ยอมรับ
Let’s have Minimore fun!minimore
Mummy how to มาเรียนรู้ "วิธีทำมัมมี่" กันดีกว่า!
  • ไม่มีเพื่อนๆ คนไหนไม่รู้จัก "มัมมี่" กันใช่ไหมเอ่ย อย่างน้อยก็ต้องเคยเห็นกันในภาพยนตร์ หรือการ์ตูนบ้างล่ะ บางคนอาจคิดว่ามัมมี่คือผีจากประเทศอียิปต์ แต่ที่จริงมัมมี่คือ ศพดอง ต่างหาก! วันนี้มินิมอร์เลยอยากพาเพื่อนๆ มาทำความรู้จักมัมมี่ พร้อมกับวิธีทำด้วยเลย พร้อมกันไหม...

    >>แหล่งที่มา
            มัมมี่ (Mummy) ที่หลายคนอาจเข้าใจว่าเป็น ผีจากประเทศอียิปต์ แต่ที่จริงแล้วคำว่า มัมมี่ หมายถึง ศพที่ถูกดองจนกลายเป็นสีดำ ชาวอียิปต์โบราณมีความเชื่อเรื่องโลกหลังความตาย วิญญาณของผู้ตายจะออกจากร่างไป และกลับเข้าร่างอีกครั้งหนึ่ง พวกเขาจึงต้องเก็บรักษาร่างนั้นไว้เพื่อรอการฟื้นคืนชีพ ศพดองหรือมัมมี่จะต้องผ่านกรรมวิธีต่างๆ หลายขั้นตอน (Mummification) ก่อนจะถูกพันผ้าและใส่ไว้ในโลง หากเป็นราชวงศ์ หรือคนมีฐานะ ศพและโลงเก็บศพจะได้รับการตกแต่งอย่างสวยงาม พร้อมฝังใต้ผืนทรายไปพร้อมทรัพย์สมบัติมากมาย เพื่อให้ผู้ตายได้ใช้เดินทางไปปรโลก

            เอาล่ะ ได้เวลาอันสมควร พร้อมทำมัมมี่กันรึยังเอ่ย มินิมอร์จะเอารูปสวยๆ ให้ดูแล้วกัน กลัวคืนนี้เพื่อนๆ จะนอนไม่หลับเอา


    How to make A Mummy (Mummification)

            มัมมี่ หรือการดองศพนั้นไม่ได้ทำแค่สามหรือสี่วันก็เสร็จนะ กว่าจะควักนู่นควักนี่ ยัดกลับใส่ใหม่ แล้วยังต้องดองร่างผู้ตายจนกว่าของเหลวในร่างกายจะระเหยออกหมดอีก (ขนลุกกันรึยัง) ขั้นตอนทั้งหมดใช้เวลาและค่าใช้จ่ายค่อนข้างสูงมาก ทำให้ผู้ที่มีฐานะเท่านั้นจึงจะทำได้ การทำมัมมี่จะแบ่งเป็น 2 พาร์ทใหญ่ๆ นั่นก็คือ ขั้นการอาบน้ำยาดองศพ และขั้นการห่อก่อนนำไปฝัง ตั้งใจอ่านดีๆ นะ
    >>แหล่งที่มา

            เริ่มด้วยเมื่อสัปเหร่อได้ร่างผู้ตายมาแล้ว ก็จะนำร่างผู้ตายไปวางที่แท่นหรือเตียงที่เรียกว่า "อีบู" แปลว่า การชำระล้าง สัปเหร่อจะล้างศพด้วยไวน์ปาล์มและสมุนไพรที่มีกลิ่นหอม ก่อนล้างศพด้วยน้ำจากแม่น้ำไนล์อีกครั้งหนึ่ง จากนั้นก็เป็นขั้นตอนการเอาเครื่องในออก ใช่แล้ว... ตับไตใส้ปอดนั่นเอง เพราะอวัยวะภายในมีความชื้นสูง จึงเน่าเร็ว อาจลุกลามทำให้ส่วนอื่นเน่าตามได้ สิ่งที่จะเหลือไว้ในร่างกายคือ หัวใจ ที่เชื่อกันว่าเป็นศูนย์รวมจิตวิญญาณของมนุษย์ และผู้ตายต้องนำไปใช้ในโลกหลังความตาย

            ส่วนวิธีเอาเครื่องในออก สัปเหร่อจะใช้มีดผ่าที่ช่องท้องด้านซ้ายแล้วล้วงทุกอย่างออกมา วัตถุดิบสำคัญในการดองมัมมี่ที่ชาวอียิปต์โบราณใช้มีชื่อว่า "นาตรอน" ซึ่งก็คือ เกลือโซเดียมคาร์บอน์เนต นั่นเอง เครื่องในที่ถูกล้วงออกมาจะถูกล้างจนสะอาด ก่อนหมักเกลือนาตรอนไว้จนแห้ง หลังจากนั้นจะถูกห่อด้วยผ้าแล้วนำไปเก็บใน "โถคาโนปิค" ที่มีฝาเป็นเศียรของเทพ 4 องค์ แต่ละโถมีหน้าที่เก็บอวัยวะภายในแต่ละส่วนต่างกันไป

    >>แหล่งที่มา
    หน้าตาโถคาโนปิคเป็นแบบนี้นะ สวยมากเลยย

            ในตอนแรกสมองจะไม่ถูกนำออก แต่เมื่อร่างผู้ตายแห้งสนิท ไร้ของเหลว เนื้อสมองเลยแห้งฟีบลงกลายเป็นก้อนกลมๆ กลิ้งไปมาอยู่ในกะโหลก ตอนเคลื่อนย้ายศพจึงเกิดเสียง เลยต้องนำเนื้อสมองออก โดยยยยใช้เหล็กปลายตะขอเสียบเข้าไปทางรูจมูก ผ่านกะโหลกศรีษะ เพื่อตีเนื้อสมองให้แตก หลังจากนั้นก็คว่ำหน้าผู้ตายให้เนื้อสมองไหลออกมาทางรูจมูกนั่นเอง... กะโหลกที่ว่างเปล่าจะถูกแทนที่ด้วยน้ำมันดินต้มเดือดที่ถูกกรอกเข้าไปให้จับตัวกันเป็นก้อนแข็งแทน

    >>แหล่งที่มา
    หน้าตาเครื่องมือเกี่ยวเนื้อสมอง เหยือกน้ำมัน กรวย และมีดที่สัปเหร่อใช้
            หลังจากเอาเครื่องในออกหมดแล้ว ร่างของผู้ตายจะถูกกลบด้วยเกลือนาตรอน มีการเปลี่ยนทุกๆ 3 วันไปเรื่อยๆ ประมาณ 70 วัน ศพก็จะแห้งสนิท และมีสีดำคล้ำ หลังจากนั้นร่างผู้ตายก็จะถูกล้างด้วยน้ำจากแม่น้ำไนล์ และทาด้วยน้ำมันเพื่อให้ผิวยืดหยุ่น ส่วนโถเก็บเครื่องในหรือส่วนอื่นๆ ที่ถูกนำออกไปจะถูกรักษาไว้อย่างดี เพื่อรอฝังไปพร้อมกับผู้ตาย ในตอนแรกเครื่องในที่ถูกนำออกมาจะถูกหมักเกลือและห่อด้วยผ้าลินินไว้เฉยๆ หลังจากนั้นจะถูกยัดกลับเข้าร่างใหม่ แต่เมื่อมีการเก็บในโถจึงใช้เศษผ้า เศษใบไม้ หรือขี้เลื่อยใส่กลับเข้าไปแทน เพื่อให้ร่างผู้ตายไม่ซูบผอม หากผู้ตายเป็นคนมีฐานะก็จะถูกตกแต่งศพด้วยดวงตาปลอม อาจติดคิ้วด้วยผมปลอม แต่งเล็บด้วยทองคำ และมีการยัดเม็ดพริกไทยเข้าโพรงจมูกเพื่อไม่ให้จมูกบี้ด้วยนะ ขั้นตอนการตกแต่งศพเป็นขั้นตอนสุดท้ายของการทำมัมมี่ในพาร์ทที่หนึ่งจ้า

            ขั้นตอนดูซับซ้อนใช่ไหมล่ะ แต่ต่อไปก็ไม่ยากแล้ว เพราะเป็นการพันศพ และนำไปฝังเท่านั้นเอง

    มินิมอร์พยายามหารูปสวยๆ มาให้ดูกัน จะได้ไม่กลัว

            เข้าสู่พาร์ทที่สอง การพันผ้าให้ศพจนกลายเป็นมัมมี่อย่างที่เราเห็น ระหว่างขั้นตอนการพันศพ จะมีนักบวชคอยสวดมนต์เพื่อป้องกันวิญญาณร้ายด้วย การพันศพจะใช้ผ้าลินิน เริ่มพันจากศรีษะและคอก่อน จากนั้นจึงพันนิ้วมือ นิ้วเท้า ขาและแขนจะถูกพันแยกออกจากกัน ไม่ติดกันนะ ทุกชั้นจะถูกทาด้วยเรซิ่นเหลวทำให้แต่ละชั้นยึดติดกันเหมือนทากาว มีการวางเครื่องรางแต่ละชั้นเพื่อปกป้องร่างผู้ตายให้เดินทางไปปรโลกอย่างปลอดภัยด้วย หลังจากนั้นขาแขนจะถูกมัดไว้ด้วยกัน ก่อนวางม้วนกระดาษปาปิรุส ที่เรียกว่า คัมภีร์มรณะ (Book Of Death) ไว้ระหว่างมือ ร่างที่ถูกพันผ้าจะถูกห่อด้วยผ้าลินินอีกหลายชั้น ผ้าผืนบนสุดจะเป็นผ้าที่มีรูปเทพโอซิริส เทพแห่งยมโลกอยู่ และชั้นสุดท้ายอีกทีก็คือ ผ้าผืนใหญ่ที่ห่อหุ้มร่างทั้งหมดไว้ ก่อนผูกมัดด้วยเชือกลินินจนรอบ เป็นอันเสร็จพิธี!


    >>แหล่งที่มา
    หัวหน้าสัปเหร่อจะใส่หน้ากากเทพอนุบิส ที่มีสมุนไพรอยู่
    เพื่อกลบกลิ่นศพระหว่างทำการดองศพนั่นเอง

            หลังจากเสร็จกระบวนการการทำมัมมี่แล้วก็จะมีการจัด "พิธีเปิดปาก" เพื่อให้ครอบครัวได้อำลาผู้ตาย และให้ผู้ตายได้ดื่มกินเป็นครั้งสุดท้ายก่อนเดินทางไปปรโลก จะมีกระดานไม้หรือหน้ากากเป็นใบหน้าของผู้ตายวางไว้ก่อนนำร่างมัมมี่ลงโลงชั้นแรก หลังจากนำมัมมี่ใส่โลงชั้นที่ 1 และปิดฝา ก็จะนำโลงนั้นใส่ลงโลงชั้นที่ 2 อีกชั้น จำนวนชั้นจะมากน้อยตามฐานะของผู้ตาย หากเป็นราชวงศ์ก็จะมีหลายชั้นมากๆ เลยล่ะ หลังจากบรรจุมัมมี่ลงโลงเก็บศพเรียบร้อย ตอนนี้ก็พร้อมฝังแล้ว! 

    >>แหล่งที่มา
    โลงพระศพของ ฟาโรห์ตุตันคาเมน ที่ทำด้วยทองคำทั้งหมด สวยมากๆ เลยยย

    เป็นอย่างไรกันบ้าง มินิมอร์ชอบเรื่องราวในวันนี้มากๆ เลยล่ะ แม้จะดูซับซ้อน แต่ต้องขอชื่นชมชาวอียิปต์โบราณว่าเก่งและฉลาดจริงๆ พวกเขาคิดค้นวิธีรักษาร่างมนุษย์ให้อยู่ได้นานขนาดนี้ได้อย่างไรกันนะ มัมมี่บางตัวอยู่มาหลายร้อยหลายพันปีจนมนุษย์เราค้นพบและนำมาศึกษาได้ มนุษย์ในยุคก่อนนี่เก่งมากจริงๆ มินิมอร์ชื่นชมสุดๆ เล้ยย เจ๋งมาก!

    แหล่งข้อมูล

    เขียนโดย Minimore Trainee : aaommm
Views

เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น

Log in