ตอนนั้น...จำได้ว่า...
เรานั่งฟังเพลง Hakuna Matata ไปตลอดทาง
เนื่องจากอริสาชอบมากกกกกกกกกก
ขอให้เปิดวนไปเรื่อยๆ
เรื่องของเรื่องคือเราสองคนอยากไป Yosemite มากๆ
แต่มันค่อนข้างไกล๊ไกล แถมค่าทัวร์ One day trip แพงมาก
ประมาณ 150 USD ต่อคน!!!
พี่คริสเลยเห็นใจ
เอาวะ พาไอ้เด็กสองคนนี้ไปก็ได้
เช้าวันรุ่งขึ้นพวกเราก็จัดแจงแพกกระเป๋า
เตรียมอาหารของกินไปปิกนิกกันทั้งครอบครัว :)
ถึงแล้วจ้ะ
ฟ้าใส อากาศดี ชีวีมีความสุข
พอมาถึงแล้วก็ไปจ่ายค่าเข้าอุทยาน แล้วก็วนหาที่จอดรถ
ด้วยความที่มันเป็นวันเสาร์ก็มีคนอเมริกันผู้รักในต้นไม้ใบหญ้าธรรมชาติ
ขับรถมาปิกนิกกันเยอะแยะมากมาย
รวมถึงนักท่องเที่ยวปริมาณมหาศาลอีกด้วย
อาห์ ความต้นไม้และความเขียวขจีนี้ :D
นี่คือจุดจอดรถนะจ๊ะ ต้องเดินไปอีกถึงจะเจอกับจุดชมวิว
อยากวิ่งไปกอดต้นไม้ทุกต้น
ช่วงนี้เขาเอากล้องไปถ่ายล่ะ
ผู้ชายที่ถือกระเป๋านั้นคือพี่คริสที่แบกของกิน
และเราที่ยืนอยู่ตรงสุมทุมพุ่มไม้ข้างเคียง
เขาก็จะมีทางเดินไปที่จุดชมวิวให้เลือกเดินไปชม
น่อวววว ความยิ่งใหญ่ของธรรมชาตินี้
นี่มัน OS Yosemite ชัดๆ
ตรงนี้เขาเรียกว่า Half Dome
เป็นยอดเขาโดมครึ่งซีก สัญลักษณ์ของอุทยานแห่งชาตินี้นั่นแล
ซึ่ง... จริงๆแล้วปีนขึ้นไปด้วยได้นะจ๊ะ
และมองด้วยกล้องส่องทางไกลของพี่คริส
ก็พบว่ามีมนุษย์ปีนอยู่จริงๆจ้ะ
เท่เหลือเกิน อยากไปปีนบ้าง
สังเกตเห็นคนในรูปมั๊ย
มนุษย์นี่เราตัวเล็กเนอะ เมื่ออยู่ท่ามกลางธรรมชาติที่ยิ่งใหญ่
พอมาเห็นภาพแบบนี้แล้วเราจะรู้สึกว่า...
จริงๆแล้วพวกเราเป็นผงธุลีเล็กๆในจักรวาล
ฉะนั้น...
เราควรจะให้ความสำคัญ เคารพ นอบน้อมกับธรรมชาติ
ปีแล้วปีเล่าที่มีข่าวเกี่ยวกับเรื่องปัญหาสิ่งแวดล้อมมากมาย
ทั้งหมอกควันปกคลุมเมือง มลพิษทางอากาศต่างๆ
พายุพัด น้ำท่วม แผ่นดินไหว แพขยะเกลื่อนทะเล
ทรัพยากรที่มีไม่เพียงพอต่อประชากรทั้งโลก
สัตว์หลายชนิดถูกล่าและเสี่ยงที่จะสูญพันธุ์
เราว่าเหตุภัยพิบัติต่างๆที่เกิดขึ้น
มันก็คือผลพวงจากการกระทำของเหล่ามนุษยชาตินั่นแหละ
Mother nature is angry.
เป็นช่วงที่ธรรมชาติแสดงความยิ่งใหญ่และเอาคืนมนุษย์ตัวจ้อย
และในท้ายที่สุด...
ความทะเยอทะยานใดๆของมนุษย์มันเอาชนะสิ่งที่ยิ่งใหญ่แบบนี้ไม่ได้เลย
มนุษย์เราตัวก็เล็กนิดเดียว
ทำไมถึงโลภ ทำไมถึงทำลายสิ่งที่งดงามแบบนี้กันนัก
ทำไมเราถึงทำลายโลกสีน้ำเงินใบนี้ที่เป็นบ้านของพวกเราทุกคนทุกวี่ทุกวัน
มีน้ำตกด้วย ที่นี่มีน้ำตกใหญ่อยู่หลายแห่งเลยล่ะ
แต่ปริมาณน้ำไม่ค่อยมากเพราะเป็นช่วงฤดูร้อน
มีน้องกระรอกมาเยี่ยมเยียนตอนที่นั่งกินข้าวปิกนิก
เดินลัดเลาะตามทางไปที่จุดชมวิวต่างๆ
มีป้ายอธิบายว่ายอดเขานี้ชื่ออะไร หุบเขาด้านล่างเป็นยังไง แถบนี้มีน้ำตกอะไรบ้าง
เหมาะแก่ผู้ชอบอ่าน ซึ่งเราก็แชะรูปไว้แล้วก็เดินจากไปจ้ะ (แหะๆ)
ถ่ายมุมเดียวกับป้ายนั่นแล
ไปยืนบ้าง อยากเท่ด้วย
ดูรูปเก่าๆแล้วก็คิดถึงช่วงเวลาที่ตัวเองผิวแทนไม่กลัวแดดและฝ้ากระใดๆ
ตอนนี้อายุมากขึ้นแล้ว ต้องคอยกังวลนิดๆแล้วล่ะ ฮา
อาริสาผู้สนุกสนานไปกับทุกสิ่งรอบตัว
อีกสองเงาคือพี่คริสและเขาที่ถ่ายรูปนี้ให้
จะว่าไปมันก็เป็นรูปรวมครอบครัวนะ ฮา
และมีรูปรวมห้าคนที่น่ารักดีตรงป้ายหน้าอุทยาน
จริงๆเราไปปีนน้ำตกกันด้วยแหละ
แต่เราไม่ได้เอากล้องนี้ลงไป
และคิดว่ารูปน่าจะอยู่ในมือถือเขาหมดเลย
ก็ดีนะ เป็นโซนสงบๆ ได้ยินเสียงน้ำตก
และคนก็ไม่พลุ้งพล่าน
ตอนขากลับเราก็นั่งเล่นเกมหมวดหมู่สิ่งของวนกันไปห้าคน
สนุกดี และก็ฟัง Hakuna Matata ไปตลอดทางเพราะอริสารีเควสอีกแล้ว
จนกระทั่งน้องหลับนั่นแหละ
พี่คริสถึงเปลี่ยนไปเป็นวิทยุปกติได้
เราก็นั่งฟังไปเรื่อยๆจนกระทั่งถึงเพลง
All of you - John Legend
เป็นซีนที่น่ารักมาก
เพราะพี่คริสร้องเพลงไปพลางหันไปสบตากับพี่ฝ้าย
เป็นสายตาที่มองแล้วอุ่นจนเราที่นั่งอยู่เบาะหลังสัมผัสได้
Give your all to me
I'll give my all to you.
You're my end and my beginning
even when I lose, I'm wining.
Cause I give you all of me
and you give me all of you.
(นี่กรี๊ดในใจด้วยความขวยเขินอยู่ที่เบาะหลัง)
เราว่ากว่าคนสองคนจะมาพบกัน รักกัน
และตกลงใช้ชีวิตร่วมกันจนกว่าความตายจะมาพรากจากมันไม่ง่ายเลยนะ
คนเรารักกันว่ายากแล้ว
การประคับประคองความรักและความสัมพันธ์ให้คงอยู่ต่อไปนั้นยากกว่า
และกว่าจะมีวันที่คนสองคนจะตัดสินใจอยู่ด้วยกันนั้น
มันจะต้องผ่านอุปสรรค์อะไรต่างๆมากมาย
ผ่านคืนวันที่ไม่น่ารัก ไม่น่าจดจำ
จนกระทั่งมีวันนี้
และการแต่งงานอยู่ด้วยกัน
มันก็ไม่ได้แปลว่าทุกอย่างจะ happily ever after แบบในนิทาน
มันก็จะมีวันที่ทะเลาะ กระทบกระทั่ง คิดเห็นไม่ตรงกันบ้าง
แต่สุดท้ายแล้วมันก็ต้องจับมือฝ่าฟันเรื่องราวทุกอย่างไปด้วยกันให้ได้
เพราะถ้าเป็นคนๆนี้แล้ว
เราจะไม่ยอมแพ้ ไม่ว่าจะเจอเรื่องร้ายอะไรก็ตาม
เมื่อคิดได้ดังนี้ก็กะว่าจะหันไปสบตาซึ้งใจกับคนที่บ้าบอข้ามแปซิฟิกมาด้วยกัน
แต่เขาหลับเอาหัวพิงคาร์ซีทของอริสาไปเรียบร้อย
เออ
นอนบ้างก็ได้โว้ย
(และพี่ฝ้ายก็แอบแชะรูปที่เราสามคนหลับเอาหัวพิงกันส่งไปให้คุณแม่ดู)
เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น
Log in