เราใช้คุ๊กกี้บนเว็บไซต์ของเรา กรุณาอ่านและยอมรับ นโยบายความเป็นส่วนตัว เพื่อใช้บริการเว็บไซต์ ไม่ยอมรับ
Miscellaneapiyarak_s
จุดจบของความจริง
  • (1)

    “ผมบอกความจริงไปหมดแล้ว” 


    ถึงจะยืนยันไปเช่นนั้น แต่กลับไม่มีปฏิกิริยาใด ๆ จากเจ้าของร่างในความมืดเลยแม้แต่น้อย ความเงียบงันอันน่าใจหายก็กำลังทำให้ชายหนุ่มหวาดหวั่นอย่างบอกไม่ถูก 

    “นาย...”เขารู้สึกว่าเสียงของตนเองกำลังสั่น “ผมไม่ได้โกหกนะ นาย...ที่ผมบอกนายเป็นความจริง นายก็เห็นแล้วว่า นายเชื่อคำพูดผมได้ที่นายส่งไอ้สันต์ไปลงนรกได้ไม่ใช่เพราะผมบอกทุกอย่างที่ผมรู้เกี่ยวกับไอ้สันต์ให้นายรู้หรอกเหรอ” 


    “อั๊วเคยบอกลื้อสักคำไหมว่า อั๊วไม่เชื่อคำพูดของลื้อ” คนที่เขาเรียกว่า ‘นาย’ เอ่ยเสียงเรียบ “ที่ลื้อบอกอั๊วมันเป็นความจริงทุกอย่าง ถ้าอั๊วไม่เชื่อลื้ออั๊วก็คงจะล่อไอ้สันต์มาติดกับไม่ได้จริง ๆ อย่างที่ลื้อลำเลิกบุญคุณของลื้อที่มีกับอั๊วมาเมื่อตะกี้ทั้งหมดนั่นแหละ” 


    “ผ... ผมไม่ได้ลำเลิก”เขาแย้ง “ผมแค่พูดความจริง” 


    “ลื้อพูดความจริง... ก็ถูก... ถึงความจริงเป็นสิ่งไม่ตาย” ชายที่ยืนค้ำศีรษะเขาอยู่แค่นยิ้ม “แต่มันทำให้คนที่พูดความจริงตายได้” 

    ชื่อเสียงในวงการของ ‘นาย’ เป็นที่รู้กันว่าแม่นยำเหมือนจับวาง ไม่มีครั้งไหนที่ ‘นาย’ หมายหัวแล้วจะพลาดเป้า ยามนี้ปากกระบอกปืนในมือของ ‘นาย’ ที่เคยจ่อนิ่งกลางหน้าผาก ถูกยัดเข้าไปในปากของเขาแล้วลั่นไก...  


    อโหสิให้อั๊วเถอะนะ...ถ้าลื้อไม่พูดความจริง ลื้อคงไม่ต้องมาตายแบบนี้หรอก” 



    ..................................................

    (2) 


    “อ้าว สารวัตรมาเป็นไทยมุงกับเขาด้วย... แผลที่แขนเป็นไงบ้างครับ”  


    “ไม่เป็นไรแล้วเดี๋ยวก็หาย ขอบใจนะ” นายตำรวจเจ้าของชื่อรับการทำความเคารพจากคนในเครื่องแบบที่เอ่ยกระเซ้าก่อนเลิกคิ้วเป็นเชิงถามว่า เกิดอะไรขึ้น 


    “มีคนตายเพราะถูกยิงน่ะครับ... กระสุนเข้าทางปากทะลุออกทางท้ายทอย ยังไม่ทราบว่ายิงตัวเองตายหรือคนอื่นยิง” พนักงานสอบสวนตอบ เหลือบตาไปทางกลุ่มตำรวจ แพทย์ พยาบาลและอาสาสมัครกู้ภัยที่สาละวนกับการตรวจศพในที่เกิดเหตุซึ่งเป็นที่ลับตาคนอยู่พอสมควร 

    “ผู้ตายเป็นใคร” นายตำรวจหนุ่มใหญ่ถามรุ่นน้องร่วมอาชีพ 

    “ผู้ตาย ชื่อ นายปกรณ์ หรือ โป้ง เปิดร้านรับซื้อขายของหลุดจำนำ เป็นคนรู้จักของไอ้สันต์มือปืนที่สารวัตรยิงตายไปเมื่อสองวันก่อน” ผู้อ่อนวัยกว่าบอก “ผู้ตายอยู่ระหว่างถูกดำเนินคดีฐานมีอาวุธปืนที่นายทะเบียนจะออกใบอนุญาตให้ไม่ได้อยู่ในครอบครองด้วย... ท่อเก็บเสียง หรือไซเลนเซอร์ที่ไอ้สันต์ใช้ก็ซื้อมาจากผู้ตายนี่แหละครับ”  

    พนักงานสอบสวนเอ่ยเสียงดังฟังชัดในแบบที่เขาฟังก็รู้ว่าคนพูดจงใจ ‘ปล่อย’ ข้อมูลให้นักข่าวที่ยืนอยู่ในบริเวณนั้นได้ยินด้วย “ตะกี้ นายกำลังพูดถึงสารวัตรอยู่ สารวัตรก็มาพอดี ผมไปบอกนายนะครับว่าสารวัตรอยู่นี่” 


    “เดี๋ยวผมไปหานายเอง” เขาว่า ก้มตัวลอดเทปพลาสติกที่ใช้กั้นเขตที่เกิดเหตุเข้าไป 

    ดูจากสายตาของชาวบ้านที่มองมา เขารู้ทันทีว่าทุกคนคงรู้ข่าวเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นหมดแล้ว และดูจะอนุโมทนาสาธุในสิ่งที่เขาทำลงไปหรืออย่างน้อยที่สุด ก็ไม่ได้ประณามสาปแช่งสิ่งที่คนทั่วไปเรียกว่าการวิสามัญฆาตกรรมที่เขาทำกับมือปืนชื่อดังที่เคยยิงตำรวจตายมาหลายศพรายนี้ 

    แผลกระสุนถากที่เขาได้มาประดับแขนเป็นเครื่องหมายว่า เขาก็เป็นผู้เสียหายและมีความชอบธรรมที่จะตอบโต้... เจ็บนิดหน่อยแต่ก็คุ้มที่ทำให้ทุกคนเห็นตรงกันว่า... “ไอ้สันต์ สมควรตาย” 


    ความตายของมันเป็นเรื่องที่ช่วยไม่ได้ เพราะมันเป็นคนเริ่มต้นลงมือยิงตำรวจที่ขอเข้าตรวจค้นรถก่อนจนกระทั่งพาตัวเองไปสู่จุดจบในที่สุด 



    “นพ... แผลเป็นไงบ้าง” เป็นคำถามที่ ‘นาย’ ของเขาเอ่ยถามทันทีที่เห็นหน้า 

    “ดีขึ้นแล้วครับขอบคุณครับ” เขาตอบ ทำความเคารพผู้บังคับบัญชานายอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้องกับคดีและทักทายนายตำรวจรุ่นน้องคนอื่น ๆ เป็นพิธี 


    “ที่จริงนายไม่ต้องลงมาทำตรงนี้ก็ได้นี่ครับ...” เขาออกปากมองพนักงานสอบสวนจดบันทึกรายละเอียดการตรวจศพ 

    ‘นาย’ ยิ้มให้เขา

    “นพพูดแบบนั้นไม่ได้หรอก วิสามัญไอ้สันต์ที่เคยฆ่าตำรวจเราไม่ใช่เรื่องเล็ก แล้วคราวนี้ คนที่ตายมันก็เป็นพรรคพวกกับไอ้สันต์ คนกำลังให้ความสนใจเราจะทำพลาดไม่ได้เลย พี่เลยอยากลงมาทำเอง จะได้มั่นใจไม่มีอะไรหลุดรอดสายตา ทุกอย่างที่เราทำเกี่ยวกับการกวาดล้างไอ้พวกเวรนี่จะได้ไม่สูญเปล่า นพจะได้ไม่เจ็บ ไม่ลำบากฟรี ๆ” 


    คำพูดเรียบเรื่อยของ ‘นาย’ เป็นคำพูดที่ฟังดูจริงจังและจริงใจเสียจนเขาอดตื้นตันอยู่ในใจไม่ได้... 

    ‘นาย’ ไม่เคยทิ้งลูกน้องคนไหน ถ้า ‘นาย’ ลงมือเองได้ ‘นาย’ ไม่เคยเกี่ยง... งานนี้ก็เช่นกัน เขารู้ดีว่าการที่ ‘นาย’ ลงมา ‘เก็บกวาด’ ด้วยมือของตัวเอง มีอะไรบางอย่างที่มากกว่าแค่ต้องการทำให้คดีนี้จบลงด้วยความเรียบร้อยอย่างที่พูด

    ผู้ตายที่ถูกเคลื่อนย้ายจากจุดที่นอนเสียชีวิตมาอยู่ในห่อผ้าดิบสีขาวของเจ้าหน้าที่อาสาสมัครกู้ภัยไม่ใช่แค่พ่อค้าของมือสอง หรือค้าอาวุธและเครื่องกระสุนเถื่อนธรรมดา แต่ยังเป็นสายและนกต่อของตำรวจชุดจับกุมมือปืนที่ดับดิ้นไปแล้วเมื่อสองวันก่อนด้วย


    พูดง่าย ๆ ก็คือผู้ตายรายนี้ร่วมมือกับตำรวจในการให้ข้อมูล และเป็นตัวล่อไอ้สันต์ ซึ่งเป็นทั้งเพื่อนร่วมหมู่บ้านและลูกค้าของตัวเองมาติดกับ และการยิงต่อสู้ที่เกิดขึ้นนั้น เป็นเหตุการณ์ที่วางแผนมาแล้วเป็นอย่างดี...


    สิ่งเดียวที่ผิดพลาด คือ เขาถูกยิงบาดเจ็บ แต่ก็สามารถพลิกวิกฤติเป็นโอกาส ทำให้เหตุผลของการ ‘เก็บกวาด’ สมเหตุสมผลอย่างที่สุด


    ไม่น่าแปลกใจเลย ถ้านายปกรณ์จะถูกล้างแค้นในเวลาต่อมาด้วยฝีมือใครก็ตามที่เกี่ยวข้อง

    ตอนที่มือปืนที่ทางการต้องการตัวอย่างไอ้สันต์ตาย เขาอดนึกเสียดายและสลดใจกับชะตาของคนที่เขาปลิดชีพด้วยมือของตัวเองไม่ได้ อย่างน้อยที่สุด มือปืนที่ฆ่าคนมาหลายสิบอย่างมันก็ยังยอมเสี่ยงออกมาด้วยเหตุผลคำว่า ‘เพื่อน ’เพียงคำเดียว ในขณะที่เขานึกสมน้ำหน้าปนสะใจที่ผู้ให้ความร่วมมือในการปราบปรามอาชญากรรมของฝ่ายตนเองต้องมาตายในสภาพนี้ 



    “คนที่สมควรตายพอ ๆ กับไอ้สันต์ก็คือไอ้โป้งนี่แหละ” 


    เขาสะดุ้งน้อย ๆ กับคำกล่าวของ ‘นาย’ที่เอ่ยให้เขาได้ยินเพียงคนเดียว 


    “ไอ้โป้งมันปากโป้งสมชื่อ ไม่น่าแปลกใจหรอก ถ้ามันจะตายเพราะไข้โป้งเข้าสักวัน” 


    สายตาเย็นชาของ ‘นาย’ที่จับจ้องยังศพในห่อผ้าทำให้เขาชาวาบไปทั้งตัว 


    “คนที่ขายเพื่อนให้คนอื่นฆ่า มันไม่สมควรจะลอยหน้าอยู่บนโลกใบนี้ไปจนแก่อย่างนี้ละ” 


    ‘นาย’ ทำสัญญาณเรียกให้เขาเข้ามาใกล้ ๆ และในตอนนั้นเองที่เขาเพิ่งสังเกตเห็นว่าตั้งแต่เข้าที่เกิดเหตุมา ‘นาย’ ไม่ได้ขยับออกไปจากจุดที่ยืนอยู่เลยแม้แต่นิดเดียว 


    “คำที่นพพูดกับพี่ตอนเราประชุมเกี่ยวกับการทำสำนวนหลังวิสามัญฯ ไอ้สันต์ว่า คนอย่างไอ้โป้งไว้ใจไม่ได้ มันหักหลังเพื่อนเพื่อเงินได้ มันก็หักหลังตำรวจอย่างเราเพื่อผลประโยชน์ของมันได้เหมือนกัน นพยังจำได้ใช่ไหม” ‘นาย’เปรยขึ้นเบา ๆ “วันนี้ พี่ยิ่งเชื่อว่านพมองคนไม่พลาด...” 


    “ไอ้สันต์ถึงมันจะยิงคนของเราตายไป แต่มันก็ทำงานของมือปืน ด้วยจรรยาบรรณของมือปืนและเป็นลูกผู้ชายพอ ที่มันถูกนพยิง มันก็ตายอย่างสมศักดิ์ศรีนักเลงของมันแล้ว...” 


    ‘นาย’ เงียบไปครู่หนึ่งหยิบบุหรี่ออกมาจุด ถือไว้ในมือ รอให้แพทย์และเจ้าหน้าที่เดินผ่านไปก่อนจึงกล่าวต่อโดยไม่ละสายตาจากใบหน้าของเขา


    “แต่สำหรับไอ้โป้ง ตามความเป็นจริงแล้ว คนอย่างมันไม่ควรจะได้รับเกียรติจากมือปืนคนเดียวกันกับที่ยิงไอ้สันต์” 


    ‘นาย’ ถอนเท้าจากจุดที่ยืนอยู่ ทำให้เขาสามารถเห็น ‘บางสิ่ง’ ที่ถูกซ่อนเอาไว้และทำให้เขาใจหายวูบ มือเท้าเย็นเฉียบ ในขณะที่เหงื่อเริ่มหยดไหลลงข้างแก้ม


    บนพื้นดินที่ปราศจากต้นหญ้ามีร่องรอยที่ผู้ตายเขียนทิ้งเอาไว้...



    ‘9’ 


    นพ... ชื่อจริงของเขาก็มีความหมายว่า หมายเลขเก้าที่ในภาษาอังกฤษออกเสียงว่า ‘นายน์’ ซึ่งเป็นชื่อที่เขาเลือกให้ใช้เรียกขานในการทำงานครั้งนี้ 

    เขาประเมินไอ้คนปากสว่างคนนั้นต่ำเกินไป... มันคงแอบทำเครื่องหมายนี้ทิ้งไว้เผื่อในกรณีที่ตัวเองไม่รอดเงื้อมมือของเขาไปได้ แต่ในขณะเดียวกัน มันก็พร้อมจะลากเขาลงนรกไปด้วยกันเช่นกัน  


    “นายครับ...” เขาเอ่ยออกมาได้เพียงเท่านั้น รู้สึกว่าลำคอแห้งผากจนแทบเปล่งเสียงออกมาไม่ได้


    ‘นาย’ ของเขาไม่เอ่ยสิ่งใด หากทิ้งบุหรี่ที่ถูกจุดขึ้นโดยไม่ได้สูบลงบนพื้นใช้เท้าขยี้ดับบุหรี่ไปพร้อมกับลบข้อความซึ่งบ่งชี้ถึงตัวคนฆ่าจนสิ้นซาก 


    “อย่างที่นพบอก...คนอย่างมัน ไม่ควรเอาไว้ งูพิษที่ไม่ทำร้ายคนก็ไม่จำเป็นต้องไปตีมันแต่คนที่มันร้ายกว่างู ต่อให้มันยังไม่ทันลงมือทำอะไร ก็จำเป็นต้องตีมันให้ตายก่อนที่มันจะเป็นภัยกับพวกเราทั้งหมด...”

     
    ‘นาย’ถอนเท้าออกจากจุดที่ยืนอยู่ และออกเดินเพื่อไปสมทบกับคนอื่น ๆ ที่ยืนรออยู่เตรียมตัวดำเนินการเคลื่อนย้ายศพ รวมทั้งรอ ‘นาย’ มาให้ข่าวกับสื่อมวลชน


    “คดีนี้ไอ้โป้งต้องตายฟรี จะไม่มีวันที่ใครหน้าไหนมาจับคนที่ยิงมันได้ ถึงจะสาสมกับสิ่งที่มันทำเอาไว้กับคนของเรา” 


    ..................................................




  • (3) 


    ในขณะที่ ‘นาย’ ออกหน้าให้ข่าวกับสื่อมวลชนโดยเขายืนดูอยู่ห่าง ๆ และขอตัวไม่ให้สัมภาษณ์โดยมีข้ออ้างว่า ยังรู้สึกไม่ค่อยสบายจากบาดแผลที่ได้รับมาในการวิสามัญอดีตมือปืนดังเมื่อไม่กี่วันก่อน

    สารวัตรหนุ่มใหญ่เม้มริมฝีปากแน่น ชีวิตทั้งชีวิตของเขาฝากไว้ในกำมือของ ‘นาย’ และเพื่อนร่วมงานที่อยู่ร่วมกันในสถานที่แห่งนี้ทั้งหมดด้วยทุกคนล้วนเป็น ‘ทีมเดียวกัน’ หากทุกอย่างพลาด หมายถึงความเป็นความตายของทุกคน 

    เขายอมเสี่ยงรับงาน ‘ปิดปาก’บุคคลที่เป็นอันตรายอย่างยิ่งกับทุกคน ในขณะที่ทุกคนพร้อมใจกัน ‘เก็บกวาด’ ทุกสิ่งที่เกิดขึ้น และปิดผนึกความจริงทั้งหมดเอาไว้ 

    อย่างที่เขาเคยพูดกับเป้าหมายในคืนสังหาร... ความจริงเป็นสิ่งไม่ตายแต่ความจริงอาจทำให้คนตายได้ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง เมื่อคนที่กำความจริงเอาไว้เป็นบุคคลที่ไม่น่าไว้วางใจให้รักษาความลับ 

    ภาพเหตุการณ์ของคืนที่ผ่านมาหวนคืนมาในความทรงจำ



    “นายน์...” พ่อค้าของเก่าระล่ำระลัก ถอยหลังกรูด แต่ก็สะดุดขาตัวเองล้มลงกับพื้น “ผมไม่ได้โกหกนะ นาย... ที่ผมบอกนายเป็นความจริง นายก็เห็นแล้วว่านายเชื่อคำพูดผมได้ ที่นายส่งไอ้สันต์ไปลงนรกได้ไม่ใช่เพราะผมบอกทุกอย่างที่ผมรู้เกี่ยวกับไอ้สันต์ให้นายรู้หรอกเหรอ” 

    “อั๊วเคยบอกลื้อสักคำไหมว่าอั๊วไม่เชื่อคำพูดของลื้อ” เจ้าของชื่อเรียกขานว่า ‘นายน์’ ที่อีกฝ่ายเรียกว่าปากว่า ‘นาย’ เอ่ยเสียงเรียบจ่อปืนไม่มีทะเบียนที่เพิ่งรับมาจากเขาเมื่อครู่มายังเขา “ที่ลื้อบอกอั๊วมันเป็นความจริงทุกอย่าง ถ้าอั๊วไม่เชื่อลื้ออั๊วก็คงจะล่อไอ้สันต์มาติดกับไม่ได้จริง ๆ อย่างที่ลื้อลำเลิกบุญคุณของลื้อที่มีกับอั๊วมาเมื่อตะกี้ทั้งหมดนั่นแหละ” 

    “ผ... ผมไม่ได้ลำเลิก” แม้จะล้มลุกคลุกคลานอยู่กับพื้น แต่ก็ยังเอ่ยปากแย้ง “ผมแค่พูดความจริง” 

    “ลื้อพูดความจริง... ก็ถูก... ถึงความจริงเป็นสิ่งไม่ตาย” ชายที่ยืนค้ำศีรษะเขาอยู่แค่นยิ้ม “แต่มันทำให้คนที่พูดความจริงตายได้” 

    สายตาที่จับจ้องยังใบหน้าพ่อค้าอาวุธเถื่อนเต็มไปด้วยอารมณ์เหยียดหยามยามนี้ คนที่เคยล่อคนอื่นมารับของแล้วนำไปสู่ความตาย กำลังถูกหลอกด้วยวิธีเดียวกัน

    “ลื้อรู้แล้วว่าลื้อทำงานกับใคร แล้วลื้อรู้คติในวงการของพวกอั๊วหรือเปล่า”

    ปกรณ์ส่ายหน้า ในท้องปั่นป่วนจนแทบอาเจียน ทั้งร่างเย็นเยียบและเริ่มสะท้านไหวจนแทบคุมไม่อยู่เสียงของนายตำรวจที่ดึงตัวเขามาเป็นนกต่อล่อมือปืนดังแลกกับเงินเรือนหมื่นไม่ดังไปกว่ากระซิบ หากแต่หนักหน่วงมากพอที่จะบดขยี้ความหวังเสี้ยวสุดท้ายที่จะอยู่รอดของเขาให้แหลกลงแทบเท้า 

    “ไม่ฆ่าน้อง... ไม่ฟ้องนาย...ไม่ขายเพื่อน...” 

    เขาเอ่ยช้า ชัด แทบจะทีละคำ พลางหัวเราะในลำคอแต่ไม่ปรากฏร่องรอยความขบขันในแววตา 

    “แต่ลื้อทำแม่งทุกอย่าง” 

    มือของนายตำรวจขยับเข้าไปใต้เสื้อแจ็คเก็ตสีดำที่สวมทับเสื้อยืดสีเดียวกัน ส่วนมือของพ่อค้าของหลุดจำนำที่ผันตัวเองมาค้าอาวุธประสานเข้าหากัน ก่อนลดลงแทบพื้น โน้มตัวลงก้มกราบประชิดเท้าของอีกฝ่ายอย่างรู้ชะตาตัวเอง

    “นายน์... ผมขอล่ะ” เขาระล่ำระลักคว้าข้อเท้าของชายร่างใหญ่เอาไว้แน่นด้วยมือข้างหนึ่ง คงจะเป็นตอนนั้นเอง ที่เขาใช้มืออีกข้างหนึ่งเริ่มเขียน ‘บางสิ่ง’ ทิ้งเอาไว้บนพื้นดินที่อ่อนนุ่มเพราะน้ำค้าง

    “เงินของนาย ผมไม่เอาก็ได้ผมขออย่างเดียว นายปล่อยผมไปเถอะ...” 

    น้ำตาพรั่งพรูจากดวงตาแดงก่ำ ขณะเกลือกหน้าลงกับรองเท้าที่อีกฝ่ายสวมใส่

    “นะ... นาย... ถ้านายปล่อยผมไปผมจะปิดปากตัวเอง ไม่บอกใคร สาบานได้ ผมจะไม่เอาเรื่องนี้ไม่ว่าจะเป็นเรื่องที่ผมเอาเรื่องของไอ้สันต์มาบอกนาย เรื่องที่นายให้ผมหลอกพาไอ้สันต์มาติดกับ หรือแม้กระทั่งเรื่องที่ตำรวจวางแผนเก็บมันให้ใครรู้อีกเลย นายจะให้ผมทำอะไรก็ได้แค่นายไว้ชีวิตผมก็พอ” 

    ในความเป็นจริง อย่างที่ ‘นาย’ บอก เขาไม่จำเป็นต้องลงมือเองและเขาก็ไม่อยากจะฆ่าใครอีกโดยไม่จำเป็น แต่ทว่าคนที่พวกเขาต้องรับมือด้วยนั้นกลิ้งกลอกจนเขาไม่อาจวางใจ รวมทั้งไม่มีใครคนไหนที่รู้ทันเหลี่ยมเล่ห์ของชายผู้นี้ดีเท่าเขา

    ทุกสิ่งทุกอย่างที่เกิดขึ้นตรงหน้าตอกย้ำให้เห็นอย่างจะแจ้งว่าสายตาที่เขาใช้ประเมินมองคนที่ทิ้งได้แม้กระทั่งศักดิ์ศรี ขายได้แม้กระทั่งเพื่อน ยอมเข้ากับฝ่ายตรงข้ามเพื่อผลประโยชน์ของตัวเองนั้นไม่พลาด  

    ชายผู้รับหน้าที่มือสังหารของ ‘ทีม’ สลัดเท้าให้พ้นจากการเกาะกุม คว้าคอเสื้อของอีกฝ่ายให้เปลี่ยนท่าจากคลานเป็นนั่งจ่อปืนที่กลางหน้าผาก สอดนิ้วเข้าไปในโกร่งไก 

    “งั้นยกมือขึ้น แล้วสาบานว่าลื้อจะเก็บความลับไว้จนตาย” 

    ทันทีที่พ่อค้าของเก่าอ้าปากจะพูดปากกระบอกปืนที่เคยจ่อนิ่งกลางหน้าผาก ถูกยัดเข้าไปในปากของเขา แล้วลั่นไก...  

    “อโหสิให้อั๊วเถอะนะ... ถ้าลื้อไม่พูดความจริง ลื้อคงไม่ต้องมาตายแบบนี้หรอก” 


    นพถอนใจหนักหน่วง


    ขอให้เขาส่งคนที่พูดความจริงให้ไปพบจุดจบเช่นนี้เป็นคนแรกและคนสุดท้ายด้วยเถอะ... 



    END 
    หมายเหตุ: เคยลงในถนนนักเขียนของพันทิป เมื่อนานมาแล้ว แต่เอามารวมกันไว้ตรงนี้
Views

เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น

Log in