ถึงจะยืนยันไปเช่นนั้น แต่กลับไม่มีปฏิกิริยาใด ๆ จากเจ้าของร่างในความมืดเลยแม้แต่น้อย ความเงียบงันอันน่าใจหายก็กำลังทำให้ชายหนุ่มหวาดหวั่นอย่างบอกไม่ถูก
“นาย...”เขารู้สึกว่าเสียงของตนเองกำลังสั่น “ผมไม่ได้โกหกนะ นาย...ที่ผมบอกนายเป็นความจริง นายก็เห็นแล้วว่า นายเชื่อคำพูดผมได้ที่นายส่งไอ้สันต์ไปลงนรกได้ไม่ใช่เพราะผมบอกทุกอย่างที่ผมรู้เกี่ยวกับไอ้สันต์ให้นายรู้หรอกเหรอ”
“อั๊วเคยบอกลื้อสักคำไหมว่า อั๊วไม่เชื่อคำพูดของลื้อ” คนที่เขาเรียกว่า ‘นาย’ เอ่ยเสียงเรียบ “ที่ลื้อบอกอั๊วมันเป็นความจริงทุกอย่าง ถ้าอั๊วไม่เชื่อลื้ออั๊วก็คงจะล่อไอ้สันต์มาติดกับไม่ได้จริง ๆ อย่างที่ลื้อลำเลิกบุญคุณของลื้อที่มีกับอั๊วมาเมื่อตะกี้ทั้งหมดนั่นแหละ”
“ผ... ผมไม่ได้ลำเลิก”เขาแย้ง “ผมแค่พูดความจริง”
“ลื้อพูดความจริง... ก็ถูก... ถึงความจริงเป็นสิ่งไม่ตาย” ชายที่ยืนค้ำศีรษะเขาอยู่แค่นยิ้ม “แต่มันทำให้คนที่พูดความจริงตายได้”
ชื่อเสียงในวงการของ ‘นาย’ เป็นที่รู้กันว่าแม่นยำเหมือนจับวาง ไม่มีครั้งไหนที่ ‘นาย’ หมายหัวแล้วจะพลาดเป้า ยามนี้ปากกระบอกปืนในมือของ ‘นาย’ ที่เคยจ่อนิ่งกลางหน้าผาก ถูกยัดเข้าไปในปากของเขาแล้วลั่นไก...
“อโหสิให้อั๊วเถอะนะ...ถ้าลื้อไม่พูดความจริง ลื้อคงไม่ต้องมาตายแบบนี้หรอก”
(2)
“ไม่เป็นไรแล้วเดี๋ยวก็หาย ขอบใจนะ” นายตำรวจเจ้าของชื่อรับการทำความเคารพจากคนในเครื่องแบบที่เอ่ยกระเซ้าก่อนเลิกคิ้วเป็นเชิงถามว่า เกิดอะไรขึ้น
“มีคนตายเพราะถูกยิงน่ะครับ... กระสุนเข้าทางปากทะลุออกทางท้ายทอย ยังไม่ทราบว่ายิงตัวเองตายหรือคนอื่นยิง” พนักงานสอบสวนตอบ เหลือบตาไปทางกลุ่มตำรวจ แพทย์ พยาบาลและอาสาสมัครกู้ภัยที่สาละวนกับการตรวจศพในที่เกิดเหตุซึ่งเป็นที่ลับตาคนอยู่พอสมควร
“ผู้ตายเป็นใคร” นายตำรวจหนุ่มใหญ่ถามรุ่นน้องร่วมอาชีพ
“ผู้ตาย ชื่อ นายปกรณ์ หรือ โป้ง เปิดร้านรับซื้อขายของหลุดจำนำ เป็นคนรู้จักของไอ้สันต์มือปืนที่สารวัตรยิงตายไปเมื่อสองวันก่อน” ผู้อ่อนวัยกว่าบอก “ผู้ตายอยู่ระหว่างถูกดำเนินคดีฐานมีอาวุธปืนที่นายทะเบียนจะออกใบอนุญาตให้ไม่ได้อยู่ในครอบครองด้วย... ท่อเก็บเสียง หรือไซเลนเซอร์ที่ไอ้สันต์ใช้ก็ซื้อมาจากผู้ตายนี่แหละครับ”
พนักงานสอบสวนเอ่ยเสียงดังฟังชัดในแบบที่เขาฟังก็รู้ว่าคนพูดจงใจ ‘ปล่อย’ ข้อมูลให้นักข่าวที่ยืนอยู่ในบริเวณนั้นได้ยินด้วย “ตะกี้ นายกำลังพูดถึงสารวัตรอยู่ สารวัตรก็มาพอดี ผมไปบอกนายนะครับว่าสารวัตรอยู่นี่”
“เดี๋ยวผมไปหานายเอง” เขาว่า ก้มตัวลอดเทปพลาสติกที่ใช้กั้นเขตที่เกิดเหตุเข้าไป
ดูจากสายตาของชาวบ้านที่มองมา เขารู้ทันทีว่าทุกคนคงรู้ข่าวเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นหมดแล้ว และดูจะอนุโมทนาสาธุในสิ่งที่เขาทำลงไปหรืออย่างน้อยที่สุด ก็ไม่ได้ประณามสาปแช่งสิ่งที่คนทั่วไปเรียกว่าการวิสามัญฆาตกรรมที่เขาทำกับมือปืนชื่อดังที่เคยยิงตำรวจตายมาหลายศพรายนี้
แผลกระสุนถากที่เขาได้มาประดับแขนเป็นเครื่องหมายว่า เขาก็เป็นผู้เสียหายและมีความชอบธรรมที่จะตอบโต้... เจ็บนิดหน่อยแต่ก็คุ้มที่ทำให้ทุกคนเห็นตรงกันว่า... “ไอ้สันต์ สมควรตาย”
ความตายของมันเป็นเรื่องที่ช่วยไม่ได้ เพราะมันเป็นคนเริ่มต้นลงมือยิงตำรวจที่ขอเข้าตรวจค้นรถก่อนจนกระทั่งพาตัวเองไปสู่จุดจบในที่สุด
“นพ... แผลเป็นไงบ้าง” เป็นคำถามที่ ‘นาย’ ของเขาเอ่ยถามทันทีที่เห็นหน้า
“ดีขึ้นแล้วครับขอบคุณครับ” เขาตอบ ทำความเคารพผู้บังคับบัญชานายอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้องกับคดีและทักทายนายตำรวจรุ่นน้องคนอื่น ๆ เป็นพิธี
“ที่จริงนายไม่ต้องลงมาทำตรงนี้ก็ได้นี่ครับ...” เขาออกปากมองพนักงานสอบสวนจดบันทึกรายละเอียดการตรวจศพ
‘นาย’ ยิ้มให้เขา
“นพพูดแบบนั้นไม่ได้หรอก วิสามัญไอ้สันต์ที่เคยฆ่าตำรวจเราไม่ใช่เรื่องเล็ก แล้วคราวนี้ คนที่ตายมันก็เป็นพรรคพวกกับไอ้สันต์ คนกำลังให้ความสนใจเราจะทำพลาดไม่ได้เลย พี่เลยอยากลงมาทำเอง จะได้มั่นใจไม่มีอะไรหลุดรอดสายตา ทุกอย่างที่เราทำเกี่ยวกับการกวาดล้างไอ้พวกเวรนี่จะได้ไม่สูญเปล่า นพจะได้ไม่เจ็บ ไม่ลำบากฟรี ๆ”
คำพูดเรียบเรื่อยของ ‘นาย’ เป็นคำพูดที่ฟังดูจริงจังและจริงใจเสียจนเขาอดตื้นตันอยู่ในใจไม่ได้...
‘นาย’ ไม่เคยทิ้งลูกน้องคนไหน ถ้า ‘นาย’ ลงมือเองได้ ‘นาย’ ไม่เคยเกี่ยง... งานนี้ก็เช่นกัน เขารู้ดีว่าการที่ ‘นาย’ ลงมา ‘เก็บกวาด’ ด้วยมือของตัวเอง มีอะไรบางอย่างที่มากกว่าแค่ต้องการทำให้คดีนี้จบลงด้วยความเรียบร้อยอย่างที่พูด
ผู้ตายที่ถูกเคลื่อนย้ายจากจุดที่นอนเสียชีวิตมาอยู่ในห่อผ้าดิบสีขาวของเจ้าหน้าที่อาสาสมัครกู้ภัยไม่ใช่แค่พ่อค้าของมือสอง หรือค้าอาวุธและเครื่องกระสุนเถื่อนธรรมดา แต่ยังเป็นสายและนกต่อของตำรวจชุดจับกุมมือปืนที่ดับดิ้นไปแล้วเมื่อสองวันก่อนด้วย
พูดง่าย ๆ ก็คือผู้ตายรายนี้ร่วมมือกับตำรวจในการให้ข้อมูล และเป็นตัวล่อไอ้สันต์ ซึ่งเป็นทั้งเพื่อนร่วมหมู่บ้านและลูกค้าของตัวเองมาติดกับ และการยิงต่อสู้ที่เกิดขึ้นนั้น เป็นเหตุการณ์ที่วางแผนมาแล้วเป็นอย่างดี...
สิ่งเดียวที่ผิดพลาด คือ เขาถูกยิงบาดเจ็บ แต่ก็สามารถพลิกวิกฤติเป็นโอกาส ทำให้เหตุผลของการ ‘เก็บกวาด’ สมเหตุสมผลอย่างที่สุด
ไม่น่าแปลกใจเลย ถ้านายปกรณ์จะถูกล้างแค้นในเวลาต่อมาด้วยฝีมือใครก็ตามที่เกี่ยวข้อง
ตอนที่มือปืนที่ทางการต้องการตัวอย่างไอ้สันต์ตาย เขาอดนึกเสียดายและสลดใจกับชะตาของคนที่เขาปลิดชีพด้วยมือของตัวเองไม่ได้ อย่างน้อยที่สุด มือปืนที่ฆ่าคนมาหลายสิบอย่างมันก็ยังยอมเสี่ยงออกมาด้วยเหตุผลคำว่า ‘เพื่อน ’เพียงคำเดียว ในขณะที่เขานึกสมน้ำหน้าปนสะใจที่ผู้ให้ความร่วมมือในการปราบปรามอาชญากรรมของฝ่ายตนเองต้องมาตายในสภาพนี้
“คนที่สมควรตายพอ ๆ กับไอ้สันต์ก็คือไอ้โป้งนี่แหละ”
เขาสะดุ้งน้อย ๆ กับคำกล่าวของ ‘นาย’ที่เอ่ยให้เขาได้ยินเพียงคนเดียว
“ไอ้โป้งมันปากโป้งสมชื่อ ไม่น่าแปลกใจหรอก ถ้ามันจะตายเพราะไข้โป้งเข้าสักวัน”
สายตาเย็นชาของ ‘นาย’ที่จับจ้องยังศพในห่อผ้าทำให้เขาชาวาบไปทั้งตัว
“คนที่ขายเพื่อนให้คนอื่นฆ่า มันไม่สมควรจะลอยหน้าอยู่บนโลกใบนี้ไปจนแก่อย่างนี้ละ”
‘นาย’ ทำสัญญาณเรียกให้เขาเข้ามาใกล้ ๆ และในตอนนั้นเองที่เขาเพิ่งสังเกตเห็นว่าตั้งแต่เข้าที่เกิดเหตุมา ‘นาย’ ไม่ได้ขยับออกไปจากจุดที่ยืนอยู่เลยแม้แต่นิดเดียว
“คำที่นพพูดกับพี่ตอนเราประชุมเกี่ยวกับการทำสำนวนหลังวิสามัญฯ ไอ้สันต์ว่า คนอย่างไอ้โป้งไว้ใจไม่ได้ มันหักหลังเพื่อนเพื่อเงินได้ มันก็หักหลังตำรวจอย่างเราเพื่อผลประโยชน์ของมันได้เหมือนกัน นพยังจำได้ใช่ไหม” ‘นาย’เปรยขึ้นเบา ๆ “วันนี้ พี่ยิ่งเชื่อว่านพมองคนไม่พลาด...”
“ไอ้สันต์ถึงมันจะยิงคนของเราตายไป แต่มันก็ทำงานของมือปืน ด้วยจรรยาบรรณของมือปืนและเป็นลูกผู้ชายพอ ที่มันถูกนพยิง มันก็ตายอย่างสมศักดิ์ศรีนักเลงของมันแล้ว...”
‘นาย’ เงียบไปครู่หนึ่งหยิบบุหรี่ออกมาจุด ถือไว้ในมือ รอให้แพทย์และเจ้าหน้าที่เดินผ่านไปก่อนจึงกล่าวต่อโดยไม่ละสายตาจากใบหน้าของเขา
“แต่สำหรับไอ้โป้ง ตามความเป็นจริงแล้ว คนอย่างมันไม่ควรจะได้รับเกียรติจากมือปืนคนเดียวกันกับที่ยิงไอ้สันต์”
‘นาย’ ถอนเท้าจากจุดที่ยืนอยู่ ทำให้เขาสามารถเห็น ‘บางสิ่ง’ ที่ถูกซ่อนเอาไว้และทำให้เขาใจหายวูบ มือเท้าเย็นเฉียบ ในขณะที่เหงื่อเริ่มหยดไหลลงข้างแก้ม
บนพื้นดินที่ปราศจากต้นหญ้ามีร่องรอยที่ผู้ตายเขียนทิ้งเอาไว้...
‘9’
นพ... ชื่อจริงของเขาก็มีความหมายว่า หมายเลขเก้าที่ในภาษาอังกฤษออกเสียงว่า ‘นายน์’ ซึ่งเป็นชื่อที่เขาเลือกให้ใช้เรียกขานในการทำงานครั้งนี้
เขาประเมินไอ้คนปากสว่างคนนั้นต่ำเกินไป... มันคงแอบทำเครื่องหมายนี้ทิ้งไว้เผื่อในกรณีที่ตัวเองไม่รอดเงื้อมมือของเขาไปได้ แต่ในขณะเดียวกัน มันก็พร้อมจะลากเขาลงนรกไปด้วยกันเช่นกัน
“นายครับ...” เขาเอ่ยออกมาได้เพียงเท่านั้น รู้สึกว่าลำคอแห้งผากจนแทบเปล่งเสียงออกมาไม่ได้
‘นาย’ ของเขาไม่เอ่ยสิ่งใด หากทิ้งบุหรี่ที่ถูกจุดขึ้นโดยไม่ได้สูบลงบนพื้นใช้เท้าขยี้ดับบุหรี่ไปพร้อมกับลบข้อความซึ่งบ่งชี้ถึงตัวคนฆ่าจนสิ้นซาก
“อย่างที่นพบอก...คนอย่างมัน ไม่ควรเอาไว้ งูพิษที่ไม่ทำร้ายคนก็ไม่จำเป็นต้องไปตีมันแต่คนที่มันร้ายกว่างู ต่อให้มันยังไม่ทันลงมือทำอะไร ก็จำเป็นต้องตีมันให้ตายก่อนที่มันจะเป็นภัยกับพวกเราทั้งหมด...”
‘นาย’ถอนเท้าออกจากจุดที่ยืนอยู่ และออกเดินเพื่อไปสมทบกับคนอื่น ๆ ที่ยืนรออยู่เตรียมตัวดำเนินการเคลื่อนย้ายศพ รวมทั้งรอ ‘นาย’ มาให้ข่าวกับสื่อมวลชน
“คดีนี้ไอ้โป้งต้องตายฟรี จะไม่มีวันที่ใครหน้าไหนมาจับคนที่ยิงมันได้ ถึงจะสาสมกับสิ่งที่มันทำเอาไว้กับคนของเรา”
..................................................
เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น
Log in