เราใช้คุ๊กกี้บนเว็บไซต์ของเรา กรุณาอ่านและยอมรับ นโยบายความเป็นส่วนตัว เพื่อใช้บริการเว็บไซต์ ไม่ยอมรับ
from the desert, with loveployapha.j
กลิ้งวนไปในไทเป 3 - น้ำเต้าหู้แสนอร่อยและตลาดปลาตาใสแจ๋ว



  • 12 January 2018






    หลังจากที่พาไปกินจน กลิ้งวนไปในไทเป 1 ที่เราพาไปเดินกินจุ๊บกินจิ๊บที่ Raohe Street Night Market หนึ่งในตลาดกลางคืนที่เก่าแก่ที่สุดในไทเป และเดินไปชมวิวที่ Xiangshan หรือ Elephent Mountain Hiking Trail

    และ กลิ้งวนไปในไทเป 2 (และแอบออกไปนอกเมืองนิดนึง) ที่ไปโดนข้าวหน้าเนื้อแสนอร่อยใต้ตึก Taipei 101 และออกมาหาของอร่อยที่เมือง Jiufen ตามรอย Sprited Away


    ในที่สุดฟ้าก็มีตา สวรรค์ก็มีใจ ส่งไฟล์ทให้กลับมากลิ้งวนไปในไทเปที่รักของเราอีกแล้วจ้าาาาา♡ และในครั้งนี้เราจะไปกินอะไรบ้าง ตามไปอร่อยกันได้เล้ยยยยย ;)











    Ximending สยามสแควร์แห่งไทเป


    พอถึงโรงแรมปุ๊บเราก็เปลี่ยนชุดแต่งตัวฝ่าอากาศที่หนาวประมาณ 19 องศาขึ้นรถไฟใต้ดินไปลงที่สถานี Ximen เพื่อมาหาของกินในย่านฮิปๆที่เป็นแหล่งรวมตัวของวัยรุ่น Ximending นั่นเองงงงง
















    ที่นี่จะคึกคักทั้งกลางวันและกลางคืน มีของอร่อยเยอะ คาเฟ่แยะ แต่เราไม่ได้ทำรีเสิร์ชมาดีพอก็เลยเดินด้อมๆมองๆไปเรื่อยๆ ไม่ได้ตั้งใจจะมากินที่ร้านไหนเป็นพิเศษ


























    มีร้านทุกแบรนด์ทั้งเสื้อผ้า เครื่องสำอาง ครบครันมากๆจ้า


















    สองทุ่มนิดๆคนยังเดินเยอะอยู่เลย











    และร้านแรกที่เราไปฝากท้องเรียกน้ำย่อยนั่นก็คือ Hot Star ไก่ทอดไซส์ยักษ์ใหญ่บึ้ม นั่นเองงงงง แหม่..มากินครั้งแรกก็ขอลองกินร้านออริจินัลดูล่ะเน้อออ



























    ไก่ใหญ่มากจ้า ใหญ่กว่าหน้าเราอี๊กกกกกกก ซึ่งกินหมดมั๊ย บอกเลยว่าหมด!
















    ไปต่อกันที่ Street Food แถวๆนั้นกันดีกว่านะฮะ นอกจากจะมีร้านอาหารแล้ว Ximending ก็ยังถนนที่มีรถเข็นขายอาหารมากมายหลายอย่างให้เลือกชิม ไม่ว่าจะเป็นเต้าหู้เหม็น ของขึ้นชื่อของไต้หวัน มันฝรั่งทอดกลมๆ ผลไม้ ไส้กรอก โอ้ยยย เยอะะะะะะ






    แผงขายอาหารประเภทปิ้งๆ




















    เต้าหู้เหม็นก็มีให้เลือกหลายเจ้า ให้ไปต่อคิวร้านที่คนมุงเยอะๆ ซอสจะอร่อยสุด
    แต่ถ่ายรูปร้านนี้มาเพราะคนน้อย ถ่ายแล้วเห็นหน้าร้าน


















    กินก็ไม่กิน ยังจะถ่ายรูปอีก พี่เขาคงคิดด่าอยู่ในใจ...






















    อันนี้เป็นมันหวานปั้นเป็นก้อนกลมแล้วเอาไปทอด อร่อยดี
    มีความเป็นขนมไข่นกกระทาที่ขายหน้าโรงเรียน

















































    นี่ก็แผงขายข้าวโพดปิ้ง กินร้อนๆนี่ดีมาก
    สู้กับอากาศที่หนาวลงมาจนอุณหภูมิ 15 ได้ดี





















    อันนี้คือเหมือนเป็นแพนเค้ก/พิซซ่า ไม่รู้เรียกว่าอะไร อร่อยดี





















    แผงไส้กรอกที่ทำให้ถึงแผงไส้กรอกอีสานหน้าเซเว่นแถวบ้านเรา





















    ป้าที่ปลีกตัวมาขายผลไม้แบบเหงาๆอยู่แผงเดียว

















    กินของคาวไปแล้วก็ชักจะเริ่มหิวน้ำ เลยจะหาชานมไข่มุกดูดให้ชื่นใจก็ไปป๊ะกับร้านนี้จ้ะ











    ตอนแรกจะสั่งชานมไข่มุกเบอร์รี่อะไรก็ไม่รู้ที่เขาเขียนว่า Recommended นั่นแหละ
    แต่สื่อสารกันผิดพลาดเลยได้ชาร้อนมาซะงั้นอะ ซึ่งก็ดีแล้วเพราะหนาวเด้อ




















    ก่อนที่จะกินจนท้องแตกตายแบบชูชก เราก็ขอพักเบรคกระเพาะอาหารโดยการไปดูโชว์จากหนุ่มๆกลุ่มนี้ฮิฮิฮิฮิ คือด้วยความที่มันเป็นถนนคนเดินที่กว้างขวาง ไม่มีรถยนต์แล่นผ่าน เลยมีพื้นที่ให้วัยรุ่นได้มาแสดงฝีไม้ลายมือกัน



































    ถัดจากโชว์เต้นก็มีคนมาแสดงมายากลอะไรงี้ต่อด้วยนะ มีการจัดสรรแบ่งเวลาให้กันและกันมาก แต่เราไม่ได้ดูต่อเพราะเริ่มหนาว อยากนั่งหลบลมแล้วจ้ะ ก็เผอิ๊ญไปเจอร้านบะหมี่นี้อยู่ในซอกหลีบของซักซอยพอดิบพอดี๊

















    แม้ว่าจะมีกำแพงทางภาษาแต่เราก็สื่อสารกันรอดด้วยการจิ้มไปที่เมนูค่ะ และก็ได้ชามนี้มา แท่น แทน แท๊นนนนนนน บะหมี่เกี๊ยวกุ้ง+หมู รสชาติโอเคนะ แต่เราว่าบะหมี่เกี๊ยวหน้าปากซอยบ้านเจ้มจ้นกว่าเยอะเลย ต้องใส่พริกเยอะๆๆๆๆๆๆๆๆเป็นทะเลน้ำพริกเผาจีนที่รสจะซ่าๆหน่อย















    ปิดท้ายค่ำคืนนี้ไปด้วยความอิ่มหมีพีมัน กะว่ากลับถึงห้องปุ๊บ อาบน้ำปั๊บ หัวถึงหมอนแล้วหลับเลย แต่ทว่า...อาการ Jet lag เข้าคืบคลานมาเยี่ยมเยือนประหนึ่งตัวอยู่ไต้หวันแต่ body clock ของเรานั้นอยู่แถวมหาสมุทรแอตแลนติกตอนใต้ โอ้โหหหห แจ่มใสสมองวิ่งฉับไวสุดๆเลยจ้า เราพลิกไปพลิกมาตั้งแต่เที่ยงคืนจนหงุดหงิดตัวเองเลยลุกมาแต่งตัวตอนตีสี่ครึ่ง ไหนๆก็ไม่นอนแล้วเราออกไปหาอะไรกินก็ได้!










  • Fu Hang Doujiang - ร้านน้ำเต้าหู้ที่คิวยาวตั้งแต่ตีห้า!



    เรารู้จักร้านนี้จากบล็อกของพี่แน็ต A 24-HOUR TALE ที่พาไปชิมน้ำเต้าหู้ร้านนี้ซึ่งพิกัดของกินก็ไม่ใกล้ไม่ไกลจากโรงแรมที่เราพักค่ะ เลยเฮ้ยยย เช้าๆของวันที่ไม่ได้นอนมาทั้งคืนแบบนี้เราต้องไปจัดซักหน่อยแล้วววววววว


    ตีห้าตรงเป๊ะ เราก็เดินออกจากโรงแรม ตามกูเกิลแมพมาเรื่อยๆค่ะ เตรียมตัวมาอย่างดีต้องได้กินแน่นอน ไม่ต้องรอท่ามกลางอากาศหนาว 9 องศาอย่างแน่แท้เพราะร้านเปิดตีห้า โหววว มีเวล๊าาาาาา





    (ความพยายามในการกินสูงมาก)




    วิธีการมาก็แสนง่ายดาย นั่งรถไฟใต้ดินมาที่สถานี Shandao Temple ออกที่ประตู 5 เดินมาเรื่อยๆ ถ้าเจอคนเยอะๆ ต่อคิวอะไรก็ไม่รู้ยาวๆขดวนไปมาเป็นเกมงูในโนเกียก็ใช่เล้ยยย












    05:10 เรามายืนอยู่ใต้ตึกค่ะ คิวยาวมากกกกกก อะไรกันนี่ มันอร่อยขนาดนั้นเลยหรืออออ
    เดชะบุญที่รีบมาเพราะมีประชาชนชาวไทเปหลั่งไหลเข้ามาต่อคิวกันไม่ขาดสายเลยเด้อ















    ขึ้นมาด้านบนก็จะเจอกับโรงอาหารหน้าตาประมาณนี้
    มีมนุษย์ที่ตื่นเช้ากว่าเรานั่งกินน้ำเต้าหู้ด้วยความเบิกบาน
    ดั่งนกที่ตื่นเช้าจะได้กินหนอนอ้วนฉันใด คนที่มาต่อแถวเปิดร้านก็ได้กินก่อนฉันนั้น












    ระหว่างที่รอต่อคิวอยู่นั้นก็มีสิ่งที่น่าสนใจให้ชมกัน นั่นก็คือเขาจะเป็นห้องกระจกให้เห็นกันจะๆเลยว่ากรรมวิธีในการทำนั้นเป็นอย่างไรบ้าง ทั้งการอบขนมปัง ทำปาท่องโก๋ ก็ได้ดูกันเพลินๆฆ่าเวลารอ (แต่ยิ่งทำให้หิวมากขึ้นไปอี๊กกกกกก)







    หอมกรุ่นจากเตาทุกวัน

















    ทีมปั้นโอนิกิริ ไม่ใช่! ปั้นแป้งต่างหากกกกกก
















    คุณพี่ที่สับแป้งอย่างฉับไวเหมือนมีวิทยายุทธ ใช้พลังจากลมปราน









    และแล้วก็มาถึงขั้นตอนการสั่งอาหารค่ะ ซึ่งทุกอย่างเกิดขึ้นเร็วมาก เราจะได้เห็นเมนูที่มีแต่ภาษาจีน เกาหลี ญี่ปุ่น (ไม่มีอังกฤษ!) อยู่ประมาณห้าวิ มีรูปให้ดูอยู่นิดหน่อยที่มองไม่ออกว่ามันคืออะไรว้า รสชาติจะเป็นอย่างไรไม่สามารถจินตนาการได้จริงๆ แล้วแถวก็ร่นมาให้เราสั่งอาหารกับอาม่าที่พูดจีนรัวๆ ไม่มีอังกฤษปนใดๆ โอ้ หญิงไทยใจงามต้นตระกูลเป็นไทยแท้มาแต่สมัยรัตนโกสินทร์ตอนต้นก็ใบ้แดก สิ่งเดียวที่ทำได้คือชี้ว่าเอาแบบนี้ตามลุงคนข้างหน้า








    โอ้ ความกดดันนี้ช่างหนักหน่วงนัก
    ความรู้สึกตอนสั่งอาหารคือ...



    อาอี๊ : ช้าก่อน เว๋ยเซ้าเทียนคือพ่อของเจ้า ซึ่งเป็นสหายรักของจางฟู่เหยินหัวหน้าพรรคกิเลนขาว
    ที่เก็บเจ้ามาเลี้ยงเมื่อ 22 ปีก่อน ซึ่งจริงๆแล้วก่อนที่จะเจอเจ้า เซ่าสิเฉี๋ยนแม่นางสิบสี่แห่งสำนักกิเลนขาว


    ...


    วิงเวียนศีรษะ หน้ามืด คล้ายจะเป็นลม



    หรือนี่อาจจะเป็นความรู้สึกเดียวกันกับคนที่ไปเล่นในรายการปริศนาสายฟ้าแลบ??










    และนี่คือสิ่งที่ได้มาค่ะ...










    ปรบมืออออออออออออ ขอบคุณลุงข้างหน้าที่สั่งทุกอย่างที่หนูอยากลอง
    เว้นน้ำเต้าหู้ อันนี้เก่ง สั่งเองได้ ชี้ทัน แต่ชี้ปาท่องโก๋ไม่ทัน สะเทือนใจจจจ













    เอาล่ะ เมนูแรก น้ำเต้าหู้ หรือ ภาษาจีนเรียกว่า โต้วเจียง

    เดชะบุญที่ลุงข้างหน้าคงสั่งแบบไม่หวาน เราก็เลยได้แบบไม่หวานมาด้วย เย้เฮ สำหรับเมนูเบสิกที่มีขายตามท้องตลาดบ้านเรานั้นก็จัดได้ว่าดี กลมกล่อม เข้มข้นกว่าน้ำเต้าหู้ที่เคยกินมา ผ่านค่ะ!


    เมนูที่สองที่หน้าตาเป็นฟองๆแปลกๆนี้ เรียกว่า เสียนโต้วเจียง








    หน้าตาคล้ายไข่ตุ๋นแต่มันคือน้ำเต้าหู้แบบเค็มจ้ะ เออเว้ยยย อันนี้แปลก ไม่เคยกินมาก่อน เป็นเนื้อเต้าหู้ตุ๋น โรยปาท่องโก๋กรอบๆ น้ำซุปเค็มๆ (บล็อกของพี่แน็ตบอกว่าเป็นซุปกุ้งแห้ง) เฮ้ยยย อันนี้อร่อยมาก อลังการ ดาวล้านดวง มิชิลินสตาร์ควรมาให้รางวัล มันดีย์มากกกกกกกก อร่อยมากกกกกกกก กินไปคำแรกแล้วรู้สึกถึงความอร่อยซาบซ่านไปทั่วร่าง รังสีแห่งความสุขเปล่งประกายยยย อร่อยจริงๆจนทุกวันนี้ยังคงฝันถึงและจะขอไฟล์ทไปไทเปอีกเพื่อสิ่งนี้ อาห์ ดีง๊ามมมมมมมมม








    เมนูที่สาม คือ ตั้นปิง






    เมนูนี้เพื่อนบนไฟล์ทชาวไต้หวันแนะนำมา เขียนเป็นภาษาจีนใส่กระดาษมาให้ มันเป็นแป้งหนึบๆใส่ไข่เจียวกับหัวหอม แต่ของเราพิเศษตรงที่มีหมูสับหวานๆใส่เข้ามาเป็นฟีเจอรพิเศษด้วย อิ๊ อร่อยดี อยากกินอีก อยากกินมากเหลือเกินนนนน









    ใจจริงอยากวนไปต่อคิวอีกรอบด้วยซ้ำ อยากกินอีก
    รู้สึกว่าสั่งมาน้อยเกินไป อยากสั่งเพิ่มเอากลับไปกินที่โรงแรม











    แต่ตอนเรากินเสร็จประมาณหกโมงนิดๆ คิวยาวออกมานอกตึกแล้วค่า





    สนนราคาทั้งหมดอยู่ที่ 95 TWD เท่านั้นค่าาาาาาา
    อ้อออ ขอโน๊ตเพิ่มตรงนี้ไว้ว่าร้านนี้ปิดทุกๆวันจันทร์นะจ๊ะ ยังไงก็เช็คเวลาเปิดปิดในกูเกิลอีกทีนึงเน้อ










    ไทเปที่เงียบสงบในยามเช้า อากาศดี๊ดี

















  • หลังจากอิ่มหน่ำสำราญไปกับอาหารเช้าแสนอร่อยแล้วเราก็กลับมานอนต่อค่ะ ฟื้นร่างขึ้นมาตอนบ่ายโมงนิดๆ ก็คิดว่าเอาน่าาา ยังมีเวลาไปหาของกินต่อ ตั้งใจว่าออกไปแปบเดียวแล้วก็จะกลับมานอน (อีกแล้ว) และเตรียมตัวบินกลับดูไบ



    หลังจากที่ได้นั่งอ่านกระทู้พันทิปมาตลอดคืนก็ปิ๊งไอเดียขึ้นมาว่าเราควรจะไปเยี่ยมเยียนตลาดปลากันซักหน่อยดีกว่าแหะ แม้ว่าเพื่อนชาวไต้หวันทั้งหลายรวมถึงอาลี่นั้น ไม่เค๊ยไม่เคยจะได้ยินเกี่ยวกับ Taipei Fish Market เลยก็ตาม... (อ้าววว...)








    Taipei Fish Market - ตลาดปลาเพื่อนักท่องเที่ยว(ชาวไทย)โดยเฉพาะ!


    ด้วยความรีบไปเราก็เลยใช้บริการแท็กซี่ค่ะ ซึ่งก็สะดวกสบายมาก กดมิเตอร์เรียบร้อย มีจีพีเอสให้ดูระหว่างทางด้วยว่าขับไปถูกรึเปล่า (จริงๆสามารถเดินทางโดยรถสาธารณะนะคะ แต่จากโรงแรมเรานั่งไปไม่ไกลมากเลยเรียกแท็กซี่ค่ะ)
















    มโนภาพในดวงจิตจะนึกถึงตลาดปลาแบบตลาดปลาแม่กลองเงี้ย ใหญ่ๆ คนเยอะๆ ปลาดุ๊กดิ๊ก มีกลิ่นคาว มีน้ำเปียกๆที่พื้น ผิดค่าาาา ตลาดปลาที่นี่นั่นหรูเลิศอลังการมากเลยคุณเอ๊ย นี่เราว่ามันไม่ใช่ตลาดปลาแล้วล่ะ มันกึ่งๆจะเป็น Communitiy Mall บวกกับร้านอาหารแล้วจ้า










    ความชิค ความประดับไฟ ความนั่งทานอาหารรับลมด้านนอก














    นี่คือแผนที่ด้านในอย่างคร่าวๆว่ามีอะไรบ้าง ส่วนใหญ่คือร้าอาหารง่ะ














    โซนด้านนอกก็มีที่นั่งให้คนซื้ออาหารกล่องๆออกมานั่งๆยืนๆทานอาหารได้
    และหันไปทางไหนก็เจอแต่คนไทยทั้งนั้นเลย รู้สึกอบอุ่นเหมือนยืนอยู่บนแผ่นดินมาตุภูมิ














    เมื่อเข้ามาด้านในก็จะมีโซนขายอาหารทะเลสดๆที่ดุ๊กดิ๊กอยู่















































    มีโซนขายเนื้อสัตว์ต่างๆ เหมือนเดินอยู่ในซุปเปอร์มาร์เก็ตเลยแหะ














    ผักก็มี
















    นี่เป็นซุ้มทะเลเผา
















    ซุ้มเนื้ออบและของทอด
















    ของแต่งบ้านก็มี๊
















    และที่นิยมสูงสุดคืออาหารญี่ปุ่นต่างๆที่ราคาถูกมากกกกก สดมากกกกกกกกกกกก
    คนก็จะซื้อกล่องๆแบบนี้ออกไปทานข้างนอกกันจ้ะ












    ส่วนเรา ไหนๆก็มาแล้ว ก็กินมันในร้านอาหารก็แล้วกันนะ ;)
    กับเรื่องกินเราพร้อมเสมอออ เอาเงินเราไปเล้ยยยย





    นี่เป็นแผนผังร้านอาหาร ก็มีให้เลือกทั้งซูชิ ซีฟู้ด ฮอตพอต ปิ้งย่าง หรืออาหารฝรั่ง













    และอยู่ๆเราจะเดินดุ่มๆเข้าไปไม่ได้นะจ๊ะ ต้องไปกดคิวที่หน้าเคาเตอร์แต่ละร้านก่อน
    ซึ่งร้านซูชิคนเยอะม๊ากกก เราได้คิวที่ 102 เลยถอดใจ ไม่กิน เปลี่ยนไปเป็นกินซีฟู้ดแทน














    โต๊ะก็เป็นบาร์ให้ยืนนั่นแหละ ประหยัดพื้นที่ไง แล้วก็จะมีเชฟทำนู่นทำนี่กุ๊กกิ๊กให้ดู







    ส่วนเมนูที่เราสั่งคือออออ Season Seafood Plate ราคา 880 TWD ค่ะ (ไม่รวม VAT เด้อ)




    ผ่าม พาม พ๊ามมมมมมมมมมม













    คนเราทำงานหนัก บินงกๆเดือนละ 100 ชั่วโมง+++
    เพื่ออะไรคะ ก็เพื่อเอาเงินมากินฟื้นฟูร่างกายและจิตวิญญาณนี่แหละค่าาา




    แก คือมันดีมาก ทุกอย่างสดมาก หอยนางรมคือดีมาก ปูดีมาก กุ้งกรุบมาก
    ข้าวก็ดี โอ้ยคือดีทุกอย่าง ดีไปหมดเลยยยย










    ก็นี่แหละค่ะ หนึ่งวันของเราที่กินจนกลิ้งวนไปในไทเป
    รอบหน้าจะวาร์ปไปหาของอร่อยที่ไหน อย่าลืมติดตามนะฮ้าาาา


    ด้วยรัก...จากใครไม่เปย์ ไทเปปปปปปปปปป









    ป.ล. ด้วยรักจากทะเลทรายควรเปลี่ยนเป็นแอร์ทะเลทรายฟู้ดไดอารี่ได้แล้วนะเนี่ย ฮาาา













    ตามไปพูดคุยกุ๊กกิ๊กกันต่อได้ที่
    #ด้วยรักจากทะเลทราย
    #withlovefromthedesert
Views

เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น

Log in