Taipei 101 + Shilin Night Market
หลังจากครั้งที่แล้วที่เราปีนเขาไปชักภาพกับตึก 101 แบบไกลๆแล้ว รอบนี้เลยอยากจะถ่ายให้ใกล้เข้าไปอีกนิด ชิดเข้าไปอีกหน่อยบ้าง แต่ครั้นจะหยิบมือถือมาเซลฟี่คู่กับตึกมันก็ธรรมดาไปเลยอยากไปหามุมสวยๆดีกว่า
พลันก็นึกขึ้นได้ว่า เฮ้ย!
เพจหมอตุ๊ด เคยมาเที่ยวไทเปแล้วไปถ่ายรูปคู่กับตึกมามุมนึงนี่นา ไม่ใกล้ไม่ไกลจากตรงนี้เลยรีบต่อเน็ตฟรีและไล่หาดูว่าภาพไหน โลเคชั่นตรงไหนกันแน่นะ คุ้ยไปคุ้ยมาก็เจอภาพต้นฉบับที่ลงโลเคชั่นว่าอยู่ที่โรงแรม Le Méridien ไปค่ะ!
พวกเราเดินฝ่าฝนงงๆไปตามทาง พยายามเช็คป้ายแผนที่รอบๆว่าโรงแรมมันไปทางไหน พอเจอโรงแรมแล้วก็ไม่เจอจุดนั้นที่หมอตุ๊ดถ่ายมาซะทีจะเกือบจะล้มเลิกความพยายามแล้ว เพราะทุกคนต่างก็เริ่มล้าหมดแรงหลังจากที่ไม่ได้นอนกันมาตลอดวันและคืน จนในที่สุดทูก็ตาดีเห็นว่าฝั่งตรงข้ามมีหลังคาคุ้นๆแบบในรูปต้นฉบับเลยข้ามถนนไป สรุปว่าใช่จริงๆด้วย เย้
เพียงเอาตัวพิงเสา ทำหน้าตาเหงาๆประหนึ่งอยู่ในหนังหว่อง คุณก็จะภาพแสนเก๋
น่าเสียดายคือวันนี้เขาไม่ได้เปิดไฟตึกเยอะแยะมากมายอะไรนักเพราะเป็นวันอาทิตย์
คือรูปในเพจหมอตุ๊ดสวยมาก ตึกเปิดไฟเต็มและมีหมอกๆนิดๆ งามเด้อ
เราสามคนวิ่งสลับกันถ่ายรูปกุ๊กกิ๊กก่อนที่จะนั่งรถใต้ดินมาที่สถานี Jiantan ทางออก 1 โผล่ขึ้นมาก็เจอตลาดเลยจ้า
เนื่องด้วยวันนี้ฝนตกและตอนที่เราถึงตลาดก็เกือบๆจะห้าทุ่มแล้ว คนเลยเริ่มบางตา ร้านอาหารเริ่มทยอยกันเก็บร้านปิดแล้ว เสียด๊ายเสียดาย
ถึงกระนั้นร้านที่ยังเปิดอยู่ก็ยังมีเยอะอยู่ดี มีทั้งร้านขายของฝากของที่ระลึกต่างๆ ร้านเสื้อผ้า กระเป๋า รองเท้า ส่วนร้านของกินเริ่มปิดกันไปเกือบหมดแล้ว
และต่อไปนี้จะเปิดการเดินไปกินไปในตลาด Shilin Night Market
เวอร์ชั่นตลาดใกล้ปิดนะจ๊ะ
มาเริ่มกันที่เมนูแรก
ไส้กรอกชุบแป้งทอดดดดดดดดดดดด
นี่มันที่สุดของอาหารขยะนี่หว่า
ทั้งไส้กรอกที่เป็นผลิตภัณฑ์แปรรูป บวกกับแป้ง และเป็นทอดอีกต่างหาก
โอ้ม่าย แต่เราหิว ยังไงเราก็จะกิน!
ไส้กรอกมีห้าแบบห้าสไตล์ให้เลือกสรร ซึ่งเราก็ไปโดนแบบ Original มา
ราดซอสมะเขีือเทศกับมายองเนส
สรุปคือ แทะกินแต่แป้งทอดข้างนอกเพราะไส้กรอกข้างในเป็นวิญญาณหมู
แป้งล้วนไม่มีเนื้อปน บายค่ะ
และหลังจากชอกช้ำจากไส้กรอกวิญญาณหมูแล้ว
เราก็ขอลองเมนูปลาหมึกบ้างดีกว่า
เพราะเมนูนี้เห็นชัดว่ามีชิ้นปลาหมึกมาเป็นตัวเป็นต้นแน่นอน
จริงๆแล้วมันก็คือทาโกะยากิแบบไต้หวั่นสไตล์อะ
หน้าตาเหมือนกันมากๆ แต่รสชาติไม่เหมือนเว้ยแก!
ชิ้นปลาหมึกจัดหนักจัดเต็มไม่มีกั๊กมากๆ
มีผงปรุงรสให้เลือกหลากหลาย เราก็เลือกแบบเผ็ดมา
ส่วนซอสที่ราดด้านบนเลือกเป็นมายองเนสไข่กุ้งที่คนขายบอกว่าขายดีแบบสุดๆ!
อันนี้อร่อย ดีงาม ปลาหมึกกรุบกรับมากๆ ไม่เลี่ยนด้วย
การันตีความอวบอึ๋ม
แต่ที่เด็ดที่สุดในค่ำคืนนี้เราขอยกให้กับร้านเห็ดย่าง!
คือร้านนี้เราเห็นตั้งแต่เดินผ่านรอบแรกแล้วว่าคนต่อคิวกันเยอะแยะแม้ว่าตลาดจะวายแล้ว
เฮ้ย สิ่งนี้มันต้องอร่อยแน่นอน!
พอเดินกลับมาอีกรอบก็ขอจัดซักหน่อย ไปยืนต่อแถวรอประมาณห้านาทีได้
เป็นเห็ดที่ใหญ่มาก มาริโอ้ต้องดีใจแน่ๆ
เขาเอาเห็ดใหญ่ๆไปย่างจนมันเหี่ยวฟีบเป็นสีน้ำตาล
แล้วก็ทาซอส ย่างต่อให้เนื้อซอสมันซึมเข้าไป ก่อนที่จะหั่นใส่ถ้วยและโรยผงปรุงรส
หน้าตาเหมือนเอาผงมาม่าต้มยำกุ้งมาโรย
ทันทีที่ได้กัดคำแรกไปแล้วเรารู้สึกเหมือนท้องฟ้าที่มืดครึ้มไปด้วยมวลเมฆฝนได้เปิดออก
และมีแรงออร่าสีทองส่องลงมายังพวกเราสามคน
ฟินมาก ฟินจนขนลุก
โอ้ยยย อร่อยมากกกกกกกกกกกกกกกกกกก
เนื้อเห็ดกรุบกรอบมากๆ หวานมาก และยังชุ่มช่ำไม่แห้งเกินไป
ผสมผสานกับซอสที่เข้าเนื้อ หอมกลิ่นพริกไทยดำ
(ชิ้นแรกที่เรากินคือจิ้มอันที่โรยพริกไทย พยายามเลี่ยงอันที่เป็นผงมาม่า)
คือเรากินไปก็อื้อหือไปอยู่ข้างๆแผงของคุณลุงคนขายจนแกหัวเราะใหญ่
เราก็ชมว่าเวรี่กู้ดๆ เวรี่ๆห่าวชือ (อร่อย) เซี่ยๆ แต้งกิ้ววววววว
ร้านมันดีจริง อันนี้อยากให้ไปลองมากๆ
ดี๊ดีสุดๆไปเลย
หลังจากกินอะไรเล็กๆน้อยๆพอให้กรุบกริบก็ได้เวลาช้อปปิ้งค่ะ เราได้เสื้อน่ารักมา 1 ตัว พี่เอ็กซ์ได้เลนส์ฟิชอายหนีบมือถือมาหนึ่งอัน ส่วนทูได้ fidget spinner มาซึ่งเรากับพี่เอ็กซ์ก็ได้แต่สงสัยว่ามันสนุกตรงไหน(วะ)ไอ้หมุนๆเนี่ย จากนั้นทูกับพี่เอ็กซ์ก็ไปซื้อน้ำผลไม้ปั่นและก็เดินไปขึ้นรถไฟขบวนสุดท้ายกลับโรงแรม
เราสังเกตว่าที่นี่มีร้านอาหารญี่ปุ่นเยอะมากเลย
น่าจะเพราะไต้หวันเคยอยู่ภายใต้การปกครองของญี่ปุ่นเลยซึมซับรับวัฒนธรรมต่างๆมานั่นเอง
เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น
Log in