1
ปารีส,ปี 2015
โซฟีตัดสินใจจองโรงแรมเป็นเวลาเจ็ดวันในกรุงปารีสเพื่อเป็นสถานที่กกตัวในการเขียนหนังสือเล่มใหม่ที่จะออกจำหน่ายในเร็ววันนี้ ใช้เวลาตัดสินใจไม่ถึงชั่วโมงก่อนที่สาวโสดวัย 26 คนนี้ก็จะตัดสินใจนั่งเครื่องบินจากซูริคบินไปลงที่ปารีส ใช้เวลาเพียงแค่สองชั่วโมง โซฟีก็เดินออกมาสูดอากาศของปารีสเข้าปอดแล้ว
โซฟีตรงดิ่งไปยังโรงแรมของเธอโดยไม่รอช้า เธอไม่มีแพลนจะไปเที่ยวหรือไปไหนทั้งนั้น เธอจะขลุกตัวอยู่แต่ในโรงแรมจนกว่าเธอจะสามารถเขียนตอนจบที่เธอค้างไว้สองอาทิตย์ได้ เธอหยิบมาแค่เป้หนึ่งใบที่ใส่โน้ตบุ้คอันล้ำค่าของเธอ และกระเป๋าเดินทางขนาดเล็กที่ใส่เสื้อผ้าไว้สามชุดเท่านั้น
โซฟีมัดผมสีน้ำตาลยาวถึงกลางหลังของเธออย่างลวกๆ เมื่อเดินเข้าโรงแรมไป ใช้เวลาไม่นานในการเช็คอิน โซฟีก็มายืนอยู่ในห้องพักชั้น 6 ของเธอเรียบร้อย โซฟีจองห้องดับเบิ้ลเพราะเธอชอบนอนก่ายบนเตียงขนาดควีนไซส์ และด้วยในช่วงนี้ไม่ใช่ช่วงไฮซี่ซั่น โซฟีจึงได้ห้องไปครองเป็นเวลาเจ็ดวันโดยง่าย ในห้องมีรูปวาดหนึ่งรูปอยู่เหนือเตียงที่โซฟีไม่รู้จักศิลปินที่วาด มีโต๊ะเขียนหนังสือหนึ่งตัวที่หันหน้าออกไปทางหน้าต่างบานใหญ่ จากตรงนี้เธอสามารถมองเห็นหอไอเฟลได้อยู่ไกลๆ
โซฟีไม่เสียเวลารื้อกระเป๋าเดินทาง เธอตรงไปที่โต๊ะทำงานและจัดแจงวางโน้ตบุ้คของเธอ ช็อคโกแลตที่เป็นอภินันทนาการจากทางโรงแรมถูกเธอกินหมดภายในคำเดียว และก่อนจะลงมือทำงาน โซฟีก็ไม่ลืมที่จะแขวนป้ายไม่ให้แม่บ้านเข้ามาทำความสะอาดก่อนจะนั่งลงบนเก้าอี้
และมือเรียวก็เริ่มทำหน้าที่พิมพ์งานของมัน
2
เป็นเวลาสองวันผ่านไปแล้วแต่โซฟีก็ยังไม่สามารถหาตอนจบให้กับหนังสือของเธอได้ ผมสีน้ำตาลของเธอยุ่งเหยิงจากการที่เธอจิกมันไปมาเวลาที่คิดไม่ออก กระดาษหลายสิบใบที่มีร่องรอยแผนผังหาตอนจบให้หนังสือของเธอกระจายอยู่ทั่วห้อง
โซฟีไม่เคยหงุดหงิดเท่านี้มาก่อนในชีวิต
เธอนอนแผ่เงยหน้ามองเพดานอยู่กลางเตียงควีนไซส์ ถอนหายใจครั้งที่สามสิบของวัน ตอนนี้เป็นเวลาเที่ยงวันพอดี ท้องของโซฟีร้องขออาหาร เธอตัดสินใจจะโทรสั่งอาหารขึ้นมา โซฟีลุกขึ้นยืนแล้วเดินไปที่โทรศัพท์ที่ตั้งบนโต๊ะทำงาน สายตาของโซฟีมองเหม่อลอยมองลงไปข้างล่าง
คิ้วสวยของโซฟีเลิกขึ้นมาเมื่อเธอมองเห็นคาเฟ่ขนาดเล็กอยู่ตรงข้ามโรงแรมของเธอเพียงแค่ข้ามถนนเส้นเล็กๆ เพียงแค่เห็นโซฟีก็ได้กลิ่นกาแฟกับขนมหวานก็โชยขึ้นมาหาเธอแล้ว โซฟีรีบวางโทรศัพท์ลงก่อนจะเดินไปหยิบเสื้อโค้ทของเธอแล้วเดินออกจากห้อง
เธอเดินตรงดิ่งไปที่คาเฟ่หน้าโรงแรมของเธอ
3
โซฟีสั่งกาแฟและมัฟฟิ่นมากิน รสชาติของมันอร่อยมากๆ จนโซฟีอดไม่ได้ที่จะทวีตบอกคนที่ติดตามเธอให้รู้ถึงรสชาติของมัน
มันเป็นครั้งแรกที่โซฟีออกมาสัมผัสกับบรรยากาศของปารีสหลังจากที่เธอขลุกอยู่แต่กับโลกของเธอในโรงแรมถึงสองวัน เมื่อเธอมองท้องฟ้าที่สดใสและเสียงของคนที่พูดฝรั่งเศสคลอรอบๆ ตัวเธอราวกับว่าเป็นสกอร์ประกอบภาพยนตร์
เธอสงสัยว่าอะไรกันที่ทำให้เธอหมกอยู่แต่ในห้องนั่น ไม่ยอมออกมาเจอความสวยงามของเมืองนี้
โซฟียกกาแฟขึ้นดื่มและสังเกตคนรอบๆ ตัวเธอ เธอเลือกออกมานั่งข้างนอกร้านแทนที่จะไปนั่งในร้านที่คลุ้งด้วยกลิ่นกาแฟหอวหวาน เป็นเพราะว่าการนั่งนอกร้านมันทำให้เธอได้มองเห็นผู้คนมากกว่าและหลากหลายกว่าการนั่งในร้าน
โซฟีรู้สึกเสียใจที่เธอไม่ออกมาชื่นชมความสวยงามของปารีสให้เร็วกว่านี้ ทั้งๆ ที่ปารีสเป็นเมืองในฝันของคนที่มีหัวใจทุกคน โซฟียิ้มและมองไปรอบๆ
หมดกาแฟแก้วนี้เธอคงจะกลับห้องและไปสานต่อหนังสือของเธอให้จบ
รอยยิ้มของเธอหุบลงเมื่อมีเสียงหวานพูดภาษาอังกฤษด้วยสำเนียงฝรั่งเศสเพราะหูดังขึ้นขัดจังหวะความคิดของเธอ
"คุณผู้หญิงจะรับอะไรเพิ่มมั้ยคะ?" มันเป็นประโยคคำถามที่เพราะที่สุดเท่าที่โซฟีจะเคยได้ยินมา หญิงสาวเงยหน้ามองเจ้าของเสียงที่มีผมยาวสีดำสนิทและผิวที่ขาวซีด ดวงตาของเธอเป็นสีมะฮอกกานีที่สว่างสดใส
ใช้เวลาเกือบนาทีกว่าที่โซฟีจะเอ่ยอะไรออกมาได้
"ขอช็อคโกแลตร้อนเพิ่มแล้วกันค่ะ"
4
โซฟีนั่งเพลินจนเวลาล่วงเลยไปจนเย็น ช็อคโกแลตร้อนแก้วที่สามของเธอถูกวางลงเบาๆ พร้อมกับการปรากฎตัวของหญิงสาวตาสีมะฮอกกานี
"คาเฟ่กำลังจะปิดแล้วนะคะ" เธอบอกโซฟีอย่างสุภาพ โซฟีทำสีหน้าเสียดายก่อนจะบอกให้พนักงานสาวคิดเงินเธอได้เลย เมื่อพนักงานสาวจัดการกับลูกค้าคนสุดท้ายในร้านเสร็จแล้ว เธอก็เดินมาเก็บแก้วที่โต๊ะของโซฟี เธอคิดว่าโซฟีกลับไปแล้วแต่ว่าเปล่าเลย โซฟียังคงนั่งอยู่ที่เดิมไม่ได้ลุกไปไหน
โซฟีนั่งรอจนกระทั่งร้านปิดแบบจริงจังและท้องฟ้าที่เคยสดใสเปลี่ยนเป็นสีม่วงอมชมพู ร่างบางของพนักงานสาวที่กำลังล็อคประตูร้านทำให้โซฟีลอบยิ้มออกมา เธอลุกขึ้นแล้วเดินตรงไปหาหญิงสาวตามะฮอกกานีก่อนจะเอ่ยถามประโยคคำถามที่เธอไม่คิดว่าเธอจะพูดในวันนี้ออกมา
"ท้องฟ้าวันนี้สวยดีเนอะ"
5
ความรู้สึกประหลาดก่อตัวขึ้นในท้องของเคลมอนต์ เธอไม่เคยพบลูกค้าคนไหนที่ถามคำถามประหลาดได้เท่ากับลูกค้าสาวคนนี้อีกแล้ว เคลมอนต์รู้สึกว่าผู้หญิงคนนี้แตกต่างจากทุกคนที่เคลมอนต์เคยพบ อาจจะเพราะผู้หญิงคนนี้มีผมสีน้ำตาลที่ยุ่งเหยิงกับขอบตาคล้ำเหมือนคนอดนอนแต่ว่ายังดูดีมากๆ อยู่ หรืออาจจะเพราะผู้หญิงคนนี้เลือกที่จะนั่งนอกร้านให้แสงแดดอาบผิวขาวๆ ของเธอ
เคลมอนต์ไม่มีคำตอบสำหรับคำถามที่ผุดขึ้นในหัว แต่เคลมอนต์คิดว่ามันเป็นสิ่งที่ดี
"ใช่ค่ะ ปกติมันไม่เป็นสีนี้" เคลมอนต์ตอบอย่างสุภาพออกไป
"กำลังจะกลับบ้านเหรอ" หญิงสาวถามเธอ เคลมอนต์พยักหน้าแทนคำตอบ "ขอเดินไปด้วยคนได้มั้ย"
เคลมอนต์อนุญาตอย่างง่ายดาย
ใช้เวลาแค่สิบนาทีเคลมอนต์ก็รู้ว่าผู้หญิงคนนี้เป็นนักเขียนชื่อโซฟี กำลังมาเขียนหนังสืออยู่ในโรงแรมตรงข้ามกับร้านกาแฟที่เคลมอนต์กำลังทำงานอยู่ โซฟีมาจากสวิส ซึ่งมันทำให้เคลมอนต์ค่อนข้างประหลาดใจจนไม่สามารถห้ามปากตัวเองไม่ให้ถามออกมาได้
"สวิสไม่ได้มีภูเขาสวย อากาศดีๆ น่าเขียนหนังสือกว่าในปารีสเหรอ?"
เสียงหัวเราะของโซฟีที่ดังหลังจากเคลมอนต์ถามออกไปทำให้เคลมอนต์รู้สึกโง่ขึ้นมา
"แน่นอน เรามีภูเขาสวย แต่เราไม่มีปารีส" โซฟีพูดและหันมายิ้มให้เคลมอนต์ เคลมอนต์หลบสายตาของโซฟีแล้วพยักหน้าเป็นเชิงว่าเข้าใจ
เคลมอนต์ไม่เข้าใจว่าทำไมการสื่อสารกับนักเขียนถึงได้ยากลำบากนัก
ไม่รู้ว่าเพราะว่าโซฟีชอบใช้ศัพท์เหมือนหลุดมาจากหนังสือกับเธอ
หรือว่าเพราะเคลมอนต์ไม่สามารถทนสบตากับโซฟีได้เกินสี่วินาทีกันแน่
6
โซฟีค้นพบว่าชื่อของหญิงสาวตามะฮอกกานีชื่อว่าเคลมอนต์ โซฟีรู้สึกว่ามันเป็นชื่อที่ไพเพราะและเหมาะกับเคลมอนต์มากๆ
เคลมอนต์ เคลมอนต์
โซฟีอยากจะพูดชื่อนี้ไปทั้งวัน
เคลมอนต์เป็นนักศึกษาอายุครบ 19 ปีเมื่อเดือนก่อน เธอมาทำงานพาร์ทไทม์ที่นี่เพราะรู้จักกับเจ้าของร้าน อพาร์ตเมนท์ของเคลมอนต์อยู่ไม่ห่างออกไปมากนัก มันถึงเป็นเหตุผลว่าทำไมเคลมอนต์ถึงปล่อยให้โซฟีเดินมาด้วย
"ฉันมั่นใจว่าคุณจะไม่หลงทางตอนเดินกลับโรงแรม" เคลมอนต์พูดด้วยสำเนียงฝรั่งเศสของเธอเมื่อโซฟีถามเคลมอนต์ว่าทำไมยอมให้โซฟีเดินมาด้วย "หรือต่อให้คุณหลงฉันก็จะไปช่วยคุณได้ แต่ฉันมั่นใจว่าคุณจะไม่หลงแน่ๆ โซฟี คุณดูไม่ใช่คนโง่"
"ฉันไม่ใช่คนโง่" โซฟีย้ำ
"ใช่ คุณไม่ใช่คนโง่"
7
ระยะทางระหว่างคาเฟ่มาถึงอพาร์ตเมนท์ของเคลมอนต์ในรอบนี้ดูไกลกว่าปกติ คงเป็นเพราะพวกเขาทั้งคู่เดินกันช้ามากๆ
เคลมอนต์และโซฟีคุยกันอย่างสนิทสนมราวกับว่าสนิทกันมาหลายปีทั้งๆ ที่รู้จักกันไม่กี่ชั่วโมง พวกเขาชอบหลายๆ สิ่งหลายๆ อย่างเหมือนกัน อย่างเช่นวงดนตรีที่พวกเขาชอบก็คือ Arctic Monkeys เหมือนกัน ทั้งคู่ต่างรู้สึกว่า Alex Turner เป็นผู้ชายที่มีเสน่ห์และหล่อมากๆ
โซฟีสงสัยว่าคนฝรั่งเศสอย่างเคลมอนต์ชอบวงนี้ด้วยเหรอ
เคลมอนต์หัวเราะด้วยเสียงน่าฟังก่อนจะตอบโซฟีด้วยคำตอบที่น่าฟังไม่แพ้กัน
"ดนตรีไม่มีขอบเขตโซฟี มีแต่ดนตรีที่เราชอบกับไม่ชอบ แค่นั้น"
โซฟีคิดว่าประโยคนั้นควรจะไปอยู่ในหนังสือเล่มต่อไปของเธอ
พวกเขาต่างรู้ดีว่ามีความรู้สึกอะไรบางอย่างระหว่างพวกเขาแต่พวกเขาไม่อยากทำลายบรรยากาศดีๆ ให้หายไป อาจจะไม่ได้เดินเคียงข้างแม่น้ำแซนด์แสนโรแมนติก พวกเขาเดินอยู่บนถนนเส้นเล็กๆ ที่เป็นส่วนหนึ่งของความยิ่งใหญ่ในปารีส แต่พวกเขาทั้งสองต่างคิดเหมือนกันว่านี่เป็นสิ่งที่โรแมนติคที่สุดเท่าที่ชีวิตของพวกเขาเคยเจอเลย
มันเป็นความสวยงามที่พวกเขาคิดว่าผู้ชายคนไหนก็สร้างให้ไม่ได้
"ตรงนั้นคืออพาร์ทเมนต์ของฉัน" เคลมอนต์ชี้ไปยังตึกค่อนข้างเก่าแต่ไม่น่ากลัวตึกหนึ่ง "คุณส่งฉันตรงนี้ก็พอแล้วแหละโซฟี"
โซฟีหยุดเดินอย่างว่าง่ายแล้วบอกลาเคลมอนต์ "เอาเป็นว่าไว้เจอกัน"
เคลมอนต์กระตุกยิ้ม "ไว้เจอกัน"
8
โซฟีพบว่าเช้าวันต่อมาเธอตื่นนอนด้วยความสดใสเกินกว่าที่ควรจะเป็น เหมือนกับว่าเมื่อคืนเธอฝันไป โซฟีออกมาพิสูจน์ตัวเองว่าไม่ได้ฝันไปด้วยการออกมาสั่งเมนูเดิมในร้านกาแฟเดิมอีกครั้ง
"โซฟี นึกว่าคุณจะไม่มาซะแล้ว" ประโยคทักทัายของเคลมอนต์และรอยยิ้มที่สดใสของเธอคือสิ่งที่ยืนยันโซฟีว่าเมื่อคืนเธอไม่ได้ฝันไป
"ฉันกำลังเขียนตอนจบอยู่" โซฟีเล่าถึงหนังสือที่เธอกำลังเขียนให้เคลมอนต์ที่ฟังอย่างตั้งใจ พวกเขานั่งอยู่ในร้านอาหารอิตาเลียนเล็กๆ ที่อยู่ไม่ไกลจากโรงแรมของโซฟีนัก โซฟีสั่งพิซซาเปปเปอโรนี ส่วนเคลมเมนต์เลือกที่จะกินยอกกี้ครีมซอส บทสนทนาของพวกเขาดำเนินกันไปเรื่อยๆ ราวกับสถานีวิทยุที่เปิดคลื่นไว้ตลอด 24 ชั่วโมงที่มันจะไม่หยุดจนกว่าจะเจอคลื่นลมหรือสภาพอากาศแย่ๆ
"แต่ฉันยังหาทางจบมันไม่ได้เลย" โซฟีเสริมเมื่อเคี้ยวพิซซ่าที่กัดเข้าไปลงคอ
"ฉันว่าจบแบบเศร้าๆ ไปเลยก็ดีนะ มันดูตราตรึงดี" เคลมอนต์เสนอ
"ฉันก็คิดอยู่ แต่ว่าเอมิเลียเป็นตัวละครที่ฉันผูกพันธ์ไปแล้ว จะให้ฉันจบมันเศร้าแบบนั้นฉันคงทำไม่ลง"
"จบแบบเศร้าแต่เต็มไปด้วยความหวังสิ แบบนี้ฉันคิดว่าเอมิเลียจะอยู่ในใจทุกคนไปอีกนานเลย"
คืนนั้นโซฟีเป็นคนจ่ายค่าอาหารทั้งหมดก่อนที่เคลมอนต์จะทันได้ทักท้วงอะไร
"พรุ่งนี้เธอเลี้ยงช็อคโกแลตร้อนให้ฉันเป็นการตอบแทนแล้วกัน" โซฟีบอกกับเคลมอนต์เมื่อเคลมอนต์เอาแต่บอกว่าโซฟีไม่น่าจ่ายให้เธอเลยและพยายามจะยื่นเงินให้ การเสนอข้อตกลงให้เคลมอนต์เลี้ยงกาแฟกับโซฟีทำให้เคลมอนต์หยุดและยิ้มออกมา
"ตกลง ค่าเครื่องดื่มร้านฉันก็แพงพอๆ กับค่าอาหารที่คุณจ่าย"
พวกเขาหัวเราะเบาๆ ก่อนจะลุกแล้วเดินออกไปจากร้าน โซฟียังคงเดินไปส่งเคลมอนต์ก่อนจะกลับโรงแรม
และรอบนี้เคลมอนต์จูบเบาๆ ที่แก้มซ้ายของโซฟี
โซฟีได้แต่ยิ้มตลอดทางที่เดินกลับมา
9
เช้าวันต่อมา โซฟีกลับมานั่งพิมพ์งานด้วยสมองที่โล่งและปลอดโปร่ง เธอเอาไอเดียของเคลมอนต์มาคิดและนึกตอนจบให้กับหนังสือของเธอออกมาเมื่อคืนขณะนอนอยู่ เธอลุกมาจดมันไว้ก่อนจะมาสานเรื่องราวให้เสร็จตอนเช้า เสียงแต๊กๆ ของแป้นพิมพ์ดังก้องอยู่ในห้องนอนของเธอตั้งแต่หกโมงเช้าจนกระทั่งบ่ายสามครึ่ง เมื่อนาฬิกาบอกเวลาว่าบ่ายสามสี่สิบห้านาที หนังสือของโซฟีก็จบลงอย่างสมบูรณ์
โซฟีพิมพ์คำว่า The End ด้วยใบหน้ายิ้มแย้มแบบที่ไม่เคยเป็นมาก่อน
โซฟีตื่นเต้นมากๆ และไม่รอช้าที่จะนำเรื่องราวไปเล่าให้เคลมอนต์ที่รอเลี้ยงช็อคโกแลตร้อนโซฟีอยู่
"คุณมาช้า" เคลมอนต์พูดและยิ้มกว้างเมื่อโซฟี้ก้าวเข้ามาในร้าน
"ฉันเขียนมันจบแล้ว"
เคลมอนต์ดีใจแทนโซฟีที่ในที่สุดหนังสือของโซฟีก็จบลงอย่างสวยงาม
โซฟีมีความสุขมากๆ ที่ได้เล่าถึงมันขณะจิบช็อคโกแลตร้อนอยู่หน้าร้านซึ่งตอนนี้ปิดแล้ว
"มันวิเศษมากๆ" เคลมอนต์บอก "ฉันรอให้มันตีพิมพ์ออกมาไม่ไหวแล้ว"
"ฉันก็เหมือนกัน" โซฟีพูดขณะวางแก้วช็อคโกแลตร้อนลง "ถ้าฉันใส่ชื่อของเธอลงไปในหนังสือเธอจะรังเกียจมั้ย" ประโยคคำถามของโซฟีทำให้เคลมอนต์ที่กำลังโคลงแก้วชาในมือชะงักลง เธอเงยหน้าจากแก้วชามองหน้าโซฟี
มองได้ไม่เกินสี่วินาทีเธอก็หลบสายตาลงไปที่เดิมก่อนจะตอบโซฟี
"แน่นอน ฉันไม่มีทางรังเกียจอยู่แล้ว เป็นเกียรติเลยด้วยซ้ำ"
โซฟียิ้มกับคำตอบที่ได้รับ พวกเขาทั้งสองคนไม่ได้พูดอะไรต่อ พวกเขาแค่นั่งยิ้มให้ถ้วยชาและช็อคโกแลตร้อนของตัวเอง ปล่อยให้บรรยากาศของท้องฟ้าสีม่วงอมชมพูค่อยๆ กลืนพวกเขา
ปล่อยให้ความเงียบเป็นเหมือนซาวนด์แทร็คในซีนที่พวกเขานั่งกันอยู่ในร้านกาแฟ
พวกเขาจะจดจำช่วงเวลานี้ไว้ในส่วนที่ลึกที่สุดของความทรงจำ
10
วันสุดท้ายที่โซฟีจะอยู่ในปารีสมาถึงเร็วกว่าที่โซฟีทำใจไว้ เธอไม่ได้บอกเคลมอนต์ไว้ว่าเธอจะกลับวันนี้ ฉะนั้นภาพที่เธอถือเป้กับกระเป๋าเดินทางใบเล็กของเธอมายืนรอเคลมอนต์หน้าร้านกาแฟทำให้ใจคอของเคลมอนต์รู้สึกไม่ดีเลยแม้แต่น้อย
"ฉันต้องกลับแล้ว" คราวนี้โซฟีและเคลมอนต์เลือกนั่งอยู่ในร้านตรงมุมในสุดที่ถ้าหากเดินเข้ามาและไม่สังเกตจะไม่รู้ว่ามีมุมนี้ที่มีที่นั่งอยู่ แม้จะเป็นเวลาทำงานแต่เมื่อผู้จัดการเห็นหน้าเศร้าๆ ของโซฟีเขาเลยปล่อยให้เคลมอนต์กับโซฟีคุยกันตรงนั้นได้โดยไม่ว่าอะไร
เมื่อเคลมอนต์ได้ยินโซฟีบอกด้วยสีหน้าเศร้าเธอก็อยากจะร้องไห้ขึ้นมาดื้อๆ
เหมือนมันมีหลายอย่างและหลายที่ที่เธอและโซฟียังสามารถทำด้วยกันต่อได้ตั้งเยอะ แต่ไม่ทันจะได้เอ่ยปากชวนออกไป โซฟีกลับต้องบอกลาเธอแล้ว
เคลมอนต์พยายามจะไม่เศร้า
"มันกะทันหันมาก ฉันตั้งตัวไม่ทันเลยแฮะ" เคลมอนต์บอก เงยหน้าเพื่อไล่น้ำตาที่จะกำลังไหลอย่างห้ามไม่อยู่
โซฟีดึงมือของเคลมอนต์ขึ้นมากุมไว้ในมือของตัวเอง "ฉันขอโทษที่ไม่ได้บอกเธอ"
"ไม่เป็นไร"
"ขอบคุณสำหรับทุกอย่าง เธอทำให้หนึ่งสัปดาห์ในปารีสของฉันดีกว่าที่ฉันคิดมากๆ"
"ด้วยความยินดี"
"ถ้าไม่มีเธอ ฉันคงหาจุดจบให้หนังสือของฉันไม่ได้"
"ฉันเชื่อว่าคุณทำได้ โซฟี" เคลมอนต์พูดแล้วมองตาโซฟี มองได้ไม่ถึงสี่วินาทีเคลมอนต์ก็หลบตามองมือตัวเองที่ถูกกุมไว้
โซฟีไม่ได้พูดอะไรต่อ เธอยื่นซองจดหมายสีขาวของโรงแรมที่เธอพักเอาไว้ให้กับเคลมอนต์
"ฉันอยากให้เธออ่านหลังจากฉันกลับไปแล้วสักสองวัน ฟังดูเป็นไง อย่างน้อยเธอจะได้มีอะไรให้ตื่นเต้นบ้าง"
เคลมอนต์หัวเราะเบาๆ เช็ดน้ำตาตัวเองด้วยแขนเสื้อ แล้วหยิบซองจดหมายนั่นมา
"ขอบคุณ" เคลมอนต์พึมพำเบาๆ
หลังจากสิ้นคำขอบคุณของเคลมอนต์ โซฟีก็ดึงเคลมอนต์ไปกอดไว้ในอ้อมกอดของตัวเองก่อนจะจูบเบาๆ ลงบนหน้าผากนิ่มของเคลมอนต์
"สิ่งสุดท้ายที่ฉันจะทำคือลืมเธอ เคลมอนต์"
เคลมอนต์หลับตารับฟังคำที่ดังก้องข้างหูเธอ
โซฟีสูดดมแชมพูกลิ่นกุหลาบจากผมของโซฟีและเก็บมันไว้ในความทรงจำของเธอ
11
ปารีส, ปี 2021
6 ปีต่อมา...
โซฟีบินเข้าๆ ออกๆ ปารีสอยู่บ่อยครั้งแต่ไม่ได้เจอเคลมอนต์เลยสักครั้ง มันกลายเป็นว่าความทรงจำของพวกเขาครั้งหนึ่งในปารีสค่อยๆ จางหายไปราวกับว่ามันเป็นแค่เรื่องบังเอิญที่น่าประทับใจที่คิดว่าจะไม่ลืม แต่สุดท้ายแล้วก็แค่เรื่องบังเอิญ
สุดท้ายมันก็ค่อยๆ จะจางหายไปจากความทรงจำของเรา
โซฟีให้อีเมล์กับเคลมอนต์ไว้ พวกเขาเขียนหากันแค่สองอาทิตย์ก่อนที่เคลมอนต์จะไม่ตอบอีเมลล์ของโซฟีอีกเลย
หลังจากโซฟีตีพิมพ์หนังสือเล่มนั้นมันประสบความสำเร็จและโด่งดังมากในสวิส หลังจากนั้นไม่นานก็มีคนซื้อลิขสิทธิ์ไปแปลหลายภาษา โซฟีกลายเป็นนักเขียนขวัญใจวัยรุ่น ทวิตเตอร์ของเธอมีคนเมนชั่นหาทุกวันจนเธอต้องสร้างอีกแอคเคาท์มาเล่นเพื่อระบายทุกอย่างที่เธอรู้สึกและไม่ใช่ความคิดที่คนทั่วไปจะรับรู้ได้
รอบนี้โซฟีมาปารีสเพื่อมางานเปิดตัวร้านหนังสือร้านหนึ่งซึ่งเป็นเครือของสำนักพิมพ์ของเพื่อนเธอ โซฟีไม่ชอบมางานแบบนี้เท่าไหร่นัก ฉะนั้นหลังจากปั้นหน้ายิ้มในงานเลี้ยงทำหน้าที่ของเธอเสร็จ โซฟีก็แอบออกมาทางหลังร้านและออกมาสูบบุหรี่เงียบๆ คนเดียว
โซฟีเพิ่งจะมาเริ่มสูบบุหรี่เมื่อสองปีก่อน หลังจากที่เธอรู้สึกว่าเธอคิดอะไรไม่ออกในการจะเขียนนิยายเล่มใหม่ของเธอ ลูคัส เพื่อนร่วมงานที่เป็นนักเขียนของเธอแนะนำให้โซฟีรู้จักกับบุหรี่ หลังจากนั้นภาพของโซฟีที่ไม่มีบุหรี่อยู่ในมือกลายเป็นภาพที่ค่อนข้างหายากไปเลย
ควันขาวพวยพุ่งออกมาจากริมฝีปากสวยพร้อมกับความทรงจำที่หายไปนาน ทุกครั้งที่มาปารีสโซฟีจะนึกถึงเคลมอนต์เสมอ แต่มันก็ชั่ววินาทีหนึ่งเท่านั้น เมื่อโซฟีนึกถึงอีเมล์ที่ไม่เคยได้รับการตอบกลับจากเคลมอนต์ ความทรงจำสวยงามเหล่านั้นก็หายไปในทันที
แต่รอบนี้โซฟีรู้สึกแปลกไป
โซฟีเดินเลาะจากตรอกหลังร้านออกมาหาถนนใหญ่ก่อนจะโบกแท็กซี่และมุ่งตรงไปอย่างร้านกาแฟที่เธอเฝ้าคิดถึง
12
เคลมอนต์ลาออกไปได้สองปีแล้ว เจ้าของร้านเล่าให้โซฟีฟังเมื่อโซฟีมาถึง เขายังคงจำโซฟีได้เสมอ โซฟีไม่ได้ต่างไปจากครั้งสุดท้ายที่เขาเห็น และตอนนี้เคลมอนต์ก็ย้ายออกจากอพาร์ตเมนท์เดิม เจ้าของร้านเลยบอกกับโซฟีว่าไม่ต้องคิดไปหาที่อพาร์ตเมนท์เดิมหรอก
แต่โซฟีก็ยังคงไป
โซฟีเดินไปตามเส้นทางเดิมที่เปลี่ยนไปเล็กน้อยจากความทรงจำเมื่อหกปีก่อน โซฟีหยิบโทรศัพท์จากกระเป๋าสะพายข้างขึ้นมาแล้วควานหาหูฟัง ก่อนจะเชื่อมหูฟังกับโทรศัพท์แล้วยัดหูฟังใส่หูทั้งสองข้าง
เพลง Anyone else but you ของ moldy peaches ที่โซฟีเล่นค้างไว้เล่นต่อและดังก้องในหูของเธอ โซฟีเพิ่งรู้ตัวว่าตลอดเวลาที่เธออยู่กับเคลมอนต์เธอไม่เคยสังเกตความสวยงามของสถาปัตยกรรมของตึกเก่าเหล่านี้ที่อยู่รอบตัวเธอเลย
เหมือนตอนนั้นทั้งหมดที่เธอสนใจจะมีแต่เคลมอนต์
โซฟีเดินต่อไปเรื่อยๆ จนกระทั่งมาหยุดที่หน้าอพาร์ตเมนท์ของเคลมอนต์
โซฟียืนมองมันนิ่งๆ บอกไม่ได้ว่าจะหยุดมองเมื่อไหร่ โซฟียืนมอง มือสองข้างล้วงกระเป๋ากางเกง
เป็นครั้งแรกที่เพลงของ moldy peaches ไม่ได้ทำให้โซฟียิ้มออกมาได้
13
จะเชื่อหรือไม่แต่โซฟีเชื่อว่าปาฏิหารย์มีอยู่จริง
ขณะที่โซฟีกำลังจะหมุนตัวกลับไปและลืมทุกอย่าง จู่ๆ ร่างผอมบางที่โซฟีไม่เคยลืมก็เดินออกมาจากอพาร์ตเมนท์
เรื่องที่แย่ที่สุดคือเคลมอนต์เป็นคนเรียกโซฟีเอาไว้ขณะที่โซฟีกำลังจะก้าวเดินออกไป
เมื่อโซฟีหันกลับมา โซฟีก็พบกับเคลมอนต์ที่โตขึ้น ผมของเธอถูกตัดให้สั้นประบ่าแต่ยังคงเป็นสีดำเหมือนเดิม แววตาของเคลมอนต์ดูเติบโตขึ้นไม่ใสเหมือนแต่ก่อน
"เคลมอนต์" โซฟีเรียกชื่อของเคลมอนต์ออกไป เคลมอนต์ยิ้มให้แล้วเดินตรงมาหาโซฟี จังหวะที่เคลมอนต์เอามือออกจากเสื้อโค้ทแล้วอ้าแขนเข้ามากอดโซฟี โซฟีสังเกตอะไรบางอย่างวิบวับจากนิ้วนางข้างซ้ายของเคลมอนต์ที่โซฟีไม่เคยเห็นมาก่อน
บางอย่างบอกโซฟีว่าหัวใจของโซฟีกำลังเจ็บปวด
เคลมอนต์กำลังจะออกไปซื้อของที่ซุปเปอร์มาร์เก็ต
"ฉันขอเดินไปด้วยได้มั้ย" โซฟีถามออกไป ราวกับว่าอยากให้คำถามนั้นไปสะกิดความทรงจำของเคลมอนต์
"เอาสิ" แต่ดูเหมือนเคลมอนต์จะลืมมันไปแล้ว
"เธอเป็นยังไงบ้าง" เมื่อออกเดิน โซฟีก็เป็นคนทำลายความเงียบที่น่าอึดอัดออกไป
"สบายดี แล้วคุณล่ะ"
"ก็ดี พักนี้งานยุ่งๆ"
เคลมอนต์หัวเราะเบาๆ "ฉันเห็นข่าวเกี่ยวกับคุณเต็มไปหมดเลย" เคลมอนต์หันไปจ้องตาโซฟีที่กำลังขมวดคิ้วสงสัย "เวลาที่เห็นข่าวคุณทีไรแล้วฉันอดคิดถึงตอนนั้นไม่ได้เลย"
คราวนี้เคลมอนต์จ้องตาโซฟีได้เกินสี่วินาทีแล้ว
"จริงเหรอ" โซฟีหัวเราะเบาๆ
"คุณอาจจะคิดว่าฉันลืม แต่ฉันยังไม่ลืมเลยนะ"
"เธอไม่ตอบเมลล์ฉัน" โซฟีโพล่งออกไปเมื่อเคลมอนต์เริ่มทำเหมือนกับว่าโซฟียังสำคัญกับเธออยู่
เคลมอนต์เถียงไม่ออก แม้จะเตรียมเหตุผลมาบ้างแล้วแต่พอเอาเข้าจริงเธอก็พูดไม่ออก
โซฟีไม่รอช้า เธอเสริมต่อ "แล้วเดาว่าเธอคงแต่งงานแล้วใช่มั้ย"
เคลมอนต์พยักหน้า "สามปีแล้ว ลูกชายหนึ่ง"
โซฟีได้แต่อ้ำอึ้ง เธอไม่รู้จะพูดอะไรต่อ
ลึกๆ แล้วเธอรู้ดี แต่เธอก็อยากให้เคลมอนต์ตอบว่าหย่า หรือไม่ก็แยกกันอยู่
แต่เท่าที่ฟังมาดูเหมือนเคลมอนต์จะมีความสุขดี
"คุณทำหน้าที่ของคุณได้ดีในส่วนของความทรงจำของฉันโซฟี แต่กับชีวิตจริงคุณทำอะไรไม่ได้เลย" เคลมอนต์พูดออกมาเมื่อเห็นน้ำตาที่คลอเบ้าของโซฟี "ฉันเลยไม่ตอบเมลล์ของคุณ พยายามตัดคุณออกจากชีวิต คุณจะได้ลืมฉันไป" เคลมอนต์เอื้อมมือไปประคองใบหน้าของโซฟี "แต่เหมือนฉันจะคิดผิดสินะ"
"ฉันมันโง่" โซฟีพูดทั้งน้ำตา
"ไม่โซฟี คุณไม่ได้โง่" เคลมอนต์ดึงโซฟีมากอดก่อนจะลูบหัวโซฟีเบาๆ อย่างอ่อนโยนเหมือนเวลาที่ลูกชายเขาร้องไห้กลางดึก "คุณแค่พลาดที่มารู้จักฉัน"
โซฟียืนสูบบุหรี่รอเคลมอนต์อยู่หน้าซุปเปอร์มาเก็ต จมูกของเธอแสบจากการร้องไห้แม้ตอนนี้น้ำตาจะหยุดไหลแล้วก็ตาม เมื่อเคลมอนต์เดินออกมาเธอก็ขมวดคิ้วด้วยความสงสัย
"ฉันไม่เคยรู้ว่าคุณสูบบุหรี่"
"ฉันมารู้ตัวก็เมื่อสองปีก่อน" โซฟีพูดก่อนจะโยนบุหรี่ลงพื้นและขยี้มันด้วยเท้า "ให้ฉันเดินกลับไปส่งนะ"
เคลมอนต์ยิ้มและเดินนำหน้าไปแทนคำตอบว่าตกลง
ระหว่างทางเดินกลับพวกเขาไม่ได้พูดอะไรกันอีกเลยนอกจากปล่อยให้ความเงียบเข้าครองพวกเขาอีกครั้ง จนกระทั่งมาถึงหน้าอพาร์ทเมนท์ของเคลมอนต์
"คุณจะเข้ามามั้ยโซฟี?" เคลมอนต์ชวน
"ไม่ดีกว่า" โซฟีปฏิเสธทันควัน
"งั้นรอตรงนี้ได้มั้ย ฉันมีอะไรจะให้คุณ"
โซฟีพยักหน้าก่อนจะยืนรอเคลมอนต์ที่หายเข้าไปในอพาร์ตเมนท์
14
เคลมอนต์เข้ามาในอพาร์ตเมนท์ก่อนจะพบสามีตัวเองกับลูกชายนอนเล่นดูทีวีกันอย่างมีความสุข เคลมอนต์ยิ้มบางๆ กับภาพที่เธอเห็นได้บ่อยๆ
เมื่อได้ยินเสียงประตู สองพ่อลูกก็หันมามอง
"แม่ใครกลับมาแล้วน้า" สามีของเธอพูดแล้วหันมายิ้มให้เธอ
เคลมอนต์ยิ้มบางๆ ก่อนจะวางถุงเสบียงที่เธอเพิ่งซื้อมาวางไว้ที่โต๊ะกินข้าวแล้วหายตัวเข้าไปในห้องนอน เธอรื้อหากล่องที่เธอเก็บของๆ เธอไว้ก่อนจะเจอซองจดหมายที่มีตราโรงแรมแห่งนั้นอยู่
เคลมอนต์หยิบมันออกมาอย่างเบามือก่อนจะเก็บกล่องไว้ที่เดิมแล้วรีบวิ่งออกไป
"เดี๋ยวฉันมานะที่รัก" เธอทิ้งให้สองพ่อลูกงงอยู่ชั่วครู่ก่อนที่สองพ่อลูกจะกลับไปสนใจคนในทีวีต่อ
15
โซฟีนั่งอยู่บนรถแท็กซี่ หัวของเธอพิงกับกระจกรถอย่างหมดแรง มือของเธอกำซองจดหมายที่เธอเป็นคนเอาให้เคลมอนต์แน่น
เธอใช้เวลาทำใจอยู่ครู่หนึ่งเธอก็ตัดสินใจเปิดมันอ่าน
ยังไงซะไม่วันนี้ก็พรุ่งนี้เธอก็ต้องอ่านมันอยู่ดี
หน้ากระดาษเป็นเนื้อความที่เธอเขียนให้กับเคลมอนต์ เธอเกือบลืมไปแล้วว่าเธอเขียนอะไรแบบนี้ไว้ด้วย
โซฟียิ้มบางๆ เมื่ออ่านข้อความที่เธอเคยเขียน
เมื่อพลิกอีกหน้าหนึ่งเธอพบกับลายมือของเคลมอนต์ที่ค่อนข้างอ่านยาก แต่แปลกดีที่ขณะอ่านโซฟีรู้สึกไม่ติดขัดเลย ทั้งๆ ที่เธอไม่เคยเห็นลายมือของเคลมอนต์มาก่อน
โซฟีเริ่มต้นอ่านเนื้อความในจดหมาย
ตอนนั้นเองที่รอยยิ้มของโซฟีค่อยๆ จางลง
5 may 2018
โซฟี คุณหายไปจากชีวิตของฉันได้สามปีแล้ว และฉันกำลังจะแต่งงานในวันมะรืนนี้ แปลกดีที่อยู่ๆ ฉันก็คิดถึงคุณอีกครั้งเหมือนกับว่าคุณกับฉันเราเพิ่งได้เจอกันเมื่อวาน
ถึงเราอาจจะไม่ได้ติดต่อกันแล้วแต่ฉันยังจำคุณได้เสมอ ฉันเห็นคุณในข่าวอยู่บ่อยๆ ตอนนี้คุณดังมากๆ ไปแล้วนะ เดือนก่อนฉันเห็นคุณมาปารีสแต่ก็ไม่ยักจะส่งเมลล์มาหาฉันเลย...และฉันก็ลืมไปว่ามันเป็นฉันเองที่ไม่ตอบเมลล์คุณนับแต่วันนั้น
วันที่หนังสือของคุณออกวางจำหน่าย ฉันรีบไปร้านหนังสือและซื้อมันมาก่อนมันจะหมดไปอย่างรวดเร็ว เมื่อฉันเปิดหนังสือออกมา หน้าแรกที่คุณเขียนมันเป็นงานเขียนที่สวยงามที่สุดเท่าที่ฉันเคยอ่านมาแล้ว เผื่อคุณลืม คุณเขียนไว้ว่า ;
ตอนที่คุณขอเอาชื่อฉันไปเขียน ฉันนึกว่าฉันจะได้รวมกับคนอื่นๆ ในหน้าสุดท้ายเสียอีก
จะว่าไปแล้วมันเหมือนกับตอนนั้นคุณกำลังจะขอฉันแต่งงานเลย
แต่ถึงอย่างนั้น เพราะหน้านั้นฉันถึงตัดสินใจก้าวออกมาจากชีวิตของคุณ
หลังจากนั้นไม่นาน ฉันได้เจอกับธีโอ เขาเป็นคนที่ดีมากๆ และทำให้ชีวิตของฉันเปลี่ยนไป เขาทำให้ฉันรักโลกแห่งความจริงมากขึ้น และฉันก็ตัดสินใจที่จะแต่งงานกับเขา
คุณทำหน้าที่ในความทรงจำของฉันได้ดีโซฟี แต่ในโลกแห่งความเป็นจริงธีโอทำได้ดีกว่า
ฉะนั้นฉันอยากให้คุณเข้าใจฉัน
เพราะยังไงซะ ฉันจะไม่มีวันลืมคุณโซฟี ในเรื่องนั้นคุณมั่นใจฉันได้เลย
คุณเป็นคนเดียวที่ฉันอยากจะบอกลาถ้าฉันตายจากโลกนี้ไป
ความทรงจำในตอนนั้นของเรามันจะอยู่กับฉันเสมอ
คุณควรก้าวต่อไปข้างหน้านะโซฟี (ในกรณีที่คุณยังทำไม่ได้) หาคนดีๆ ที่คุณจะใช้ชีวิตด้วยได้
ฉันคืนจดหมายนี้ให้คุณเพื่อที่คุณจะได้ไม่ต้องเป็นห่วงฉัน เพราะฉันก้าวผ่านมันมาได้แล้ว
ถึงตาคุณแล้วโซฟี ฉันจะเป็นกำลังใจให้คุณ
คุณจะยังเป็นคนเดียวที่ทำให้ความเงียบสวยงามกว่าที่มันควรจะเป็น
ป.ล. ท้องฟ้าวันนี้สวยดีเนอะ
C.
16
ลูเซิรน์ , ปี 2022
มันไม่น่าแปลกใจเลยถ้าหากคุณได้เห็นโซฟียืนใส่หูฟังรอใครบางคนอยู่ที่หน้าสถานีรถไฟลูเซิรน์ที่คนพลุกพล่านตลอดเวลา ขอบคุณความตรงเวลาของรถไฟสวิสที่ทำให้โซฟีไม่ต้องมานั่งกะเวลาและสามารถกำหนดเวลามารอเพื่อนของเธอได้เลย
โซฟีมารอเพื่อนของเธอที่จะมาร่วมงานสำคัญของเธอ ว่าอีกไม่กี่วันจะมีเหตุการณ์สำคัญเกิดขึ้นในชีวิตของโซฟี อาจจะเป็นงานวิวาห์ของโซฟีกับลูคัสคู่หมั้นของเธอ หรือไม่ก็อาจจะเป็นงานเปิดตัวสำนักพิมพ์อินดี้ที่เธอเป็นคนก่อตั้งโดยใช้ชื่อว่า Clementine's ก็ได้
เราไม่มีทางรู้แน่ๆ ว่าโซฟีกับเคลมอนต์เจอกันอีกครั้งเนื่องในโอกาสอะไร แต่รอบนี้ไม่ใช่ความบังเอิญอีกแล้วแน่นอน
เมื่อเสียงของรถไฟขบวนใหม่เข้าเทียบท่า โซฟีก็ยิ้มกว้างออกมา เธอยิ้มกว้างกว่าเดิมเมื่อเห็นร่างของเคลมอนต์เดินออกมาพร้อมกับธีโอและลูกชายวัยสองปีของพวกเขา
ทั้งสามคนเดินตรงมาหาโซฟี
ระหว่างนั้นเองที่เพลง Nothing's gonna hurt you baby ของ Cigarettes After Sex เล่นอยู่ในหูของโซฟี
โซฟีมองภาพครอบครัวอบอุ่นที่กำลังเดินเข้ามาหาเธอด้วยรอยยิ้มโดยมีเพลงในหูของเธอคลอ
ครอบครัวที่มีผู้หญิงที่เธอรักที่สุดและไม่มีวันลืม
ตอนนั้นเองที่โซฟีเข้าใจอะไรบางอย่าง
ดูเหมือนโซฟีจะหาซาวนด์แทร็คใหม่ให้ตัวเธอกับเคลมอนต์แทนความเงียบได้แล้ว
เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น
Log in