*น่าจะเพราะว่าโอเวนเขียนเรื่องต่อต้านสงคราม
สรุปแล้วโอเวนเองก็กลับเข้าไปร่วมสงคราม
มีการวิเคราะห์ด้วยว่าอะไรเป็นสาเหตุทำให้โอเวนกลับไปร่วมสงคราม อาจจะด้วยความรู้สึกว่าต้องการจะเข้าไปอยู่ในสนามรบจริง ๆ เพื่อเอาความจริงออกมาเขียนต่อจากแซซซอนก็ได้ เพราะตอนที่แซซซอนจะกลับไปรบเขาบอกกับโอเวนว่าเขากลับไปเพื่อจะได้เอาความจริงของสงครามออกมาเล่าต่อได้ ตอนนี้แซซซอนไม่สามารถทำได้แล้ว โอเวนจึงอาจรู้สึกว่าเขาต้องสานต่อ
ไม่ว่าจะเป็นด้วยสาเหตุอะไร เขากลับไปที่แนวหน้าที่ฝรั่งเศสในเดือนกรกฎาของปี 1918
เรื่องที่น่าเศร้าที่สุดของโอเวน คือการเสียชีวิตลงในสนามรบ ในวันที่ 4 พฤศจิกายน 1918 นับเป็นเวลาเพียงหนึ่งอาทิตย์ก่อนการประกาศสงบศึก เขาอายุ 25 ปี
แซซซอนเชื่อวาตนเองมีส่วนในการทำให้โอเวนกลับไปรบ (จะเป็นเพราะห้ามไม่สำเร็จ หรือเป็นเพราะอิทธิพลของการกลับไปร่วมรบของเขาก็ไม่ทราบ) จึงรู้สึกผิดเป็นอย่างมาก และตั้งใจว่าจะตีพิมพ์ผลงานทั้งหมดของโอเวนให้ได้
หลังจากที่สามารถทำได้สำเร็จ งานของโอเวนก็ได้รับความสนใจมากขึ้นเรื่อย ๆ
หนึ่งร้อยปีถัดมา โอเวนได้รับการยกย่องจากนัักวรรณคดีและจากหลายคนว่าเป็นกวีสงครามโลกครั้งที่หนึ่งที่ยิ่งใหญ่ที่สุด (the greatest poet of the First World War)
หลายคนบอกว่าโอเวนมองแซซซอนเป็นเหมือนไอดอล เหมือนแรงบันดาลใจเสียมากกว่า
ข้างล่างเป็นส่วนหนึ่งของจดหมายฉบับที่คนมักจะยกขึ้นมาเล่า เขียนขึ้นวันที่ 5 พฤศจิกายน 1917 (เดาว่าแซซซอนเพิ่งจะออกจากโรงพยาบาลมั้ง)
My dear Sassoon,
When I had opened your envelope in a quiet corner of the Club Staircase, I sat on the stairs and groaned a little....
... I thank you; but not on this paper only, or in any writing. You gave – with what Christ, if he had known Latin & dealt in oxymoron, might have called Sinister Dexterity. I imagined you were entrusting me with some holy secret concerning yourself. A secret, however, it shall be until such time as I shall have climbed to the housetops, and you to the minarets of the world.
Smile the penny! This Fact has not intensified my feelings for you by the least – the least grame. Know that since mid-September, when you still regarded me as a tiresome little knocker on your door, I held you as Keats + Christ + Elijah + my Colonel + my father-confessor + Amenophis IV in profile.
What's that mathematically?
In effect it is this: that I love you, dispassionately, so much, so very much, dear Fellow, that the blasting little smile you wear on reading this can't hurt me in the least.
If you consider what the above Names have severally done for me, you will know what you are doing. And you have fixed my Life – however short. You did not light me: I was always a mad comet; but you have fixed me. I spun round you a satellite for a month, but I shall swing out soon, a dark star in the orbit where you will blaze...
...
Your proud friend, Owen
แซซซอนที่รัก
ผมเปิดจดหมายของคุณที่มุมเงียบมุมหนึ่งในคลับ นั่งบนขั้นบันได และพึมพำคร่ำครวญอยู่บ้างเล็กน้อย....
...ผมขอบคุณคุณ ไม่ใช่แค่บนกระดาษแผ่นนี้ หรือในตัวอักษรอื่นใด สิ่งที่คุณให้ผมมานั้น ถ้าหากพระคริสต์รู้ภาษาละตินหรือเคยปวดหัวกับถ้อยคำยอกย้อนมาก่อนก็คงจะเรียกว่า ลางร้ายอันหลักแหลม
ผมคิดว่าคุณมอบความไว้วางใจให้ผมด้วยการบอกความลับสำคัญบางอย่างเกี่ยวกับตัวคุณเองให้ผมฟัง มันจะเป็นความลับไปจนกว่าวันที่ผมต้องปีนขึ้นไปบนหลังคาบ้านคุณ และคุณต้องปีนไปยังหอคอยสุเหร่าของโลก
แต่ยิ้มไว้เถอะ ความจริงข้อนั้นไม่ได้ทำให้ผมรู้สึกกับคุณมากขึ้นแม้แต่น้อย คุณควรจะรู้เอาไว้ว่า ตั้งแต่กลางเดือนพฤศจิกาฯ ตอนที่คุณยังคิดว่าผมเป็นเสียงเคาะประตูอันน่าเหนื่อยหน่ายนั้น ผมมองคุณเป็นดัง คีท + พระคริสต์ + เอลิยา + พ.อ. + คุณพ่อผู้รับสารภาพบาป+ แอเคนาเทนที่ 4
ทั้งหมดที่กล่าวมา เมื่อบวกกันแล้วได้ผลลัพธ์เท่าไหร่หรือ
ผลลัพธ์ของข้อนั้นคือผมรักคุณ รักอย่างสันติ อย่างล้นพ้น อย่างยิ่งยวด เพื่อนเอย แม้แต่รอยยิ้มบางบนใบหน้าคุณขณะอ่านจดหมายฉบับนี้ก็ไม่อาจทำร้ายผมได้แม้แต่นิดเดียว
ถ้าหากคุณตรองดูว่าชื่อต่าง ๆ ที่ผมยกมาเขียนข้างต้นให้อะไรแก่ผมบ้าง คุณก็จะรู้ว่าคุณทำอะไรอยู่ คุณช่วยชีวิตผม จะสั้นเท่าใดก็ตามที ผมเป็นดาวหางที่บ้าคลั่งมาตั้งแต่ไหนแต่ไร แต่คุณไม่ได้จุดให้ผมติดไฟ คุณช่วยผม
ผมหมุนรอบคุณเสมือนดาวเทียมอยู่หนึ่งเดือน ไม่นานผมจะหลุดวงโคจรที่ว่าแล้ว เป็นดาวดับในวงโคจรที่คุณลุกโชน...
เพื่อนผู้ภาคภูมิของคุณ, โอเวน
What passing-bells for these who die as cattle?
— Only the monstrous anger of the guns.
เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น
Log in