ตั้งแต่รู้ว่าอาร์มี่ แฮมเมอร์จะเล่น Call Me By Your Name ก็ไปซื้อหนังสือนิยายต้นฉบับเรื่องมา แต่ไม่ค่อยมีเวลาอ่าน ดองไว้แบบนั้น จนเร็วๆ นี้กระแสวิจารณ์หนังที่เริ่มฉายตามเทศกาลหนังต่างๆ มีแต่เสียงชื่นชมตั้งแต่ตัวหนัง ผู้กำกับ นักแสดงนำอย่างอาร์มี่ น้องทิม เลยกระตุ้นให้เกิดอารมณ์อยากจะอ่านให้จบ เมื่อคืนก็อ่านจบแล้วในที่สุด
Call Me By Your Name เป็นนิยายของ André Aciman บอกเล่าเรื่องราวชีวิตในมุมเล็กๆ ของอิตาลีของ "เอลิโอ" เด็กหนุ่มวัยสิบเจ็ดปี ซึ่งทุกหน้าร้อนเขาต้องสละห้องนอนให้กับแขกของพ่อเป็นเวลาหกสัปดาห์ และแขกในปีนั้นก็คือ "โอลิเวอร์" อาจารย์มหาวิทยาลัยชาวอเมริกันวัยยี่สิบสี่ ซึ่งจะมาช่วยงานทางวิชาการของพ่อเอลิโอ แลกเปลี่ยนกับการที่พ่อของเอลิโอช่วยเกลาหนังสือวิชาการของเขาก่อนตีพิมพ์
Call Me By Your Name เป็นเรื่องราวความรักอันลึกซึ้งที่เราไม่เคยสัมผัสมาก่อนในชีวิต มันเป็นเรื่องราวของคนที่รักใครสักคนจนอยากเป็นทั้ง 'คนของเขา' และเป็นยิ่งกว่านั้น, เป็น 'เขา'
และ Call Me By Your Name, เช่นเดียวกับประสบการณ์รักครั้งแรกของมนุษย์ทุกคน
มันเป็นอะไรที่เราไม่มีวันลืม
_________
PART II: A FILM
ใบปิดแรกซะหน่อย:
Call Me By Your Name ถูกหยิบมาทำเป็นภาพยนตร์ โดยฝีมือของผู้กำกับ ลูกา กัวดาญีโน (A Bigger Splash) นักแสดงนำได้แก่ ทิโมธี ชาลาเมต์ รับบท เอลิโอ และอาร์มี่ แฮมเมอร์ รับบท โอลิเวอร์
จากเสียงวิจารณ์ของคนที่ได้ดูตามเทศกาลหนังต่างๆ ซึ่ง Call Me By Your Name ไปตระเวนฉาย พบว่าหนังเก็บรายละเอียดในหนังสือได้ดีทีเดียว จุดที่เปลี่ยนไปจากหนังสือก็ดัดแปลงได้งดงามเช่นกัน ส่วนนี่พออ่านจบก็เริ่มคาดหวังในความแม่นยำของการแปลงเป็นหนังสูงมาก เพราะตัวอย่างฟุตเทจที่ปล่อยมาอันนี้
อีกอย่างที่อยากเห็นก็คือบทคุณพ่อของเอลิโอ ซึ่งได้รับเสียงชื่นชมว่าการแสดงสุดยอดมาก ควรได้ชิงออสการ์นักแสดงสมทบชายเลยทีเดียว และตัวละครนี้ในหนังสือก็เป็นคุณพ่อที่มีทัศนคติในการเลี้ยงลูกดีมากๆ อย่างมีนัยยะสำคัญซึ่งอาจจะเป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้ Call Me By Your Name เป็นหนัง LGBT ที่คนดูแล้วพากันยกย่องว่ายอดเยี่ยมเทียบเคียง Carol และ Moonlight ด้วยก็ได้
ภาพเบื้องหลัง เอลิโอกับพ่อแม่
นอกจากเสียงวิจารณ์ชื่นชมตามเทศกาลหนังต่างๆ Call Me By Your Name ยังได้รับเสียงยกย่องจากหลายสำนักว่าควรจะได้เข้าชิงออสการ์แน่นอน ซึ่งกำหนดฉายของหนังก็คือ 24 พฤศจิกายน 2017 ช่วงฤดูกาลรางวัลพอดีด้วย พ่วงด้วยคะแนน Rotten Tomatoes 100 เต็ม, Metascore (ซึ่งโหดหินกว่า RT และ Imdb มากนัก) 98, Guardian ให้ 5/5 แบบนี้จะไม่ให้อยากดูจนจะขาดใจตายอยู่ทุกวันได้ยังไง
เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น
Log in