เราใช้คุ๊กกี้บนเว็บไซต์ของเรา กรุณาอ่านและยอมรับ นโยบายความเป็นส่วนตัว เพื่อใช้บริการเว็บไซต์ ไม่ยอมรับ
filmtofichoramiji
[LF] Way Down We Go 2: Part II (Chris x Cill, Jack x Tom x Fionn)
  • Title: Way Down We Go 2
    Continuity: Sequel to Way Down We Go (Part IIIIIIIVV here)
    Previous Episode: Way Down We Go 2 (Part I here)
    Fandom: Dunkirk Cast
    AU: Mafia
    Episode Theme Song: Red Right Hand - Arctic Monkeys
    .
    .

    "แกกล้าคิดทำกับพี่ชายตัวเองแบบนี้ได้ไง?"

    น้ำเสียงเครือสั่น เส้นเลือดตรงขมับเต้นตุบไม่หยุด และไม่ใช่เพราะปืนสองกระบอกที่จ่อศีรษะอยู่เสียด้วย แต่เนื่องจากข้างในรู้สึกเหมือนจะพังทลายเพราะทนรับแรงกดดันไม่ไหวมากกว่า นัยน์ตาเขาแดงก่ำ วินาทีต่อมาก็ต้องยกหลังมือปาดน้ำตาทิ้งลวกๆ

    ทำยังไง...ควรทำยังไงดี

    "นี่ไม่ใช่เรื่องส่วนตัว ก็แค่ธุรกิจ"

    ฟินน์ตอบหน้าตาเฉย ไม่ยิ้ม ไม่เยาะ
    ขยับตัวรินเหล้า ยื่นให้แบร์รี่

    เขาไม่รับ

    "อนายรู้หรือเปล่า?"

    รู้ไหมว่าชายคนรักร้ายกาจแบบนี้?

    ฟินน์วางแก้วน้ำใจที่เสียเปล่าลงบนโต๊ะ
    เริ่มรินเหล้าให้ตัวเองแทน

    "อยากบอกก็เชิญ เขาเป็นแค่ส่วนหนึ่งของแผนการเท่านั้น"
    "แปลว่าแกไม่ได้รักเขา?"
    "ที่พูดไปมันยังตอบได้ไม่ชัดพอหรือไง คุณคีโอแกน"

    ฟินน์สลับขาที่ไขว่ห้าง
    ยกเครื่องดื่มสีอำพันขึ้นจิบ

    "ทำไมวะ..."

    เพราะการเข้าตีทางเรดแฮนด์เป็นไปได้ยาก ทอมขับรถไปไหนมาไหนเอง เปลี่ยนรถที่ใช้ทุกวันแบบสุ่ม หากวันไหนให้คนขับก็จะสับเปลี่ยนคนแบบสุ่มเช่นกัน เวลาเข้างานหรือออกไปไหนก็ไม่เป็นกิจวัตร ระวังตัวแจทุกอย่าง

    ต่างกับเอิร์ลที่ใช้คนติดตามประจำ แบร์รี่เป็นคนขับรถและคุ้มกันตัวหลัก และแบร์รี่ก็มีจุดอ่อนคืออนายริน แค่ขู่จะทำอะไรอนายรินเท่านั้น ต่อให้ต้องทรยศหักหลังเจ้านายที่โตมาด้วยกันอย่างแจ็ค เจ้าตัวก็ยอม อย่างน้อยก็กำลังจะยอมแล้วในตอนนี้

    แต่เขาไม่มีหน้าที่อธิบายอะไรให้มันฟัง

    "เตรียมตัวซะ พรุ่งนี้เช้า ถ้าฉันได้ตัวทอมแล้ว อนายรินก็จะเป็นอิสระ"

    หน้าที่ของแบร์รี่คือทำให้รถคว่ำ แจ็คเข้าโรงพยาบาล โทรเรียกให้ทอมรีบรุดออกมาอย่างไม่ระวังตัวหรือเตรียมคนคุ้มกันได้ทัน เพื่อให้ฟินน์เข้าถึงตัวได้ง่ายๆ

    แลกกับความปลอดภัยของอนายริน

    "คิดในแง่ดีไว้ บทเรียนหนึ่งที่นายได้จากเรื่องนี้..."

    ฟินน์พึมพำ กระดกเหล้าไปอีกครึ่ง
    ลุกขึ้นยืน ก้มลงใช้นิ้วจิ้มอกซ้ายของแบร์รี่

    "นี่คือสิ่งที่เกิดขึ้น เวลานายรักใครมากๆ..."

    ซดเหล้าในมือข้างนั้นจนหมดแก้ว
    เอียงคอเข้าใกล้ กระซิบ

    "มากเสียจนกลายเป็นคนขี้ขลาด ไม่กล้าครอบครองเอาไว้เอง..."

    ฟินน์วางแก้วเปล่าลงบนมือของแบร์รี่
    ...ที่ไม่ได้ขยับนิ้วรวบรับมันไว้

    เพล้ง

    แก้วตก แตก น่าเสียดาย

    "ถ้าไม่อยากให้ของรักพัง ก็อย่าปล่อยให้คนอื่นดูแล"

    .
    .

    "แอนดี้...?"

    คิลเลียนอุทาน

    "สวัสดี คิลลี่" แอนดรูว์ฉีกยิ้ม

    ใช่สิ...ลืมคิดไปเสียสนิทว่าคนหน้าตาเหมือนคริสบนโลกไม่ได้มีแค่คริส แต่ยังมีไอ้หมอนี่ อาจเพราะคอยโกหกคนอื่นว่ามันตายไปแล้วๆ จนตัวเองก็โดนตัวเองสะกดจิตให้เชื่อไปด้วยอีกคน ไม่ทันตั้งตัวว่ามันจะกลับมาหลอกหลอนกันตอนนี้ ทำให้ทุกอย่างยุ่งเหยิงน่าสับสนขึ้นไปอีก

    แอนดรูว์ไม่เคยตาย
    แค่ต้องการแกล้งตาย

    และคนช่วยให้แผนสำเร็จก็คือเขาเอง

    ตอนนั้นมันไม่ได้บอกเหตุผล ซึ่งเขาก็ไม่ได้สนใจจะเสือกรู้ มันแค่เสนอเป็นงานให้ จ้างให้เขาฆ่ามัน —แน่นอนว่าฆ่าหลอกๆ— แต่ในความรับรู้ขององค์กรเอิร์ลและคนทั่วไป แอนดรูว์จะตายจริงๆ ผลตอบแทนของคิลเลียนคือลูกค้าที่ยื้อแย่งกันอยู่ตอนนั้นก็ตกเป็นของเรดแฮนด์ไปเลย แถมเงินสดและที่ดินซึ่งเป็นทรัพย์สินส่วนตัวของมันเองให้ด้วย งานง่ายๆ กับกำไรงดงามขนาดนั้นทำให้เขาตกลงโดยไม่คิดอะไร ความยากมีแค่ต้องหาคนที่ลักษณะคล้ายมันมากๆ และสภาพศพหน้าจะต้องเละจนพิสูจน์ไม่ได้ก็เท่านั้น

    "นายมาทำอะไรที่นี่"
    "เป็นคำถามที่ดี"

    แอนดรูว์เลิกแสร้งยิ้ม
    มองใบหน้านั้นแล้วก็อดนึกถึงคริสไม่ได้

    พวกเขาเป็นฝาแฝดแท้ หน้าเหมือนกันตั้งแต่เด็กจนโต จนกระทั่งตอนนี้ ทั้งที่แยกกันโตคนละที่เป็นสิบยี่สิบปีแต่ให้มองเผินๆ ก็ยังแยกยากอยู่มาก อย่างไรก็ตาม คิลเลียนเป็นคนหนึ่งนอกจากแม่ของทั้งคู่ที่สามารถบอกความแตกต่างระหว่างแฝดได้เกือบในทันที เด็กเลี้ยงม้าคนนี้อ่านบรรยากาศรอบตัวคนเก่งมาแต่ไหนแต่ไร และตั้งแต่แรกพบ...แอนดรูว์ไม่เคยให้ความรู้สึกใดๆ เหมือนคริสเลย

    ถ้าคริสเป็นฟองนมนุ่มสีขาว
    แอนดี้ก็คงเป็นอเมริกาโน่สีดำ

    "แต่นายคิดไม่ออกจริงๆ เหรอว่าฉันมาทำอะไร..."

    หนุ่มใหญ่เดินอ้อมมาข้างหน้า นั่งลงบนโต๊ะ เท้าข้างหนึ่งยื่นออกมายันไว้กับเก้าอี้ของคิลเลียน ถ้าออกแรงดันสักหน่อยคนนั่งอยู่คงจะล้มคว่ำลงไปเลย

    "ทำไมฉันต้องเสือกไปรู้ด้วย"

    แอนดรูว์จุ๊ปาก "ปากแบบนี้เหรอที่ใช้จูบพี่ชายฉันน่ะ หืม"
    "..."
    "เข้าเรื่องเลยนะ เพราะงานคราวก่อนนายทำได้ดีมาก และเก็บความลับได้เยี่ยม จนแม้แต่พี่ชายฉันยังไม่รู้..."

    ประโยคนั้นกระตุกหัวใจเขาแปลกๆ

    ทำให้ตระหนักว่าตนก็มีความลับกับคนที่เป็นคู่ชีวิตเช่นกัน ทั้ง%E
  • Title: Way Down We Go 2
    Continuity: Sequel to Way Down We Go (Part IIIIIIIVV here)
    Previous Episode: Way Down We Go 2 (Part I here)
    Fandom: Dunkirk Cast
    AU: Mafia
    Episode Theme Song: Red Right Hand - Arctic Monkeys
    .
    .

    "แกกล้าคิดทำกับพี่ชายตัวเองแบบนี้ได้ไง?"

    น้ำเสียงเครือสั่น เส้นเลือดตรงขมับเต้นตุบไม่หยุด และไม่ใช่เพราะปืนสองกระบอกที่จ่อศีรษะอยู่เสียด้วย แต่เนื่องจากข้างในรู้สึกเหมือนจะพังทลายเพราะทนรับแรงกดดันไม่ไหวมากกว่า นัยน์ตาเขาแดงก่ำ วินาทีต่อมาก็ต้องยกหลังมือปาดน้ำตาทิ้งลวกๆ

    ทำยังไง...ควรทำยังไงดี

    "นี่ไม่ใช่เรื่องส่วนตัว ก็แค่ธุรกิจ"

    ฟินน์ตอบหน้าตาเฉย ไม่ยิ้ม ไม่เยาะ
    ขยับตัวรินเหล้า ยื่นให้แบร์รี่

    เขาไม่รับ

    "อนายรู้หรือเปล่า?"

    รู้ไหมว่าชายคนรักร้ายกาจแบบนี้?

    ฟินน์วางแก้วน้ำใจที่เสียเปล่าลงบนโต๊ะ
    เริ่มรินเหล้าให้ตัวเองแทน

    "อยากบอกก็เชิญ เขาเป็นแค่ส่วนหนึ่งของแผนการเท่านั้น"
    "แปลว่าแกไม่ได้รักเขา?"
    "ที่พูดไปมันยังตอบได้ไม่ชัดพอหรือไง คุณคีโอแกน"

    ฟินน์สลับขาที่ไขว่ห้าง
    ยกเครื่องดื่มสีอำพันขึ้นจิบ

    "ทำไมวะ..."

    เพราะการเข้าตีทางเรดแฮนด์เป็นไปได้ยาก ทอมขับรถไปไหนมาไหนเอง เปลี่ยนรถที่ใช้ทุกวันแบบสุ่ม หากวันไหนให้คนขับก็จะสับเปลี่ยนคนแบบสุ่มเช่นกัน เวลาเข้างานหรือออกไปไหนก็ไม่เป็นกิจวัตร ระวังตัวแจทุกอย่าง

    ต่างกับเอิร์ลที่ใช้คนติดตามประจำ แบร์รี่เป็นคนขับรถและคุ้มกันตัวหลัก และแบร์รี่ก็มีจุดอ่อนคืออนายริน แค่ขู่จะทำอะไรอนายรินเท่านั้น ต่อให้ต้องทรยศหักหลังเจ้านายที่โตมาด้วยกันอย่างแจ็ค เจ้าตัวก็ยอม อย่างน้อยก็กำลังจะยอมแล้วในตอนนี้

    แต่เขาไม่มีหน้าที่อธิบายอะไรให้มันฟัง

    "เตรียมตัวซะ พรุ่งนี้เช้า ถ้าฉันได้ตัวทอมแล้ว อนายรินก็จะเป็นอิสระ"

    หน้าที่ของแบร์รี่คือทำให้รถคว่ำ แจ็คเข้าโรงพยาบาล โทรเรียกให้ทอมรีบรุดออกมาอย่างไม่ระวังตัวหรือเตรียมคนคุ้มกันได้ทัน เพื่อให้ฟินน์เข้าถึงตัวได้ง่ายๆ

    แลกกับความปลอดภัยของอนายริน

    "คิดในแง่ดีไว้ บทเรียนหนึ่งที่นายได้จากเรื่องนี้..."

    ฟินน์พึมพำ กระดกเหล้าไปอีกครึ่ง
    ลุกขึ้นยืน ก้มลงใช้นิ้วจิ้มอกซ้ายของแบร์รี่

    "นี่คือสิ่งที่เกิดขึ้น เวลานายรักใครมากๆ..."

    ซดเหล้าในมือข้างนั้นจนหมดแก้ว
    เอียงคอเข้าใกล้ กระซิบ

    "มากเสียจนกลายเป็นคนขี้ขลาด ไม่กล้าครอบครองเอาไว้เอง..."

    ฟินน์วางแก้วเปล่าลงบนมือของแบร์รี่
    ...ที่ไม่ได้ขยับนิ้วรวบรับมันไว้

    เพล้ง

    แก้วตก แตก น่าเสียดาย

    "ถ้าไม่อยากให้ของรักพัง ก็อย่าปล่อยให้คนอื่นดูแล"

    .
    .

    "แอนดี้...?"

    คิลเลียนอุทาน

    "สวัสดี คิลลี่" แอนดรูว์ฉีกยิ้ม

    ใช่สิ...ลืมคิดไปเสียสนิทว่าคนหน้าตาเหมือนคริสบนโลกไม่ได้มีแค่คริส แต่ยังมีไอ้หมอนี่ อาจเพราะคอยโกหกคนอื่นว่ามันตายไปแล้วๆ จนตัวเองก็โดนตัวเองสะกดจิตให้เชื่อไปด้วยอีกคน ไม่ทันตั้งตัวว่ามันจะกลับมาหลอกหลอนกันตอนนี้ ทำให้ทุกอย่างยุ่งเหยิงน่าสับสนขึ้นไปอีก

    แอนดรูว์ไม่เคยตาย
    แค่ต้องการแกล้งตาย

    และคนช่วยให้แผนสำเร็จก็คือเขาเอง

    ตอนนั้นมันไม่ได้บอกเหตุผล ซึ่งเขาก็ไม่ได้สนใจจะเสือกรู้ มันแค่เสนอเป็นงานให้ จ้างให้เขาฆ่ามัน —แน่นอนว่าฆ่าหลอกๆ— แต่ในความรับรู้ขององค์กรเอิร์ลและคนทั่วไป แอนดรูว์จะตายจริงๆ ผลตอบแทนของคิลเลียนคือลูกค้าที่ยื้อแย่งกันอยู่ตอนนั้นก็ตกเป็นของเรดแฮนด์ไปเลย แถมเงินสดและที่ดินซึ่งเป็นทรัพย์สินส่วนตัวของมันเองให้ด้วย งานง่ายๆ กับกำไรงดงามขนาดนั้นทำให้เขาตกลงโดยไม่คิดอะไร ความยากมีแค่ต้องหาคนที่ลักษณะคล้ายมันมากๆ และสภาพศพหน้าจะต้องเละจนพิสูจน์ไม่ได้ก็เท่านั้น

    "นายมาทำอะไรที่นี่"
    "เป็นคำถามที่ดี"

    แอนดรูว์เลิกแสร้งยิ้ม
    มองใบหน้านั้นแล้วก็อดนึกถึงคริสไม่ได้

    พวกเขาเป็นฝาแฝดแท้ หน้าเหมือนกันตั้งแต่เด็กจนโต จนกระทั่งตอนนี้ ทั้งที่แยกกันโตคนละที่เป็นสิบยี่สิบปีแต่ให้มองเผินๆ ก็ยังแยกยากอยู่มาก อย่างไรก็ตาม คิลเลียนเป็นคนหนึ่งนอกจากแม่ของทั้งคู่ที่สามารถบอกความแตกต่างระหว่างแฝดได้เกือบในทันที เด็กเลี้ยงม้าคนนี้อ่านบรรยากาศรอบตัวคนเก่งมาแต่ไหนแต่ไร และตั้งแต่แรกพบ...แอนดรูว์ไม่เคยให้ความรู้สึกใดๆ เหมือนคริสเลย

    ถ้าคริสเป็นฟองนมนุ่มสีขาว
    แอนดี้ก็คงเป็นอเมริกาโน่สีดำ

    "แต่นายคิดไม่ออกจริงๆ เหรอว่าฉันมาทำอะไร..."

    หนุ่มใหญ่เดินอ้อมมาข้างหน้า นั่งลงบนโต๊ะ เท้าข้างหนึ่งยื่นออกมายันไว้กับเก้าอี้ของคิลเลียน ถ้าออกแรงดันสักหน่อยคนนั่งอยู่คงจะล้มคว่ำลงไปเลย

    "ทำไมฉันต้องเสือกไปรู้ด้วย"

    แอนดรูว์จุ๊ปาก "ปากแบบนี้เหรอที่ใช้จูบพี่ชายฉันน่ะ หืม"
    "..."
    "เข้าเรื่องเลยนะ เพราะงานคราวก่อนนายทำได้ดีมาก และเก็บความลับได้เยี่ยม จนแม้แต่พี่ชายฉันยังไม่รู้..."

    ประโยคนั้นกระตุกหัวใจเขาแปลกๆ

    ทำให้ตระหนักว่าตนก็มีความลับกับคนที่เป็นคู่ชีวิตเช่นกัน ทั้งที่เจ็บปวดอยู่ลึกๆ เมื่อได้รับรู้ว่าคริสปิดบังเรื่องแม่ เรื่องการเป็นทายาทมาเฟีย แต่เขาเองก็ปิดบังเรื่องน้องชายจากเจ้าตัวในขณะเดียวกันด้วย มันไม่ยุติธรรมเอาเสียเลย เพราะท้ายที่สุดเราก็ต้องยอมรับว่าไม่มีใครแบ่งปันความลับกันได้ทุกเรื่อง ไม่แม้แต่คนที่นอนด้วยกันทุกคืน ตื่นมาเจอกันทุกเช้า

    ต้องขอบคุณตัวเองที่ไม่โวยวายโกรธคริสไปก่อนหน้า ไม่อย่างนั้นตอนนี้เขาคงโกรธตัวเองแทบตาย เขาไม่อยากทะเลาะกับคนรักเลยสักครั้ง ไม่ว่าเรื่องเล็กน้อยแค่ไหนก็ตาม และยังพยายามอยู่ทุกวันที่จะให้มันเป็นแบบนั้นต่อไป

    "คราวนี้ฉันมีงานใหม่มาเสนอ"
    คิลเลียนถอนหายใจ "ให้เดานะ ไม่ทำก็ไม่ได้ใช่ไหม"

    คนมีทางเลือกคงไม่ถูกจับมัดแบบนี้หรอก

    "มองฉันในแง่ร้ายจังนะ"
    "..."
    "แต่ก็ใช่"

    แอนดี้สบตาคู่สวยตรงๆ
    แบบที่คริสไม่มีวันกล้าทำ

    "รู้ไหมว่าดวงตาเป็นอย่างเดียวในตัวนายที่ฉันชอบ..."

    นิ้วหัวแม่มือขวาของอีกฝ่ายจรดลงมาใต้หัวตา คิลเลียนสะบัดหน้าหนี แต่กลับถูกมือแกร่งอีกข้างประคองล็อคไว้ และเขาสู้แรงมันไม่ได้ แอนดรูว์ไม่นุ่มนิ่มเหมือนคริส เรียกว่าเป็นนักใช้กำลังตัวยงยังได้ ให้ตัวต่อตัวกันคิลเลียนก็กล้ายอมรับเลยว่าไม่แน่ใจว่าจะเอามันลง

    "ชอบขนาดว่าถ้าถึงวันที่นายต้องลงโลง..."

    นิ้วแกร่งกดลงมาอีก ดวงตาคู่โตเบิกกว้าง
    เจ้าของรู้สึกปวดราวกับมันจะหลุดจากเบ้า

    "...จะขอควักเก็บใส่โหลไว้ดูเล่นเลย"

    แอนดี้คลายมือออก คิลเลียนปล่อยน้ำตาจากการระคายเคืองให้ไหลลงมาเงียบๆ ใจอยากถีบอีกฝ่ายสักที แต่เจ้าตัวก็เดินหนีไปไกลแล้วอย่างรู้ทัน

    "พูดธุระของนายมาสักที"
    "ทำให้คริสยอมรับตำแหน่งดอนซะ"

    ผู้ถูกว่าจ้างหัวเราะ

    "แม่พวกนายยังทำไม่ได้ เอาอะไรมาคิดว่าอย่างคริสจะฟังฉัน"
    แอนดี้ยิ้ม "นายคิดว่าที่พวกนายได้อยู่ด้วยกันอย่างมีความสุขทุกวันนี้มันเรื่องบังเอิญเหรอ หรือคิดว่าเพราะคริสดิ้นรนทำทุกอย่าง?"
    "..."

    หายใจผิดจังหวะ เหงื่อซึมชื้นเต็มฝ่ามือ
    สังหรณ์ใจจนตัวชา คล้ายจะขยับไม่ได้

    "เอางี้ นายคิดว่าฉันแกล้งตายเพื่ออะไร?"
    "..."
    "ไม่รู้? โอเค แต่นายได้เจอแม่ฉันแล้วใช่ไหม คริสก็น่าจะบอกแล้วด้วยใช่ไหมว่าแม่เป็นยังไง ฉันจะบอกเพิ่มให้นะ..."
    "..."
    "คริสร้ายแค่ไหน นายคำนวณเพิ่มไปเลยร้อยเท่า"

    แอนดี้เดินกลับมานั่งที่โต๊ะอีกครั้ง
    คิลเลียนเริ่มเดาอะไรได้รางๆ

    "เข้าใจมาตลอดว่านายเป็นลูกแหง่พ่อ...ไม่ใช่หรือ?"

    คนหน้าเหมือนคริสหัวเราะ
    ในเชิงเย้ยหยันตัวเอง

    "ฉันรักพ่อมาก ใช่ แต่ฉันก็รักแม่เหมือนกัน"
    "..."
    "และฉันรักพี่ชายของฉัน คิลลี่ ให้ตายสิ แม่สั่งให้ฉันแกล้งตาย เพื่อให้คริสกลับมาทำทุกอย่างจนได้นายไปอยู่ด้วย ฉันก็ทำ นายเคยเห็นหมาหัวเน่าที่รักครอบครัวของมันขนาดนี้ไหม"

    นัยน์ตาที่ดุดันกว่าของคริสกลับเริ่มมีน้ำคลอหน่วย

    ทั้งพ่อและแม่ยื้อยุดฉุดกระชากพี่ชายคนเก่งที่หวังให้เป็นทายาทสืบทอดธุรกิจของตระกูล แอนดรูว์ได้รับตำแหน่งเอิร์ลเพราะพ่อไม่เหลือทางเลือกอื่นหลังจากแม่ได้คริสไป พอพ่อตาย และคริสไม่ยอมเป็นผู้สืบทอดของแม่ ก็เดือดร้อนให้เขาต้องจัดฉากแกล้งตาย เพื่อให้คริสตัดสินใจกลับมาหาคิลเลียน ได้พาคิลเลียนกลับไปอยู่ด้วยกัน

    คริสติน่ารู้จักลูกชายของเธอดี ถ้าไม่มีแรงกระตุ้นที่มากพอ ก็คงเฝ้าดูคิลเลียนผ่านน้องชายไปเรื่อยๆ หากไม่ทำให้ช่องทางส่งข่าวถูกตัดขาดถาวร คริสคงไม่มีวันลงมือทำอะไรเพื่อให้ได้คนที่รักมาตั้งแต่เด็กคืน คงได้แต่เฝ้าถวิลหาอาลัยอยู่จากดินแดนแสนไกลไปตลอดชาติ และแบบนั้นมันเสียเวลาชีวิตหล่อนมากไป จะตายวันตายพรุ่งแล้วทายาทยังไม่มี แอนดี้ที่แกล้งตายมาอยู่เรียนรู้งานจากหล่อนก็ยิ่งเห็นชัดว่าไม่ได้ดั่งใจ

    ผู้จะรั้งบัลลังก์ดอนแห่งอาณาจักรมาเฟียที่คุณพ่อของหล่อนสร้างเอาไว้น่ะ...

    มีคริสคนเดียวเท่านั้นที่เหมาะสม

    "ทำไมแม่นายต้องอยากให้คริสได้อยู่กับฉัน"
    "ไม่ใช่แค่ได้อยู่ แต่ได้มีความสุขกันให้พอด้วย เพื่อให้ถึงวันที่เขาจะยอมทำทุกอย่างได้เพื่อนาย แม้กระทั่งรับตำแหน่งดอนไง..."

    คิลเลียนเงียบไปถนัด

    จะสู้กับคนที่วางแผนยาวนานขนาดนั้นได้ยังไง

    ถ้าเจมส์ ลีโอ ฟินน์ และคนอื่นๆ รวมทั้งเขาต่างเป็นหมากในเกมของคริส ทุกคนรวมทั้งแอนดี้และคริสก็เป็นแค่หมากในกระดานของคริสติน่าอีกที

    "แม่ใช้เวลาเป็นอาวุธ คิลลี่ นายเคยเห็นใครอดทนรอได้นานขนาดนี้เหรอ อย่าดื้อ อย่าคิดยื้อเลยดีกว่า"

    คิลเลียนกัดริมฝีปาก

    เวลาก่อร่างสร้างความสัมพันธ์อันแน่นแฟ้น
    เวลาทำให้คนสองคนกลายเป็นหนึ่งเดียวกัน

    เวลา...เวลา...

    ไม่มีใครหนีพ้นเวลา

    "นายไม่มีอะไรจะเสียจากเรื่องนี้เลยนะ คิดดูดีๆ เมื่อคริสเป็นดอน จะมีใครเหมาะสมกับการอยู่เคียงข้างเขามากไปกว่านักธุรกิจที่เป็นนักฆ่าอย่างนาย นายปกป้องเขาได้ เห็นไหมว่าแม่ฉันคิดไว้หมดแล้ว"

    แต่นั่นไม่ใช่ชีวิตที่คริสต้องการ
    ไม่เคยใช่

    "ตอนนี้คริสน่าจะรู้ตัวแล้วว่าการส่งนายกลับอังกฤษเป็นเรื่องผิดพลาด พอเป็นเรื่องนายแล้วทำพี่รวนไปหมดจริงๆ อีกไม่กี่ชั่วโมงคงโผล่มาแน่..."

    นี่แสดงว่าคริสติน่าตั้งใจขู่เขาบนโต๊ะอาหาร เพื่อให้คริสร้อนรนส่งเขาพ้นจากเขตอันตราย ทั้งที่ความจริงหล่อนส่งแอนดรูว์มาดักเขาไว้แล้ว...?

    คนบ้านนี้มันอะไรกันวะ

    "พอเขามาถึง ทำหน้าที่ของตัวเองให้ดี แล้วนายจะได้อยู่กับเขา...ตลอดไป"

    แอนดี้โน้มตัวลงมา สองแขนโอบอ้อมลำตัวร่างเล็ก เกยคางไว้บนไหล่ และ...

    เริ่มแก้มัดเชือกที่มือให้

    "ยุกยิกแบบนี้เมื่อไรจะเสร็จ..."

    คิลเลียนได้แต่เสหน้าหนี
    แอนดี้ลอบยิ้ม สนุกที่ได้แกล้ง

    เด้งตัวออกห่างทันทีที่เชือกหลุด
    กันไว้ก่อน รู้ดีว่ามือเท้าไวแค่ไหน

    แต่ระหว่างเจ้าตัวนวดข้อมือคลายความเจ็บปวดเมื่อยล้า แอนดรูว์ ลาวเดนกลับเคลื่อนกายเข้าประชิดร่างคนรักของพี่ชายอีกครั้ง เชยคางชื้นเหงื่อขึ้น เกลี่ยผมหน้าที่ปรกลงมาออกไปทัดไว้หลังใบหู สบพระจันทร์แฝดแสนสวยเยือกเย็นคู่นั้น

    ดวงตาของเด็กเลี้ยงม้าที่ทำให้เขาถึงกับสะดุดล้มเมื่อแรกเห็น


    "ถ้านายไม่ได้เบียดบังเอาเวลาของพี่ฉันไปหมดตั้งแต่เด็ก เราคงเป็นเพื่อนกันได้"

    แอนดี้พึมพำ

    คิลเลียนไม่มั่นใจนักว่าคนพูดต้องการอะไร
    และเจ้าตัวก็ไม่ได้อยู่ให้ถามหลังจากนั้น

    .
    .

    ลูกน้องของฟินน์ไม่ให้เขาอยู่ดูอาการแจ็ค

    หลังพยาบาลจัดการแผลถลอกปอกเปิกจากการพุ่งลงรถก่อนคว่ำให้แล้ว แบร์รี่จึงกลับไปรออนายรินที่ร้านขายดอกไม้ ร้านปิด รออยู่จนเย็นก็ไม่มีใครมาเปิด ไม่มีวี่แววรถยนต์ของแก๊งไวท์เฮดผ่านมาสักคัน ตะวันตกดินเขาก็เลิกรอ แวะไปดูที่บ้านของเจ้าตัวแทน

    ไฟเปิด
    กดกริ่ง
    รอ

    อนายรินออกมาหาในที่สุด

    "แบร์..."

    เขาพุ่งเข้าสวมกอดเพื่อนคนสำคัญในทันใด ดีใจจนบรรยายเป็นคำพูดไม่ได้ที่เห็นเจ้าตัวปลอดภัย คนในอ้อมแขนกอดตอบ สีหน้ายังสับสน ก่อนจะค่อยๆ ยิ้มออกมาเมื่อรับรู้ว่าอีกฝ่ายเป็นห่วงตนมากเพียงใด

    "ไม่เป็นไรใช่ไหม มันทำอะไรอนายหรือเปล่า"

    เขาจับคนขายดอกไม้หมุนไปรอบๆ ตรวจดูให้แน่ใจว่าไม่มีส่วนไหนบุบสลาย ทำเอาเจ้าตัวหัวเราะโชว์เขี้ยวเล็กๆ

    "นายไม่เป็นไร"
    "แบร์จะบ้าตายอยู่แล้วตอนที่เห็นรูป..."

    ภาพถ่ายของอนายรินที่ฟินน์ใช้มัดมือชกเขา
    ภาพถ่ายที่ดูปกติดี...นอกจากมีปืนจ่อหัว

    "ไม่ร้องสิ หัดขี้แยตั้งแต่เมื่อไรเนี่ย"

    นิ้วนุ่มนิ่มเกลี่ยเช็ดน้ำใสจากนัยน์ตาสีครามดุจมหาสมุทรให้ แบร์รี่กุมมือนั้นเอาไว้อีกชั้น จมแก้มลงไปกับฝ่ามือ อนายรินลูบไล้กรามที่มีรอยถลอกนั้นเบาๆ

    "ก็แบร์เป็นห่วงนายอะ"
    "แล้ว...แจ็คเป็นยังไงบ้าง"

    หน้าขาวๆ ยิ่งซีดลง "ไม่ค่อยดี"
    "..."
    "แต่ไม่ถึงกับต้องนอนห้องพิเศษ แค่ยังไม่ฟื้นน่ะ"
    "เหรอ"
    "อนาย..."
    "หืม"

    แบร์รี่กุมมือทั้งสองของอีกฝ่ายไว้

    "เลิกกับมันรึยัง"
    "อือ...จะคบต่อได้ยังไงล่ะ"
    "อนายโอเคนะ?"
    "แบร์..."

    สีหน้าเจ้าของชื่อหมองลง

    หัวใจบีบตัวรุนแรงอีกครั้ง
    ทุกครั้ง...ที่เห็นอนายร้องไห้

    โดยไม่รู้ตัวเลยว่าสาเหตุของน้ำตานั้น
    บางครั้งอาจเป็นเพราะตัวเขาเอง

    "ทำไมยังไม่รู้ตัวสักที..."
    "อะไรเหรอ"
    "นายคบฟินน์ประชดแบร์...ทำไมยังไม่เข้าใจอีก..."

    ต้องรีบดึงคนกำลังสะอื้นไห้เข้ามาซบอก
    ก่อนน้ำตาอีกฝ่ายจะทำลายหัวใจเขาไปกว่านี้

    "ไม่ร้องนะ นาย...ไม่เอาครับ ไม่ร้อง"

    บางทีเขาอาจต้องยอมรับ เด็กนั่นพูดถูก

    ของที่รัก ไม่ควรไว้ใจคนอื่นดูแล
    ต้องดูแลเอง รับผิดชอบเองสักที

    "แบร์รู้แล้ว...รู้แล้ว"

    .
    .

    อาการของเอิร์ลไม่ได้สาหัส
    แต่ก็จัดว่าดีไม่ได้เลย

    ไม่มีอะไรถึงกับหัก แต่กระดูกที่ร้าวมีหลายส่วน และแม้แพทย์ผู้รักษาจะยืนยันว่าไม่มีอวัยวะสำคัญเสียหายรุนแรง ทว่าผ่านมาหลายชั่วโมงกลับยังไม่รู้สึกตัวเสียที

    "ฟื้นสิฮะ..."

    ทอมพึมพำเสียงสั่น

    ได้แต่กุมมือขาวอันบอบช้ำนั้นเอาไว้ จุมพิตซ้ำๆ เป็นครั้งที่ไม่รู้เท่าไร ไอเย็นเล็กๆ จากแหวนแต่งงานให้ความรู้สึกอันอธิบายไม่ได้ยามเขาแนบแก้มตนลงไปกับฝ่ามือใหญ่ ขณะที่ความปวกเปียกไร้เรี่ยวแรงของมันบดขยี้หัวใจของเขาให้แหลกสลายทั้งเป็น

    "ฉันไม่มีเวลาทั้งคืนนะ"

    น้ำเสียงราบเรียบดังขึ้นจากมุมห้อง
    คนฟังถอนหายใจ ไม่ปิดบัง

    ฟินน์ยืนหลังพิงกำแพง มือกอดอก หาววอด รอหัวหน้าแก๊งเรดแฮนด์เฝ้าเอิร์ลมาแล้วสามชั่วโมง เขาใจเย็น และเหมือนจะใจดี แต่ทอมรู้สึกได้ว่านั่นเป็นเพียงแผนทำให้ตายใจ

    คนใจดีที่ไหนจะทำให้พี่ชายตนรถคว่ำ

    "ฉันให้เวลานายมามากแล้ว พี่แจ็คก็ยังไม่ฟื้นอยู่ดี จะไปกันได้หรือยัง"

    ทอมไม่ได้ตอบ

    และแม้จะเจ็บปวดเพียงใด ก็จำใจถอดแหวนแต่งงานของตนออกจากนิ้วนาง วางคืนไว้ที่หัวเตียง เขาทำใจไม่ได้ หากต้องสวมใส่มันไว้ต่อจากนี้...

    ในตอนที่เขากำลังจะทรยศเอิร์ล

    ทอมยืนขึ้น ยังกุมมือแจ็คไว้
    โน้มตัวลงไปกระซิบบางอย่าง

    ราวกับหวังว่าคนที่หลับใหลจะได้ยิน

    ริมฝีปากช้ำเลือดจากการกัดขบตัวเองพรมจูบลงบนหน้าผากที่แตก แก้มและกรามที่ช้ำ จบลง ณ เรียวปากซีดเซียวของคนเจ็บ ในจังหวะเดียวกับที่น้ำใสไหลรินจากดวงตา ระแก้มเนียนลงมาถึงปลายคาง สลัดร่างหลุดร่วงลงอาบแก้มของคนที่นอนไม่รับรู้อะไร

    ผมขอโทษ

    ทอมยกหลังมือปาดน้ำตาทิ้ง
    เก็บความขมขื่นกลืนลงคอ

    หันมามองฟินน์เป็นสัญญาณว่าพร้อมจะไป

    "เอาละ..."

    เด็กหนุ่มตรงเข้ามาคว้ามือทอม
    ซึ่งสะบัดออกในฉับพลัน

    "อย่าทำแบบนั้นอีก" เขาเอ่ยเสียงต่ำ
    ชี้ให้ดูการ์ดในสูทดำสองคนหน้าห้อง

    "จำหน้าพวกมันไว้"
    "..."
    "เพราะมันจะเป็นคนพรากลมหายใจของพี่แจ็ค เมื่อไรก็ตามที่ฉันโทรสั่ง เมื่อไรก็ตามที่นายขัดใจฉัน เมื่อไรก็ตามที่นายตุกติก และนั่นรวมถึงการที่ฉันเป็นอะไรไป..."

    ฟินน์ลากเขาออกจากห้องพักของแจ็ค และแน่นอน ครั้งนี้เขาไม่ได้สลัดมือของอีกฝ่ายทิ้ง เขาไม่กล้าสลัดมือนั้นทิ้ง เพราะกลัวว่าแจ็คจะต้องมารับผลกรรม

    ถึงรถ อีกฝ่ายรุนหลังเขาขึ้นไป
    สั่งคนขับให้พากลับบ้าน

    "ครับ บอส"
    ทอมย่นคิ้ว "ไหนนายบอกว่า—"
    "นายทำฉันเสียเวลา มันดึกแล้ว พรุ่งนี้ค่อยว่ากัน"

    ฟินน์ปล่อยมือทอม
    ลูบต่างหูเงินด้วยความเคยชิน

    "ไม่ต้องรีบร้อน นายได้ทำลายเอิร์ลแน่ๆ ไม่ต้องห่วง..."

    เนื้อความเย้ยหยัน น้ำเสียงเฉยชา
    แต่คนฟังก็ยังเจ็บลึกถึงขั้วหัวใจ

    ฟินน์ ไวท์เฮดรู้ว่าหากเอิร์ลเป็นอะไรไป อำนาจการตัดสินใจบริหารแก๊งจะถูกถ่ายโอนมายังเขา เป็นเจตนารมณ์ที่แจ็คประกาศไว้กับลูกน้องเผื่อเจอสถานการณ์ฉุกเฉิน ใครจะคิดว่าจะมีคนอาศัยประโยชน์จากตรงนี้ได้ และเจตนาอะไรของอีกฝ่ายก็ยังไม่แน่ชัด

    ขั้นแรกคือใช้เขาทลายแก๊งเอิร์ล?
    แต่ยังปล่อยเรดแฮนด์ไว้?
    หรือว่าเขาจะเป็นรายต่อไป?
    หมอนี่ต้องการรวบอำนาจทุกแก๊งเข้าไว้ในมือตัวเองหรือ...?


    ฆ่าล้างบางพวกเขาให้หมดไม่ง่ายกว่าหรือไง?

    "นายเกิดมาเพื่อพรากทุกอย่างที่ฉันรักไปหรือยังไงกัน"

    ทอมพึมพำเสียงเบา
    คล้ายบ่นกับตัวเอง

    "ถ้าหมายถึงพ่อนาย นายรู้นี่ใช่ไหมว่าเขายังไม่ตาย"

    แน่นอนเขารู้ พ่อติดต่อมาตั้งนานแล้ว
    อันที่จริงพ่อบอกจะมาเยี่ยมเร็วๆ นี้ด้วยซ้ำ

    "ตอนนั้นฉันยังเด็กเกิน คิดอะไรง่ายๆ"

    ฆ่าคนเพราะแค้นส่วนตัวมันไร้สาระไปแล้ว

    ตอนนี้เขาคิดถึงแต่เรื่องใหญ่กว่านั้น
    จะทำอะไรมันต้องให้ผลตอบแทนคุ้มกันหน่อย

    "ขอโทษด้วยแล้วกัน"

    ทอมอดหันขวับไปมองไม่ได้
    อะไรของเขาวะ...คนคนนี้?

    .
    .

    คิลเลียนพาตัวเองมาถึงอีสต์เอนด์ในที่สุด

    การต้อนรับที่ไม่ได้คาดหวังมาจากนายตำรวจผู้เคยได้ข้องแวะกันผ่านๆ เมื่อหลายปีก่อน เขาทำหน้างงจนรู้ตัวว่าดูตลก ในขณะที่อีกฝ่ายดูหงุดหงิดและอิดโรยอย่างคนอดนอน

    "คุณถึงช้ากว่าที่คิดนะ" ลีโอบ่น

    ช้ากว่าที่คริสคิด

    คิลเลียนขมวดคิ้ว "นี่ตกลงคุณเป็นหมารับใช้ของคริสจริงๆ เหรอวะ"
    "ผมจับคุณข้อหาดูหมิ่นเจ้าพนักงานตอนนี้เลยได้นะ ให้โอกาสพูดใหม่"
    "คุณไม่ได้กำลังปฏิบัติหน้าที่ ผมจะผิดข้อหานั้นได้ยังไงไม่ทราบ"
    "แสนรู้เก่ง"

    สารวัตรใหญ่กระชับหมวก เดินนำเขาไปที่รถ

    "เราเป็นเพื่อนที่ดีต่อกัน คนมีแต่ศัตรูอย่างคุณไม่เข้าใจหรอกมั้ง"
    "คงจะจริง"
    "ประตูหน้าสิ ผมไม่ใช่คนขับรถคุณนะ"

    คิลเลียนยักไหล่ ปล่อยมือจากที่จับประตูหลัง

    "จะให้ไปส่งที่ไหน"

    ถามเมื่อนั่งประจำที่กันเรียบร้อย

    "คริสไม่ได้บอกไว้?"
    "เขาแค่ขอให้ช่วยมารับ จะไปไหนก็แล้วแต่คุณ"
    "หย่อนผมที่บ้านทอมแล้วกัน เดี๋ยวนะ คุณจับลูกผมเข้าคุกไปแล้วหรือยัง"

    ลีโอกลอกตา ติดเครื่อง หมุนพวงมาลัย

    "ร้ายกว่าคุณอีกรายนั้นน่ะ พูดตรงๆ เลย"

    .
    .

    ฟินน์ไม่ยอมให้เขาห่างตัว
    แม้แต่ตอนอาบน้ำ

    หมอนั่นยืนยันว่าจะยืนเฝ้าหน้าม่าน ไม่อย่างนั้นก็จะอาบด้วยกัน หรือไม่ก็ไม่ต้องอาบเลย ทอมทำอะไรไม่ได้นอกจากยอม เขาไม่เคยเห็นใครจู้จี้ขี้ระแวงขนาดนี้มาก่อน ไม่ยอมให้คลาดสายตา ไม่ยอมให้เข้าใกล้โทรศัพท์ ไม่ยอมให้แตะของมีคม ห้องครัวเป็นเขตหวงห้าม สั่งแม่บ้านเก็บทุกอย่างแม้กระทั่งเข็มกลัด เหรียญ ไพ่ ดินสอหรือปากกา ส่วนลูกน้องชายก็ต้องอยู่ให้ห่างเขาอย่างน้อยสองเมตร กันถูกเขาปลดอาวุธ แย่งปืนพก

    ไม่ให้โอกาสได้ตุกติกแม้แต่เปอร์เซนต์เดียว

    "เสร็จแล้ว"

    ทอมร้องบอกจากหลังม่าน

    ฟินน์ตรวจชุดคลุมอาบน้ำให้แน่ใจว่าไม่มีอะไรซ่อนอยู่พอที่เจ้าตัวจะใช้ทำร้ายเขาหรือตัวเองได้ ก่อนส่งให้ มือเปียกๆ ยื่นออกมารับ เขาหันหน้ากลับ ยืนรออีกไม่นานทอมก็ก้าวออกมา

    บอสแห่งไวท์เฮดเริ่มปลดสูทสีดำของตนออก
    ทอมเผลอกระชับเสื้อคลุม ถอยหลังออกห่าง

    "จะทำอะไร..."

    ฟินน์ยังคงถอดเสื้อผ้าไปเรื่อยๆ "อาบน้ำสิ"
    ทอมเสหน้าหนี "ให้ฉันออกไปก่อนไม่ได้รึไง"
    "รออยู่นี่ ห้ามไปไหน"

    สั่งเสียงเรียบ ก้าวเข้าไปอาบน้ำบ้าง

    หมอนี่มันขี้ระแวงหรือโรคจิตกันแน่

    .
    .

    "ไม่ต้องจูงตลอดเวลาก็ได้ ไม่ใช่หมา"

    ทอมบ่นพึมพำ แต่จะสลัดมือทิ้งก็ไม่กล้า
    ตราบใดที่ชีวิตแจ็คยังอยู่ในกำมืออีกฝ่าย

    ฟินน์ไม่ตอบโต้ ไม่แม้แต่จะยิ้มหรือหัวเราะเยาะออกมา เจ้าตัวแทบไม่แสดงความรู้สึกใดๆ ให้ใครเห็นเลย จึงเป็นเรื่องยากนักที่จะเดาความคิดจากสีหน้าแววตาเรียบนิ่งนั้น บอสมาเฟียวัยละอ่อนเปิดตู้ เลือกเสื้อผ้าออกมาสองชุด ยื่นให้เขาชุดหนึ่ง

    "นายน่าจะใส่ได้"

    ทอมรับมา แต่กลับยืนนิ่ง
    ฟินน์รู้ตัวช้า แต่พอรู้ก็หันหลังไปทันที

    ต่างฝ่ายต่างแต่งตัวโดยหันหน้าออกจากกัน

    นอกจากกรณีพิเศษอย่างแจ็คที่เริ่มจากความต้องการแก้แค้นจนกระทั่งกลายมาเป็นคนรัก ทอมค่อนข้างเป็นคนหวงตัว แม้แต่แฮร์รี่ก็ไม่เคยได้เห็นเขามากไปกว่าใส่เสื้อกล้ามตอนซ้อมมวยด้วยซ้ำ เพราะยังไม่เคยเลื่อนสถานะไปถึงขั้นนั้นเลย การต้องมาอยู่ในสถานการณ์แบบนี้กับคนแปลกหน้ามันทำให้เขาอัดอึดและไม่สะดวกใจอย่างที่สุด

    ได้แต่ท่องไว้ในใจว่าเพื่อแจ็ค ยังไงก็ต้องทน

    "ฉันหันไปได้รึยัง"
    "อืม" ทอมตอบรับในลำคอ

    เตียงในห้องเป็นขนาดสำหรับคนเดียว

    "ฉันนอนพื้นแทนได้ไหม"
    ฟินน์ส่ายหน้า "นายไม่อยู่ในสถานะจะต่อรองอะไรทั้งนั้น"

    เขาไม่ไว้ใจทอมเลยแม้แต่เสี้ยวความคิด

    กิตติศัพท์ของหัวหน้าแก๊งเรดแฮนด์รุ่นนี้เป็นที่รู้กันดีทั้งวงการ เขารู้มากกว่าคนทั่วไปนิดหน่อยด้วยซ้ำจากที่เคยอยู่ในบ้านลาวเดนพักหนึ่ง และก็ศึกษาเพิ่มเติมมาละเอียดดีทุกอย่างแล้ว คิลเลียนเป็นพวกตรงๆ มีปัญหาก็ซัดเลย ไม่คิดเยอะ ส่วนทอมกลับร้ายลึก เล่ห์เหลี่ยมแพรวพราวกว่าพ่อมากนัก ไม่รู้ว่าได้ใครมา ประวัติทางแม่คือเรื่องเดียวที่ยังเป็นปริศนา

    ฟินน์เลิกผ้าห่มขึ้น
    รอให้ทอมสอดตัวเข้าไป แล้วตาม

    รวบสองข้อมือเล็กมาไว้ในมือ

    "นี่..."
    "หรือจะให้ใช้กุญแจมือ เลือกเอา"
    "..."

    ฟินน์หลับตาลง 
    เหมือนเด็ก

    แต่ทอมไม่คิดว่าอีกฝ่ายจะหลับจริงๆ

    .
    .

    คิลเลียนเปลี่ยนใจ ให้ลีโอส่งที่ยิมของทอมมี่

    หลังจากคุณตำรวจเล่าให้ฟังว่าทอมไม่ค่อยอยู่บ้านเก่าแล้ว ย้ายไปอยู่บ้านของแจ็คเต็มตัว ถ้าเขาไปตอนนี้น่าจะไม่มีใครอยู่ และจะให้โผล่ไปที่ตึกของแก๊งเลยก็อาจจะสร้างความแตกตื่นได้ว่าอดีตหัวหน้าแก๊งยังไม่ตาย เขาไม่ต้องการความยุ่งยากยุ่งเหยิงเพิ่มขึ้นในตอนนี้ เลือกหลบซ่อนตัวอยู่เงียบๆ ดูจะเป็นหนทางที่ดีที่สุด

    ไม่มีเพื่อนคนไหนไว้ใจได้เท่าทอมมี่อีกแล้ว

    "หลับสบายไหมคิล"

    เจ้าของบ้านนั่งลงปลายเตียง
    ยิ้มให้คนที่มาถึงเมื่อคืนก็หลับปุ๋ย

    ไม่ทันได้ถามไถ่ด้วยซ้ำว่าไปไงมาไง
    ยังไม่ตายได้ยังไง

    คิลเลียนบิดตัวเล็กน้อย เผยอเปลือกตามอง
    ครางในลำคอ หลับตาลงอีกครั้ง "ไม่ค่อย..."

    แบบนี้ไม่ค่อยชินเท่าไร
    ไม่ได้นอนคนเดียวมานานแล้ว

    เตียงดูว่างเกินไปจนน่ากลัว
    เมื่อไม่มีคริสอยู่ข้างๆ

    "ลงมากินอะไรด้วยกันสิ ไหนๆ ก็ตื่นแล้วน่ะ"

    ทอมมี่ชวน คิลเลียนยังไม่ตอบ
    มาลืมตาตอนอีกเสียงดังขึ้น

    "หรือร่วมโต๊ะกับตำรวจแล้วกลัวกินไม่ลง"

    กลอกตามองหน้าท่านสารวัตรใหญ่
    เลื่อนลงมามองมือของเจ้าตัว...บนไหล่ทอมมี่

    เพื่อนรักก้มหน้างุด บิดตัวหนีสัมผัสนั้นน้อยๆ
    ไม่ใช่ด้วยความไม่พอใจ ดูจะเขินมากกว่า

    เกือบห้าปีนี่เขาพลาดอะไรไปบ้างวะ

    "พลเมืองดีอย่างผมจะรังเกียจท่านสารวัตรไปทำไมกัน" คิลเลียนฉีกยิ้มหวาน
    เอาหมอนปิดหน้า ทิ้งตัว "แต่ไม่หิว..."

    ทอมมี่มองหน้าลีโอแล้วพากันหัวเราะ

    ดึงมือเพื่อนให้ลุกขึ้น "มาเถอะน่า"
    "ไม่มาแล้วจะเสียใจ" ลีโอเสริม

    หมายความว่ายังไง?

    "ช่างเขาเถอะเนอะ ทอมมี่ เราไปกินกันสามคนก็ได้..."

    สามคน?
    มีใครอีก?

    ช่างเถอะ...ไม่ใช่เรื่องของเรา

    เขายืนยันจะนอนต่อ
    ทั้งสองก็จากไป

    .
    .

    'ตื่นได้แล้วครับ แมวน้อยขี้เซา...'

    คนถูกปลุกยิ้ม แต่ไม่ตื่น

    มือใหญ่ไล่จิ้มย้ำจ้ำจี้จำไชไปตามลำตัวและเอวเล็กบางจนคนขี้เกียจหลุดหัวเราะ ลืมตา ยั้งมืออีกฝ่ายให้หยุดแกล้งกัน เมื่อไม่ได้ผลจึงฉุดรั้งใบหน้าหล่อเหลาลงมาจูบเสียเลย จากคนมาปลุก...ได้กลายเป็นล้มลงไปนอนด้วยกัน

    'วันนี้อยากกินอะไร...'

    คนมีหน้าที่ทำอาหารเช้าถาม
    นิ้วเล็กไล้สันจมูกโด่งสวยลงมาเบาๆ

    ปลายจมูกนั้นดุนดันนิ้วเขา
    จนคล้อยลงไปแตะจมูกตัวเอง

    'อือ คริส...'

    ปลายจมูกนุ่มนิ่มยังลากไล้ต่อไป ผ่านแก้มขาวอันซูบผอมน่าขัดใจ ไล่ลงมาถึงซอกคอหอมอ่อนๆ ที่ระด้วยเส้นผมสีน้ำตาล ผิวกายละเอียดอ่อนแดงขึ้นโดยง่ายเพียงริมฝีปากอุ่นเม้มขบเบาๆ

    'กิน...คุณ...ได้ไหมครับ'

    คนตัวโตกระซิบ
    กระซิบเอง หูก็แดงเอง

    คิลเลียนย่นจมูก หมั่นไส้

    'เจ้าหมีตัวร้าย กินคริสเข้าไปแล้วใช่ไหม คายออกมานะ'

    ...

    "แมวน้อยขี้เซา ตื่นเถอะครับ"

    คนถูกปลุกครางงึมงำ
    ไม่อยากตื่นจากฝัน

    "ใจร้ายจังนะ ไม่ยอมลงมาทานข้าวเช้ากับผม"

    เดี๋ยวนะ...?

    คิลเลียนผุดลุกขึ้นนั่งในฉับพลัน
    โผเข้ากอดคนมาปลุกทันที

    "ทำไมไม่บอกล่ะว่ามาถึงแล้ว"
    "ไม่อยากรบกวนเวลานอนคุณน่ะ"
    "คิดแทนอีกแล้ว"
    "ขอโทษครับ"

    คริสดึงมือเล็กให้หยุดขยี้ตาตัวเอง
    ตรวจดูข้อมือแดงๆ นั้น "เกิดอะไรขึ้นครับ ลีโอบอกว่าคุณมาถึงช้า..."

    เขาคำนวณเวลาไม่เคยพลาด แต่เพื่อนตำรวจเล่าให้ฟังบนโต๊ะอาหารว่าคิลเลียนมาช้ากว่าที่ควร ทำให้เขาแปลกใจ

    "แอนดี้น่ะ..."
    "ครับ?"
    "เขายังไม่ตาย"

    คริสเลิกคิ้ว "แม่ส่งแอนดี้มาดักรอคุณหรือ..."
    "อือ แต่อย่างที่เห็น ผมปลอดภัยดี"

    คิลเลียนเลี่ยงจะพูดถึงรายละเอียด

    "แต่รับประกันไม่ได้ว่าอีกนานแค่ไหน ผมขอโทษนะ..."
    "ไม่เห็นมีอะไรต้องขอโทษ"
    "ผมทำให้ชีวิตคุณต้องลำบาก..."
    "เลิกกันไหมล่ะ"
    "ไม่เอาครับ"
    "งั้นก็อย่าขอโทษ"

    คิลเลียนประคองใบหน้าเศร้าๆ ของเจ้าหมีเอาไว้เต็มสองมือ สงสารก็สงสาร แต่ยังอดเอ็นดูปนขำไม่ได้

    "ให้ชีวิตสบายกว่านี้แต่ไม่มีคุณผมก็ไม่เอา..."

    คริสฝืนยิ้ม เดี๋ยวเดียวก็ถอนหายใจ
    เป็นครั้งแรกที่เจ้าตัวดูไร้ทางสู้ขนาดนี้

    "ผมไม่รู้ด้วยซ้ำว่าจะต้องทำยังไงต่อไป ถ้าแม่ผมเอาจริง เราไม่มีทางหนีพ้น นี่ไม่ใช่ชีวิตที่ผมสัญญาไว้กับคุณ..."

    พาออกจากวังวนเลือดหนึ่ง
    มาเจออีกวังวนเลือดที่โหดร้ายยิ่งกว่า?

    เขายอมให้คิลเลียนเจออะไรแบบนี้ไม่ได้

    "..."

    คิลเลียนกัดริมฝีปาก

    เสียงของแอนดี้เล่นวนในหัว
    คล้ายแผ่นเสียงสะดุด

    'พอเขามาถึง ทำหน้าที่ของตัวเองให้ดี แล้วนายจะได้อยู่กับเขา...ตลอดไป'

    หรือเขาจะต้องยอมทำตามนั้น
    หรือทางเดียวที่จะได้อยู่ด้วยกัน...

    คือตามใจแม่ของอีกฝ่าย?

    "คริส มีโทรศัพท์ถึงคุณ โจเซฟน่ะ"

    ลีโอนาร์โดเปิดประตูมาเรียก
    คริสพาคิลเลียนลงจากห้องมาด้วยกัน

    ทอมมี่ยื่นสายที่รออยู่ให้
    คริสขอบคุณ ยกโทรศัพท์แนบหู

    "งั้นหรือ..."

    ตลอดเวลา เขาทำเพียงส่งเสียงรับรู้ในลำคอ
    ถามกลับไม่กี่คำ "มีอะไรอีกไหม..."

    คริสวางหูโทรศัพท์ กุมขมับ
    คิลเลียนเอามือปิดปาก

    "อะไร คริส?"
    "แม่..."
    "แม่คุณทำอะไร"
    "แม่ทำลายอาชีพทางกฎหมายของผมไปแล้ว"

    ตึกสำนักงานของเขาไฟไหม้

    จดหมายเวียนถูกส่งไปยังเฟิร์มกฎหมายอื่นๆ ว่าคริสโตเฟอร์ โนแลน แท้จริงแล้วคือคริสโตเฟอร์ มาร์คีโอเน่ ผู้กำลังจะขึ้นสืบทอดตำแหน่งดอนแห่งตระกูลมาเฟียทรงอำนาจในนิวยอร์ก แม่จุดชนวนให้เขาส่งคิลเลียนมาอังกฤษ โดยส่งแอนดี้มาดักรอ ปลุกปั่นให้เขาสับสน และตัดสินใจตามคนรักกลับมาที่นี่

    เพื่อจะได้ทำลายชีวิตของเขาที่โน่น

    คริสซึมอยู่ครู่เดียวเท่านั้น
    ลูบหน้าลูบตา พึมพำ 

    "ช่างหัวแม่ง..."

    คิลเลียนเลิกคิ้วสูงกับคำสบถนั้น

    แม้แต่ทอมมี่ยังเงยหน้าจากมือที่กำลังพันผ้าเตรียมซ้อมมวยให้เด็ก ลีโอเองก็ถึงกับสำลักน้ำดื่ม

    คริสหันมามอง "อะไรครับ?"

    สองคนนั้นหลบตาหลุกหลิก
    กลับไปทำธุระของตัวเอง

    คิลเลียนรีบเข้าไปลูบหลังปลอบเก้ๆ กังๆ
    ไม่เคยเจอคริสมุมนี้มาก่อน ทำตัวไม่ถูกเลย

    "ใจเย็นๆ นะ...นั่งก่อน"
    "..."
    "ดื่มน้ำไหม เดี๋ยวผมเอาให้"

    คริสยอมนั่ง แต่ไม่ยอมให้คิลเลียนไป
    ดึงคนตัวเล็กลงมาซ้อนตัก กอดไว้แน่น

    "..."

    ได้แต่สอดสางมือลูบโลมเรือนผมสีอ่อน
    ปลอบโยนเขา ทั้งที่ตนเองก็หนักใจ

    คริสไม่อยากเป็นดอนขนาดนี้
    ถ้าเขากล่อมให้เจ้าตัวยอม

    จะถูกตราหน้าว่าเป็นคนทรยศหรือเปล่า?

    ระหว่างคุณ กับ เรา
    ผมควรปกป้องอะไร?

    .
    .

    "นั่งสิ ต้องให้สั่งทุกอย่างหรือไง"

    ทอมยังยืนอยู่ที่เดิม "ตรงไหนล่ะ"
    "ทอม"
    "ถ้านั่งไม่ถูกที่ ไม่ถูกใจ แล้วพี่แจ็คเป็นอะไรไป ผมต้องรับผิดชอบนะ ก็ต้องระวังสิครับ บอส"

    ฟินน์ขบกรามเบาๆ มือตบที่ว่างข้างตัว

    "ตรงนี้"

    คนตัวเล็กหย่อนร่างลงสุดริมโซฟา
    ฟินน์ส่ายหัว "มาใกล้ๆ ก็ได้"

    ทอมกัดริมฝีปาก แกล้งขยับตัวเข้าหา
    ใกล้...จนเกินจำเป็น

    พูดให้ชัด คือเกยขึ้นตัก

    เรียวปากนุ่มพรมเสียงกระซิบลงข้างหู
    "ใกล้..." จุ๊บห่วงสีเงินเบาๆ "...พอรึยัง"

    ฟินน์เสหน้าหลบ

    จับมือเล็กที่ล้วงเข้าไปในอกเสื้อตนได้ทัน
    ก่อนปากกาในนั้นจะถูกฉวยฉกออกไป

    "คำนวณดีแล้วใช่ไหมว่าจะไปถึงโรงพยายาลทันน่ะ"

    เขาปรามาส ดึงมือเล็กออก มือเรียวอีกข้างตวัดส่งสัญญาณบอกบอดี้การ์ดข้างหลังตนว่าไม่ต้องเคลื่อนไหวอะไร ก่อนหันกลับมา ผลักคนบนตักลงไปนั่งบนโซฟาดีๆ

    "อย่าทำแบบนั้นอีก"

    ทอมมืดแปดด้านเมื่ออะไรก็ไม่ได้ผล
    หมอนี่ฉลาดเกินไป

    "คุณบรานาห์มาถึงแล้วครับ"

    เลขาฯ เข้ามาแจ้งข่าว ฟินน์พยักหน้า
    ฝ่ายกฎหมายของเอิร์ลถือกระเป๋าเดินเข้ามา

    สีหน้าไม่สู้ดีนัก

    เพราะทอม กลินน์-คาร์นีย์ —ในฐานะผู้กุมอำนาจของเอิร์ลขณะนี้— กำลังจะต้องเซ็นเอกสารยกกิจการทุกอย่างของแก๊งเอิร์ลทั้งถูกและผิดกฎหมายให้กับฟินน์ ไวท์เฮด แลกกับชีวิตของแจ็ค ลาวเดน

    ต้องทรยศเอิร์ล เพื่อช่วยเอิร์ล

    ทอมขอโทษ...ขอโทษจริงๆ

    ต่อให้สุดท้ายพี่จะไม่ให้อภัยทอม
    ทอมก็ยังยืนยันว่าชีวิตพี่สำคัญกว่า

    ต่อให้พี่ฟื้นขึ้นมาแล้วจะไม่อยากพบทอมอีกก็ไม่เป็นไร วันนี้จะทำให้ทอมต้องเสียพี่ไปก็ไม่เป็นไร เพราะตราบใดที่พี่ยังมีชีวิต...ขอแค่พี่มีชีวิตต่อไป ทอมจะทำทุกทางให้เราได้กลับมารักกันใหม่ พี่ยังอดทนกับทอมมานานจนถึงวันนี้ได้ ทอมก็ต้องทำได้เหมือนกัน

    ต้องทำให้ได้

    "แค่ตรงนี้ใช่ไหมครับ" ทอมถามเสียงเบา
    เคนเนธพยักหน้า "ครับ ทุกฉบับ..."

    ฟินน์ยื่นปากกาให้
    ทอมยื่นมือไปรับ

    ฟินน์ยื้อกลับ
    ยกนิ้วชี้ขึ้น ให้รอ

    "..." มือเล็กกำแน่นจนข้อขาวโพลน

    อีกฝ่ายสั่งลูกน้องส่งโทรศัพท์มาให้
    ต้องลากสายยาวกว่าจะวางบนโต๊ะได้

    ฟินน์ต่อสายถึงโรงพยาบาล
    ถึงลูกน้องของตนที่เฝ้าห้องแจ็ค

    "ถ้าสายตัดโดยฉันไม่พูดอะไร ก็ยิงได้เลย"

    ก่อนยื่นปากกาให้ทอมรับไปช้าๆ
    ให้คิดดีๆ หากจะตุกติก

    การเซ็นเอกสารเป็นไปอย่างเงียบเชียบ มีเพียงเสียงหัวปากกาเสียดสีแผ่นกระดาษ เคนเนธเหงื่อตกโดยไม่มีเหตุผล แค่จู่ๆ คนของไวท์เฮดโผล่ไปเคาะประตูบ้าน กรรโชกให้เตรียมทุกอย่างตามที่บอสพวกมันสั่งเขาก็หัวใจจะวายตายอยู่แล้ว ไม่มีอะไรรับประกันด้วยซ้ำว่างานเสร็จฟินน์จะปล่อยเขาเดินกลับออกไปแบบมีชีวิต

    แต่คนรับแรงกดดันมากกว่าเขาก็คือทอม

    เขาดูแลการเซ็นสัญญาสมรสระหว่างทั้งคู่มาแล้วสองครั้ง ไม่ใช่ญาติผู้ใหญ่ก็เหมือนใช่ ไม่มีคุณคริส คนที่ทำงานให้คำปรึกษาเอิร์ลอย่างใกล้ชิดที่สุดก็คือเขาและในทางโหดเหี้ยมกว่านั้นก็คือทอม แม้สองแก๊งจะยังแค่ร่วมงานกันอยู่ แต่ในทางปฏิบัติก็แทบจะเหมือนรวมกันเป็นองค์กรเดียวไปแล้ว ในเมื่อผู้นำสูงสุดของทั้งสองฝั่งเป็นคู่ชีวิตกันจริงๆ และทำอะไรก็ปรึกษากันแทบตลอด

    แต่วันนี้เรดแฮนด์ถูกบังคับให้หักหลังเอิร์ล
    แค่คิดเขายังเจ็บปวดแทน

    "ไม่ต้องรีบ..."

    ฟินน์กระซิบปลอบ เสียงอ่อนกว่าทุกครั้ง
    เพราะคนเซ็นกำลังปล่อยน้ำตาให้ไหลลงมา

    ตวัดปากกาครั้งสุดท้าย
    ผ้าเช็ดหน้าสีดำก็ถูกหยิบยื่นให้

    "เรียบร้อยแล้ว" ฟินน์เอ่ย ก่อนวางหูโทรศัพท์

    คนแก้มเปียกไม่รับน้ำใจ

    "หมดเรื่องแล้วใช่ไหม ปล่อยพี่แจ็คได้รึยัง"
    "หันมาก่อน"

    ใบหน้าสวยไม่ได้ขยับ
    มือเรียวบีบคางสวยให้หันมา

    ซับน้ำตาบนแก้มนั้นหนึ่งครั้ง
    ยัดผ้าเช็ดหน้าใส่มือเจ้าตัว

    "ผมสงสัยอะไรอย่าง คุณเคนเนธ..."
    "..."

    ฟินน์ละสายตาจากทอม

    "ถ้าอยากเคาะประตูบ้านคุณดาร์ซี ให้คุณหรือทอมไป เขาจะตอบรับไวกว่ากัน"
    "นายจะเอาอะไรอีก!"

    ร่างเล็กเริ่มขึ้นเสียง
    แต่ฟินน์แค่คว้าหูโทรศัพท์ขู่เท่านั้น

    เขาก็ต้องยอมข่มใจให้เย็นไว้

    หมอนี่ไม่ได้ต้องการยึดแค่เอิร์ลจริงๆ ด้วย

    "ลืมไปว่ามีอย่างอื่นให้คุณทำ คุณเคนเนธ ช่วยส่งเอกสารทางกฎหมายทุกอย่างที่คุณจัดการให้เอิร์ลมาออฟฟิศผมทีนะ รวมทั้งของฝ่ายบัญชีด้วย ถ้ามันเยอะไปก็เอาลูกน้องผมไปช่วย..."

    ฟินน์ยืดตัวเต็มความสูง
    ฉุดข้อมือเล็กตามขึ้นมา

    "ผมจะพาทอมไปเยี่ยมพวกเรดไรท์แฮนด์สักหน่อย..."

    .
    .

    แบร์รี่ชวนอนายรินออกมาเยี่ยมแจ็ค

    แต่การ์ดของฟินน์ไม่ยอมให้เข้าใกล้แม้แต่หน้าประตูด้วยซ้ำ ลงท้ายเลยต้องยอมกลับไปอย่างเสียเที่ยว เขาพาอนายรินไปเดินเล่นแทน หิมะขาวโปรยปรายลงมาทำให้ค่ำคืนสว่างไสว อากาศหนาวเหมาะแก่การจับมือใครสักคนนัก และคนข้างๆ ก็เต็มใจอยากจับด้วยสุดๆ แล้ว

    "กินไอติมได้ไหม"
    "อากาศแบบนี้น่ะนะนาย"
    "มีกฎหมายห้ามเหรอ"
    "ครับ ได้ครับ อยากทำอะไรทำเลย"

    แบร์รี่ซื้อไอศกรีมร้านข้างทางให้

    "อันเดียวเหรอ"
    "ต้องประหยัด เดี๋ยวคงโดนไล่ออกแล้ว"
    "แบร์..."

    เจ้าตัวยังยิ้ม "อย่างแย่กว่าก็แค่โดนตามเก็บ"
    "อย่าพูดแบบนั้นสิ แจ็คคงไม่..."
    "เอาตรงๆ แบร์จะรู้สึกดีกว่าถ้าแจ็คทำ"
    "ถ้ารู้แบบนั้นแล้วช่วยนายทำไม"
    "ก็...งานหาใหม่ได้ แต่นายหาใหม่ไม่ได้แล้ว"

    คนที่สำคัญกับเขามาตั้งแต่เด็กจนโต
    เหลืออยู่แค่คนเดียวบนโลก

    จะให้ทำยังไงได้ล่ะ...?

    "..." อนายรินยืนนิ่งกับสิ่งที่ได้ยิน
    แบร์รี่ยิ้ม แกล้งผลักมือคนเลียไอติมค้างไว้

    ของหวานเนื้อเนียนเลอะปากอนายรินไปหมด

    "มีผ้าเช็ดหน้าไหมอะ...นี่ หยุดหัวเราะเลย ขี้แกล้งชะมัด" อนายรินตีอกเขาเบาๆ
    "ไม่มี...หันมานี่"

    แบร์รี่ประคองใบหน้าหวานด้วยสองมือ
    ค่อยๆ เคลื่อนริมฝีปากเข้าไปใกล้...

    เกลี่ยลิ้มชิมรสไอศกรีมจนหมดจด

    คนถูก 'เช็ดปาก' ให้ก้มหน้างุด
    ฝังใบหน้าลงกับอกลูกน้องมาเฟีย

    "ไม่ชอบเหรอ...แบร์ขอโทษ...เร็วไปใช่ไหม..."

    อนายรินสั่นหัวดิ๊ก

    "งั้นเป็นอะไร ไหนบอกแบร์หน่อย..."
    "ฮึก..."
    "ร้องไห้ทำไมอีกล่ะครับ นางฟ้าของผม"

    ถ้าบอกความจริง...แบร์รับได้ไหม
    ถ้าคนคนนี้ไม่ได้ดีอย่างที่เห็น

    รับได้หรือเปล่า?

    "นาย...?"

    เจ้าของชื่อเงยหน้าขึ้น

    "นายอยากให้แบร์รู้เรื่องหนึ่ง ก่อนตัดสินใจเรื่องของเรา..."
    "เรื่องอะไร?"

    นัยน์ตากลมโตคู่นั้นหลุบต่ำ
    เสียงหวานเปล่งออกมา แค่พึมพำ

    "ฟินน์ไม่ได้บังคับนาย..."

    อะไรนะ?

    หมายความว่ายังไง?

    .
    .

    'ฉันให้เวลานายมามากแล้ว พี่แจ็คก็ยังไม่ฟื้นอยู่ดี จะไปกันได้หรือยัง'


    เสียงใคร?

    เปลือกตาหนักอึ้ง จนไม่อยากแม้แต่จะพยายามเปิด โสตประสาททำงานชัดเจนกว่าปกติหลายเท่า ได้ยินแม้แต่เสียงโลหะขนาดเล็กกระทบกับสิ่งที่น่าจะเป็นโต๊ะไม้เหนือหัวเตียง เขาขยับตัวไม่ได้ ลำคอยังส่งเสียงไม่ได้

    แต่เมื่อมืออุ่นๆ กุมมือเขาเอาไว้
    เขาบีบตอบ

    คนถูกบีบเหมือนจะสัมผัสได้
    แม้แผ่วนัก แต่ยังรู้สึก

    เมื่อเข้าใจว่าเขามีสติรับรู้
    ใครคนนั้นจึงก้มลงมากระซิบ

    "ฟินน์เป็นคนทำ..."

    ทอม...?

    "...ผมรักพี่นะ"

    ทอมใช่ไหม?

    สัมผัสอุ่นเล็กๆ ประทับลงบนหน้าผาก
    ตามด้วยแก้ม กราม และริมฝีปาก

    ตามด้วยความเปียกชื้น...ขมขื่น
    น้ำตา?

    ไม่เอาสิ ทอม...อย่าร้องไห้

    ได้โปรด...อย่าร้อง

    .
    .

    "..."

    หลังทอมจากไป แจ็คไม่รู้เลยว่ามันนานแค่ไหน แต่เขารู้สึกตัวอีกครั้งตอนพยาบาลเข้ามาเปลี่ยนถุงน้ำเกลือให้

    เขาแง้มเปลือกตาเพียงน้อยนิด ไม่ต้องการให้ใครรู้ว่าตนฟื้นแล้ว เขาจำหน้าคนในแก๊งได้ทุกคน ชายชุดดำสองคนที่หน้าประตูไม่ใช่คนของเขาแน่ สถานการณ์ไม่น่าไว้วางใจ ไม่รู้เลยว่าจะไว้ใจใครได้

    แม้แต่แบร์รี่ยังหักหลังเขาลง
    แต่มันคงถูกบังคับ

    เพราะอย่างที่ทอมแอบกระซิบบอก
    ฟินน์อยู่เบื้องหลังเหตุรถคว่ำของเขา

    "ขออนุญาตนะคะ..."

    พยาบาลกระซิบ แม้ไม่อาจทราบได้ว่าคนเจ็บรู้สึกตัวหรือไม่ เธอวุ่นวายกับเสาน้ำเกลืออยู่พักหนึ่ง เขาอาศัยจังหวะที่พวกการ์ดหันมองทางอื่น ส่งเสียงในลำคอเบาๆ

    "อ..."

    ชู่ว

    รีบปรามเมื่อนางพยาบาลจะพูด
    เธอเข้าใจทันทีว่าต้องเงียบเสียงลง

    แสร้งทำเป็นจะปรับหมอนให้
    จึงโน้มตัวเข้าไปหาคนเจ็บ

    ฟังคำขอร้องจากเขา

    "ช่วยอะไรผมอย่างสิ..."










    Next Episode: Way Down We Go 2 (Part III here)
Views

เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น

Log in