เราใช้คุ๊กกี้บนเว็บไซต์ของเรา กรุณาอ่านและยอมรับ นโยบายความเป็นส่วนตัว เพื่อใช้บริการเว็บไซต์ ไม่ยอมรับ
filmtofichoramiji
[LF] Way Down We Go: Part II (Chris x Cillian, Jack x Tom)
  • Title: Way Down We Go
    Fandom: RPS (Dunkirk Cast)
    Pairing: Chris Nolan x Cillian Murphy, Jack Lowden x Tom Glynn-Carney
    AU: Mafia
    Episode Theme Song: Visions of Gideon - Sufjan Stevens


    PART II


    "...เด็กเลี้ยงม้าคนหนึ่ง"

    พลันนั้น หัวหน้าแก๊งอาชญากรรมที่ยิ่งใหญ่เป็นอันดับสองในอีสต์เอนด์ กลับกลายเป็นเพียงเด็กหนุ่มอายุสิบหกอีกครั้ง

    คุณไม่ได้ลืมผม

    แต่คุณก็คือคุณใจเย็นเหมือนเคย
    ถ้าหากไม่ถาม...

    "รออยู่ตรงนั้นนะ"

    แกร่ก

    โทรศัพท์ที่เพิ่งหยิบขึ้นมาใช้ ถูกทิ้งให้ร่วงหล่นลงอีกครั้ง ขณะเจ้าของมันออกวิ่ง...ทะยานไปตามแรงขับอันพลุ่งพล่านทะลักทลายอยู่ข้างใน วิ่ง...ให้อากาศหนาวยะเยือกเสียดแทงจนปอดแทบลุกไหม้ วิ่ง...ด้วยกลัวว่าคนที่บอกให้รอจะไม่อยู่รอ

    กลัวว่าเขาจะหายไป
    ...อีกครั้ง

    แฮ่ก แฮ่ก

    หอบหายใจ พยายามยืนบนเข่าที่แทบทรุด
    หยุดลงตรงหน้าตู้โทรศัพท์สาธารณะ

    ซึ่งใครคนนั้น
    ยังถือสายรออยู่ในนั้น

    "..."

    แกร่ก

    คริสวางหูโทรศัพท์เข้าที่ของมัน
    ในเมื่อปลายสาย...อยู่ตรงหน้าเขาแล้ว

    มือใหญ่ผลักประตูออกมา

    "คุณหาผมเจอได้ยั—"
    "ห...หมา..."

    คนยังหอบสวนตอบอย่างไว
    คริสเงี่ยหูฟัง จริงสิ...

    "แถวนี้...มีแต่ยิมฮาร์ดี้เท่านั้นแหละ...แฮ่ก...ที่เลี้ยงหมาเยอะปานนี้"

    คริสทำหน้าเหมือนเพิ่งได้ยินเสียงเห่าขรมของสุนัขในอาคารด้านหลัง มันดังอยู่ตลอดเวลาราวกับเป็นฟาร์มเลี้ยงสุนัขดุมากกว่ายิมชกมวย แต่เขาไม่ได้ยินอะไรเลยเวลาคุยกับคิลเลียน 

    ไม่ว่าตอนฟังผ่านโทรศัพท์ หรือตอนนี้
    นี่คือเสียงเดียวที่แจ่มชัดในโสตประสาท

    "มีที่ไหม"

    คิลเลียนถาม ยืดตัวขึ้น
    เริ่มหายใจได้ทัน

    "ครับ?"

    เปาะ แปะ

    หยดน้ำสาดทำมุมกับกระจกตู้โทรศัพท์
    อีกฝ่ายไม่ถามซ้ำ เบียดเข้ามา ปิดประตู

    ซ่า...

    ถ้ามัวแต่รอให้ตอบ... คงเปียกโชกเป็นปอดบวมตายกันพอดี

    "..."

    ความเงียบแผ่อาณาเขตเข้าจับจองพื้นที่แคบคับในตู้สี่เหลี่ยมอย่างรวดเร็ว ต่างกับด้านนอกที่ฝนฟ้าครืนคะนองร้องลั่น คริสได้แต่เชิดหน้ามองตรงหรือเหนือกว่านั้นขึ้นไป เพื่อไม่ให้คางตนเกยเข้ากับศีรษะคนตัวเล็ก  คิลเลียนเองก็เอาแต่จ้องอกกว้าง ไม่รู้จะเริ่มเอ่ยปากถามเรื่องใดจากที่มีในใจเป็นร้อยพัน

    "ผมคิดว่าคุณ..."
    "..."
    "...จะไม่มีวันกลับมาแล้ว"

    และแม้ว่าคุณกำชับแน่นหนักไม่ให้รอ
    ใจผมก็ยังแตกสลายอยู่ซ้ำๆ ในทุกวัน

    "นี่คุณ..."

    ใบหน้าที่ยังคงงดงามเหมือนในภาพทรงจำเงยขึ้นมอง จ้อง...จนคริสต้องหลับตาเพื่อเลี่ยงหลบ

    "...จริงๆ ใช่ไหม"

    ปลายนิ้วนางเยียบเย็นจรดลงบนสันดั้ง
    ลากไล้...เรื่อยลง...จนสุดปลายจมูก

    คริสจำได้ดีว่าเจ้าตัวชอบทำแบบนี้
    ลูบสันจมูก เป็นวิธีแสดงความรักต่อม้า

    แล้วต่อเขาล่ะ?

    หมายความอย่างเดียวกันหรือเปล่านะ...

    "พอเถอะครับ"

    มือใหญ่คว้าจับข้อมือเล็กให้หยุด
    กระตุกเพียงนิดให้เซชิดเข้าใกล้

    เข้ามาฟังหัวใจ...กำลังรัวลั่นดุจกลองรบ

    คิลเลียนไม่ได้ยั้งตัวเองไว้
    ยินดีจะฝังใบหน้าลงไปด้วยซ้ำ

    "อยากให้ผมตายตรงนี้หรือไง..."

    คนฟังทำเพียงแค่นหัวเราะขมขื่น
    แหงนหน้าผากไถปลายคางอีกคนเบาๆ

    กระซิบ "ถ้าเขาไม่ตาย คุณจะกลับมาไหม"
    "อาจไม่...ผมไม่รู้..."
    "โง่ชะมัด น่าจะฆ่ามันให้เร็วกว่านี้"
    "..."
    "โทษที"
    "ช่างมันเถอะครับ ผมรู้ว่าคุณไม่เคยชอบแอนดี้ และเขาก็ไม่เคยชอบคุณ โตมาเป็นศัตรูกันไม่ใช่เรื่องน่าแปลกใจ"
    "แต่...คุณไม่โกรธผมเลยเหรอ..."

    ฝนยังคงตกหนัก เนิ่นนาน ราวชั่วนิรันดร์
    คริสต้องยอมแพ้ เกยคางลงบนศีรษะอีกคน

    "ต่อให้โกรธแล้วผมจะทำอะไรได้"
    "ฆ่าผมไง" คิลเลียนแกล้งแหย่
    "มันจะต่างอะไรกับฆ่าตัวตายล่ะครับ"
    "..."

    ทำไมคุณแม่งต้องกลับมาด้วยวะ

    "แล้วไอ้ 'ผมคริส ฝ่ายกฎหมายของเอิร์ลครับ' นั่นมันอะไรกัน"
    คนตัวโตหลุดหัวเราะ "ผมแค่กลัวว่าคุณจะลืมผมไปแล้ว หรือถ้าไม่ลืม คุณก็อาจไม่อยากรู้จักผมอีก กลัวว่าคุณจะไม่ใช่คนเดิมอีกแล้ว กลัวไปหมดทุกทาง ก็เลย..."
    "คิดมากเหมือนเดิม"
    "ขอโทษครับ"

    คิลเลียนสั่นศีรษะ

    "ต่อให้ตอนนี้ผมเป็นใครไปแล้ว ต่อหน้าคุณ ผมก็ยังเป็นแค่เด็กเลี้ยงม้าคนนั้น..."

    ห้ามตัวเองไม่ได้ด้วยซ้ำ
    ทุกอย่างมันหมุนย้อนกลับไปหมด

    "ว่าแต่คุณ...มาเลือกเดินทางนี้ได้ยังไง..."
    "อา... ฝนหยุดแล้ว..."

    คิลเลียนพึมพำลองเปิดประตูออกไป
    ยื่นมือทดสอบฝน

    "..."

    เสี้ยวขณะจิตนั้น กลิ่นอันตรายลอยฟุ้ง
    พวยพุ่งเข้าจับประสาทสัมผัส

    ...

    ปัง! 

    กระสุนนัดแรกแล่นเฉี่ยวใบหูไปเพียงนิด เขาก้มตัวลง ดันประตูงับปิดไม่ให้คริสออกมา มืออีกข้างคว้าปืนจากหลังเอว สับไก ยิงสวนไปตามสัญชาตญาณ ปัง! ปัง! ถ่วงเวลาได้พริบตาหนึ่ง คิลเลียนเปิดประตูตู้โทรศัพท์อีกครั้ง คนตัวโตฉุดเขากลับเข้าไป

    ก่อนกระสุนชุดใหญ่จะกระหน่ำซัดเข้ามาแทนห่าฝนที่เพิ่งหยุด

    คิลเลียนแง้มประตูออกเล็กน้อย ส่งลำกล้องปืนออกไปยิงต้าน ในใจคอยนับรอบกระสุนของฝ่ายตรงข้ามว่ายังเหลืออีกเท่าไร กว่าทางนั้นจะต้องบรรจุใหม่

    "พอผมสั่ง วิ่งไปที่ยิมทันที เข้าใจไหม ก้มต่ำๆ ไว้" 

    คริสพยักหน้า

    คิลเลียนนับเลขถอยหลังอยู่ในใจ
    เสียงปืนเงียบชะงัก เขารีบเปิดประตู

    "ไป!"

    ปัง! ปัง! ปัง!

    ร่างเล็กรัวนิ้วที่โกร่งไกไม่ยั้ง คุ้มกันคริสและตนเองออกจากตู้โทรศัพท์ โชคยังดี ยิมฮาร์ดี้อยู่ห่างไปไม่กี่ก้าวเท่านั้น ทั้งคู่รอดพ้นไปถึงหน้าประตูเหล็กได้ในชั่วอึดใจ 

    "ทอมมี่!"

    คิลเลียนตะโกนเรียกเจ้าของสถานที่ ระหว่างรอจังหวะเก็บมือปืนปริศนา เขาพอจะเห็นแล้วว่ามันยิงมาจากบ้านไหน แต่กระสุนเหลืออีกไม่กี่นัด เขาต้องแน่ใจ...

    "ทอมมี่!"
    "คิล เกิดอะไรขึ้น!?"

    ปัง!

    ทอม ฮาร์ดี้ก้มหลบเกือบไม่ทัน แต่ก็แค่เกือบ เขารีบเลื่อนประตูเหล็กออก รับคริสเข้าไป แต่อีกคนนั้นยัง...

    "คิล!"
    "ชู่ว!"

    เขาต้องการสมาธิ
    จะพลาดไม่ได้

    ปัง!

    "..."

    แกร่ก

    ปืนร่วงลงจากหน้าต่างบ้านหลังหนึ่ง
    ทุกอย่างเงียบลงพร้อมชีพจรมือสังหาร

    เขาสูดหายใจเฮือกใหญ่
    และถอนออกมา

    "คิล!"
    "อะไร ทอมมี่?"

    คนฟังหันขวับ ก่อนอ้าปากค้าง
    เห็นมือของทอมมี่แดงฉาน

    "เขาโดนยิง..."

    ด้วยเลือดของคริส
    ...ที่เพิ่งหมดสติ

    บัดซบ

    .
    .

    ทุกคนมากันพร้อมแล้วขาดก็แต่ผู้ใหญ่ของสองฝั่ง

    ไม่มีใครรู้ว่าคริสกับคิลเลียนหายไปไหน ทางเรดแฮนด์ติดต่อหัวหน้าแก๊งไม่ได้ ทางเอิร์ลก็ติดต่อหัวหน้าฝ่ายกฎหมายของตนไม่ได้เช่นกัน เพียงมีผู้ใหญ่ฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งเป็นพยาน พิธีเซ็นสัญญาสมรสระหว่างเอิร์ลและทอมยังอาจดำเนินไปได้ แต่ทั้งคู่ดันมาหายไปพร้อมกันเสียอย่างนั้น

    แจ็คเริ่มนั่งกัดเล็บไม่รู้ตัว
    คนข้างกันแอบหันมากระซิบ

    "คุณ เอามือลง"
    "..."
    "คนของผมจะว่าคุณไม่เป็นผู้ใหญ่..."

    เอิร์ลกัดกรามแน่น แต่ไม่ทำตาม
    ทอมจึงยื่นมือไปดึงมือใหญ่ออกจากปาก

    แจ็คสะบัดมือทิ้งทันควัน
    เปลี่ยนมานั่งกอดอก

    คนตัวเล็กได้แต่นั่งอมยิ้ม กลั้นขำ ก่อนเจมส์ ดาร์ซี มือขวาของพ่อจะเดินข้ามห้องมาพร้อมกับข่าวล่าสุดที่ได้รับ ทอมเอียงคอเข้าไปฟัง หางตาเห็นเด็กหนุ่มคนหนึ่งนำข่าวมากระซิบบอกเอิร์ลของตนเช่นกัน

    แจ็คหันมาสบตาทอมซึ่งพยักหน้าตอบทันที
    จึงหันไปสั่งทีมกฎหมายของตนเริ่มงาน

    เคนเนธนำคู่สัญญาทั้งสองฉบับออกมาวาง

    "วันนี้ เราสองครอบครัวมารวมตัวกันอยู่ ณ ทีนี้ เพื่อเป็นสักขีพยานการสมรสระหว่างแจ็ค ลาวเดน แห่งเอิร์ล กับทอม กลินน์-คาร์นีย์ แห่งเรดแฮนด์..."

    พิธีไม่ยืดเยื้อ

    ต่างคนต่างเซ็นลายมือชื่อตนในสัญญาที่เป็นคู่ฉบับกันเสร็จเรียบร้อย แหวนแต่งงานก็ถูกนำออกมา โลหะกลมเกลี้ยงเนื้อเรียบสีเงิน ขนาดวงต่างกันตามรอบนิ้วของสองฝ่าย

    ไม่มีใครพูดหรือสั่งอะไร
    ผลัดกันสวมให้อีกฝ่ายเงียบๆ

    แหวนของแจ็คสลักว่า 'เรดแฮนด์'
    แหวนของทอมสลักว่า 'เอิร์ล'

    เท่านี้ สององค์กรก็ใช้คนของอีกฝ่ายได้เสมือนเป็นคนของตนแล้ว

    "หลังจากนี้ทุกคนจะได้รับคำสั่งอีกครั้งว่าต้องร่วมงานกับใคร จัดการเรื่องอะไร สำหรับวันนี้มีแค่นี้"

    แจ็คกล่าวเร็วๆ แล้วลุกออกไปทันที

    เขารับขวัญเรดแฮนด์ด้วยอำนาจ
    ต่างกับทอมที่ซื้อใจฝั่งเอิร์ลด้วยไมตรีจิต

    "ขอบคุณทุกคนมาก ตอนนี้เราเหมือนเป็นครอบครัวเดียวกันแล้ว เราจะดูแลกันอย่างพี่น้อง ขอบคุณอีกครั้งครับ"

    พยายามไม่ดูรีบร้อนจนเกินไป
    แต่ก็ออกมาให้เร็วที่สุดเช่นกัน

    เพื่อจะได้ทัน...คว้าข้อแขนแกร่งเอาไว้

    "จะไปยิมฮาร์ดี้ใช่ไหม หยุดเดี๋ยวนี้เลย"

    ทอมกระซิบเสียงดุ
    คล้องแขนรั้งเจ้าตัวไม่ให้ขึ้นรถ

    "ฉันไม่ปล่อยให้ลุงอยู่กับพ่อนายตามลำพังนานไปกว่านี้หรอกนะ"
    "ลุงของคุณอาจไม่รอดด้วยซ้ำถ้าพ่อผมไม่ได้อยู่ด้วย"

    แจ็คเถียงไม่ออก เพราะมันคือเรื่องจริง
    ลุงยิงปืนไม่เป็นด้วยซ้ำ ไม่น่าป้องกันตัวได้

    "เรายังไม่รู้ว่าเป้าหมายที่แท้จริงคือพ่อผม หรือลุงคริส หรืออาจจะทั้งคู่ ไมเคิล เคนอาจรู้เรื่องที่เรารวมอำนาจกัน มันอาจจับตาดูเราอยู่ตอนนี้ เวลานี้ เพราะงั้นอย่าช่วยมันจบงานจะดีกว่า อย่านำทางมันไปหาพวกเขา อย่าแวะไปที่นั่น เข้าใจที่พูดไหม"

    เอิร์ลยืนนิ่ง เริ่มใช้เหตุผลไตร่ตรอง
    เด็กนี่พูดถูกทุกอย่าง เขามันงี่เง่าเอง

    แต่เขาก็ไม่ชอบการถูกเด็กสั่งอยู่ดี
    ต่อให้เป็นเด็กที่สวมแหวนแต่งงานคู่กันอยู่

    "ไม่ไปแล้ว ปล่อยได้แล้ว"

    ทอมไม่ได้ประวิงเวลาเลย
    รีบปล่อยแขนเขาทันทีทันใด

    "เจอกันที่บ้านครับ"

    จุ๊บ

    ร่างสูงยืนนิ่งงันเหมือนหินผา เหลียวมองคนเพิ่งหันหลังไปขึ้นรถตัวเองอย่างไม่เชื่อสายตา

    นี่เขาโดนเด็กนั่นขโมยจูบที่แก้มใช่ไหมวะ

    .
    .

    คริสสลบไปสองคืนเต็ม

    ก่อนนั้นคิลเลียนเป็นคนผ่ากระสุนออกและเย็บแผลให้ด้วยตนเอง แล้วจึงให้ทอมมี่ไปตามหมอมาตรวจดูอีกครั้งเพื่อความแน่ใจว่ามันจะไม่ติดเชื้อ กระสุนพลาดจุดสำคัญแต่ก็เสียเลือดเยอะ คนเจ็บไข้ขึ้นสูง ทั้งไม่รู้สึกตัวอยู่นาน ทอมมี่ไม่เคยเห็นเพื่อนกระวนกระวายใจเท่านี้ตั้งแต่รู้จักกันมา

    และไม่เคยเห็นคิลเลียนอ่อนโยนกับใครเท่านี้ จนมาเห็นรอยยิ้มบนใบหน้าสวยยามที่คนบนเตียงลืมตาตื่นขึ้น

    "ไง..."

    เสียงนุ่มพึมพำ
    สั้น แต่ยังรู้สึกได้ว่าสั่น

    "อย่าร้อง..."
    คิลเลียนหัวเราะ "ผมเปล่า..."

    ไม่ทันขาดคำ น้ำใสร่วงหยดบนไหล่คริส

    "โกหก...ไม่เก่ง..."

    โกหกไม่เก่งเหมือนเดิม

    ท้ายประโยคห้วนสั้นตัดไปเพราะเสียงไอโขลกโพล่งสวนลำคอขึ้นมา 

    "ทอมมี่ ขอน้ำหน่อย..." คิลเลียนสั่ง
    "ได้ๆ"

    คนที่ยืนเป็นหมาหัวเน่าอยู่นานได้จังหวะไสหัวตัวเองออกไปจากฉากพอดิบพอดี

    คิลเลียนช่วยคริสลุกขึ้นนั่งพิงหัวเตียง
    ตรวจดูผ้าพันแผลตรงสีข้างให้เรียบร้อย

    เดินไปรับแก้วน้ำจากทอมมี่

    "ฉันลงไปดูเด็กซ้อมแล้วนะ อยู่กันได้ใช่ไหม เอ้อ หนูทอมก็มาละ จะฝากบอกอะไรเปล่า"
    คิลเลียนคิดนิดหนึ่ง "ยังก่อน ขอบใจมากทอมมี่"

    เจ้าของยิมยิ้มกว้าง "ได้เสมอ"

    สองมือประกบประคองแก้มซูบผอม
    ไล้นิ้วโป้งปาดคราบน้ำตาออกให้

    "เขาเป็นใครกันแน่น้า..."

    ...ถึงทำให้นายเป็นแบบนี้ได้

    .
    .

    ในเมื่อไปเยี่ยมลุงไม่ได้ แจ็คจึงเปลี่ยนใจไปหาอนายรินแทน เขาชอบนั่งดูคนรักขายดอกไม้ฆ่าเวลา แต่วันนี้จิตใจของชายหนุ่มกลับไม่อยู่กับเนื้อกับตัว หรือกับคนที่ตนตั้งใจมานั่งเฝ้าเท่าไร

    สัมผัสรวดเร็วฟาดผ่านแก้มไปราวสายฟ้า
    เหตุไฉนจึงตรึงจิตติดอยู่รุนแรงนัก

    "..."

    เอิร์ลหนุ่มขยับนิ้วนางข้างซ้ายที่มีสิ่งแปลกปลอมเพิ่มเข้ามา หมุนปั่นเจ้าแหวนเนื้อเกลี้ยงเล่นด้วยนิ้วหัวแม่มือ นึกถึงคนสวมมันให้เขา นึกถึงวาจาชาญฉลาดเกินตัว นึกถึงแม้กระทั่งสัมผัสนุ่มนวลจากมือที่พยายามหยุดเขาไม่ให้กัดเล็บ...

    "คิดอะไรอยู่เหรอ..."

    แจ็คเก็บมือซ้ายไว้ในมือขวาโดยฉับพลัน
    อนายรินทิ้งตัวลงนั่งข้างกัน เอนหัวซบไหล่

    "เปล่าครับ เป็นไง เหนื่อยเหรอ"
    "นิดหน่อย" เจ้าตัวบ่นงุ้งงิ้ง "รู้สึกเหมือนจะไม่สบายเลย..."
    "ต้องรู้จักพักบ้างนะ ไหนดูซิ..."

    แจ็คประคองใบหน้าหวานขึ้นจากไหล่ตน จรดหน้าผากลงไปวัดอุณหภูมิ "นายตัวรุมๆ วันนี้ปิดร้านเร็วหน่อยดีไหม..."
    "..."
    "นาย?"

    คนตัวเล็กเงียบไปเฉยๆ

    เลื่อนมือเล็กขึ้นทาบทับมือใหญ่
    จับกางออกดูเพื่อความแน่ใจ

    "แจ็ค..."

    ว่าสัมผัสเย็นๆ เล็กๆ ตรงแก้มนั่นใช่...?

    "นี่อะไร..."

    คนถูกถามชาวาบไปทั้งใบหน้า
    สมองรีบควานหาคำอธิบาย

    ว่าเหตุใดนิ้วมือซ้ายของเขา
    ...จึงมีแหวนแต่งงาน

    "นาย ฟังเราก่อนนะ"
    "ฟังอยู่..." 

    อนายรินพึมพำ หมายความตามที่ว่า
    แต่คนขอให้ฟังกลับเป็นใบ้ไปเสียเอง

    "เรา...บอกได้แค่มันเกี่ยวกับธุรกิจที่บ้าน เราขอโทษที่ไม่ได้บอกนายก่อน เราไม่ได้ตั้งใจจะปิดนายนะ แต่ทุกอย่างเกิดขึ้นเร็วมาก และ...เราโดนมัดมือชก และ..."
    "..."
    "นาย อย่าเงียบสิครับ..."
    "..."
    "มันแค่ชั่วคราวเท่านั้น นายรอเราได้ไหม..."

    นัยน์ตาคู่สวยมีน้ำใสเอ่อคลอ
    แต่ก็ยัง...อยากให้โอกาส

    แจ็คไม่เคยบอกว่าที่บ้านทำธุรกิจอะไร ทำไมต้องมีลูกน้องห้อมล้อมคุ้มกันมากมาย เขาสงสัยแต่ก็ไม่เคยถาม ไม่อยากละลาบละล้วง ไม่อยากเพิ่มภาระให้คนรักต้องเครียดไปกว่าที่เป็น และถ้าเมื่อก่อนไม่คิดจะรู้ ก็ไม่ควรรู้ต่อไป 

    บางทีแบบนี้อาจจะดีอยู่แล้วก็ได้

    "เรารักนายคนเดียว...บอกมาสิว่านายก็รู้..."
    "เรารู้"
    "ถ้าเราถอดแหวนนี้ได้เมื่อไร..."

    แจ็คเคลื่อนตัวลงไปคุกเข่าลงตรงหน้าคนรัก

    "...แต่งงานกับเรานะ"

    อนายรินได้แต่สวมกอดคนตัวโตกว่าเอาไว้ ไม่รู้จะเชื่อใจคนที่ขอแต่งงานทั้งที่นิ้วนางข้างซ้ายมีแหวนจับจองอยู่ได้ยังไง แต่แจ็คไม่ใช่คนโกหก เขามั่นใจเรื่องนั้น

    "อย่าให้รอนานแล้วกัน..."

    คนพูดหัวเราะออกมาเบาๆ แจ็คหัวเราะตาม แกล้งงับแก้มนิ่มด้วยความเอ็นดู

    ไม่มีใครแทนที่นายได้
    ไม่มีวัน

    .
    .

    "คุณน่าจะลองไว้หนวดเคราดูบ้าง..."

    คิลเลียนโพล่งขึ้นมา

    วางอ่างน้ำเล็กๆ ลงกับโต๊ะหัวเตียง พาดผ้าขนหนูไว้บนบ่ากว้าง ทิ้งตัวลงนั่ง ป้ายครีมขาวลงทั่วบริเวณเหนือปาก รอบคาง และสันกรามของคริส ก่อนขยับมีดโกนในมือ

    "ทำไมล่ะครับ"
    "ก็...ผมไม่เคยเห็นเลย ตอนนั้นคุณหน้าเกลี้ยงเป็นคุณชายสะอาดสะอ้านตลอด"

    คนตัวโตหัวเราะ 

    ประกอบกับหนวดครีมขาวตอนนี้ ยิ่งทำให้เจ้าตัวดูเหมือนซานตาคลอสดีพิลึก

    "ตอนนี้ก็เหมือนเดิมครับ มันดีต่อธุรกิจ ภาพลักษณ์ทำให้ลูกค้า..."
    "พอเลย น่าเบื่อ" คิลเลียนตัดบท
     
    และเริ่มลงมือโกนหนวดให้คนเจ็บ

    "รู้ไหมที่จริงผมกลับไปคอร์กครั้งหนึ่ง..."
    "อย่าพูดสิ เดี๋ยวบาด..."
    "...แต่คุณไม่อยู่แล้ว"
    "ยังอีก"

    คริสรูดซิปปากตนทันที

    "พ่อแม่ผมตายหลังจากคุณไปได้ปีกว่า ญาติชาวไอริช-ซิซิเลียนชวนให้ผมมาช่วยทำงานที่ลอนดอน..."

    คิลเลียนเล่าเรื่องราวฝั่งของตนบ้าง
    ทำให้คริสรู้สาเหตุที่เขาคลาดกับอีกฝ่าย

    จนไม่คิดกลับมาอีกเลย

    "ก็เริ่มจากเป็นเด็กส่งโพยแทงม้า แทงผลบอล เก็บค่าคุ้มครอง เรียนรู้มาทุกอย่าง..."
    "..."
    "แต่จริงๆ ผมตอบตกลงแค่เพราะคำคำเดียว...อีสต์เอนด์"

    อีสต์เอนด์...ลอนดอน
    คุณชายบอกว่าบ้านจริงๆ ของเขาอยู่ที่นั่น

    "เพราะผมรู้ว่าอยู่ใกล้คุณที่สุดได้เท่านี้..."

    คิลเลียนจุ่มมีดโกนลงแกว่งในอ่างน้ำ
    สลัดคราบ ยกขึ้นเช็ดกับผ้าบนไหล่คริส

    ข้ามตักคนตัวโตไปนั่งอีกฝั่ง
    พาดสองขาทับหน้าตักกว้าง

    เริ่มโกนไรหนวดบนใบหน้าซีกที่เหลือ

    "แล้วดูสิว่าตอนนี้คุณยิ่งใหญ่แค่ไหน..."

    คริสพึมพำ ลอบยิ้มเอ็นดู

    จากเด็กเลี้ยงม้าที่เขาเห็นมาตั้งแต่ตัวสูงเท่าเอว ทุกหน้าร้อนที่เขาและครอบครัวไปอยู่บ้านพักตากอากาศ ณ ไอร์แลนด์ เด็กเลี้ยงม้าหน้าตาน่ารักน่าชังราวกับเด็กผู้หญิงที่จู่ๆ ก็โตเป็นเด็กหนุ่มแสนงดงามในหน้าร้อนปีหนึ่ง เด็กเลี้ยงม้าที่ร้องให้เขาเป็นเพื่อนเล่น สอนหนังสือ ผ่านทุกหน้าร้อนไปด้วยกัน จนมิตรภาพต่างวัยแปรเปลี่ยนเป็นความผูกพันอันลึกซึ้งอย่างที่ไม่มีใครรู้ตัว

    กระทั่งหน้าร้อนปีสุดท้าย
    เขาต้องจำใจบอกลา

    ไปสู่ดินแดนแสนไกลอย่างอเมริกา
    โดยไม่รู้ว่าจะมีวันได้กลับมาไหม

    "บอกว่าอย่าพูดไง บาดเลย"

    คิลเลียนบ่น รีบเอาผ้าจุ่มน้ำซับเลือดให้
    เตรียมลุกออกไปหาผ้าสะอาดกว่านี้

    แต่กลับ...ถูกแขนอีกคนล็อคตัวไว้บนตัก

    "ผ่านมายี่สิบห้าปี ภาพนี้ก็ยังชัดเจนในหัวของผม..."
    "..."
    "คุณ...ร้องไห้...ขอให้ผมพาคุณไปด้วย ตอนนั้นผมไม่กล้าแม้แต่จะขอให้คุณรอ..."

    คิลเลียนนิ่งฟัง
    มองเลือดที่ยังไหลซิบตรงแก้มคริส

    "ถ้าตอนนี้ ผมพร้อมจะรับคุณไปแล้วล่ะครับ..."

    คนถูกถามกัดกรามแน่น
    หัวใจบีบตัวจนเหมือนจะทนไม่ไหว

    แล้วลูกชายผมล่ะ พี่น้องเรดแฮนด์ล่ะ

    ตอนนั้นคุณมีเหตุผลที่ต้องไป
    ตอนนี้ ผมก็มีเหตุผลที่ไม่อาจไปเช่นกัน

    "คุณชาย..."

    แก้วเสียงบางกระซิบ...คล้ายครวญคร่ำ
    ริมฝีปากจิ้มลิ้มจูบซับเลือดจากแก้มเขา

    "อยู่ๆ คุณจะกลับมาแล้วขอให้ผมทิ้งทุกอย่างไปกับคุณแบบนี้ไม่ได้..."

    มันไม่แฟร์

    คิลเลียนถอนท่อนขาตนออกจากกรงแขนคนตัวใหญ่ แล้วปีนลงจากเตียงอีกฝั่ง

    ไม่มีอะไรแฟร์ตั้งแต่คุณจากไปแล้ว

    .
    .

    เอิร์ลไม่เคยอยู่ทานอาหารเช้า
    หรือกลางวัน หรือเย็น

    ไม่ยอมร่วมโต๊ะกับคู่ชีวิตทางธุรกิจที่ถูกยัดเยียดมาให้ เวลานอนถ้าไม่ระเห็จไปยังโซฟาก็ค้างบ้านอนายรินเสียเลย เขายอมเจอหน้าทอมแค่เวลาประชุมกับลูกน้องสองแก๊งเท่านั้น ช่วยกันจ่ายงานตามที่ลุงคริสกับคิลเลียนสั่งลงมา อีกฝ่ายก็ไม่ได้มายุ่มย่ามวุ่นวายอะไรกับชีวิตเขาอย่างที่กลัวไว้ตอนต้น

    นอกจากจูบแก้มเมื่อวันเซ็นสัญญา
    เจ้าตัวไม่ได้ทำอะไรรบกวนใจเขาอีก

    จนกระทั่งวันนี้

    แจ็คแค่กลับมาเอาเสื้อผ้าและจะรีบออกไป
    แต่ภาพในห้องทำหงุดหงิดใจบอกไม่ถูก

    "..."

    ร่างเล็กๆ นั้นยิ่งดูเล็กบางลงไปอีกเมื่อไร้สูทสามชิ้นกับโค้ทตัวหนา กางเกงก็ไม่ใส่ มีแค่ชายเสื้อเชิ้ตหลวมโพรกยาวเลยลงมาปิดขาอ่อนไว้ และถ้าจำไม่ผิด... เสื้อตัวนั้นมันของเขา

    "นี่..."

    คนที่นอนอยู่ทำแค่พลิกตัวเท่านั้น
    แถมยังผลให้ชายเสื้อเลิกขึ้นไปอีก

    กรามคมถูกขบแน่นเป็นสันนูน

    "ลุกขึ้นมาคุยกันเดี๋ยวนี้ ทอม"
    "อือ..." 
    คนถูกปลุกขยับตัวอีกเล็กน้อย ลืมตาเพียงข้างหนึ่ง เห็นว่าเป็นใครจึงไม่คิดจะลุกขึ้นแต่งตัวให้เรียบร้อย

    "มีอะไร..." ทอมงัวเงีย ขยี้ตา
    "เสื้อผ้าตัวเองไม่มีใส่รึไง"
    สั่นศีรษะทันที "แม่บ้านคุณเอาเสื้อผ้าผมไปซักหมดทุกตัว จะให้ทำยังไง..."

    แจ็คถอนหายใจรุนแรง
    "แล้วทำไมไม่ปิดประตูห้อง ลูกน้องผู้ชายเดินเต็มบ้านยังกล้าแต่งตัวแบบนี้นอน คิดจะอ่อยเหยื่อหรืออะไร"

    ทอมกลั้นยิ้ม แต่อ่านนัยน์ตาดูก็รู้ว่ากำลังยิ้ม

    "เราแต่งกันแค่ในนาม ใครก็รู้ คุณจะสนใจทำไม..."
    "..."
    "ถ้าไม่คิดจะเป็นเจ้าของ ก็อย่าหวงกันสิครับ"

    สิ้นคำ แจ็คหมดความอดทน
    มือใหญ่พุ่งเข้าบีบรัดลำคอคนตัวเล็ก

    "ฉันไม่ได้หวง..." เสียงต่ำกระซิบลอดไรฟัน "ถึงจะแต่งแค่ในนาม แต่ศักดิ์ศรีของเอิร์ลเป็นของจริง เพราะงั้นทำอะไรก็ให้เกียรติสามีบ้าง"

    ทอมไม่ได้ร้อง แม้จะเริ่มหายใจลำบาก แต่แผลใต้กรามถูกนิ้วโป้งอีกฝ่ายกดทับ จนถึงกับต้องครวญคร่ำในลำคอ

    แจ็ครีบคลายมือออก เห็นรอยฟกช้ำ
    เขาแตะ ทอมเสหน้าหนี "ไปทำอะไรมา"
    "ตอนไปยึดไนท์คลับเมื่อคืน มีคนหือนิดหน่อย..."
    "ใคร"
    "จะไป 'ทวงศักดิ์ศรีเอิร์ล' คืนเหรอครับ ไม่รบกวนหรอก มันนอนอยู่โรง'บาลแล้ว"
    "อย่ากวนโมโห"

    ทอมยักไหล่ เปลี่ยนเรื่อง "กินข้าวเช้ารึยัง"
    แจ็คส่ายหน้า ทำท่าจะลุกออกไป ทว่า...

    "กินอะไรก่อนสิ..."

    นิ้วเล็กๆ เกี่ยวรั้งหัวเข็มขัดของเขาเอาไว้
    เอิร์ลหนุ่มทิ้งตัวลงนั่งบนเตียงอีกครั้ง

    มองด้วยสายตาเคร่งขรึม "อย่าท้านะ"
    "ทำไมล่ะครับ"

    นิ้วของทอมยังคงเคลื่อนขยับ 
    เข็มขัดเส้นหรูค่อยๆ ถูกรูดออกไป

    มือแกร่งถูกจับมาวางบนหน้าขาเนียนนุ่ม

    "ยังไงซะ..." ทอมกระซิบ "คุณก็มีสิทธิ์ในตัวผมจนกว่าเราจะหย่ากันอยู่แล้—"

    แจ็คไม่รอให้ประโยคเชื้อเชิญจบดีด้วยซ้ำ
    ฉุดคนตัวเล็กลงมาอยู่ใต้ร่างตนอย่างแรง

    ราวกับใช้เวทมนตร์

    มือเปล่าที่เคลื่อนเข้าไปใต้เชิ้ตตัวหนา
    กลับออกมาพร้อมชั้นในตัวเล็ก

    แจ็คดึงข้อเท้าบอบบาง 
    กระชับร่างนั้นเข้าเอว

    เจ้าของเท้าร้องออกมาเสียงดัง

    "อะไร?"

    ทอมงอเข่าเข้าหาตัว โชว์ข้อเท้าที่บวมเล็กน้อยให้อีกฝ่ายดู "จากเมื่อคืนนั่นละ..."

    แจ็คเลิกคิ้ว ยิ้มบาง
    พอให้ข้างแก้มเป็นรอยบุ๋ม

    "ไม่เป็นไร ไม่ต้องใช้..."

    ส่งขาเล็กข้างที่ข้อเท้าเจ็บขึ้นไปบนบ่า

    "เอาพาดไว้นี่แล้วกัน"

    .
    .

    วันนี้ลูกค้าไม่หนาตา

    อนายรินว่างขนาดนั่งแต่งกิ่งกุหลาบเอื่อยเฉื่อย ไม่ต้องเร่งรีบ ไม่นานนักรถยนต์คันหรูที่มักจอดหน้าร้านเป็นประจำก็มาเกยฟุตบาท เจ้าของร้านดอกไม้อมยิ้ม กำลังแปลกใจว่าทำไมวันนี้แจ็คมาเร็วนัก

    แต่คนที่ลงจากรถมากลับเป็นแบร์รี่
    ...คนเดียว

    "หวัดดี อนาย"
    "...ไง แบร์รี่"
    "แจ็คให้มาบอกว่าวันนี้มากินข้าวด้วยไม่ได้นะ มีประชุมน่ะ"
    "อ๋อ โอเค..."

    เสียงหงอยๆ ของเจ้าตัวทำเอาแบร์รี่เป็นกังวล แต่ก็ไม่รู้ว่าควรจะทำยังไง นัยน์ตาสีครามเข้มกวาดมองดอกไม้ทั่วร้าน ใช้มันเป็นเหตุผลให้ตัวเองยังสามารถอ้อยอิ่งอยู่ในนั้น

    "อนาย"
    "หืม"
    "ถ้าเราซื้อดอกเดียว ขายไหม"
    "แบร์อยากได้ดอกไหนอะ หยิบเลย เราให้"
    "บ้า ให้ดอกไม้เรา เดี๋ยวแจ็คหึงนะ"

    อนายรินหัวเราะน้อยๆ ให้กับมุกของแบร์รี่

    เห็นอีกฝ่ายสดใสขึ้นนิดหนึ่ง เขาก็ดีใจ
    เอื้อมมือไปหยิบกุหลาบดอกใหญ่สีแดงสด

    และยื่นให้คนตรงหน้า

    "เราให้"

    อนายรินเงยขึ้นมองดอกไม้ สลับกับแบร์รี่

    "เป็นคนขายดอกไม้ คงไม่ค่อยได้ดอกไม้ละสิ เรารู้"

    คนขายดอกไม้ยิ้มหวานอย่างเสียไม่ได้
    ก็แม้แต่แจ็ค...ยังไม่เคยสังเกตเรื่องนี้เลย

    "ขอบใจนะ"

    .
    .

    ลูอิสแฮม, ลอนดอนใต้

    "สวัสดีครับ คุณเคน"

    พ่อค้าแผงผักเอ่ยทักทายชายสูงวัยในชุดสูทสีขาวครีม เช่นเดียวกับพ่อค้าแม่ขายในร้านอื่นๆ ตลอดทาง ไมเคิล เคนถอดหมวกออก รับคำทักทาย ก่อนหยุดยืนตรงหน้าไนท์คลับที่อยู่ในความคุ้มครองของตน ซึ่งยังไม่ถึงเวลาเปิด

    แต่แผ่นป้ายที่แปะอยู่หน้าประตูนั่น...?

    ไมเคิลหรี่ตาลง หันไปหาลูกน้อง
    "มองไม่ค่อยเห็นเลย..."

    บอดี้การ์ดหนุ่มรีบไปดึงมันออกมาให้

    "..."

    มันเป็นแค่กระดาษสีน้ำตาลอ่อน
    ประทับรูปฝ่ามือสีแดง
    พิมพ์พาดว่า 'ทรัพย์สินของเรดแฮนด์' 
    พ่วงด้วยลายมือเขียนว่า 'และ ดิ เอิร์ล'

    แต่กลับทำให้ชายชราเลือดขึ้นหน้า

    จะใจดีด้วยไม่ได้แล้ว

    .
    .

    ทอมหมกตัวอยู่ในห้องทำงานตั้งแต่เช้า

    ระหว่างพ่อหลบซ่อนตัวอยู่ในยิมฮาร์ดี้ เขาต้องดูแลทุกอย่างแทนพ่อชั่วคราว ตอนนี้ที่ลุงคริสกลับบ้านได้แล้ว พ่อก็ยังอยู่ในบ้าน และปล่อยให้เขาดูแลบริษัทกับกิจการใต้ดินอื่นๆ ต่อไป มันทำให้หัวหมุนอยู่เหมือนกัน เพราะตกค่ำเขาก็ยังออกไปช่วยลูกน้องในสงครามแย่งพื้นที่จนได้แผลกลับมาทุกวันด้วย

    ก๊อก ก๊อก

    "ไม่ได้ล็อคครับ!"

    เผลอเสียงดังด้วยความหงุดหงิด
    คนฟังไม่ได้ตกใจ แค่ผลักเข้ามาเงียบๆ

    "เป็นอะไร"
    "เปล่า..."

    ใบหน้าหล่อเหลาโน้มลงมาใกล้
    สันจมูกโด่งแกล้งดุนรอยช้ำตรงแก้ม

    ทำตัวเป็นหมาไปได้

    "ทำไมไม่ทำแผล"
    "ไม่ว่าง"
    "ทำไมไม่ปล่อยคนอื่นไปจัดการ"
    "ไม่ใช่คุณชายนั่งชี้นิ้วสั่งไปวันๆ เหมือนใครบางคนไง คุณมีอะไร"

    ถามหาธุระ เบี่ยงตัวหนี
    แต่ไม่ไวกว่ามือแกร่ง

    คว้าเอวสอบไว้
    กดแนบไปกับขอบโต๊ะ

    "ฉันหิว..."
    "ผมไม่...อ้อ..."
    ทอมยิ้มกริ่มในใจ "คุณไม่ได้หมายถึงข้าว"
    "ไม่" แจ็คตอบเสียงดังฟังชัด

    ปัดกองเอกสารเกะกะทิ้งไปจากโต๊ะ
    อุ้มคนตัวเล็กขึ้นวางแทนที่ทุกอย่าง

    ไร้เสียงพูดคุยใดระหว่างกัน
    มีเพียงเสียงหอบหายใจ

    กับกิริยาแทนคำขอร้องอ้อนวอนเท่านั้น

    .
    .

    "ตื่นได้แล้ว คุณชายขี้เซา..."

    เสียงกระซิบข้างหูได้ผลชะงัดในการปลุก

    ลืมตาตื่น ใครบางคนถือแว่นรอให้สวมอยู่แล้ว เขายื่นหน้าออกไปเล็กน้อย เจ้าตัวก็เกี่ยวขาของมันเข้ากับหูแต่ละข้างให้ เลนส์ช่วยมองสะท้อนภาพคนใจดีคนนั้นเข้ามาในดวงตาของคริส ดวงจันทร์กลมโตที่จ้องตอบดูซีดอ่อนในแสงแดดยามกลางวัน

    เขาชอบการได้มองมันเสมอ
    พระจันทร์ที่เปลี่ยนสีได้คู่นั้น

    "ขอบใจมาก ฟินน์ เธอไปได้แล้ว"

    เด็กหนุ่มปิดประตูห้องอย่างเงียบเชียบ
    คงเป็นพาคิลเลียนขึ้นมา?

    "แผลเป็นยังไงบ้าง"
     
    เจ้าตัวขยับมานั่งใกล้อีกนิด
    คริสยิ้มบาง "ไม่เป็นไรแล้วครับ"

    มือเล็กวางบางสิ่งลงบนตักเขา
    ซองจดหมาย ปิดผนึกด้วยครั่ง

    "จากไมเคิล เคน"

    พวกเขาคาดคะเนไว้แล้วว่าอีกไม่นานทางนั้นต้องติดต่อมา เพราะเรดแฮนด์กับเอิร์ลซึ่งรวมอำนาจกันรุกกลับลงไปจนถึงลอนดอนใต้แล้ว แต่ก็ไม่คิดว่าจะรีบส่งคำขอเจรจามาไวขนาดนี้เหมือนกัน

    "เขาขอให้ส่งเอิร์ลไป..."

    คริสอ่านต่อ "มีผู้ติดตามได้หนึ่งคน"
    "กับดัก?"
    "ผมก็กำลังคิดแบบเดียวกัน"

    แต่ถ้าไม่ไป ฝ่ายนั้นอาจถือเอาเหตุถูกหักหาญน้ำใจเป็นข้ออ้างในการประกาศสงครามอย่างโจ่งแจ้ง จะทางไหนตาเฒ่านั่นก็หาทางเล่นพวกเขาได้อยู่ดี

    ต้องคิดล่วงหน้าให้ได้เกินหนึ่งก้าว

    "ผมจะให้ทอมไปกับแจ็ค"

    คิลเลียนตัดสินใจ
    เตรียมไปส่งคำสั่งให้ลูกชาย

    ติดก็แต่...

    "อยู่ต่ออีกนิดได้ไหมครับ"
    "..."

    ดั่งเสียงทุ้มนุ่มเป็นมือล่องหน...ฉุดรั้งร่างเล็กให้ทรุดตัวนั่งลงกับเตียงตามเดิม

    "ทำไม..."
    "อยากฝันต่ออีกสักหน่อย..."

    อยากสูดกลิ่นความทรงจำ
    อยากหายใจเอาคุณเข้าไป

    "คุณไม่ได้ฝัน"

    คิลเลียนพึมพำ ถอดแว่นตาออกให้
    ไล้ปลายนิ้วลงมาตามสันจมูกโด่งสวย

    "...ผมอยู่ตรงนี้"

    .
    .

    เขาชอบท้ายทอยชื้นเหงื่อของร่างสูงจนต้องสอดสางนิ้วมือข้างซ้ายเข้าไปขยุ้ม

    ชอบความกว้างแกร่งของแผ่นหลังใต้เสื้อเชิ้ตชุ่มโชกจนต้องจิกทึ้งมันด้วยมือขวา ชอบแรงบดขย้ำจากสะโพกแข็งแรงจนต้องเกร็งข้อเท้าล็อคเอวอีกฝ่ายเข้ามา ราวกับต้องการให้คนตัวโตกว่าอยู่ในนั้นชั่วนิรันดร์

    "ทอม—"

    ประตูเปิดออก แต่ไม่มีใครหยุดอะไร
    คิลเลียนมองไม่เห็นหน้าลูกชายด้วยซ้ำ

    เห็นแต่ขา...ลอดออกมาเกี่ยวหลังเอวแจ็ค

    "แป๊บนึง...พ่อ..."

    คิลเลียนยืนรอทั้งอย่างนั้น
    โต๊ะทำงานยังสั่นไม่หยุด

    "พ่อ ประตู!"

    เขาเอื้อมไปหาลูกบิดอย่างใจเย็น

    .
    .

    "..."

    ยืนมองนาฬิกาอยู่พักใหญ่
    ไอ้ลูกเขยจึงเปิดประตูสวนออกมา

    แต่งตัวเรียบร้อย แต่ก็ดูยับเยิน
    ไม่มีคำพูดใด แค่เดินเบี่ยงออกไปเงียบๆ

    คิลเลียนยกมือขึ้นกั้น

    "...?"

    ดันอกเจ้าตัวให้ถอยหลังกลับเข้าไปในห้อง 

    "ฉันมีเรื่องต้องคุยกับทั้งคู่"

    .
    .

    การเจรจาของตาเฒ่าเคนดูไม่เป็นมิตรนัก

    ให้เอิร์ลมีผู้ติดตามได้แค่คนเดียว เป็นใครก็ต้องห่วงเรื่องความปลอดภัย แต่เรื่องนี้ผ่านความเห็นลุงคริสมาแล้ว แจ็คเลยเบาใจไปเปลาะหนึ่ง แม้จะยังอดสงสัยไม่ได้ว่าทำไมทางเรดแฮนด์ไม่ส่งบอดี้การ์ดมือดีที่สุดมากับเขา

    แทนที่จะเป็นทอม กลินน์-คาร์นีย์

    "..."

    แจ็คควบคุมพวงมาลัยด้วยมือข้างเดียว อีกข้างเขายกขึ้นกัดเล็บอีกครั้ง ไม่ใช่ไม่รู้ว่ามันดูเหมือนเด็ก แต่เขาห้ามมันไม่ได้ น้อยครั้งที่เขาจะรู้ตัวว่ากำลังทำแบบนั้น คนรอบข้างก็ไม่เคยมีปัญหา หรือจริงๆ ทุกคนอาจจะมี ทว่าไม่กล้าเตือนอะไรเพราะสถานะของเขา

    มีแต่คนข้างตัวนี่ละ
    ที่เคยกล้าสั่งให้เขาหยุด

    "..."

    รถเงียบจนทอมได้ยินเสียงเล็บถูกกัด

    เอิร์ลทำแบบนั้นเสมอเวลาครุ่นคิดหนัก เขาเองก็มีเรื่องให้กังวลจนไม่มีอารมณ์จะต่อว่าหรือจุดประกายการโต้เถียงไร้สาระ จึงทำเพียงเอื้อมมือออกไปดึงมือใหญ่ออกจากปาก...

    กุมมันไว้ในความเงียบ

    น่าแปลกที่คราวนี้...
    เจ้าตัวยอมนิ่งแต่โดยดี





    TBC

Views

เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น

Log in
Lizlada (@lizlada)
ง่อววววววววววววววว ตอนล่าสุดมันบั่บว่าาาา อยากจะแหมใส่เอิร์ลมากค่ะ แหมมมมมม ทนเด็กแซ่บไม่ได้เฉ๊ยยยย เนี่ยๆ ดูสิคนเราาาา ชอบเวลาน้องเตือนพี่ว่าอย่ากัดนิ้ว เป็นเอิร์ลจะสั่งใครก็ได้ แต่มีน้องสั่งเรื่องเล็กๆน้อยๆได้นี่มัน ฮรื่อออ โอ้ยใจ ส่วนคู่คุงพ่อกับคุงลุงก็ แงง ดีมากกกกก อ่านเรื่องนี้แล้วย้วยไปหมด 55555 รอติดตามนะคะ <3
a wallflower girl (@polypor)
แจ็คทอมไม่ไหวแล้ววกรี้ด เกินหน้าเกินตามาก มาแรงแบบฉุดไม่อยู่ เด็กๆเค้าไฟแรงกันจริงๆ ส่วนคู่พ่อนี่ละมุนมากอบอุ่นหัวใจ เขิน กลัวอะไรๆที่จะตามมาเหลือเกินฮือ ติดตามนะคะ
Janst (@janst)
เขินค่ะ เขินทุกคู่เลย ???? / ติดตามๆนะค่า