Makers
Store
Log in
You don't have any notification yet.
See All
My Wallet
null
Library
Settings
Logout
เราใช้คุ๊กกี้บนเว็บไซต์ของเรา กรุณาอ่านและยอมรับ
นโยบายความเป็นส่วนตัว
เพื่อใช้บริการเว็บไซต์
ยอมรับ
ไม่ยอมรับ
filmtofic
–
horamiji
[LF] Way Down We Go: Part III (Chris x Cillian, Jack x Tom)
Title: Way Down We Go
Fandom: RPS (Dunkirk Cast)
Pairing: Chris Nolan x Cillian Murphy, Jack Lowden x Tom Glynn-Carney
AU: Mafia
Episode Theme Song:
World's Gone Mad - Bastille
PART III
รถไฟใต้ดินแน่นขนัด
ขนาดที่ว่าห่วงมือจับมีไม่พอ คริสสามารถเอื้อมถึงราวด้านบนได้โดยง่าย แต่คนตัวเล็กนี่สิ ต้องเอื้อมสุดแขนจึงจะถึง คนตัวโตมองแล้วกลั้นยิ้มจนแก้มแทบปริ ไม่นานนักคิลเลียนก็รู้ตัว
เลิกคิ้ว "อะไร"
คริสส่ายหัว
เจ้าตัวเปลี่ยนแขนเพราะกล้ามเนื้ออันเมื่อยล้าเริ่มประท้วง แต่ยังไม่ทันที่แขนอีกข้างจะเอื้อมขึ้นไปแตะราว มือใหญ่ก็เข้ามาเสนอความช่วยเหลือ...
ให้มือเล็กได้เกาะท่อนแขนของตนที่จับราวอยู่อีกที
แบบนี้จะได้ไม่เมื่อย
คิลเลียนย่นจมูกใส่เขา
แต่นอกจากยอมจับไว้แทนราว
ก็ยังพ่วงด้วยการเอนหัวพิง
แน่นอน ทั้งคู่ไม่คิดปล่อยเอิร์ลกับทอมไปเผชิญหน้าตาเฒ่าเคนตามลำพัง แต่พวกเขาเลือกเดินทางโดยขนส่งสาธารณะแทนที่จะขับรถตาม เพราะหากพบว่าศัตรูลอบจับตามองหรือสะกดรอย การอยู่ในฝูงชนนี่แหละจะช่วยให้สลัดคนติดตามได้ง่ายที่สุด
"..."
คริสลอบมองคนแอบงีบบนแขนตนเงียบๆ
ริ้วรอยแห่งวัยไม่ได้ทำให้ใบหน้านั้นงดงามน้อยลงจากครั้งสุดท้ายที่ได้เห็น ราวกับภาพฝัน... ราวกับพระเจ้าทรงใช้เวลาสร้างสรรค์สิ่งมีชีวิตตรงหน้านี้นานกว่าคนอื่นเป็นพิเศษ และเมื่อก่อนทำได้แค่แอบมองอย่างไร ตอนนี้ก็ยังคงเป็นเฉกเช่นนั้น
ยามพระจันทร์สุกใสสว่างขึ้น
เขาจำเป็นต้องหลบเร้นเสมอมา
เปลือกตาบางเปิดมองโลกรอบตัวอีกครั้ง
ทันจังหวะที่คนแอบจ้องเสมองทางอื่นพอดี
คิลเลียนหัวเราะในใจ เอียงคอตามสายตาพ่อคนขี้เขิน รุกไล่จนเจ้าตัวเสหน้ากลับมาอีกทาง กลับไปกลับมาอยู่อย่างนั้น ต้อนเข้ามุมจนอีกฝ่ายฮึดสู้ หันมาจ้องตอบบ้าง
สิบ
เก้า
แปด
ริมฝีปากบางลิ้มขยับนับเลขไร้สุ้มเสียง
เจ็ด
หก
คริสยังแข็งใจ แต่ด้วยใบหูที่แดงขึ้นเรื่อยๆ
ห้า
สี่
สา...
ตึ๊ง!
เสียงประกาศชื่อสถานีดังขัดขึ้น
สำหรับเขา มันเหมือนระฆังช่วยชีวิต
"ต้องลงแล้วครับ"
เสียงทุ้มกระซิบ เกือบไม่มีเสียง
ดันแว่นขึ้น หลบตาไปอย่างเนียนๆ
ประตูรถไฟเปิดออก เจ้าหมีหูแดงแทบจะพุ่งตัวออกไป
ขณะที่คิลเลียนเดินลอยชาย กัดริมฝีปาก กลั้นรอยยิ้ม
เป็นเกมโง่ๆ ที่เขาชนะทุกครั้งจริงๆ
.
.
"เด็กๆ เข้าไปแล้วครับ"
คนลอบมองผ่านตาแมวเอ่ย
คิลเลียนหลุดหัวเราะ
ไม่มีปี่ไม่มีขลุ่ย
คริสหันมาหาคนที่นั่งอยู่บนชั้นวางของข้างประตูห้อง เจ้าตัวจึงเงียบเสียงหัวเราะ และพยายามหุบยิ้ม แต่ครั้งนี้คุณชายไม่ปล่อยผ่านไปง่ายๆ
"อะไรครับ"
"เปล่า"
คิลเลียนเชิดหน้ามองบน
มุมปากยังมีร่องรอยความขบขัน
"คิลเลียน..."
โทนเสียงดุขึ้นเล็กน้อย เหมือนเมื่อก่อนตอนเด็กเลี้ยงม้าไม่ตั้งใจเรียน ทั้งที่เป็นฝ่ายขอให้สอน
สองมือคว่ำจับขอบชั้นวาง กางกรงแขนกั้นคอกขังคนตัวเล็กที่หลุบตาลงมอง
"แค่คิดว่า..."
มือที่กอดอกคลายออก
ยื่นนิ้วชี้มาเคาะปลายจมูกโด่ง
"คุณนี่ถนัดงานถ้ำมองจังนะ"
ตั้งแต่บนรถไฟที่มองเขา จนเมื่อครู่นี้
เขาก็แค่ขำความคิดตลกไร้สาระของตัวเอง
เอาแต่มองอยู่นั่นแหละ
เมื่อไรจะได้...
คริสยกมือลูบหางคิ้ว ไม่มีคำพูดใด
ตั้งใจจะกลับไปที่ประตู
แต่นิ้วเล็กๆ ก็เหนี่ยวรั้งคอเสื้อเขาเอาไว้...
"..."
และค่อยๆ...งัดกระดุม...ออกจากรัง
"คุณรู้ใช่ไหม..."
เม็ดที่หนึ่ง
"ว่าผมไม่ใช่เด็กอายุสิบหกแล้ว..."
เสื้อแหวกออกพอเห็นผิวอกขาวๆ
ปลายนิ้วมนเลื่อนลงไปยังด่านที่สอง
"..."
คริสตัวแข็งทื่อราวกับต้องมนตรา
ลำคอหนากระเพื่อมชัดยามกลืนน้ำลาย
เม็ดที่สอง
"คุณแตะต้องผมได้นะ..."
คิลเลียนกระซิบ
โน้มตัวลง เอียงศีรษะ
เคลื่อนริมฝีปากเข้ามา...
และ...
...
พลาดไปไม่กี่องศาเท่านั้น
คิลเลียนเลียปากที่เฉียดชิมเนื้อแก้มนิ่มๆ มาได้เล็กน้อยเพราะเจ้าตัวหันหลบ
"เรามาทำงานนะครับ"
คริสเอ่ยยิ้มๆ
ติดกระดุมเสื้อกลับคืน
คนตัวเล็กกัดปากล่างเบาๆ
นึกเสียดาย แต่ก็ไม่ผิดคาดหรอก
คริสก็คือคริสวันยังค่ำ
เขาหยิกแก้มคนน่าหมั่นไส้เบาๆ
ปล่อยให้กลับไปเฝ้าดูห้องตรงข้าม
"ไว้คราวหน้า..."
คริสพึมพำกับตัวเอง
เพราะไม่ต้องการทีละเศษ...ทีละเสี้ยว
ทีละเล็ก... ทีละน้อย...
เขาต้องการทั้งหมด
.
.
เมื่อเข้าไปในห้องโรงแรมอันเป็นสถานที่นัดพบ ทั้งคู่ต้องเจอกับการถูกค้นตัวโดยบอดี้การ์ดร่างยักษ์สองนายเป็นอย่างแรก เอิร์ลมีปืนพกกระบอกเดียวเท่านั้น เขาดึงมันออกจากเอวและส่งให้คนตรวจง่ายๆ ระหว่างยืนรอมันค้นร่างกายส่วนที่เหลือ
หันมองทางขวา
บอดี้การ์ดอีกคนต้องทำงานหนักกว่าเยอะ
ทายาทแห่งเรดแฮนด์มีทั้งปืนพกกึ่งอัตโนมัติสองกระบอกอยู่หลังเอว มีดพับในกระเป๋าเสื้อสูท ต่ำลงไปหน่อยยังมีปืนลูกโม่จิ๋วเสียบอยู่ตรงข้อพับขา และตอนที่คิดว่าจะหมดจดสะอาดสะอ้านแล้ว มันก็ยังพบใบมีดโกนเล็กๆ ซ่อนอยู่ในสายหนังของนาฬิกาข้อมือเจ้าตัว
แจ็คเริ่มเข้าใจแล้วว่าทำไมคิลเลียนเลือกส่งลูกชายตัวเองมากับเขา
"นี่อะไร"
เสียงแหบต่ำถามดุดัน
กระตุกบางสิ่งออกจากใบหูทอม
ยกยิ้ม ยักไหล่ "ต่างหู"
ปลายของมันดูแหลมเกินไปที่จะปล่อยผ่าน
หมอนั่นเก็บเอาต่างหูของทอมไปด้วย หลังจากนั้นจึงเปิดทางให้พวกเขาเข้าไปพบไมเคิล เคน ผู้นั่งจิบชารออยู่ในโถงห้องรับแขก
"เรียบร้อยครับท่าน"
ชายชราโบกมือให้ลูกน้องกลับไปเฝ้าหน้าประตู ทอมกวาดสายตาเลยไปด้านหลัง ยังพบบอดี้การ์ดร่างสูงยืนเด่นคุ้มครองนายท่านอยู่อีกสองคน
"เป็นแขกที่ลูกน้องฉันใช้เวลาค้นตัวนานสุดๆ ไปเลยนะ"
กริ๊ก
ไมเคิลวางถ้วยชาลงกับโต๊ะ
ทอมนั่งเงียบ ไม่ต้องการแสดงตนว่าเป็นคนสำคัญของแก๊งที่รวมอำนาจกับเอิร์ล แจ็คอ่านสถานการณ์แล้วจึงเล่นไปตามน้ำ ทำเหมือนผู้ติดตามเป็นเพียงลูกน้องคนหนึ่ง
"ถ้าผมถามอะไรอย่าง จะเป็นการเสียมายาทหรือเปล่า"
คนแก่กว่าเลิกคิ้ว "ไม่หรอก นี่เป็นการเจรจาที่ทั้งสองฝ่ายเท่าเทียมกัน อย่าทำตัวนอบน้อมขนาดนั้นเลย"
แจ็คแสร้งยิ้ม "คุณพูดถึงความเท่าเทียมขึ้นมาพอดี เพราะผมกำลังจะถามว่าทำไมเราถึงเป็นฝ่ายเดียวที่ถูกค้นตัว"
ไมเคิล เคนหัวเราะ
"คนแก่ก็ขี้ระแวงอย่างนี้"
"แล้วคนหนุ่มอย่างผมระแวงบ้างไม่ได้หรือครับ"
รอยยิ้มของคนแก่ค่อยๆ เย็นชาขึ้น
มือเหี่ยวย่นล้วงเข้าไปในเสื้อสูท...
ทอมกระตุกขา เตรียมขยับอย่างไม่ไว้ใจ
แจ็คมือไว เอื้อมตบเข่าปรามอีกฝ่ายลงก่อน
สิ่งที่เคนหยิบออกมาคือปากกาคอแร้ง
แท่งหรูสีดำขลับ สลักเสลาลวดลายสีทอง
"ทั้งตัวฉันมีแค่นี้แหละ"
แจ็คทำเสียงรับทราบในลำคอ "และผมควรจะไว้ใจบอดี้การ์ดของคุณว่าไม่มีอาวุธ อืม เอาอย่างนั้นก็ได้ครับ ผมไม่อยากเสียเวลา เข้าเรื่องเลยดีกว่า"
ชายหนุ่มเอนหลังไปกับพนักโซฟา
ขณะที่ทอมยังนั่งตัวตรง ตาไม่กะพริบ
"ฟังนะ ฉันรู้ว่าเธอไม่พอใจที่คนของฉันล้ำเข้าไปทำกินในเขตของเธอ..."
"คุณจะบอกว่ามันไม่ใช่คำสั่งของคุณ?"อีกฝ่ายสั่นหัว "ไม่มีทาง ไอ้ลูกชา—"
"ช่วยแทนผมว่าเอิร์ลด้วย เราไม่ใช่ญาติกัน"
แจ็คพึมพำ ยกขาไขว่ห้าง
ปัดเศษใยพรมออกจากรองเท้าหนัง
ไมเคิลหรี่ตา "เอิร์ล... ฉันมีอาณาเขตทางใต้เหลือให้ขยายลงไปเสมอ ฉันไม่เคยล้ำที่พวกเครย์ ฉันจะล้ำขึ้นไปทำไมตอนนี้"
"ถ้างั้นคุณช่วยชี้ตัวลูกน้องที่ทำนอกเหนือคำสั่งคุณให้ผมได้ไหม"
"แล้วเธอจะ? ฆ่ามันหรือ?"
"แล้วคุณคิดว่าผมควรทำยังไง"
"นี่คือเหตุผลที่ฉันขอเจรจา เอิร์ล ลูกน้องฉันทำผิด ฉันจะลงโทษให้ แต่พวกมันเป็นมือดี ฉันยังจำเป็นต้องใช้ มันจะดีมากถ้าเราแค่คืนอาณาเขตกันและกัน..."
"แล้วทำเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น?"
แจ็คเริ่มเอามือกอดอก
"เรากำลังพูดถึงการแย่งพื้นที่กันอยู่เป็นอาทิตย์ๆ แล้วจู่ๆ คุณก็มาโบ้ยว่าลูกน้องคุณสวมเขาให้คุณ ใช้ชื่อคุณมาไล่ที่พวกผมโดยที่คุณไม่รู้เห็นอะไรด้วยเลยน่ะหรือ คุณได้ลองซ้อมพูดหน้ากระจกดูก่อนบ้างไหม ทีหลังจะได้รู้ว่ามันฟังดูตอแหลแค่ไหน"
ทอมสังเกตว่ากล้ามเนื้อใบหน้านั้นกระตุก
หน้ากากคนแก่ใจดีเริ่มกะเทาะออกมาแล้ว
"ทำไมเราไม่เอาแบบนี้ล่ะ ยุติสงครามไว้แค่นี้ คุณถอยกลับลงไป แต่ส่วนที่ผมได้มาจะยังคงเป็นของผม เป็นค่าชดใช้ที่ลูกน้องคุณ —ตามที่คุณกล่าวอ้างน่ะนะ— รุกรานขึ้นมาก่อน"
ไมเคิลหยุดคิดเพียงแวบเดียวเท่านั้น
"ได้"
วินาทีนั้น
ทอมอ่านออกในทันทีว่ามันคือคำสั่ง
ที่ตาเฒ่ากล่าวกับลูกน้องตัวเอง
ซึ่งย่องเข้ามาข้างหลังเอิร์ล!
หางตาเห็นแล้วว่าแจ็คกำลังจะถูกบอดี้การ์ดของเคนใช้สายโทรศัพท์รัดคอ แต่นี่เป็นโอกาสเดียวเช่นกันที่เขาจะลงมือได้
ทอมคว้าปากกาแท่งหรูบนโต๊ะปักลงไปกับคอของไมเคิลทันที!
บอดี้การ์ดด้านหลังพุ่งเข้ามาโดยฉับพลัน ทอมก้มตัวต่ำ ใช้ความว่องไวคว้าปืนจากเอวหมอนั่น
ปัง!
กระสุนทะลุปลายคาง เลือดกระชากสาดใส่หน้าเขา
ปัง!
บอดี้การ์ดอีกคนล้มลงเมื่อลูกตะกั่วเจาะหัวเข่า
ปัง!
ร่างเล็กปลิดชีพมันด้วยอีกนัดที่หัว
ไมเคิล เคนยังนอนพะงาบกุมแผลที่คอ
สูทขาวราคาแพงย้อมไปด้วยเลือด
เขามองหาแจ็ค
มือใหญ่ข้างหนึ่งไวพอจะกั้นสายไฟไว้จากการรัดคอโดยตรงได้ จึงพอมีช่องดิ้นรนหายใจได้อีกสักพัก ทอมหวังว่ามันจะนานพอ เพราะตอนนี้บอดี้การ์ดอีกคนที่เหลือกำลังขวางทางเขาอยู่
มันอาศัยจังหวะที่เขามองแจ็คตบปืนทิ้งไปจากมือ ถีบเขาเข้ามุม คู่ต่อสู้ตัวใหญ่เกินกว่าจะล้มด้วยหมัดหรือแม้แต่เท้า ร่างเล็กถูกกอดรัดจากด้านหลัง จึงใช้หลังศีรษะโขกหน้าผากมัน รีบหมุนตัวเข้าหากำแพง สองเท้าไต่ยันขึ้นไป ดีดตัวตีลังกาข้ามหัว ทุ่มน้ำหนักทั้งร่างเพื่อคว่ำมันลง
ตึง!
ทอมพลิกตัวขึ้นมาใช้สองขาล็อคคอศัตรูไว้
คว้าปืนจากเอวของมัน ปัง!
และ
ปัง!
หันกลับไปยิงไอ้คนสุดท้ายที่รัดคอเอิร์ลอยู่
ร่างสูงเป็นอิสระร่วงลงกับพื้น
ยันตัวขึ้น ไอโขลก โหยหาอากาศเข้าปอด
ทอมหลับตาลง
ถอนหายใจเฮือกใหญ่
เดินกลับไปที่โซฟา
ตาเฒ่าเคนยังรวยรินอยู่บนนั้น
"...อ่อก"
ชายหัวหงอกเหมือนอยากจะพูดอะไร
'อย่านะ' ? 'ขอร้องล่ะ' ?
ทอมไม่รู้
ไม่ได้สนใจ
เอื้อมมือไปจับปลายปากกาเงียบๆ
ดันหนึ่งครั้ง ร่างของเคนกระตุก
เลือดไม่ได้ไหลมากกว่าเดิมเท่าไร
ดันอีกครั้ง หัวโลหะทะลุคออีกฝั่ง
เปลือกตาของชายชราปิดลง...ตลอดกาล
"ทอม..."
เจ้าของชื่อไม่ขานรับ
ประคองใบหน้าของคนตายขึ้น
...ดึงปากกาออกจากลำคอโชกเลือด
ของเหลวหนืดข้นอุ่นคล้ำอีกมากมายไหลหลั่งพรั่งพรูออกมาย้อมฝ่ามือของทอม
"เอาถุงมา..." ทอมพูดเสียงเบา
"อะไรนะ"
ร่างเล็กเร่งเสียงขึ้น "ถุงขยะ"
แจ็คเสยผมด้วยความสับสน แต่ก็เข้าไปในห้องน้ำ หาถุงมาให้ ทอมตามเก็บปืนทุกกระบอกที่ตนสัมผัส ยัดลงไปรวมกับปากกาที่ใช้สังหารหัวหน้ามาเฟียใหญ่แห่งลอนดอนใต้
ยิ่งเห็นเจ้าตัวดูสงบนิ่งเวลาทำสิ่งเหล่านี้ เอิร์ลหนุ่มยิ่งหัวเสีย
"นี่มันเรื่องอะไรกัน!"
"..."
"ทำแบบนี้ทำไม..."
ทอมยืนนิ่ง
ก้มหน้ามองมือเปื้อนเลือดของตน
"เพราะ...นี่คือสิ่งที่เรดแฮนด์ทำ..."
"..."
"นี่คือเหตุผลที่เราถูกเรียกว่าเรดแฮนด์..."
นี่คือตัวตนของเขา
"เพราะเรา...ยอมให้มือตัวเองเปื้อนเลือด"
ทอมกระซิบ เหมือนพูดกับตัวเอง
แจ็คใบ้กินไปหลายอึดใจ แม้ไม่เข้าใจอะไรเลยแต่ก็ไม่อยากซักไซ้อีกในตอนนี้ สิ่งสำคัญคือต้องออกไปจากที่นี่ก่อน
"ถอดเสื้อออก"
คนตัวเล็กก้มมองสูทเปื้อนเลือดของตัวเอง พบว่าเอิร์ลพูดถูก เขาเดินออกไปในสภาพนี้ไม่ได้ ทอมถอดเสื้อตัวนอก และยัดมันลงไปในถุงเดียวกับปืน ตามด้วยเชิ้ตขาวที่ส่วนปกแดงฉานไปหมด เขาใช้มันขัดถูเลือดบนฝ่ามือออกลวกๆ เตรียมยัดลงถุงไปอีกตัว
แต่แจ็คคว้ามันเอาไว้ก่อน
กลับส่วนที่ยังสะอาดขึ้นมา
เช็ดคราบเลือดออกจากใบหน้าสวย
"..."
ทอมจ้องคนที่ตั้งใจเช็ดหน้าให้ตนเงียบๆ ด้วยไม่คิดว่าคุณชายบนหอคอยงาช้างจะยอมลดตัวลงมาทำอะไรแบบนี้ให้ แจ็คขมวดคิ้วมุ่น เมื่อคราบเลือดเล็กๆ ตรงมุมปากของทอมเริ่มแห้งกรังจนถูเท่าไรก็ไม่ออก
โดยไม่ทันตั้งตัว
ดวงหน้าคมสันโน้มลงมา
แตะปลายลิ้นละลายเลือด
ดูดซับคราบนั้นออกให้...
"ออกแล้ว..."
แจ็คงึมงำ ถอดเสื้อตัวนอกของตนออกมาสวมให้คนตัวเล็กที่เหลือแต่เสื้อกล้าม แล้วจูงมือคนที่ยังนิ่งงันออกไปจากห้อง
.
.
ราวครึ่งชั่วโมงหลังแจ็คและทอมออกไป
ชายหนุ่มในชุดสูทสีกรมพร้อมกระเป๋าเอกสารในมือปรากฏตัวขึ้นอย่างร้อนรน มีการ์ดติดตามคุ้มกันสองนาย เขาคือเลขาฯ ของไมเคิลที่ได้รับแจ้งจากคนขับรถว่านายท่านไม่ได้กลับลงมาตามเวลานัด จึงต้องรีบรุดมาที่นี่
เขาตรงเข้าเคาะประตูห้องที่ไมเคิล เคนใช้นัดเจรจากับเอิร์ล
ไม่มีเสียงตอบรับ
เป็นประตูห้องฝั่งตรงข้ามที่เปิดออกแทน
ปัง! ปัง!
บอดี้การ์ดสองนายล้มลงในพริบตา
ปลายกระบอกปืนเคลื่อนเข้าจ่อใต้คางเขา
"คริสเตียน เบล...ใช่ไหม?"
ชายที่หน้าตาเหมือนเอิร์ลคนเก่าถาม
คงตกใจถ้าไม่เคยได้ยินว่าเขามีแฝด
คริสเตียนพยักหน้า
หลุบตามองชายร่างเล็กที่เอาปืนจี้ตนอยู่
"ไมเคิล เคนตายแล้ว"
ถ้าจำไม่ผิด...หัวหน้าแก๊งเรดแฮนด์?
"ต่อไปนี้คุณทำงานให้พวกผม"
ปืนดันคางเข้ามาอีกจนเขาต้องเชิดหน้า
"หรือจะไปสบาย...ไม่ต้องทำงานอีกเลย เลือกเอา"
.
.
ตั้งแต่ขึ้นรถ ยังไม่มีใครพูดอะไร
แจ็คยังคงพยายามปะติดปะต่อเรื่องราวในระหว่างที่ขับรถ พวงมาลัยถูกควบคุมด้วยมือเดียวอีกครั้งยามเขาใช้ความคิดจนต้องกัดเล็บ เริ่มนึกออกแล้วว่าทำไมขามาทอมจึงได้เงียบผิดปกติและดูมีอะไรในใจขนาดนั้น
บางทีคำสั่งที่ทอมได้รับอาจเป็นการสังหารไมเคิล เคนตั้งแต่แรก
เขาไม่เห็นด้วยหรอกแต่ไม่อยากโวยวายตอนนี้
อีกฝ่ายดูเหนื่อยเกินไป
มือเล็กนั่น...ก็เริ่มสั่น
แจ็คมองทางไป มองมือนั้นไป
"ไม่เป็นไรนะ...?"
ทอมเลิกเหม่อลอย หันมาหาเขา...ช้าๆ
มองตามสายตาคู่นั้นลงไปที่มือตัวเอง
เพิ่งรู้สึกว่าสั่น...ก็ตอนที่เห็น
"ปฏิกิริยาปกติของร่างกายน่ะ..."
ทอมอธิบายเสียงเรียบ
แจ็คพยักหน้ารับรู้เงียบๆ และขับรถต่อ
"..."
แต่หยุดกัดเล็บ
เอื้อมมือใหญ่มากุมมือเล็กที่สั่น
ทอมดื้อเล็กน้อย
แต่เพราะอีกคนบีบแน่น ยืนยัน
เลยต้องยอมปล่อยให้ช่วย
อย่างน้อยก็ทำให้หลับสบายไปได้ตลอดทาง
.
.
"กลายเป็นว่าทุกคนรู้กันยกเว้นผม"
แจ็คเหนื่อยจนอยากไปนอนแทบตาย แต่ยังคาใจจนต้องยอมมานั่งทะเลาะกับลุงกลางดึก เขาพยายามไม่เสียงดัง เพื่อไม่ให้ไปรบกวนคนตัวเล็กที่เพิ่งอุ้มไปส่งเข้านอน เพราะปลุกไม่ตื่น เลยต้องพาออกจากรถทั้งที่หลับปุ๋ยเป็นเด็กแบบนั้น
ดูไร้เดียงสา ราวกับเจ้าหญิงนิทรา
ทั้งที่เพิ่งฆ่าคนไปห้าคน
เพราะคำสั่งที่แท้จริงจากคิลเลียนเป็นอย่างที่แจ็คคิดไว้ หน้าที่แท้จริงของทอมคือการจบชีวิตไมเคิล เคน ปิดฉากสงครามระหว่างแก๊งให้เร็วที่สุด
"ทุกคนข้ามหัวผม ผมยังพอรับได้ แต่ยังไงผมก็ไม่ชอบวิธีการฆ่าเพื่อครอบครองอยู่ดี แบบนี้มันจะต่างจากที่คิลเลียนฆ่าพ่อผมยังไง"
คริสหยุดทุกอย่างที่ทำอยู่ทันที
"การเจรจานั่นถูกจัดขึ้นเพื่อลวงหลานไปฆ่าตั้งแต่แรกแล้ว แจ็ค"
"..."
"คิลเลียนแค่เห็นว่ามันเป็นโอกาสที่ต้องชิงลงมือปิดเกม หลานเองก็โตมากับวงการนี้ น่าจะรู้ดี หรือหลานคิดว่ามีแก๊งไหนรักษาอำนาจไว้ได้โดยไม่ฆ่าใครเลย"
ลุงลุกจากโต๊ะทำงานมานั่งข้างแจ็ค
"คำสั่งแรกหลังขึ้นเป็นเอิร์ลของหลานคือฆ่าหนูทอม จำได้ไหม? หลานน่ะได้พ่อมาเต็มๆ..."
คนฟังนั่งเงียบ มองไฟในเตาผิง
"แอนดี้ใช้อารมณ์นำเหตุผลเสมอ เลยฆ่าใครเพราะเรื่องส่วนตัวบ่อยๆ แต่คิลเลียน หนูทอม หรือแม้แต่ไมเคิล พวกเขาจะฆ่าใครสักคนก็เพื่อธุรกิจเท่านั้น หลานต้องระวังเรื่องนี้ให้มาก มันจะย้อนกลับมาทำลายตัวเอง..."
"เข้าใจแล้วครับ"
คริสยิ้มบาง ตบบ่าคนเป็นหลาน
"ผมแค่ยังช็อกที่เด็กนั่น..."
แจ็คละไว้ แต่พอเข้าใจได้ทันที
เรดแฮนด์กำเนิดมาจากชนชั้นแรงงาน
จึงทำเรื่องสกปรกทุกอย่างด้วยมือตัวเอง
การเป็นลูกชายหัวหน้าไม่ใช่ข้อยกเว้น
"เท่าที่หนูทอมทำคือปกป้องชีวิตหลาน ลองคิดอย่างนี้ดูแล้วกัน"
.
.
แจ็คเปิดประตูห้องนอนตนอย่างเงียบเชียบ
ไม่เปิดไฟด้วยซ้ำ กลัวว่าแค่เสียงเล็กๆ หรือแสงสว่าง หรืออะไรก็ตามจะไปรบกวนการนอนหลับของอีกคน กลัวเล็กกลัวน้อยมากเกินอย่างที่ไม่เคยใส่ใจใครมาก่อน จนเริ่มกลัวที่ตัวเองเปลี่ยนไปแบบนี้
เขาห้ามกายตัวเองไม่ได้
อย่างน้อยก็ควรห้ามใจ เพื่ออนายริน
ความจริงเรื่องจบเร็วแบบนี้ก็ดีเหมือนกัน
ไว้แบ่งพื้นที่ของไมเคิล เคนกับทางเรดแฮนด์เสร็จเมื่อไรก็คงได้หย่า...
ต้องหย่าให้เร็วที่สุด
จะได้ไม่ต้องมานั่งกลัวใจตัวเองแบบนี้
"อือ..."
คนบนเตียงขยับเล็กน้อย แต่ไม่ตื่น
ไม่รู้ตัวว่าถูกร่างสูงขึ้นมานอนกอดไว้
แค่คืนเดียวเท่านั้น
ขอโทษนะ นาย
แต่ขอคืนเดียวจริงๆ
.
.
"อีกชั่วโมงเธอค่อยมารับฉันแล้วกันนะ"
คริสสั่งก่อนลงจากรถ
ฟินน์พยักหน้า "ครับ คุณโนแลน"
เขาลงจากรถก่อนถึงที่นัดหมายและเดินเท้าต่อไปอีกพักใหญ่ เลี้ยวซ้ายเข้าตรอกเหงาๆ เงียบๆ ซึ่งน้อยคนจะรู้ว่ามีร้านน้ำชาอยู่ในนั้น มันเป็นสถานที่หนึ่งที่เขาแอบมานั่งอ่านหนังสือบ่อยๆ สมัยเด็ก โดยเฉพาะเวลาที่บ้านเสียงดังจนอยู่ไม่ได้ เพราะแอนดี้หัดยิงปืนกับพ่อ
"สวัสดีครับ"
เจ้าของร้านทำหน้าเหวอเล็กน้อย
เพราะแอนดรูว์ ลาวเดนเพิ่งตายไปไม่นาน
ก่อนจะนึกขึ้นได้ว่ารายนั้นไม่ได้มาบ่อย
ขาประจำคืออีกคนสมัยยังเป็นเด็กต่างหาก
"คริสใช่ไหมนี่?"
"ครับ คุณไรแลนซ์ ผมเอง"
อีกฝ่ายยิ้มกว้าง "โอ ดีจริงๆ ที่ได้เจอกันอีก กลับมาเมื่อไรนี่ อ้อ คงมางานแอนดี้สินะ..."
"ใช่ครับ"
"แล้วจะอยู่นานที่นี่ไหมล่ะ หรือว่ายังไง"
"แค่มาจัดการธุระทางบ้านให้เรียบร้อยน่ะครับ คงกลับไปโน่นเร็วๆ นี้"
"อ้อ น่าเสียดาย นี่โต๊ะประจำของเธอยังอยู่ที่เดิมเลยนะ ยังไงช่วงที่ยังอยู่ก็แวะมาบ่อยๆ ล่ะ"
มาร์คชี้ไปโต๊ะตัวในสุดของร้าน
"ขอบคุณครับ"
"เอิร์ลเกรย์กาหนึ่งเหมือนเดิมใช่ไหม"
คริสยิ้มตอบรับ
เข้าไปนั่งรอคนที่นัดไว้
...
กรุ๊ง กริ๊ง
โมบายหน้าประตูดังขึ้นอีกครั้ง
มาร์ค ไรแลนซ์หันมาทักทายลูกค้าใหม่
"อ้าว เจมส์ รับอะไรดี?"
เจมส์ ดาร์ซีถอดหมวกออก ทักทายตามมารยาท
"ไม่เป็นไรครับ ผมมากับสุภาพบุรุษท่านนั้น..."
ชายร่างสูงยาวยิ้มเดินไปยังโต๊ะตัวเดียวที่มีลูกค้าอยู่
"สวัสดีครับ คุณคริส"
.
.
ครบหนึ่งชั่วโมงพอดี
ฟินน์วนรถกลับมารับเจ้านาย
คริสรู้สึกได้ว่าเด็กคนนี้มีอะไรสักอย่าง
แววตา...เหมือนเคยเห็นที่ไหน
"ทำงานให้เอิร์ลมานานหรือยัง"
"ตั้งแต่แม่ผมเสียครับ ประมาณห้าปีก่อน..."
"เป็นคนที่ไหนล่ะเรา"
"อีสต์เอนด์นี่แหละครับ ฮอกซ์ตัน"
ฮอกซ์ตัน...?
ทำไมคุ้น
เด็กหนุ่มเริ่มแสดงท่าทีประหม่ามากขึ้น มองกระจกบ่อยขึ้น ตลอดเวลาที่คริสชวนคุย แต่ก็ยังถือว่าเก็บอาการได้ดีมากอยู่
กระทั่งเจ้าตัวยกแขนนวดคอตัวเอง
ปกเสื้อรั้งลงเผยให้เห็นสิ่งหนึ่ง
ที่สะดุดตาคริส
"สร้อยแปลกดีนะ"
"..."
มันเป็น...สร้อยทองเส้นสั้นที่ถูกนำมาต่อให้ยาวขึ้นด้วยเงินเส้นยาว จนกลายเป็นสร้อยคอ
"ได้มาจากไหนเหรอ"
"...พ่อผมให้ไว้ครับ"
แปลกจริงๆ
เส้นสั้นสีทองน่ะเป็นสร้อยข้อเท้าเด็กสั่งทำ
ลวดลายเป็นเอกลักษณ์ ไม่มีขายทั่วไป
ที่เขารู้ เพราะอีกเส้นที่เหมือนกันน่ะ...
อยู่ที่เขา
.
.
"ตื่นรึยัง"
ทอมนิ่วหน้า งัวเงียกระซิบ
"ตื่น...เพราะคุณน่ะ"
"งั้นก็ลุกมาอาบน้ำได้แล้ว"
เด็กดื้อยิ่งซุกหน้าจมไปกับอกกว้าง
แจ็คพรมเสียงกระซิบเร่งย้ำๆ
"เร็ว เดี๋ยวเลือดมันล้างไม่ออก..."
"...คุณก็ลุกสิ"
"ลุกก่อนสิ"
"คุณก่อน..."
"ได้"
ชายหนุ่มลุกจากเตียง
ช้อนเอาร่างในอ้อมแขนขึ้นมาด้วย
"นี่!"
"อะไร ก็ลุกพร้อมกันไง"
ทอมจำต้องคว้าคอคนตัวโตไว้กันหล่น
แกล้งยิ้มหวาน "อาบพร้อมกันเลยไหมล่ะ"
แจ็คเงียบอุ้มไปส่งไว้ในอ่างอาบน้ำ
จะตกหลุมพรางอีกไม่ได้
"เร็วๆ ล่ะ...จะได้คุยเรื่องหย่าตอนอาหารเช้า"
ประตูห้องน้ำปิดลง
"แจ็ค!"
และเปิดออกอีกครั้ง
"อะไร..."
"คุณรีบแค่ไหน?"
"ที่สุด" ตอบแบบไม่คิด "ทันทีที่เรดแฮนด์กับเอิร์ลแบ่งอาณาเขตที่ได้มาเรียบร้อย"
"สัญญากับเขาไว้ใช่ไหม..."
เสียงของทอมเบาลงจนสัมผัสได้
แต่เขาก็ยัง...ตอกย้ำความจริงให้ฟัง
"ว่าจะแต่งงาน...ใช่"
.
.
หาทุ่งหญ้าในลอนดอนไม่ค่อยได้แล้วนอกจากปลูกเอง
คิลเลียนลงทุนไปเยอะกับการสร้างพื้นที่ให้ม้าแสนรักได้ออกกำลัง และหลังจากที่นี่เสร็จดี ช่วงสุดสัปดาห์เขาก็ไม่เคยอยู่บ้านในเมืองอีกเลย ทอมเรียกมันเล่นๆ ว่า 'บ้านลูกเมียน้อย' เพราะพ่อดูมีความสุขกับการแอบมากกอยู่กับเจ้าลูกรักขนคอยาวเหลือเกิน
นี่เป็นครั้งแรกที่เขาพาคนอื่นมาด้วย
แต่ก็...ไม่ใช่ 'คนอื่น' เสียทีเดียวหรอก
"มันไม่กัดหรอกน่า"
คิลเลียนลูบสันจมูกเจ้าม้าสีนิลอย่างรักใคร่
ระหว่างที่คริสปีนขึ้นไปนั่งบนหลังมัน
และนั่งนิ่ง
"อะไร อย่าบอกนะว่าขี่ไม่เป็นแล้ว"
คริสยิ้ม "แอลเอไม่ค่อยมีม้าให้ขี่หรอกครับ"
ยื่นมือออกมาตรงหน้าเจ้าของม้า
"สอนผมใหม่ได้ไหม..."
คิลเลียนส่ายหัว เบื่อหน่าย
แต่ก็ยอมปีนขึ้นไปนั่งหน้า
คนตัวโตสอดแขนผ่านเอวบางไปจับเชือกจูงม้า
แล้วบังคับเจ้าลูกรักของคนในอ้อมแขนออกเดิน
เรียกเสียงโวย "โคตรตอแหลเลย..."
ไหนวะ ขี่ไม่เป็น
จะลงก็ไม่ทันเสียแล้ว
คริสหัวเราะอารมณ์ดีอยู่ด้านหลัง
เต็มใจรับคำสบถก่นด่าที่ตามมาอีกเป็นชุด
"คุณยังไม่บอกเลยว่ามันชื่ออะไร"
"ไม่ต้องรู้หรอก"
"ทำไมล่ะครับ"
คิลเลียนถอนหายใจ "รู้ไปทำไมเล่า"
"คิลเลียน..."
"ไม่ต้องมาทำเสียงแบบนั้นเลย"
คนตัวโตฝังใบหน้าลงบนไหล่เล็ก
งึมงำถามด้วยน้ำเสียงออดอ้อน
"บอกหน่อยสิ..."
"คริส"
"นะครับ..."
"คริส"
"จะไม่บอกจริงเหรอ..."
"ก็บอกไปแล้วไง"
คนตัวเล็กพูดเสียงดุ
คนฟังพอรู้ว่าม้าชื่ออะไรก็ยิ่งซุกหน้าลงกับสะบักหลังของร่างในอ้อมกอด ด้วยอาการเขินจนแทบอยากมุดลงดิน คิลเลียนทำปากยื่น หมั่นไส้เสียเต็มประดา แต่ก็ไม่ได้ว่าอะไรสักคำ
อยากหยุดเวลาไว้แค่ตรงนี้ด้วยซ้ำ
"คริส..."
คนข้างหลังโงหัวขึ้นมา
"เรียกม้าหรือเรียกผมครับ"
"คุณชาย..."
"..."
น้ำเสียงจริงจังของอีกฝ่ายแกว่งหัวใจเขาได้ดีนัก
"อยู่ต่ออีกนิดได้ไหม..."
เพราะตั้งใจกลับมาเพียงชั่วคราวเท่านั้น
เพราะไม่คิดว่าจะได้เจอคนที่ห่างหาย
เพราะอีกไม่กี่วัน...เขาต้องบินกลับไป
"ทำไมล่ะครับ"
"...ไม่อยากฝัน"
เพราะชีวิตที่ไม่มีคุณ คงเหมือนฝันร้ายอันยาวนานอีกครั้ง
เพราะโลกใบนี้ไม่เหมือนจริงอีกเลย ตั้งแต่คุณจากไป
"เพราะต่อหน้าคุณเท่านั้น...ที่ผมรู้สึกมีตัวตน"
คริสดึงเชือกจูงให้ม้าหยุด
เงียบไปนาน ก่อนจะเอ่ย
"ทำไมคุณไม่ไปกับผมล่ะครับ"
"มันไม่ง่ายอย่างนั้นไง ลูกน้องผมก็มีชีวิต เขาจะอยู่กันยังไงถ้าไม่มีผม ไหนจะทอม..."
"ผมก็ย้ายกลับมาเฉยๆ ไม่ได้เหมือนกัน"
ความจริงนั้นแสนเรียบง่าย แต่เลือดเย็นนัก
น้ำเสียงนุ่มนวลของเขา...
ไม่ช่วยให้ความเจ็บปวดเบาบางจางลงเลย
"ผมต้องจากไปแต่แรกก็เพราะไม่อยากดิ่งลึกลงไปในวังวนธุรกิจเลือด รู้ไหมครับว่าความจริงแล้วพ่อต้องการให้ผมเป็นเอิร์ลต่อจากท่าน..."
เพียงข่าวลือเรื่องการเลือกทายาทสืบทอดตำแหน่งแพร่ออกไป เขาในวัยแค่ยี่สิบสองก็ถูกพยายามลอบสังหาร เรื่องนี้ทำให้พ่อกับแม่ทะเลาะกันจนต้องหย่า แม่ปกป้องเขาเอาไว้ พาเขาหนีไปอยู่ให้ไกล ในขณะที่แอนดรูว์รักพ่อมากกว่า และแม่ก็ห้ามอะไรน้องไม่ได้ สุดท้ายพ่อก็จำใจต้องยกตำแหน่งให้ลูกคนที่เหลือ
คำสั่งเสียสุดท้ายของพ่อ...ผ่านทางจดหมาย คือคำขอร้องให้ช่วยเป็นที่ปรึกษาให้น้องและองค์กรที่พ่อสร้างมา เขายังรักพ่อเสมอ ถึงได้ทำตามสัญญา เมื่อน้องตาย เขาจึงต้องกลับมาจัดการทุกอย่างให้เข้าที่เข้าทางเพื่อหลาน แต่...
"มันไม่ใช่ชีวิตที่ผมต้องการ..."
คิลเลียนค่อยๆ ยกแขนอีกฝ่ายขึ้น
ลอดตัวออกมา ปีนลงจากหลังม้า
รู้สึก...ราวกับจะสลายไปในอ้อมกอดนั้น
"งั้นก็คงไม่ต้องการผมด้วยใช่ไหม"
"คิลเลียน..."
"บางทีเราอาจถูกกำหนดมาให้เป็นแบบนี้ คุณคงเป็นแค่ดาวหางที่นานๆ จะโคจรกลับมาใกล้ผมสักที..."
ก่อนที่คุณจะหายลับไปจากขอบฟ้า
...อีกครั้ง
.
.
การตกลงแบ่งอาณาเขตที่ได้จากไมเคิล เคนเป็นไปอย่างเรียบร้อย เอิร์ลถือโอกาสประกาศในที่ประชุมเรื่องการหย่า เพื่อให้ทุกคนเตรียมแยกย้ายกลับประจำตำแหน่งแก๊งใครแก๊งมันตามเดิม ทอมนัดเซ็นเอกสารหย่าตอนเย็นวันนั้นแล้วก็ออกไปเลย คิลเลียนยังไม่ยอมคุยกับคริส
ฝ่ายกฎหมายของเอิร์ลแกล้งเก็บเอกสารช้าๆ
เพื่อรอให้ลูกน้องออกไปหมดก่อน
แต่เจมส์ ดาร์ซีกลับตัดหน้า
ขอคุยกับหัวหน้าแก๊งตนเป็นการส่วนตัว
"คุณช่วยออกไปได้ไหม..."
หรือต้องขอบคุณมือขวาของอีกฝ่าย
ที่ทำให้เจ้าตัวยอมพูดสักประโยคกับเขากันนะ?
"คิลเลียน..."
"มีตรงไหนไม่เข้าใจเหรอ"
คนตัวเล็กยืนขึ้น คาบบุหรี่ไว้
เจมส์ช่วยจุดไฟให้อย่างรู้งาน
พ่นควันหนึ่งครั้ง
เดินตรงเข้ามาหา
พาเขาไปส่งที่ประตู
คริสเคยกลัวการถูกพระจันทร์คู่นั้นจ้องตอบ
ตอนนี้รู้แล้วว่าการที่มันไม่สาดแสงอ่อนโยนมายังเขาเลยต่างหาก น่ากลัวยิ่งกว่า
"ขอบคุณที่รักษาสัญญาจะมอบโลกทั้งใบให้ผมแล้วกัน..."
คิลเลียนกระซิบ ไม่มองหน้า
มือดันประตูให้งับปิดลง
แม้ว่าความจริงแล้ว โลกทั้งใบของผม...
จะหมายถึงคุณก็ตาม
ควันขาวลอยอ้อยอิ่งออกจากปาก
คิลเลียนกลืนน้ำลาย หันกลับมา
"ว่าไง มีปัญหาอะไร"
คำตอบของเจมส์...ไม่ใช่สิ่งที่เขาคาดคิดมาก่อน
"หัวหน้าเคยบอกว่าสักวันหนึ่งจะให้ผมออกไปตั้งแก๊งของตัวเองได้ จำได้ไหมครับ"
"..."
"ถ้าผมจะขอให้วันนั้น...คือวันนี้ล่ะ?"
คำถามคือทำไม
ทำไมต้องตอนนี้?
.
.
สองสามวันที่แจ็คยุ่งๆ แบร์รี่มาอยู่เป็นเพื่อนตลอด
อันที่จริงพวกเขาเป็นเพื่อนกันมานานก่อนจะรู้จักแจ็คหลายปีแล้ว โตมาในย่านเดียวกัน เคยเล่นด้วยกัน กระทั่งพ่อขี้เมาของแบร์รี่ทิ้งแม่ไป แล้วแม่ก็มาป่วยตายในเวลาไล่เลี่ยกัน แบร์รี่เลยต้องทำงานตั้งแต่เด็ก ก็พ่อของแจ็คนั่นแหละที่รับไปดูแล หลังจากนั้นก็เลยห่างกันไปหลายปี
เจอกันอีกทีตอนที่เจ้าตัวกลายมาเป็นคนสนิทของแจ็ค
"นี่ดอกลิลี่— อะไรนะ..."
"ลิลี่ ออฟ เดอะ วัลเลย์"
อนายรินตอบยิ้มๆ "ความหมายดีด้วยนะ"
"แปลว่าไรอะ"
"
ความอ่อนหวานของคุณช่วยเติมชีวิตฉันให้สมบูรณ์"
"บ้า เขินนะตัว"
"ตลกอีกละแบร์"
หัวเราะจนเขี้ยวเล็กๆ โผล่มาให้เอ็นดู
แม้จะฟังดูน่าขัน แต่บางครั้ง...
ก็รู้สึกเหมือนแววตาคู่นั้นมีบางอย่าง
"คนชอบใช้เป็นช่อประดับมวยผมเจ้าสาวด้วยนะ น่ารักเนอะ"
อนายรินว่าก้มหน้าก้มตาแต่งกิ่งดอกไม้ต่อ
ไม่รู้ตัวว่าอีกคนได้ย่องไปข้างหลัง พร้อมกับดอกไม้สีขาวเล็กๆ เหล่านั้นกิ่งหนึ่ง แล้วใช้มันประดับบนเรือนผมหยักศกนุ่มสลวยบนศีรษะเจ้าของร้านดอกไม้
...?
อนายรินเงยขึ้นมาเห็นภาพสะท้อนตัวเองในกระจก ยิ้มขำ "อะไรเนี่ย..."
"ก็...เดี๋ยวอนายจะได้แต่งงานกับแจ็คมันแล้วไง"
แบร์รี่ยิ้มจนตาปิด
"พูดถึงก็มาเลย ตายยากจริงเจ้าบ่าว..."
เขากำดอกไม้ไว้ในมือ
มองเอิร์ลลงจากรถ มาหาอนายริน
ใบหน้าหล่อเหลายิ้มร่ามาแต่ไกล
"นาย..."
"แจ็ค"
"เย็นนี้เราจะได้ถอดแหวนแล้ว เพราะงั้น...พรุ่งนี้..."
ร่างสูงคุกเข่าลงตรงหน้าคนรัก
"ถึงไม่มีกฎหมายรองรับ ไม่มีทะเบียนสมรสให้จด ไม่มีงานเลี้ยงเต้นรำเลิศหรู ไม่มีบาทหลวงยอมทำพิธีให้..."
แจ็คกุมมือนุ่มทั้งสองข้าง
"นายจะแต่งงานกับเราได้ไหม"
อนายรินหัวเราะ "ต้องรีบขนาดนี้เลย"
"ไม่อยากให้นายรอนานกว่านี้แล้ว"
"อือ..."
"อะไรครับ"
"ตกลงไง"
ไม่ต้องพิเศษอะไรมากมาย
สั้นๆ ง่ายๆ แค่นั้นก็พอแล้ว
ชายหนุ่มจูบคนรักด้วยความดีใจ
ลืมไปว่าเพื่อนยืนอยู่ทั้งคน
แบร์รี่แกล้งกระแอมเบาๆ
"แหม ถ้าจะไม่มีอะไรเลยขนาดนี้ มีเพื่อนเจ้าบ่าวสักหน่อยก็ดีมั้งครับ ไอ้เวร"
คนจะแต่งงานพากันหัวเราะออกมา
"ยินดีด้วยเว้ย"
แบร์รี่สวมกอดเพื่อนตัวโต
ขออย่างเดียว...
ดูแลอนายให้ดีๆ ก็พอ
.
.
ก๊อก ก๊อก
"เข้ามาสิ..."
ประตูเปิดออก เด็กหนุ่มชะโงกหน้าเข้ามาก่อน
"คุณโนแลนเรียกผมหรือครับ"
คริสพยักหน้า "ปิดประตูด้วย"
ฟินน์แทรกตัวผ่านประตูเข้ามาและปิดมันอย่างเงียบเชียบ ความกังวลทอประกายในดวงตาเล็กน้อย อดพะวงไม่ได้ว่าตนทำอะไรผิด ผู้ใหญ่จึงต้องเรียกมาคุยเป็นการส่วนตัวถึงขนาดนี้
ทันทีที่นั่งลงตรงข้าม คริสก็เข้าเรื่อง
"จำนี่ได้ไหม..."
มือใหญ่วางสร้อยเส้นสั้นลงบนโต๊ะ
ฟินน์ตกใจ ยกมือตะปบคอตนอัตโนมัติ
ยังอยู่นี่...
"มันไม่ใช่ของเธอ"
คริสเฉลย
อธิบายต่อ "หลายสิบปีก่อน ผู้ชายคนหนึ่งสั่งทำสร้อยข้อเท้าเป็นของขวัญครบรอบหนึ่งปี..."
"..."
"...ของลูกชาย..."
"..."
"สองคน"
ม่านตาของเด็กหนุ่มเบิกกว้างขึ้น
"เดาออกแล้วใช่ไหมว่าฉันมีมันได้ยังไง"
สร้อยข้อเท้าเด็กที่ถูกสั่งทำขึ้นคู่กัน
เป็นของคริสกับแอนดรูว์
"ฉันเคยได้ยินแอนดี้เล่าถึงผู้หญิงคนหนึ่งในฮอกซ์ตัน พอเธอบอกว่ามาจากฮอกซ์ตัน ฉันก็เลยสงสัย..."
"..."
"แอนดี้ให้เธอไว้ใช่ไหม"
เพราะเด็กคนนี้เป็นลูกนอกสมรสของแอนดี้
"และฉันถามแจ็คแล้ว เธอไม่ได้ทำงานที่นี่มาห้าปี เธอเพิ่งเข้ามาหลังจากแอนดี้ตาย ทีนี้ เธอมีอะไรจะบอกฉันหรือเปล่า..."
ฟินน์ลอบกลืนน้ำลายที่แสนจะหนืดคอ
คริสไม่เร่งรีบ ใช้ความเงียบกดดันต่อไป
เด็กหนุ่มค่อยๆ ปริปาก
"คุณจะขัดขวางผมหรือเปล่าครับ..."
"ฉันแค่ต้องรู้ว่าเธอไม่ได้มีเจตนาร้ายกับพี่ชายต่างแม่ของเธอ..."
คริสแกล้งโยนหินถามไปอีกทาง
ฟินน์ก็หลุดความจริงออกมา
"ไม่ครับ ผมแค่เข้ามาสืบว่าใครฆ่าพ่อ และจะหาตัวมันได้ยังไง..."
แอนดี้ต้องรักลูกคนนี้มาก เดาจากการให้สร้อยข้อเท้านั้นไว้ แทนที่แจ็คจะเป็นคนได้ไป เด็กต้องผูกพันกับพ่อมากทีเดียว จึงได้อยากแก้แค้นไม่ต่างกับพี่
"แล้ว...ถ้าฉันบอกว่าฉันช่วยได้ล่ะ"
.
.
เอิร์ลให้เคนเนธเตรียมเอกสารสำหรับการหย่าขาดการสมรสของมาเฟียไว้แล้ว มันต้องระบุอย่างละเอียดเป็นพิเศษว่าสองฝ่ายตกลงใจหย่า เพื่อที่หลังสองแก๊งแยกขาดจากกันดังเดิม จะไม่มีใครอ้างเกียรติศักดิ์ศรีคู่แต่งงานมาตามเอาเรื่องใครได้
แจ็คลงลายมือชื่อของตนแล้ว
แต่ทอมกลับไม่มาตามนัด
คิดอะไรอยู่กันแน่
เขารอจนเลยเวลานัดไปสามชั่วโมง จนมืดค่ำ อีกฝ่ายก็ยังไม่มา เขาต้องปล่อยให้เคนเนธกลับบ้าน สุดท้ายต้องออกไปตามหาด้วยตัวเอง แทบพลิกบาร์ทุกบาร์ในอีสต์เอนด์กว่าจะพบ
อยู่นี่เอง
ทอมนั่งดื่มคนเดียวเงียบๆ
ณ ปลายเคาน์เตอร์ มุมมืดใต้บันได
ดอกไม้สีขาวช่อหนึ่งวางอยู่ใกล้ๆ
ถ้าจำไม่ผิด...ดอกชนิดเดียวกับวันนั้น
ลิลี่ ออฟ เดอะ วัลเลย์
"ทำไมไม่มาตามนัด"
อีกฝ่ายไม่ตอบ กระดกเหล้าเพียวเข้าปากอีกเป๊ก และเริ่มรินใหม่...
แจ็คคว้าแขนเล็กเอาไว้
แย่งขวดแอลกอฮอล์ไปจากมือ
ทอมพยายามยื้อคืน
แต่มึนหัวจนต้องทรุดกลับลงไปนั่ง
"โอเคหรือเปล่า..."
ร่างสูงโน้มตัวลงไปดูด้วยความเป็นห่วง ประคองใบหน้าแดงก่ำไว้ด้วยสองมือ แสงไฟสลัวในบาร์สะท้อนให้เห็นคราบบนแก้มและขอบตา
ร้องไห้?
เสี้ยววินาทีที่เผลอ
ริมฝีปากหยักสวยก็บดเบียดลงมา
แจ็คชะงักค้างไป ปล่อยให้ลิ้นเล็กซุกซนรุกล้ำ พอได้สติจะผลักออก ก็ไม่อาจสู้แรงคนเมาที่ล็อคคอเอาไว้แน่นราวคีมเหล็ก รสชาติขมปร่าของแอลกอฮอล์ดีกรีสูงแผ่ซ่านไปทั่วโพรงปาก หัวใจสูบฉีดจนความรู้สึกพลุ่งพล่านเดือดดาลไปทั่วร่างดั่งลาวาปะทุ
ทอมถอนจูบเองเมื่อพอใจ
แต่มันไม่ได้หยุด
แจ็คคิดผิด
มือเล็กเหนี่ยวขอบกางเกง รั้งร่างสูงเข้ามาแนบชิด เขย่งเท้าขึ้นไป พรมเสียงกระซิบแตกพร่าลงข้างใบหู
"ครั้งสุดท้าย..."
ได้ไหม...?
ริมฝีปากจิ้มลิ้มทิ้งจุมพิตออดอ้อนเป็นรายทางจากอกกว้าง ลำคอขาว ไปถึงลาดไหล่ คนในบาร์เริ่มหันมามองและกระซิบกระซาบจนแจ็คต้องทำอะไรสักอย่างก่อน
แขนแกร่งช้อนร่างเด็กดื้อขึ้นแนบอก
อุ้มไปยังห้องพักชั้นบน
...
ทันทีที่วางเจ้าตัวลงกับเตียง
เอิร์ลหนุ่มถูกฉุดล้มลงไป
ตัวแสบปีนป่ายขึ้นคร่อมตัก
"ทอม อย่า..."
ถึงปากจะบอกอย่างนั้น
แต่ร่างกายกลับทำตรงข้าม
ไม่ได้ว่าอะไรยามที่อีกฝ่ายฉีกทึ้งจนกระดุมเสื้อเชิ้ตร่วงกราว ไม่ได้ผลักไสมือน้อยๆ ที่ปัดป่ายลูบไล้แผงอกและแผ่นหลังเปลือยเปล่า ไม่ได้หักห้ามใจไม่ให้ตอบรับรสจูบหวานละมุนในโพรงปาก ตั้งแต่ได้สัมผัส...ก็ไม่อาจปฏิเสธคนคนนี้ได้เลย
ครั้งสุดท้าย
แจ็คย้ำเตือนตัวเองอยู่ในใจ
ครั้งสุดท้าย
.
.
แสงอบอุ่นของวันใหม่สาดไล้ใบหน้าคม
แจ็คนิ่วหน้า ค่อยๆ ลืมตาขึ้นมาพบกับโลกแวดล้อมอันไม่คุ้นเคย หมุนนาฬิกาความทรงจำย้อนกลับไปเมื่อคืนก่อน เขาตามหาทอม เจอที่บาร์ และ...
กึก
ข้อมือถูกมัดตรึงไว้กับหัวเตียงด้วยเข็มขัด
อะไรกันวะ
ใบหน้าแสนสวยซึ่งซุกซนไปทั่วร่างของเขาเมื่อคืนโผล่เข้ามาในกรอบสายตา ทอมอยู่ในชุดเดิมจากเมื่อคืน...ที่เขาจำได้ว่าเจ้าตัวถอดโยนไปทั่วห้อง เตียงยวบลงไปเล็กน้อยเพราะอีกฝ่ายทิ้งน้ำหนักลงนั่ง โปรยยิ้มหวานรับอรุณ
"อยากฟังเรื่องตลกไหม..."
"ทอม นี่มันอะไรกัน"
คนตัวเล็กจุ๊ปาก เป็นเชิงสั่งให้เงียบ
"เป็นเรื่องสั้นๆ เอง ตั้งใจฟังหน่อย"
"..."
"เรื่องมีอยู่ว่า...คุณไม่รู้จักเขาด้วยซ้ำ แต่คุณจะต้องชดใช้ในความตายของเขา..."
ใคร?
"ไม่มีอะไรร้ายแรงถึงตายหรอก ก็แค่ผมจะไม่เซ็นใบหย่า และคุณจะไปไม่ทันงานแต่งของตัวเองในวันนี้"
แจ็คมองข้อมือของตนที่ถูกมัด
ทั้งขยับทั้งกระชากสุดแรงก็ไม่เป็นผล
มีแต่จะทำให้เนื้อหนังเริ่มถลอก
"นายหมายถึงใคร ใครตาย ทำไม—"
ทอมยิ้มหวาน "รู้ไหม พ่อผมไม่ใช่คนเสนอเรื่องสัญญาสมรส ลุงคริสอยากให้ร่วมมือแต่ก็ไม่ได้นึกถึงสัญญาสมรส คนที่ยัดความคิดนี้ลงไปในสมการคือผม..."
เขาให้พ่อยืนยันกับลุงคริสว่าต้องใช้การแต่งงานรวมแก๊งเท่านั้น เรดแฮนด์จึงจะยอมร่วมมือในการกำจัดไมเคิล เคน มันเป็นสัญญาที่ให้ประโยชน์สูงสุดอยู่แล้วจึงผ่านฉลุยมาโดยง่าย
ให้ตายสิวะ !
แจ็คจะใช้มือข้างที่เหลือคว้าอีกฝ่ายไว้ก็ไม่ทัน
เจ้าตัวปราดลุกจากเตียงไปถึงประตูเสียก่อน
"นายทำแบบนี้กับฉันไม่ได้ ทอม!"
"ก็ทำอยู่..."
ประตูงับปิดลง
เสียงแจ็คยังตะโกนถามย้ำลอดออกมา
ยังคงไม่เข้าใจ ตนต้องชดใช้เรื่องอะไร
"เดี๋ยว! นายหมายถึงใครกันแน่!"
ประตูแง้มออกเพียงนิด
ทอมยื่นหน้ามาเฉลย
"แฮร์รี่"
เขาชื่อแฮร์รี่
TBC
horamiji
Report
Views
filmtofic
–
horamiji
View Story
subscribe
Previous
Next
Comments
()
Facebook
(
0
)
เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น
Log in
a wallflower girl
(@polypor)
ถึงจะรู้ว่าดราม่าแต่ก็เตรียมใจไม่ทันฮืออ รุนแรง เหมือนตอนนี้ทุกอย่างขับเคลื่อนด้วยความแค้น ดีที่ยังเหลือความอบอุ่นของคุณนักกฏหมายที่มีให้หัวหน้าแก๊ง
การตายของแฮซไม่เสียเปล่า ระวังนะคุณเอิร์ล อย่าปล่อยนุ้ทอมไว้กับปากกาถถถถ โหดมากชอบมากสายดุสายยั่ว ได้ใครมารู้เลยนะคะ
ปล.ฟินน์ทำเซอร์ไพร์มากตอนนี้ มาเนียนเชียวเน้อ
2018-02-04 16:29:49
Lizlada
(@lizlada)
อ่านตอนนี้แล้วเหมือนนั่งรถไฟเหาะ หูยยยยย เหนื่อยมาก ลุ้นมาก ทั้งซีนเจรจาและแอคชั่น ยอมน้องทอมแล้วอ่ะรู้ก คือบั่บ โอ้ย เก่งมากกกก ถ้าตอนนี้เราเม้นท์อะไรงงๆก็ขอโทษนะคะ5555 อ่านจบแล้วถึงกับต้องรวบรวมสติ พักหายใจ แล้วมาเม้นท์ รู้สึกว่าเริ่มจะคาดเดาอะไรไม่ได้ซะแล้ว เริ่มจะกลัวแล้วเนี่ย ถถถถ กลัวสุดก็น้องทอมนี่ละจ้าาา พี่แจ็ค....... ขอให้โชคจงอยู่เคียงข้างเอิร์ล แหะๆ
2018-02-04 13:46:39
ยืนยันการซื้อ ?
เหรียญที่มีตอนนี้: null
มีเหรียญไม่พอซื้อแล้ว เติมเหรียญกันหน่อย
เหรียญที่มีตอนนี้ : null
Please Wait ...
ซื้อเหรียญเรียบร้อย
เลือกแพ็คเกจเติมเหรียญ
เลือกวิธีการชำระเงิน
Credit Card
Cash @Counter
Line Pay
ระบบจะนำคุณไปสู่หน้าจ่ายเงินของผู้ให้บริการ
การตายของแฮซไม่เสียเปล่า ระวังนะคุณเอิร์ล อย่าปล่อยนุ้ทอมไว้กับปากกาถถถถ โหดมากชอบมากสายดุสายยั่ว ได้ใครมารู้เลยนะคะ
ปล.ฟินน์ทำเซอร์ไพร์มากตอนนี้ มาเนียนเชียวเน้อ