Title: Way Down We Go
Fandom: RPS (Dunkirk Cast)
Pairing: Chris Nolan x Cillian Murphy, Jack Lowden x Tom Glynn-Carney
AU: Mafia
PART I
สูทดำ ไทดำ ใต้ฝนพรำ
ความเปียกชื้นเหน็บหนาวไม่ใช่ฝันร้ายอะไร เทียบกับความน่ารำคาญของเสียงเด็กน้อยผู้ร่ำไห้ไม่รู้เวล่ำเวลา ชายหนุ่มกัดกรามกรอดสะกัดกลั้นโทสะ ถ้าความเป็นญาติและความจริงที่ว่าพ่อของเขาคือร่างในโลงศพซึ่งจะถูกฝังไม่ช่วยกันดึงรั้งเอาไว้ คงได้ทุ่มเด็กนั่นลงพื้นให้กะโหลกศีรษะยุบไปแล้ว
"ไม่เป็นไรนะ?"
มือเรียวเล็กลูบต้นแขนใต้เสื้อโค้ทดำอย่างปลอบโยน อดคิดไม่ได้ว่าเจ้าตัวคงสันนิษฐานเอาจากอาการกัดกรามจนเส้นเอ็นขึ้นหน้า ว่าเขาพยายามจะไม่ร้องไห้ —เขาพยายามจะไม่ฆ่าญาติทารกในงานศพพ่อต่างหาก— แต่ยังไงก็เถอะ ความเป็นห่วงเป็นใยของคนข้างกายทำให้แก้มขาวบุ๋มลงไปเป็นรอยลักยิ้ม
"อืม"
เสร็จพิธี เขาถอดถุงมือหนังสีดำออกจากมือขวา ประคองใบหน้าของคนรักด้วยความทะนุถนอม...ยิ่งกว่าสิ่งใดในชีวิต
"ให้ฟินน์ไปส่งนะ..." เลื่อนมือใหญ่ขึ้นไปยีเรือนผมหยักศกเบาๆ
"ถึงบ้านแล้วรีบสระผมเลยล่ะ เดี๋ยวไม่สบาย"
"จะไปไหนเหรอ"
"..."
"แจ็ค?"
"มีธุระต้องจัดการน่ะ...ฟินน์"
คำสุดท้ายเขาหันไปเรียกเด็กหนุ่มที่ยืนกางร่มอยู่ข้างคนรัก พยักเพยิดเป็นเชิงสั่งให้พาอีกฝ่ายกลับบ้าน
และฟินน์ ไวท์เฮดรู้ หน้าที่ตนไม่ใช่แค่ขับรถ
หากรวมถึงการปกป้องคนคนนี้ด้วยชีวิต
"ไว้เจอกันครับ"
แจ็คจุมพิตเร็วๆ กลางหน้าผากมน
รุนหลังคนตัวเล็กให้เดินไปกับฟินน์
"แจ็คมีธุระอะไร ทำไมดูเครียดๆ..." เสียงหวานกระซิบถามเมื่อพ้นระยะสายตาแจ็ค ในตอนแรกมันมีแต่ความเงียบสะท้อนกลับมา ต่อเมื่อเขาไม่ยอมก้าวขึ้นรถจนสายฝนสาดซัดเบาะหนังอย่างรุนแรง อีกคนจึงยอมปริปาก
"ผมก็ไม่ทราบครับ คุณอนายริน"
เด็กหนุ่มตอบเสียงเรียบ
และอนายรินรู้ว่าไม่มีทางเค้นอะไรได้อีก
ลูกน้องของแจ็คก็เป็นกันซะแบบนี้
ไม่ทราบ...ไม่ทราบครับ...ไม่ทราบจริงๆ
.
.
แจ็คเหม่อมองสายฝนนอกหน้าต่างอยู่เพียงเสี้ยววินาที ประตูรถฝั่งคนขับก็ปิดเข้ามา แบร์รี่ไม่รอช้า ออกรถในฉับพลัน
"ได้อะไรมาบ้าง"
คนเป็นเจ้านายถาม คนขับรถลอบมองผ่านกระจก เห็นอีกฝ่ายนั่งไขว้ห้าง เอนหลังด้วยท่าทีผ่อนคลาย ทว่าอดไม่ได้ที่จะกัดเล็บ สำหรับแบร์รี่แล้ว นั่นแหละคืออาการบ่งชี้ว่าในหัวของแจ็ค ลาวเดนกำลังยุ่งเหยิงด้วยความคิด
"เจ้านั่นไปซ้อมมวยที่ยิมฮาร์ดี้เกือบทุกวัน แต่วันเดียวที่จะไม่มีบอดี้การ์ดไปด้วยคือวันอาทิตย์..."
แจ็คสั่นศีรษะ "ช้าเกินไป"
"มันระวังตัวแจ ทุกที่ที่ไปเป็นที่ส่วนตัว คลับของพ่อมันเอง ยิมนั่นก็เข้าได้แต่สมาชิก ยิ่งมีบอดี้การ์ดด้วยยิ่งเสี่ยง"
ดึงเล็บออกมามอง และกัดใหม่ "แล้วไอ้ละครเวทีอะไรนั่นล่ะ"
"อยากฆ่าคนโดยมีพยานรู้เห็นเป็นร้อยจริงๆ เหรอ แจ็ค"
แบร์รี่เลิกคิ้ว มองเจ้านายที่โตมาด้วยกันผ่านกระจกรถอีกครั้ง สีหน้าคนถูกถามไม่ได้เปลี่ยน
"ฉันดูเหมือนแคร์มากเหรอ"
"ทำไมต้องรีบนัก ให้ฉันวางแผนรัดกุมกว่านี้ จัดการเงียบๆ ไม่ได้รึไง"
"แกบอกว่ายิมฮาร์ดี้ต้องเป็นสมาชิก แกคิดจะเข้าไปยังไง"
"แล้วคิดว่าก่อนพ่อแกรับเลี้ยงฉัน ฉันเรียนมวยมาจากใคร หืม"
แจ็คทำหน้าเหมือนเพิ่งนึกได้
ก่อนละสายตากลับไปมองฝนตามเดิม
"วันอาทิตย์ก็ยังช้าไปอยู่ดี"
"ทำไม"
"เขาจะกลับมาพุธนี้แล้ว แบร์รี่"
แจ็คหยุดกัดเล็บ หลับตาลง
"เขา?" คนเป็นลูกน้องเอ่ยทวน
เขา...คนเดียวนอกจากพ่อที่แจ็คเกรงใจ?
"เออ"
ถ้าเป็นคนนั้น โอกาสลงมือคงยิ่งน้อยลง
"เข้าใจละ" แบร์รี่ "โรงละครก็โรงละคร ถึงบ้านแล้วครับ ลงไปได้แล้ว ไอ้เวร ชอบจริงๆ ส่งลูกน้องไปเสี่ยงคุก"
เจ้านายหนุ่มยักไหล่
"ถ้าต้องกังวลว่าแกจะโดนจับ เราจะจ่ายเงินเดือนตำรวจครึ่งสถานีไปทำซากอะไร"
.
.
"วันนี้มีความสุขหรือเปล่า...หืม"
เสียงอบอุ่นกระซิบถามระหว่างลูบไล้สันจมูกสีดำเงางามขึ้นลงด้วยความเอ็นดู จรดหน้าผากเข้ากับแก้มของลูกรักที่โน้มตัวลงมาหา จมดิ่งอยู่ในภวังค์แห่งความฝันอันสงบสุข แทบได้กลิ่นดินไอร์แลนด์อบอวลไปทั่วนาสิกประสาท
การได้อยู่กับม้า ทำให้เขารู้สึกเหมือนกลับไปเป็นเด็กอีกครั้ง เหมือนได้กลับ...บ้าน ความทรงจำมากมายเลือนรางจางหายไปตามกาลเวลา เช่นเดียวกับส่วนดีที่เคยมีในจิตใจ เจ้าม้าพวกนี้อาจเป็นสิ่งมีชีวิตเดียวในโลกที่ยังสามารถดึงความอ่อนโยนออกมาจากตัวเขาได้
บางครั้งก็สงสัยว่าตนมาทำอะไรที่นี่
จากบ้านเกิดมาอีสต์เอนด์... ลอนดอน...
ไขว่คว้าอะไรอยู่?
"อยู่นี่เอง ให้ตายสิ"
เขาลืมตา ไม่ได้โงหัวขึ้นจากม้า
จำเสียงคนพูดได้ดี
"มีอะไร"
"เป็นห่วงสิฮะ ช่วงนี้พ่อจะไปไหนคนเดียวแบบนี้ไม่ได้นะ รู้อยู่ว่ามันไม่ปลอดภัย"
คิลเลียนหัวเราะในลำคอ "ยังไง?"
"ก็..."
"กลัวพวกเอิร์ลจะมาดักยิงพ่อเหรอ ถ้าพ่อเป็นเราพ่อจะระวังตัวเองนะ ทอม"
คนเป็นลูกชายย่นหน้าผาก
คิลเลียนปิดคอกม้า ลงกลอน
ขยับมายืนตรงหน้าทอม
"ศัตรูมันไม่ทำอะไรเราตรงๆ หรอก..."
จิ้มอกเด็กหนุ่มย้ำๆ
กระซิบเตือนเสียงเบา
"...มันจะทำกับคนที่เรารักต่างหาก"
ใบหน้างดงามที่โขกคนเป็นพ่อออกมาแทบทุกกระเบียดนิ้วพรายยิ้มบาง
"ผมระวังอยู่แล้ว"
ที่จริง ก็ถึงกับจ่ายเงินพิเศษล่วงเวลาให้บอดี้การ์ดส่วนตัว ให้มาทำงานในวันอาทิตย์ซึ่งปกติเป็นวันหยุดด้วย
แฮร์รี่บ่น...แต่ก็แกล้งบ่นไปอย่างนั้น
ไม่ยอมให้ใครมาแย่งหน้าที่อยู่ดี
คิลเลียนกระตุกยิ้ม
"ดี...แอนดรูว์ตายเพราะงี่เง่าเรื่องธุรกิจ แต่ลูกชายเขาคงแค้นเราเป็นการส่วนตัวแน่"
.
.
พินัยกรรมของพ่อยกทุกอย่างให้เขา
แน่นอน...รวมถึงตำแหน่ง 'เอิร์ล'
ต้นตระกูลลาวเดนเป็นเอิร์ลคนท้ายๆ แห่งสก็อตแลนด์ ผู้เริ่มก่อตั้งจึงให้เกียรติบรรพบุรุษด้วยการนำศักดิ์ของท่านมาใช้เป็นชื่อองค์กรอาชญากรรมนี้ รวมทั้งใช้เรียกตำแหน่งผู้นำสูงสุดขององค์กรด้วย เมื่อเอิร์ลคนเก่าอย่างพ่อของเขาเสียชีวิต มันย่อมเป็นมรดกตกทอดมาตามสายเลือดอยู่แล้ว ไม่มีอะไรน่าแปลกใจ ทุกคนในแก๊งแค่ถูกเรียกมารับรู้การสืบทอดตำแหน่งของเขาอย่างเป็นทางการเท่านั้น
สิ่งที่เขาไม่คาดคิดว่าจะเจอในพิธีวันนี้ คือลุงของเขาต่างหาก
"เสียใจ...และยินดีด้วย แจ็ค"
คริสโตเฟอร์ โนแลนเข้ามาสวมกอด
ให้ความรู้สึกแปลกประหลาด
การต้องมาเห็นใบหน้าที่เหมือนกันกับพ่อของเขาอย่างแยกไม่ออก หลังจากเพิ่งฝังท่านไปไม่กี่วันน่ะ...
ก็...ทั้งคู่เป็นฝาแฝด
"ขอบคุณครับ"
แจ็คกอดตอบเบาๆ และรีบคลายออก
"ไหนลุงว่าจะกลับมาวันพุธ?"
"พอดีเคลียร์งานได้เร็ว เลยกลับมาเลย"
ยิ้มอ่อนโยนถูกส่งมาให้
นอกจากหน้าตาที่เป็นสำเนาเดียวกัน ลุงคริสต่างจากพ่อราวฟ้ากับเหว สุภาพกว่า อบอุ่นกว่า น่ารักกว่า ใจดีกว่า และเพราะไม่อยากข้องเกี่ยวกับธุรกิจผิดกฎหมาย เมื่อปู่กับย่าหย่ากัน ลุงคริสจึงเลือกกลับไปอยู่กับย่าที่อเมริกา รวมทั้งใช้นามสกุลย่า เขาไม่แน่ใจว่าการเป็นนักกฎหมายของลุงนั้นทำเพื่อประชดปู่หรือเปล่า แต่การประชดประชันใครก็ดูไม่ใช่นิสัยของคนดีๆ แบบลุงเท่าไร
ลุงโอบหลังเขาออกไปไกลจากฝูงชน
"ทำอะไรไปแล้วบ้าง"
แจ็คเลิกคิ้ว "เรื่องอะไรครับ"
"ก็ทุกอย่าง...ธุรกิจ...แก้แค้น... หลานตัดสินใจอะไรไปแล้วบ้าง"
"ผม...เอ่อ...ยังไม่ได้ทำอะไรเลยครับ ยุ่งอยู่กับงานศพพ่อ แล้วก็พิธีนี่..."
เขาเกาหลังหูตัวเองเบาๆ
มากเกินพอแล้วที่คริสจะจับได้
"แจ็ค...หลานอาจจะเห็นว่าลุงเป็นที่ปรึกษาให้เอิร์ลเฉพาะในส่วนธุรกิจถูกกฎหมาย แต่..."
ประโยคต่อมา คริสลดระดับเสียงลง
"...ตอนนี้แจ็คเป็นเอิร์ลแล้ว สิ่งแรกที่ควรรู้ก็คือ เอิร์ลไม่ทำอะไรโดยไม่ผ่านความเห็นของลุงก่อน"
แจ็คเม้มปาก "ลุงหมายถึง...?"
รวมธุรกิจนอกกฎหมายด้วย?
"แจ็คคิดว่าพ่อเขาโทรปรึกษาใครล่ะ เวลาตัดสินใจอะไรไม่ได้"
ก็ไหนว่า...
"ลุงไม่เคยชอบวงการนี้ แต่ยังไงครอบครัวก็ต้องมาก่อน ทีนี้บอกได้รึยังครับว่าสั่งฆ่าใครไป"
แจ็คนิ่งงัน หมดคำพูด
ถ้าลุงเป็นที่ปรึกษาของเอิร์ล แน่นอนว่าลุงต้องฉลาดกว่าพ่อ เขาเป็นใครจะไปเถียงเรื่องนั้น
"ไม่ต้องบอกลุงก็ได้ แต่เป็นลุงจะไม่แตกหักกับพวกเรดแฮนด์ตอนนี้ ที่พวกเคนกำลังเรืองอำนาจยิ่งกว่า..."
ลุงรู้อยู่แล้วอีกต่างหาก...
คริสมองเอิร์ลคนใหม่ด้วยแววตาจริงจัง
"มองให้ไกลเข้าไว้ ใช้ประโยชน์จากศัตรูให้หมดก่อน แล้วค่อยกำจัดก็ยังไม่สาย"
แจ็คยกมือขึ้นกัดเล็บอย่างเคยตัว
ขอกลับคำพูดที่ว่าลุงน่ารัก
ตอนนี้ลุงน่ากลัวกว่าพ่อเสียอีก
.
.
แจ็คปิดประตูรถด้วยท่าทีเหม่อลอย
แบร์รี่หันไปมองข้ามไหล่ "อะไร?"
"ลุงคริสสั่งห้ามแก้แค้น"
แจ็คยังคงเหม่อมองนอกหน้าต่าง ระหว่างที่รถยนต์คันหรูเคลื่อนตัวออกไป ความลังเลสับสนเกาะกุมหัวใจ ความเงียบโรยตัวห่มคลุมบรรยากาศรอบกาย เขาได้ยินเสียงลมหายใจตัวเอง เสียงหยาดน้ำฟ้าเริ่มโปรยปรายอยู่ด้านนอก กระทั่งเสียงยางล้อรถบดพื้นถนน
"อุตส่าห์รีบเตรียมการ เขาดันกลับมาเร็วเสียฉิบ"
"..." คนเป็นเจ้านายไม่ออกความเห็นใด
เริ่มกัดเล็บอีกครั้ง
"ทีนี้จะเอายังไง แจ็ค"
ชายหนุ่มเอนตัวไปกับเบาะหลัง
เอานิ้วออกจากปาก นั่งกอดอก
"ทำต่อไป"
แบร์รี่ส่งเสียงตอบรับจากลำคอ
"อีกอย่าง...ต่อไปแกเรียกฉันแบบนั้นไม่ได้แล้ว แบร์รี่"
มือขวาคนสนิททำหน้าเหมือนเพิ่งรู้ตัว
"ครับ...เอิร์ล"
.
.
โรงละครเป็นที่สาธารณะสุดประเภทหนึ่งเท่าที่ลอนดอนจะมีได้
ความจริงที่ว่าทอมชื่นชอบละครเวทีไม่เคยทำให้แฮร์รี่เป็นกังวลจนกระทั่งตอนนี้ เลิกดูไปสักระยะก็ไม่ยอม นี่มองทางไหนก็มีแต่บุคคลต้องสงสัย ที่นั่งชั้นบนก็ดูเหมาะสำหรับการซุ่มยิงระยะไกลเสียเหลือเกิน ไม่มีอะไรปลอดภัยสักอย่างในสายตาบอดี้การ์ด แต่คนในความคุ้มครองยังหน้าระรื่นอยู่ได้
"เลิกหันรีหันขวางเถอะ แฮซ นายน่ะดูน่าสงสัยที่สุดแล้ว" ทอมเอ่ยกลั้วหัวเราะ
"ไม่ตลกนะ"
เสียงคิกคักในลำคอของลูกชายหัวหน้าแก๊งเรดแฮนด์ยิ่งทำให้แฮร์รี่อยากเป็นบ้า เขากวาดสายตามองแถบที่นั่งด้านหลังเร็วๆ เป็นครั้งสุดท้าย นิ้วเรียวของคนข้างกายก็ดันสันกรามเขาเบาๆ ให้หันหน้ากลับมามองตรง
"การแสดงจะเริ่มแล้ว"
แตะปลายจมูกหยอกล้อไปอีกหนึ่งที
แฮร์รี่คลายปมคิ้วที่ขมวดอยู่ลงไปบ้าง แต่หูตายังคงระแวดระวังอยู่ตลอดเวลา บอดี้การ์ดหนุ่มนั่งหลังตรง ยืดตัวให้สูงที่สุดเพื่อให้ร่างและเงาของตนคุ้มกันคนตัวเล็กกว่าเอาไว้ อย่างน้อยถ้ามีคนซุ่มยิงจากข้างบน ก็จะหาช่องเล็งได้ไม่ถนัดเพราะเขาบังไว้อยู่
จนจบการแสดง ไม่มีอะไรเกิดขึ้น
ทอมตบตักแฮร์รี่เบาๆ "เห็นไหม ไม่มีอะไรสักหน่อย พวกมันไม่ทำเรื่องเอิกเกริกหรอกน่า..."
นักแสดงจับมือกันโค้งคำนับ
ม่านกำมะหยี่สีเลือดเคลื่อนปิดลง
เหล่าผู้ชมทยอยลุกขึ้นเดินไปยังทางออก แฮร์รี่คว้ามือเจ้านายร่างเล็กเอาไว้ทันก่อนคลื่นมหาชนจะพัดพาอีกฝ่ายหายไป กำแพงสุภาพบุรุษร่างสูงกลุ่มใหญ่ยืนออกันอยู่ข้างหน้าจนทั้งคู่ยังติดอยู่ในบล็อกที่นั่ง ไม่อาจฝ่าออกไป
แฮซไม่ชอบความรู้สึกนี้เอาซะเลย
"เรากำลังเป็นเป้านิ่ง" เขาพึมพำ
พยายามใช้ไหล่ดัน หากไร้ผล
...
เสี้ยวขณะจิตนั้น ก็สัมผัสได้ถึง...
เสียง...หวีดแหลม...แหวกอากาศ...!
"ทอม"
เขาไม่ได้ตะโกนด้วยซ้ำ
แค่กดไหล่คนตัวเล็กให้ก้มลง
ทอมย่อตัวหลบโดยอัตโนมัติ
และ...เข่าของแฮซก็ทรุดตามลงมา
ไม่สิ... ล้ม... ลงมา
"แฮซ!"
ทอมร้องเสียงหลง ประคองศีรษะคนเจ็บขึ้นจากพื้น ดวงตาของผู้คุ้มครองเบิกค้าง มือเล็กรีบปลดกระดุมเสื้อสูทของเจ้าตัวออก เห็นเชิ้ตสีขาวด้านในเริ่มชุ่มโชกไปด้วยโลหิตคล้ำเข้ม แฮร์รี่ยังพยายามหายใจ แต่ก็รวยรินเต็มที คนเป็นเจ้านายกวาดสายตามองไปรอบโถง โดยเฉพาะระเบียงที่นั่งชั้นบน ผู้คนเริ่มหนีตายกันอลหม่านตั้งแต่วินาทีที่เสียงปืนดังขึ้นและแฮร์รี่ล้มลง
ทว่าทอมกำลังย้อนแหวกฝูงชนกลับเข้าไป
ใครคนหนึ่งเพิ่งเก็บปืนไรเฟิลลงกระเป๋าและวิ่งลงมาจากชั้นที่นั่งด้านบนนั่น คำนวณระยะเวลาขึ้นลงบันไดแล้ว เขาอาจจะยังพอจับตัวมันได้ทัน หรืออย่างน้อยถ้าจับไม่ทัน ก็ควรได้เห็นว่ามันเป็นใคร
เป็นคนของใคร
.
.
'เรดไลท์'
ตัวอักษรเรืองแสงสีแดงประทับเด่นอยู่เหนือซุ้มประตูของบาร์ เขายืนพินิจมันด้วยนัยน์ตาอบอุ่นที่ถูกเงาราตรีขับให้ดูคมเข้มขึ้นจนสะท้อนสีไพลิน กระเป๋าเสื้อมีแว่นตาเลนส์กลมเหน็บไว้ ในมือข้างหนึ่งมีกระเป๋าหนังใส่เอกสาร เรือนผมสีบลอนด์ดูซีดจางใต้แสงจันทร์ บางเส้นพลิ้วปลิวขึ้นตามแรงลม ก่อนร่วงลงมาปรกตา
มือใหญ่ผลักประตูไม้ ก้าวเข้าไป
บาร์แน่นขนัดด้วยชายหลากวัย หนุ่มและแก่ ขาวและดำ ดื่มเหล้าและเบียร์ แต่ก็ต่างพูดคุยหัวเราะขบขันด้วยเสียงดังอึกทึก คริสรู้ว่านี่ไม่ใช่บาร์ที่เหมาะสำหรับคนนอกเท่าไร แต่ไม่คิดเช่นกันว่าการมาของตนจะทำให้ทุกอย่างเริ่มตึงเครียดและเงียบสงัดลงอย่างตอนนี้
บางทีที่ยังไม่มีใครทำอะไร
อาจเพราะคนมีอำนาจสั่ง...ยังไม่รู้ตัว
อยู่นั่นเอง
โต๊ะกลางร้าน จิบเบียร์ดำ กำลังหัวเราะ
คนอื่นรอบตัวเริ่มหยุดคุยและพากันเงียบ เจ้าตัวจึงได้รู้สึกถึงการมาของคนแปลกหน้า และหันมามองในที่สุด
มอง...ด้วยพระจันทร์กลมโตสีเยือกเย็นนั่น
มอง...ใบหน้าพิมพ์เดียวกับที่ตนเพิ่งสังหาร
มอง...เอาแต่มอง จนลืมสิ้นทุกสิ่งรอบกาย
ลืม...แม้กระทั่งหายใจ
"คิลเลียน เมอร์ฟี?"
ช่างกล้านัก
เอ่ยชื่อเขาต่อหน้าลูกน้องมากมาย ซึ่งพร้อมจะควักมีดหรือปืนที่เอวมาฆ่าเจ้าตัวได้ทันทีแบบนี้
"..."
คิลเลียนเผยอปากพ่นควันขาว
คีบบุหรี่ไว้ในมือ เอ่ยเสียงเรียบ
"ออกไป"
คริสได้ยินเสียงใครสักคนหมุนลูกโม่ปืนเล่นอยู่ด้านหลัง แต่ยังยืนยันที่จะ...
"ผม..."
"ออก - ไป!"
ตวาดด้วยเสียงที่ใหญ่กว่าตัวหลายเท่านัก
คริสเม้มปาก เคารพการตัดสินใจของหัวหน้าใหญ่แห่งเรดแฮนด์ หมุนตัวกลับ เดินจากไป บรรยากาศเครียดขึงอึมครึมก็ตามเขาออกมาด้วยเช่นกัน เสียงพูดคุยค่อยๆ ดังขึ้นอีกครั้งข้างในนั้น รวมทั้งเสียงหัวเราะ และความสนุกสนาน
...
ระหว่างที่ตัวเขายังยืนสับสนอยู่ในตรอกข้างบาร์ ใครบางคนก็กระแทกประตูหลังร้านปิดเสียงดังลั่น และตรงเข้ามาผลักเขาอย่างแรง
ปึ้ก!
แผ่นหลังคนตัวโตกว่ากระแทกผนัง
"เป็นบ้าอะไรของคุณ!"
"ครับ?"
คริสขมวดคิ้วมุ่น
"คิดอะไรอยู่ อยากฆ่าตัวตายหรือไง! เดินดุ่มๆ เข้าไปในร้านที่มีแต่พวกเราหลังจากแฮร์รี่เพิ่งตาย ด้วยหน้าตาแบบเดียวกับแอนดรูว์เป๊ะๆ เนี่ยนะ! พวกนั้นเป็นพี่น้องร่วมสาบานกันหมด จะไม่มีใครใครลังเลที่จะฆ่าคุณเพื่อเอาคืนเลย เข้าใจหรือเปล่า!"
คิลเลียนระเบิดใส่เขายาวเป็นชุดถึงกับหอบน้อยๆ หลังจบประโยค
"แล้วคุณล่ะครับ?"
"..."
"คุณก็อยากฆ่าผมด้วยหรือเปล่า?"
นัยน์ตากลมโตเหลือบมองเขาแวบหนึ่ง
ช่างอ่านยาก...เกินกว่าใครที่เขาเคยพบ
"ต้องการอะไร"
"ผมคริส...ฝ่ายกฎหมายของเอิร์ลครับ"
เขาถอดถุงมือหนังออก ยื่นมือให้
คิลเลียนปรายตามอง แต่ไม่จับ
"ผมรู้คุณเป็นใคร"
คริสชักมือกลับ "หลังจากพวกเครย์เข้าคุก เรดแฮนด์กับเอิร์ลต่างก็เริ่มขยับขยาย อีสต์เอนด์ควรจะเป็นของพวกเราคนละครึ่ง ผมเข้าใจถูกไหมครับ?"
คิลเลียนไม่ตอบ แต่ก็ไม่ขัด
"ติดก็แต่ไมเคิล เคนเริ่มขยายอิทธิพลขึ้นมาจากลอนดอนใต้ ยึดเอาเขตเดิมของพวกเครย์ไปบางส่วน และกำลังรุกไล่เข้ามาเรื่อยๆ..."
"ผมต้องฟังคุณเลคเชอร์เรื่องที่ตำตาผมอยู่ทุกวันจากคนที่เพิ่งมาจากต่างทวีปอีกนานไหม"
คริสกลั้นยิ้ม มองคนความอดทนต่ำ
"ผมเสนอให้เราร่วมมือกัน"
คิลเลียนได้แต่เลิกคิ้ว หรี่ตามองอย่างไม่ไว้ใจ
ทั้งที่เขาเพิ่งฆ่าน้องชายอีกฝ่ายไปน่ะหรือ
จะมาไม้ไหนกันแน่?
"ถ้ากำจัดพวกเคนไปได้ ไม่ใช่แค่อีสต์เอนด์ แต่ลอนดอนใต้ก็จะเป็นของเราด้วย"
คริสล้วงกระเป๋าเสื้อ
ยื่นนามบัตรให้อีกคน
"ลองกลับไปคิดดูนะครับ"
.
.
ทอมไม่เคยเข้าร้านดอกไม้มาก่อน
เขาแพ้เกสรบางชนิด เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดอาการแพ้ ไม่แตะต้องดอกไม้เลยจึงเป็นหนทางง่ายที่สุด แต่วันนี้เขาจำเป็นต้องใช้ดอกไม้ มากพอๆ กับที่ต้องมาพบใครบางคน
"อรุณสวัสดิ์ครับ"
เสียงนุ่มหวานทักขึ้นจากด้านหลัง
ชายเจ้าของร้านไม่ได้ตัวสูงไปกว่าเขานัก
"สวัสดีครับ"
ตาโตๆ น่ารักดีนะ...
"มีดอกไหนในใจหรือยังครับ หรือว่าอยากให้ช่วยเลือก"
รอยยิ้มนั้นเผยเขี้ยวเล็กๆ ที่ทำให้ทอมยิ่งรู้สึกเอ็นดู
"ช่วยหน่อยเถอะครับ ผมไม่เคยซื้อดอกไม้เลย"
"โอเคครับ ถามได้ไหมว่าเอาไปให้ใคร"
"..." ทอมเงียบไป ฝืนยิ้ม "คนตายครับ"
"อ่า... งั้น... เอาเป็นสีขาวดีไหมครับ ผมมีลิลี่ ออฟ เดอะ วัลเลย์เพิ่งมาเมื่อเช้า..."
คุณเจ้าของร้านบรรจงจับดอกไม้ที่ว่าขึ้นมาช่อหนึ่ง ดอกสีขาวเล็กกระจิริดรูปทรงคล้ายระฆังใบน้อยเรียงกันอยู่บนก้านอันบอบบาง เพียงอีกฝ่ายยื่นมันเข้ามาใกล้เขาก็ได้กลิ่นหวานอ่อนๆ ของมัน
แต่ทอมต้องรีบถอยออกมา
"เอ่อ ผมแพ้เกสรน่ะครับ ช่วยอย่าเอามาใกล้ผมเลย จัดช่อให้ทีนะครับ"
อีกฝ่ายรีบชักมือกลับ "อ๋า ขอโทษด้วยครับ เดี๋ยวผมจัดการให้นะ รอสักครู่"
ทอมยิ้มแทนคำขอบคุณ
ระหว่างรอดอกไม้ คนที่เขารอก็ปรากฏตัว
ร่างสูงโปร่งเดินหลังตรงไหล่ผายผ่านประตูร้านเข้ามา ทอมแสร้งทำเป็นเดินดูดอกไม้ที่อีกฟากของร้าน...ไม่มองหน้า อีกฝ่ายก็ดูจะไม่สนใจเขาเช่นกัน ไม่นานเจ้าของร้านก็กลับออกมาพร้อมช่อดอกไม้ของเขา
"อ้าว แจ็ค เดี๋ยวนะ"
คนขายดอกไม้ทักทายผู้มาใหม่อย่างคุ้นเคย แต่เลือกจัดการธุระกับลูกค้าให้เรียบร้อยก่อน ทอมจ่ายเงิน ยืนยันไม่รับเงินทอน และเดินสวนแจ็ค ลาวเดนออกจากร้านไป
พร้อมรอยยิ้มปริศนาบนใบหน้า
"..."
นั่นใช่...?
"แป๊บนึงนะนาย เดี๋ยวเรามา"
อนายรินได้แต่มองคนรักวิ่งออกจากร้านไปอย่างงุนงง แบร์รี่ที่เพิ่งจอดรถเสร็จเดินเข้ามาด้วยสีหน้าสับสนไม่แพ้กัน
"แจ็คมันไปไหนของมันน่ะ"
"เราก็ไม่รู้"
.
.
ใช้เวลาไล่ตามไม่ถึงนาทีเท่านั้น
เจ้าตัวไม่ได้รีบเดินด้วยซ้ำ
ราวกับ...จงใจให้ตามทัน
"ไปที่นั่นทำไม"
เสียงของเขาฉุดท่อนขาคู่นั้นให้หยุดเดิน
ร่างเล็กหมุนตัวกลับมา มอง และยิ้ม
"สวัสดี แจ็คใช่ไหม?"
"ไม่ได้ยินที่ถามหรือไง"
ทอมยักไหล่ ชูดอกไม้ในมือขึ้น "ไปซื้อนี่"
แจ็คค่อยๆ ย่นระยะห่างเข้าไปเพื่อประชิดตัวอีกฝ่าย ระหว่างประเมินความเป็นไปได้ว่ามีโอกาสแค่ไหน... ที่ทอม กลินน์-คาร์นีย์ ผู้เพิ่งถูกเขาสั่งฆ่า แต่ไม่ตายเพราะบอดี้การ์ดปกป้องไว้ จะมาซื้อดอกไม้ที่ร้านของคนรักเขาในวันนี้ที่เขาแวะมาพอดี...
บังเอิญหรือ?
ไม่มีทาง
ปึง!
มือใหญ่คว้าลำคอระหงเต็มแรง
เหวี่ยงคนตัวเล็กกระแทกผนัง
กดไว้ ยื่นหน้าเข้าไปกระซิบ
"ฉันจะฆ่านายตอนนี้ก็ได้..."
อีกฝ่ายไม่มีท่าทีหวาดกลัวให้เห็น
ผ่อนหายใจเป็นจังหวะ ยิ้มบาง
"เขาว่าเอิร์ลไม่เคยยอมให้มือตัวเองเปื้อนเลือดไม่ใช่เหรอครับ..."
ถึงได้ส่งลูกน้องมาลอบยิงกัน
ไม่ลงมือเองงานก็พลาด...ไม่ถูกใจแบบนี้แหละ
"เลือดชนชั้นสูงน่าจะจางหายไปหลายชั่วอายุคนแล้วนะคุณ ยังไม่ลดความเจ้ายศเจ้าอย่างลงอีกหร—"
แจ็คเพิ่มแรงบีบมือ
ลมหายใจของทอมเริ่มติดขัด
แต่ก็ยัง...ไม่ขอร้อง ไม่อ้อนวอนใดๆ
น่าสนใจ
เขาผ่อนแรงลง แต่ยังไม่ปล่อย
คนเพิ่งหายใจได้อีกครั้งแกล้งส่งจูบให้
แจ็คผงะ ถดคอหนี
ทำเอาเจ้าตัวหัวเราะน้อยๆ
"ก็แค่มาดูหน้าว่าที่สามี..."
อะไรนะ
"พูดเรื่องอะไร"
"อะไรกัน ลุงคริสยังไม่ได้บอกคุณเหรอ"
แจ็คขบกรามแน่น "ลุงตกลงอะไรกับนาย?"
"แย่หน่อยนะ เขาคงกะตีหัวคุณส่งเข้าเรือนหอเอาวันนั้นเลยแหง ผมดันหลุดปากไปแล้วซะนี่"
นิ้วเล็กค่อยๆ เกี่ยวมือใหญ่ของคนกำลังจับต้นชนปลายไม่ถูกออกจากรอบคอตน ประทับมือลงบนบ่ากว้าง เขย่งเท้า ส่งแก้มขึ้นไปแนบชิดใกล้ พรมเสียงกระซิบลงข้างหู
"ไว้เจอกันวันแต่งนะครับ...เอิร์ล"
.
.
"มันไม่มีผลตามกฎหมายอยู่แล้ว หลานจะโวยวายทำไม"
คริสพยายามอธิบายอย่างใจเย็น
"แต่ลุงก็ไม่น่าไปตกลงอะไรโดยไม่บอกผมก่อน ผมมีนายอยู่แล้วนะ สัญญานี่ก็ระบุชัดเจนว่าผมต้องร่วมหอลงโรงกับทางโน้นจริงๆ"
แจ็คโยนเอกสารปึกหนึ่งลงบนโต๊ะ
เอนหลังพิงพนักโซฟาอย่างเหนื่อยอ่อน
"ก็แค่อยู่ด้วยกันระยะหนึ่ง ที่จริงเราได้เปรียบด้วยซ้ำ มีคนของทางโน้นไว้เป็นตัวประกัน เกิดเขาตุกติกอะไร...
"หลานชายถอนหายใจ "ลุงคิดว่าเราจะโค่นตาเฒ่าเคนได้เร็วแค่ไหน"
"เร็วมาก" คริสตอบ ไม่ลังเล
"อันที่จริงเรากำลังใช้เรดแฮนด์ทำงานสกปรกแทนเราอย่างนั้นใช่ไหมครับ"
ลุงถอดแว่นตาออก "เรียกว่าต่างคนต่างทำงานที่ตนถนัดดีกว่า ทางนั้นไม่มีฝ่ายกฎหมายดีๆ เราก็จัดการทุกอย่างให้ นี่แหละข้อดีของสัญญาสมรส เราแชร์ทรัพยากรทุกอย่างเพื่อประโยชน์สูงสุดของทั้งสองฝ่าย"
แจ็คหลับตาฟัง ไร้กำลังจะถกเถียง
สัญญาสมรสเป็นเทคนิคเก่าแก่ของมาเฟียบางกลุ่มในสมัยสงครามโลก เมื่อการอยู่ลำพังเป็นเรื่องลำบาก บางครั้งแก๊งจะดองกันด้วยการแต่งงานเพื่อแบ่งปันทรัพยากรแรงงาน เงิน และอื่นๆ ร่วมกัน มันไม่ใช่การสมรสที่บังคับกันได้ตามกฎหมาย แต่มันน่ากลัวกว่านั้น เพราะหากฝ่ายหนึ่งฝ่ายใดผิดสัญญา สิ่งที่เจอจะไม่ใช่การฟ้องหย่า
แต่คือศัตรูโดยสัตย์สาบานที่จะตามล้างแค้นกู้เกียรติศักดิ์ศรีของเจ้าสาวหรือเจ้าบ่าวคืนมา
คิลเลียนไม่มีลูกสาวหรือหลานสาว ทางนี้เองก็ไม่มีญาติผู้หญิงที่โตพอเช่นกัน ความซวยจึงต้องมาตกกับเอิร์ลอย่างแจ็ค และลูกชายคนเดียวของทางนั้น
"ไม่มีทางอื่นแล้วใช่ไหมครับลุง..."
คริสสั่นศีรษะ "ลุงมั่นใจว่านี่เป็นวิธีเดียวที่ดีที่สุดและเร็วที่สุด คนเป็นเอิร์ลจะคิดถึงแต่ตัวเองไม่ได้ มีคนข้างล่างอีกเกือบร้อยที่ทำงานถวายชีวิตให้หลานอยู่ แลกกับเงินไปจุนเจือครอบครัว..."
"ก็ได้ครับ แต่ผมจะไม่เลิกกับนายนะ"
คริสพยักหน้า "ไม่มีใครขอให้หลานทำแบบนั้น แค่...ระวังหน่อยแล้วกัน"
หลานชายเลิกคิ้วสูง
ระวังอะไร?
"หนูทอมฝากบอกด้วยว่าไม่ต้องกังวล เขาสัญญาว่าจะหย่าให้ทันทีที่เราเอาชนะไมเคิล เคนได้"
"ดีใจที่ได้ยินแบบนั้นครับ" แจ็คลุกขึ้น คว้าเสื้อโค้ทจากแขนโซฟา
"ผมไปนอนละ"
.
.
นั่งจ้องนามบัตรมาเป็นชั่วโมงแล้ว
ไม่รู้เหมือนกันว่าทำอย่างนั้นทำไม ข้อตกลงเรื่องสัญญาสมรสระหว่างเอิร์ลกับทอมก็สำเร็จลุล่วงไปได้ด้วยดีแล้ว เขายังติดใจอะไรอยู่ ถ้ามันรบกวนจิตใจขนาดนั้นทำไมไม่โทรๆ ไปเสียที
คิลเลียนถอนหายใจ
ดีดนามบัตรทิ้งไปจากมือ
กริ๊งงงง
แทบสะดุ้งกับเสียงโทรศัพท์
เขาสบถ ก่อนยกหูขึ้น
"ฮัลโหล?"
เสียงปลายสายทำม่านตาสีอ่อนขยายตัวออกเล็กน้อย
"นอนหรือยังครับ?"
"...ยัง มีอะไร"
"ผมแค่อยากยืนยันรายละเอียดในสัญญาอีกครั้ง วันงานจะได้ไม่มีปัญหาอะไร"
"..."
"คุณครับ?"
คิลเลียนเลิกเหม่อลอย "อืม ว่ามาสิ"
เขาปล่อยให้กระแสเสียงทุ้มนุ่มไหลผ่านมาตามสายโทรศัพท์ เข้าสู่ห้วงโสตประสาท กระทบกล่องความทรงจำในสมอง ลอยละล่องย้อนกลับไปในอดีต
"คริส..."
"ครับ ติดขัดตรงไหนหรื—"
"ไม่... ไม่เกี่ยวกับสัญญานั่น ผมอยากถามเรื่องอื่น"
"ถามมาสิครับ"
คิลเลียนกลืนน้ำลาย
หนืดคอเสียจนเจ็บ
ถ้าคำตอบ... ไม่ใช่อย่างที่หวังล่ะ?
"ทำแบบนี้เพื่ออะไร..."
"ผม..."
ทำไมกัน
ผมฆ่าน้องชายฝาแฝดของคุณนะ
แทนที่จะโกรธ หรือทำลายผม
กลับร่วมมือ วางแผนครองลอนดอน
มีแผนอะไรลึกกว่านั้นอยู่ในใจ
หรือแค่...
"คริส ตอบมาสิ?"
"เพราะ..."
คิลเลียนกลั้นหายใจไม่รู้ตัวระหว่างรอฟังคำตอบนั้น
"เพราะผม...เคยสัญญาจะมอบโลกทั้งใบให้กับใครบางคน"
ฉับพลัน นัยน์ตากลมโตเบิกกว้าง
"ใคร...?"
ผนังหน้าอกซ้ายแทบทานแรงทุบของอวัยวะข้างในไม่อยู่
"...เด็กเลี้ยงม้าคนหนึ่ง..."
ไร้การควบคุม
หูโทรศัพท์ร่วงหล่นลงไป
วินาทีนั้น คิลเลียนรู้แล้วว่าม้าไม่ใช่สิ่งมีชีวิตเดียวที่เป็นจุดอ่อนของเขา
หรือของหัวใจอันแสนด้านชาดวงนี้
TBC
____
พูดคุย คอมเมนท์ฟิคนี้ได้ทาง Twitter ที่แท็ก #WDWG #hrmjfic ได้เลย <3
เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น
Log in