เราใช้คุ๊กกี้บนเว็บไซต์ของเรา กรุณาอ่านและยอมรับ นโยบายความเป็นส่วนตัว เพื่อใช้บริการเว็บไซต์ ไม่ยอมรับ
ชีวิตมหา'ลัย 4 ปี สุด SHIT ของเด็กหนุ่มชาวกรุงเทพฯ ณ เชียงใหม่Red Suanmali
บันทึกวันที่ 473
  •          อีกหนึ่งวันที่เรียกได้ว่าเป็นที่สุดของความวุ่นวายตั้งแต่ 7 โมงเช้าจนถึงดึกดื่น การถ่ายทำหนังสั้นในศาลเจ้าที่ขอสถานที่ไว้อย่างเรียบร้อยมีมารยาทที่สุดตั้งแต่เคยทำงานมา ถูกอาม่าที่ไหนไม่รู้มาไล่ที่อย่างไร้มารยาท ด้วยเหตุผลที่ชวนให้มารยาทชำรุดมาก ๆ ว่า "ถ้าเทพเจ้ามองลงมาจะรู้สึกยังไง" 

               ผมล่ะอยากจะขโมยไม้เท้ากับฟันปลอมอาม่าไปซ่อนสักสามวันเจ็ดคืนให้เทพเจ้าช่วยหาจริง ๆ

    แต่ยังครับ เรื่องมันยังแย่ได้มากกว่านี้


             วันที่ 473 คือวันที่ผมต้องออกไปถ่ายหนังสั้นกับเพื่อน ๆ ที่กาดหลวง

    ทีนี้กาดหลวงคืออะไร กาดในภาษาเหนือแปลว่า ตลาด

    ใช่ครับ กาดหลวง คือ ตลาด

    ขออภัยในความกวนพระบาทา อย่าพึ่งรีบด่ากัน

    กาดหลวง เป็นตลาดขนาดใหญ่แห่งหนึ่งในเชียงใหม่ที่เปรียบได้กับ China Town (แต่มันก็ไม่ได้ใหญ่อะไรขนาดนั้นนะ) หรือถ้าจะให้นึกภาพตามได้ง่ายกว่านั้นก็คงเปรียบได้กับเยาวราชที่ไม่มีตึกสูงล้อมรอบและถูกย่อขนาดลงมาหน่อย แถมพื้นที่ทางเดินยังคับแคบระดับเบียดเสียด ซึ่งด้วยความเบียดเสียดของพื้นที่สำหรับคนเดินสองเลนส์แล้วไหล่ยังชนกันเป็นว่าเล่น จนคิดว่าถ้าที่นี่เป็นถิ่นมาเฟียจ้าวนักเลงที่พร้อมตีรันฟันแทงกันทุกครั้งที่ร่างกายกระทบกับคู่อริแม้เพียงปลายไหล่สะกิด ที่นี่ก็คงจะมีเรื่องกันทุก ๆ นาที มันก็ทำให้ทัศนวิสัยทางการเดินของผมแย่ลง ซึ่งนั่นก็นำไปสู่เหตุการณ์ที่ไม่คาดคิดอันน่าสลดใจ

     

    ตอนนั้นผมกับเพื่อนกำลังเดินอยู่ในกาดหลวงโดยมีเป้าหมายข้างหน้าคือเซเว่น และด้วยทัศนวิสัยอันมืดบอดทางท่อนล่าง หน้าแข้งของผมที่เหวี่ยงไปตามธรรมชาติภายใต้กฎฟิสิกส์ก็เผลอไปชนเชิงเตะเข้ากับอะไรบางอย่าง

    สัมผัสแรกที่โดนรู้สึกได้ทันทีเลยว่ามันคือสิ่งมีชีวิต ตอนแรกคิดว่าคงเป็นหมา (ถ้าเป็นหมาจริงก็ยังคงเป็นเคสที่เลวร้ายเหมือนเดิม) แต่พอก้มลงไปดู

    กรี๊ดดดดดดด!!! กูเตะเด็ก!!!

    ทันทีที่รู้ว่าสิ่งมีชีวิตที่เผลอเตะคือ เด็กวัยตัวเล็กตัวน้อยที่พึ่งเริ่มเดินเตาะแตะ ผมก็รีบก้มลงไปโอ๋เด็กคนนั้นแบบใช้ทุกชุดความรู้เกี่ยวกับการโอ๋เด็กที่มีอยู่ในสมองเพื่อไม่ให้น้องร้องไห้หนักไปกว่านี้ แถมเรื่องนี้คงถูกบันทึกลงในบัญชีหนังหมาของยมบาลที่ไว้ใช้ตัดสินตอนผมตายเรียบร้อยแล้วแน่นอน 

    โชคยังดีที่พ่อแม่ของน้องเขาซึ่งเป็นเจ้าของร้านตรงนั้นไม่ได้ถือโทษโกรธว่าอะไรกัน อยากจะขอโทษด้วยการเหมาของในร้านเป็นการชดเชยต่อความรุนแรงที่ก่อโดยไม่ได้เจตนา แต่บังเอิญว่าบ้านไม่ได้ขุดบ่อน้ำมันเลยทำได้เพียงพูดขอโทษไป


    พี่ขอโทษนะ ไว้จะซื้อคุกกี้กับกระเช้าแบรนด์มาขอโทษอีกที

    ส่วนคนอ่านก็อย่าพึ่งด่าใจทรามชาติหมาน่าจับขาข้างที่เตะเด็กมาตัดไปให้เป็นอาหารปลากันเลยนะครับ แค่นี้ก็รู้สึกผิดจะแย่แล้ว

เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น

Log in