"ขณะนี้เกิดเหตุฉุกเฉิน ทุกท่านกรุณาลงจากอาคารโดยใช้บันไดหนีไฟ ห้ามใช้ลิฟท์" เสียงสัญญาณเตือนภัยดังขึ้นโดยอัตโนมัติ
สัญญาณที่ทำให้ผมกับเขาเจอกันแบบฉุกเฉิน ตรงลานโล่งหน้าคอนโด เขาสวมเสื้อกล้ามสีดำ หัวฟู คงเพราะเพิ่งเด้งตัวจากเตียงในภาวะกึ่งฝันกึ่งจริง ใส่แว่นตากรอบดำบาง ดูหน้าตาไม่คุ้นเลย อาจเพราะตอนกลางวันที่เราเคยเดินสวนกัน เขาใส่คอนแทคเลนซ์ทุกครั้ง ในมือถือกระเป๋าใส่สุนัขใบย่อม แต่ข้างในมีน้องหมาหรือเปล่าไม่แน่ใจ ผมยังมองไม่เห็น แต่เขาคงไม่ถือกระเป๋าใส่สุนัข โดยที่ไม่มีสุนัขจริงๆข้างในหรอก แค่เกิดสัญญาณหนีไฟดังขึ้นตอนตีสามครึ่งก็ประหลาดมากพอแล้ว
ผมเฉไฉเดินไปนั่งยองๆข้างๆเขา คล้ายปูเสฉวนมองหาที่พักพิง ท่ามกลางผู้คนหลายสิบ ที่ยังจับต้นชนปลายไม่ถูก กับเรื่องราวที่เกิดขึ้น ขณะผมกำลังจะเปิดปากสารภาพบาป ว่าผมตื่นขึ้นมากลางดึก ราวตีสามเพราะหิว จึงหยิบซาลาเปาไส้ครีมจากตู้เย็นมาเข้าไมโครเวฟ แต่ด้วยความเบลอจึงตั้งเวลาไว้สิบห้านาที ผลที่ได้คือ นาทีที่สิบสี่ ซาลาเปาไส้ครีม ก็กลายเป็นซาลาเปาไส้ควัน เกิดควันทะลักล้นลอยโขมงโฉงเฉงออกมาจากไมโครเวฟ มองไม่เห็นเค้าเดิมของซาลาเปาอยู่เลย กลายเป็นก้อนอะไรดำๆกลิ่นเหม็นไหม้ตลบไปทั่วห้อง ต้องเปิดหน้าต่างบานเลื่อนเพื่อระบายควันออกไปก็ยังไม่เร็วพอ สุดท้ายเครื่องดักควันน่าจะจับความผิดปกติได้ จึงส่งสัญญาณเตือนไฟไหม้โดยอัตโนมัติ สุดเหนี่ยวรั้งเอาไว้ได้ ต้องปล่อยเลยตามเลย แล้วตีเนียนทำไม่รู้ไม่ชี้ สัญญาณดังไปทั่วตึก ปลุกทุกคนตื่นจากฝันก่อนเวลาอันสมควร
แต่ช้าก่อน เรื่องทั้งหมดที่พล่ามมานี้กลับไปไม่ถึงหูเขา เพราะโน่น เขาดันเดินหนีไปคุยกระหนุงกระหนิงกับผู้หญิงหน้าตาน่ารักตรงนู้น ตอนไหนก็ไม่รู้ ทำให้สถานการณ์ข้างนอกที่ทำท่าจะสงบ แต่สถานการณ์ในใจผมกลับยิ่งคุกรุ่น รุ่มร้อน
สัญญาณเตือนภัยในใจดังขึ้น "ขณะนี้เกิดเหตุฉุกเฉิน ทุกท่านกรุณาลงจากอาคารโดยใช้บันไดหนีไฟ ห้ามใช้ลิฟท์" เขาก้าวเท้าลงบันไดอย่างเร่งรีบ แต่ใบหน้าไม่ร้อนรน ในมือถือกระเป๋าใส่สุนัข ที่มองจาก
แสงสลัวของหลอดไฟตามทางเดินสาดส่องเข้าไป เห็นเป็นตัวผมเองที่นอนข่มใจอยู่ในนั้น
เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น
Log in