1
ตรงทางสามแยก ที่ผู้คนพากันเรียกจนขนหัวลุกเกรียวว่าทางสามแพร่ง หญิงสาวนางหนึ่ง ยืนหันรีหันขวางอย่างไม่รู้ว่าจะไปทางไหนดี หมาหมู่ล้อมกรอบ รุมหอนดังขรมราวกับทักทายบางสิ่ง เพราะเห็นอะไรบางอย่าง เธอยืนนิ่ง พร้อมชี้นิ้วแล้วด่ากราดไปที่พวกปากหมาทั้งหลายว่า นี่แก เห็นผีหรือไง มวลหมาพร้อมใจกันเงียบชั่วครู่ พลันพร้อมใจกันหอนขึ้นมาอีกครั้ง ดังกว่าเดิมสามเท่าโดยไม่ได้นัดหมาย เหมือนกับจะตะโกนใส่หน้าเธอว่า ก็เออสิ่ แกนั่นแหละ อีผี!!!
จริงหรือนี่ ทำไมฉันจำอะไรไม่ได้เลย จริงหรือนี่ แล้วฉันตายได้อย่างไร ที่ไหน เมื่อไหร่ ยังไง จริงหรือนี่ แล้วฉันกำลังจะเดินไปทางไหน ไม่มีความทรงจำอะไรเหลืออยู่ในสมองอันน้อยนิดเลย พอเอามือลูบลงไปที่กระโหลก พบว่ามันกลวงโบ๋เปล่าเปลือย มีแผลฉกรรจ์เปิดอ้า ราวกับลูกมะพร้าวโดนเฉาะ โดยชาวสวนผู้ไม่ชำนาญ นี่ถ้าฉันไม่ใช่คนที่ชอบดูหนังผีจนขึ้นสมองนะ เห็นตัวเองในลักษณะสยดสยองอย่างนี้ คงเป็นลมล้มพับไปแล้ว แผลที่เกิดจากการกระแทกอย่างแรงของศรีษะ กับของแข็งบางอย่างซึ่งไม่อาจระบุได้ จนทำให้กลายเป็นคน ไม่ใช่สิ่ เป็นผีความจำเสื่อม ตั้งแต่บัดนั้นเป็นต้นมา
ขณะที่สาละวนครุ่นคิดว่าตัวเองเป็นใคร พลันสะดุ้ง เพราะสะดุดกับเสียงของผู้ชายคนหนึ่ง ที่กำลังจุดธูปเรียก ออย ออย ออย ออยอยู่หรือเปล่า ใคร ใคร ใคร ตาบ้านี่ พร่ำเรียกชื่อใครอยู่ได้ หันหน้าไปเห็นชายหนุ่มรูปงาม อย่างไม่อยากเชื่อสายตา ยิ่งกว่าเห็นผี แล้วรีบหันซ้ายหันขวาดูให้ทั่ว ก็ไม่พบใครนี่นา เอ หรือว่าจะเป็นเรา เธอสรุปเอาดื้อๆอย่างนั้น เขารู้จักฉันได้ยังไง เขารู้ได้ยังไงว่าฉันวนเวียนอยู่แถวนี้ไม่ไปไหน ใจฉันเต้นตึกตัก โครมคราม เมื่อได้รู้ว่ามีคนรู้จักมักจี่
แต่คนกับผีอยู่กันคนละภพ ไม่อาจพูดจาโต้ตอบกันได้แบบเรียลไทม์ เหมือนคลื่นคนละความถี่ ทำได้อย่างมาก รับเค้กมะพร้าวที่เขาให้มา ในจานรองสีขาวสะอาดตา พร้อมน้ำแดงหนึ่งแก้วด้วยความชื่นใจ
เขาตี๋ขาว มีเครา จมูกโด่ง ใส่แว่น คิ้วเข้ม ตาชั้นเดียว ผอมแต่ไม่ถึงกับบาง มีกล้ามบ้างเล็กน้อย พอน่าจิกน่าขบเขี้ยวลงไปเบาๆ ทำไมฉันถึงเป็นผีใจง่ายแบบนี้ เขาเป็นใครยังไม่รู้ แต่ปล่อยตัวปล่อยใจให้เขาจนหมดแล้ว น่าไม่อายเลยจริงๆนะเรา
ถามใจตัวเองลึกๆว่าทำไมถึงชอบเขา เขามีดีที่ตรงไหน ค้นทุกซอกใจก็ไม่เจอคำใบ้ใดๆ มีแต่ความรู้สึกประหลาดบริเวณท้องน้อย ซึ่งก็ไม่รู้ว่าทำไม จึงหวั่นหวิวชอบกล ฉันลืมในสิ่งที่ไม่ควรลืมไปรึเปล่า มันคือความผูกพันอย่างหาที่มาที่ไปไม่ได้เลย
ขึ้นคืนที่สอง เธอเห็นไฟส่องวาบๆ มาจากรถรางเล็กๆที่วิ่งบนทางรถไฟ คิดว่าคงเป็นเจ้าหน้าที่ของทางการ กะว่าจะเข้าไปไหว้ขอบคุณพี่ๆเจ้าหน้าที่ที่อุตส่าห์ตามมาเจอ สุดท้าย รถรางเล็กนั้น ก็วิ่งผ่านทะลุวิญญาณฉันไป เขาไม่หยุด เขาไม่รู้ว่าฉันอยู่นี่ ความหวังที่มีอยู่น้อยนิดอยู่แล้ว ก็วูบดับไป พร้อมกับแสงไฟของคณะที่เคลื่อนหายจนเป็นจุดเล็กนิดเดียวในดวงตา
เช้าวันที่สี่ฉันได้กลิ่นเหม็นเน่าคละคลุ้งไปทั่ว กลิ่นอย่างกับหมาตาย สมน้ำหน้าพวกมัน ชอบมารุมหอนฉันดีนัก แต่เอ หนึ่ง สอง สาม สี่ ห้า...พวกมันก็ยังอยู่กันครบทุกตัวนี่นา แล้วมันจะเป็นกลิ่นตัวอะไรตายล่ะเนี่ย
ราวกับกระแสจิตจะได้ผล สายๆทีมกู้ภัยทีมเดิม ก็ย้อนกลับมา ราวกับรีเวิร์สเทป ร่วมกับเจ้าหน้าที่รถไฟนับสิบคนรุดมาถึงที่ ไม่รอช้ารีบก้าวข้ามไปอีกฝากของทางรถไฟ ที่แถวนั้นเป็นป่ารกครึ้ม ฉันลอยตามไปดู แม้จะสู้แสงไม่ได้มากก็ตาม ฉันนึกเล่นๆในใจ น่าจะมีใครเผาแว่นกันแดดมาให้ได้ใช้บ้าง เจ้าหน้าที่แยกกำลังค้นหากันทั่ว โดยไล่ตามต้นตอกลิ่นเน่าบัดซบนั่น สุดท้ายเจ้าหน้าที่คนหนึ่ง ก็ตะโกนว่าเจอแล้ว ทุกคนรีบพากันกรูไปทางนั้นทันที ตรงนั้นมีแอ่งน้ำเล็กๆ โดยมีหญ้าคาขึ้นปกคลุมหนาแน่น และลับหูลับตาคนยิ่งนัก ถ้าใครผ่านไปมาไม่มีทางสังเกตุเห็นได้ อยู่ห่างจากทางรถไฟไปไม่ถึงห้าเมตร แต่อย่างที่บอก บริเวณนั้นอำพรางตัวด้วยหญ้ารกชัฏนั่นเอง
สิ่งที่ทุกสายตาถึงกับต้องผงะ คือศพของหญิงสาวน่าจะอยู่ในช่วงวัยรุ่น ไม่น่าเกินสิบเจ็ดปี ผิวขาวเปื่อย เพราะนอนแช่แอ่งน้ำอยู่ ตัวบวมอืดเพราะน้ำเหลือง และกำลังเน่าได้ที่ หนอนไชออกมาจากลูกตาสองข้าง จมูก ปากอย่างเอร็ดอร่อย ที่สำคัญกระโหลกแตก มันสมองไหลทะลักออกจนเกลี้ยงทุกหยดหยาด ทุกคนเบือนหน้าหนีแทบไม่ทัน รวมทั้งตัวฉันด้วย รู้สึกสงสารผู้หญิงรายนี้อย่างสุดหัวใจ
เช้าวันที่ห้า หลังส่งศพไปสถาบันนิติเวชเพื่อสืบหาการเสียชีวิตแล้ว เพื่อพิสูจน์ลักษณะว่าหญิงสาวรายนี้เป็นใคร ใช่น้องออย หญิงสาวที่หายสาบสูญไปเมื่อห้าวันที่แล้วหรือไม่ เดี๋ยวก่อน น้องออย ก็ฉันน่ะสิ่ ตกลงมันจริงใช่มั้ย
คำพระท่านสอนว่า ยิ่งเรายอมรับความจริง และอยู่กับความจริงตรงหน้าได้อย่างสนิทใจ และรวดเร็วเท่าไหร่ เรายิ่งทุกข์น้อยลงเท่านั้น และฉันเอง ก็พยายามทำใจยอมรับความจริงที่เกิดขึ้น แม้ว่ามันยากเกินจะรับไหวเพียงใดก็ตาม
รุ่งเช้าวันที่หก เป็นเช้าที่นกกาออกหากิน เป็นเช้าที่เหมาะแก่การเริ่มต้นสิ่งใหม่ๆในชีวิต แต่ฉันเล่า ใยเศร้าราวกับชีวิตมันได้ดับลงเสียแล้ว แม่ ผู้หญิงที่ฉันเห็นและจดจำได้ว่า เธอไม่เคยหยุดร้องแม้แต่เสี้ยววินาทีเดียว ตั้งแต่ตอนที่เจอศพฉัน แม่มาพร้อมพระ ซึ่งนิมนต์มาทำพิธีเชิญดวงวิญญาณกลับบ้าน มีพวงมาลัย ธูปเทียน ที่สำคัญคือรูปของผู้วายชนม์ให้แม่ถือเดินตามหลังพระไป โถ รูปเรารึนี่ ถ้ารู้ว่าจะเอารูปนี้มาใช้ในงานศพ ฉันจะทาปากให้แดงกว่านี้ ผัดหน้าให้ขาวเนียนกว่านี้ ปัดแก้มให้อมชมพูเรื่อๆ และจะยิ้มที่มุมปากนิดนึง ไม่ให้ดูเศร้าหมองจนเกินไป จนส่งผลให้คนที่เรารัก คนรอบข้าง และโลกใบนี้พลอยเศร้าสร้อยไปด้วย ฉันไม่ชอบบรรยากาศและความรู้สึกแบบนี้เลย แต่ถึงอย่างนั้น ฉันก็เดินตามกลับบ้านแต่โดยดี
หนุ่มตี๋เคราครึ้มคนนั้น หายไปจากชีวิตฉัน หลังการมาของเจ้าหน้าที่ ทำไมนะ ฉันก็ไม่เข้าใจ ฉันอยากรอพบเขาก่อนกลับบ้าน อยากได้สบตาแทนการร่ำลา แต่ก็ไม่เห็นแม้เงา
กลับมาถึงบ้านฉันสะดุดกึกที่หน้าประตู ไม่ใช่เจ้าที่ไม่ให้เข้า เพราะฉันแสดงความเคารพนบนอบเจ้าที่คือชายแก่ในชุดขาวอย่างดิบดี และดูเหมือนว่าท่านก็เอ็นดูฉัน การกลับมาบ้าน จึงอบอุ่นคล้ายนกน้อยได้กลับรัง
แต่ก่อนที่ฉันจะเดินทะลุประตูเข้าไปข้างใน ฉันสะดุดกึก เพราะกลิ่นประหลาด ได้กลิ่นแล้วใจเต้นแรง ตาพร่ามัว กลิ่นเหงื่อผสมกลิ่นน้ำมันเครื่อง แล้วน้ำตามันก็รื้นออกมา ไม่ใช่ด้วยความรัก หากแต่เป็นความโกรธ ความกลัว ที่ซ่อนอยู่ข้างใต้ถุนของใจ ภาพพ่อเลี้ยงที่ยืนอยู่หลังประตู ทำให้ฉันไม่กล้าแม้แต่ขยับ ถึงรู้ตัวว่าตัวเองกลายสถานะเป็นวิญญาณแล้ว แต่ก็กลัวเขาจะเห็นอยู่ดี เป็นความกลัวที่มีเพียงตัวฉันเท่านั้นที่รู้ที่เห็น และไม่เคยรับมือมันได้เลยสักครั้งเดียว ฉันมือสั่น ปากสั่น ปวดหนักหน่วงที่ช่องท้อง ทำไมจึงเป็นแบบนี้ ขาอยากขยับแล้วเดินหนี แต่ก็ทำไม่ได้ ฉันเป็นผีนะ มันต้องกลัวฉันสิ่ ฉันกลัวมันทำไม ฉันแหกอกได้ ฉันทำตาถลนได้ ฉันถอดหัวได้ ฉันลากไส้ได้ แล้วทำไมฉันยังต้องกลัว ความจริงแล้ว อภินิหารของผีแบบนั้น มันคงมีให้เห็นกันแค่ในหนังผี แต่ผีตัวเป็นๆอย่างฉัน ทำสิ่งเหล่านั้นไม่ได้เลย เป็นแค่ผีจนตรอก หลอกได้ก็แค่ตัวเอง คนเลวๆมันน่ากลัวกว่าผีตั้งเยอะ โดยเฉพาะคนเลวๆอย่างมัน ฉันพูดจาหยาบคาย เพื่อทดแทนและระบายการไร้หนทางสู้ น่าอดสูตัวเองเป็นที่สุด
ฉันจะทำยังไง จะทำยังไงกับคนที่เคยข่มขืนฉันดี ทำไมเรื่องนี้ฉันจึงจำได้ ฉันก็ไม่เข้าใจ ใช่ ต้องใช่แน่ เพราะความอัปยศและสกปรกโสมมนี้ มันฝังลงไปในดวงจิตของฉันอย่างแน่นหนัก และลึกล้ำ ตายอีกกี่ชาติ ฉันก็ไม่มีวันลืมมันลง ไม่มีวัน
แม่จำไม่ได้เหรอ ว่าเราหนีกระเซอะกระเซิงกันยังไง เรามะล่อกมะแล่กกันแค่ไหน ตอนต้องหนีมันเข้ากรุง เพื่อมันจะได้ไม่เอาฉันเป็นเมียมันอีก ใช่สิ่ แม่ไม่เคยรู้นิ่ ถึงแม้แม่จะรู้ แม่ก็ทำเหมือนไม่รู้อยู่ดี เอาหูไปนาเอาตาไปไร่ ไม่สนใจความรู้สึกของฉัน จนฉันบอกว่า ถ้ามันปู้ยี่ปู้ยำฉันอีกครั้งเดียว ฉันจะฆ่าตัวตายนั่นแหละ แม่ถึงจับมือฉันกระโดดขึ้นรถไฟหมายไปตายเอาดาบหน้า แต่เหตุการณ์หลังจากขึ้นรถไฟแล้ว ฉันกลับจำอะไรไม่ได้อีกเลย จนมาถึงวินาทีนี้ ไม่รู้ว่ามันร่วงหล่นไปตอนไหน
2
คุณเชื่อในรักแรกพบไหม ผมเชื่อนะ เพราะเธอคือคนที่ผมถูกใจตั้งแต่แรกเจอ เธอมากับแม่ ผมคิดว่าเป็นแม่นะ เธอนั่งติดหน้าต่าง แม่นั่งถัดออกมาติดกับช่องทางเดินตรงกลาง ยามสายลมพัดผ่าน ผมสีดำยาวของเธอปลิวสลวยไปตามแรงลม ไร้น้ำหนัก ลอยตัว พลิ้วไหว ระยิบระยับยามต้องแสงสุดท้ายของวัน จะเป็นยังไงนะ ถ้าเจ้าของผมสวยนี้ มาอยู่ในอ้อมกอดผม มาแผ่สยายผมอยู่บนร่างผม มีผมหายใจรดตัวเธอ ขยี้ผมเธอ และกระชากผมเธอไปในทิศที่ผมต้องการ
คุณอย่าหลงคิดว่านี่คือการสารภาพผิด หรือคำสารภาพบาปอะไรทั้งนั้น เพราะผมไม่ได้ทำบาป ทั้งไม่ได้ทำผิดอะไร ผมก็มนุษย์เดินดินคนหนึ่ง พเนจรไปในโลกกว้าง ย่อมมีความต้องการ ย่อมมีความโกรธ ย่อมมีความกลัว เช่นเดียวกับคุณและมนุษย์ทุกคน มากน้อยต่างกัน ไปตามแต่สถานการณ์ แต่สถานการณ์วันนั้นมันผิดแผนไปนิด ผมดื่มเหล้ามากไปนิด เลยมึนเมาไปหน่อย คุณก็รู้ไอ้คนเมาเนี่ย ความต้องการทางเพศมันก็จะเพิ่มขึ้น มากกว่าตอนปกตินิดหน่อย อันที่จริงมันก็ไม่หน่อยหรอก มากเลยล่ะ พูดตรงๆแล้วพอกลัดมัน ก็ยากจะควบคุม ถ้าอยู่ข้างล่าง ผมก็คงปลดปล่อยที่ผู้หญิงหากินตรงไหนสักแห่ง ราคาถูกๆให้มันจบๆไป นี่ดันมาอยู่บนขบวนรถไฟ และเธอก็ดันมาอยู่บนขบวนเดียวกับผม แล้วเธอก็ดันสวยถูกตาต้องใจอย่างนี้ จะไม่เรียกว่าสวรรค์จัดให้ ถ้าไม่รีบคว้า ผีห่าซาตานจากขุมนรกอย่างผม ก็คงโง่เต็มประดา กลางดึกผมก็เลยมุดเข้าไปในตู้นอน อาศัยจังหวะที่แม่เธอหลับสนิท ผมรู้ได้ยังไงน่ะเหรอ ก็กรนดังซะขนาดนั้น ได้จังหวะผมก็เลยมุดเข้าเตียงเธอ แต่เธอดันลืมตาตื่นขึ้นมา ผมเลยชกไปที่ท้องหนึ่งที ตั้งใจว่าให้เบาที่สุด แต่เธอดันสลบไปเลย จริงๆแล้วผมไม่ชอบมีอะไรกับผู้หญิงที่ไม่รู้สึกตัวหรอก มันไม่มีอารมณ์ร่วม มันเหมือนเอากับซากศพ แต่ทำยังไงได้ ถ้าเป็นศพนางฟ้าผมก็เอา นานแค่ไหนไม่แน่ใจ คุณก็รู้ เวลาเมา เวลาในความรู้สึกเรามักคลาดเคลื่อน และเวลาเมานี่แหละเสร็จยากฉิบโหง แต่ก็เสร็จ ผมรีบดึงผ้าปูที่นอนออกมาทำความสะอาดให้ตัวเธอ เห็นไหมผมยังมีความเป็นสุภาพบุรุษอยู่บ้าง ผมนั่งรอ คิดว่าไม่นานเธอจะตื่น ไม่คิดว่าฤทธิ์หมัดคนเมา มันจะทำให้เธอเมาหมัดจนไม่ยอมตื่น ผมก็เลยจำใจ ผมขอเน้นคำนี้ ผมก็เลยจำใจ ไม่ใช่ตั้งใจ และก็ไม่ได้เจตนาด้วยนะ ผมจำใจต้องโยนเธอจากหน้าต่างรถไฟออกไป หน้าต่างตรงตู้นอนเธอนั่นแหละ วิวสวยดี อากาศก็ดี ใกล้เช้า นกกาเริ่มออกจากรัง พระอาทิตย์กำลังจะขึ้น คิดว่าเธอ เมื่อใบหน้ากระทบกับรางรถไฟที่เป็นรางเหล็กแข็งๆเย็นเฉียบยามเช้าแล้ว คงจะทำให้เธอฟื้นตื่นเต็มตา ผมไม่รู้จะปลุกเธอด้วยวิธีไหน ให้ตื่นมาพบกับวันใหม่ ได้ดีกว่าวิธีนี้ แล้วล่ะ
คุณอาจจะคิดว่าตี๋หนุ่ม หล่อขาวราวเทพบุตรแบบผม ทำไมใจบาปหยาบช้านัก ผมบอกไว้เลย คนเราดูกันภายนอกไม่ได้หรอก ผมก็เหมือนเนื้อมะพร้าวขาว ที่ค้างมาหลายคืนจนบูดเน่า แต่ผมก็เอาเค้กมะพร้าว เอาน้ำแดงที่เธอชอบ ที่ผมเห็นเธอทานกับแม่เมื่อตอนกลางวัน ไปให้เธอ และผมก็ไม่ลืมที่จะจุดธูปและเรียกเธอมาทานทุกวันเลยนะ ชื่อเธอน่ะหรือ ถ้าจำไม่ผิด ไม่สิ่ ผมจำได้แม่นเลยล่ะ ชื่อออยไง ออย ที่แปลว่าน้ำมัน น้ำมันสำหรับมาราดมารด มาจุดไฟราคะให้ผมไงล่ะ ให้ตายผมก็ไม่มีวันลืม
เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น
Log in