เราใช้คุ๊กกี้บนเว็บไซต์ของเรา กรุณาอ่านและยอมรับ นโยบายความเป็นส่วนตัว เพื่อใช้บริการเว็บไซต์ ไม่ยอมรับ
TalkAtiveYingYue_A
อยู่บนโลกมาจะ21ปีแล้ว ฉันเรียนรู้อะไรบ้างนะ
  • สิ่งที่เราจะเขียนต่อไปนี้เป็นสิ่งที่เราคิดว่าเราได้เรียนรู้มา มันอาจจะแปลกหรืออาจจะขัดกับความเชื่อ ความคิดของใครหลายคน แต่เราแค่อยากจะแชร์ในสิ่งที่เราเจอมา เราอยากให้พื้นที่ตรงนี้เป็นพื้นที่ที่รวบรวมบทเรียน เพื่อใช้ในการเตือนสติตัวเราเองในการใช้ชีวิตต่อไปในวันข้างหน้า 



    1. มันไม่มีประโยชน์อะไรเลยที่เราจะคิดถึงตัวเราในอดีต เราหมายถึง คิดถึงตัวเราในอดีตแง่ที่ว่า ทำไมตอนนั้นชั้นทำแบบนี้ ทำแบบนั้นได้ แต่ทำไมตอนนี้ชั้นทำไม่ได้แล้ว คือคนเรามันโตขึ้น มันเจออะไรเยอะขึ้นอ่ะ สถานการณ์ต่าง ๆ มันเปลี่ยนแปลงไปตามกาลเวลา สิ่งที่น่าจะทำได้คือประกอบสร้างตัวตนของเราขึ้นมาใหม่ สร้างมันขึ้นมาในแบบที่เป็นเราและปรับเข้ากับความเปลี่ยนแปลงในปัจจุบัน แต่พอถึงจุดนึงที่เราโตขึ้นมาอีกหน่อย เราก็จะต้องเปลี่ยนอีกครั้ง แค่นั้นเอง

    2. เอาใจใส่คนรอบข้างให้มากขึ้น นึกถึงจิตใจคนอื่นด้วย โดยเฉพาะคนในครอบครัว คนรัก เพื่อนสนิท คนเราเวลาเรารู้สึกสบายใจมาก ๆ เวลาอยู่กับใครเรามักจะเผลอแสดงกิริยาอาการที่ไม่ค่อยน่ารักออกมาให้คนอื่นเห็น เราก็เป็นคนนึงที่เป็นแบบนั้น นิสัยเสียใช่ย่อยนะเรา แต่ชีวิตมนุษย์มันไม่แน่นอนอ่ะ เรามองหน้าพ่อแม่ เราเห็นว่าท่านแก่ลงทุกวัน เรามองหน้าเพื่อน เราไม่รู้ว่าวันข้างหน้าจะเกิดอะไรขึ้นบ้าง 
    มันเป็นความรู้สึกที่ว่ายิ่งเราไม่รู้ว่าอะไรจะเกิดขึ้นเลย เราก็ยิ่งต้องทำทุกช่วงเวลาให้ดีที่สุดอ่ะ ดูแล เอาใจใส่คนที่เรารักให้มากที่สุด เผื่อวันนึงเราต้องจากกันมันจะได้ไม่ต้องเกิดความรู้สึกว่า ทำไมตอนนั้นชั้นไม่ทำ

    3. บางอย่างเราก็ไม่มีวันรู้หรอกว่าเราชอบหรือไม่ชอบ จนกว่าเราจะได้ลองลงมือทำดู บางอย่างตอนที่เราตัดสินใจเริ่มทำ เราอาจจะคิดว่าเราชอบมันมาก ๆ มันเป็นสิ่งที่เราอยากจะทำมานานมากแล้ว พอมีโอกาสเราก็เลยกระโจนเข้าใส่ ซึ่งมันไม่ใช่เรื่องผิด มันเป็นเรื่องที่ดีด้วยซ้ำกับการได้ลองอะไรใหม่ ๆ ได้ไขว่คว้าโอกาสใหม่ ๆ เพื่อสร้างการเติบโตให้ตัวเอง แต่ถ้าวันใดเราค้นพบว่าสิ่งที่เรากำลังทำอยู่มันไม่ใช่สิ่งที่เราตามหา เรื่องนี้มันก็ไม่ผิดเหมือนกัน แล้วก็ไม่มีเหตุผลที่เราจะต้องมานั่งโทษตัวเองว่าชั้นพาตัวเองมาทำอะไรเนี่ย เพราะการเลือกของเราในตอนนั้นมันดีที่สุดแล้ว ณ เวลานั้น เพียงแค่ตอนนี้มันไม่ใช่สิ่งที่เราชอบ เราไม่อินกับมันแล้ว ก็แค่ถอยออกมาตั้งหลักใหม่ คิดซะว่าอย่างน้อยการได้ลองทำก็ทำให้เราได้ค้นพบว่าเราไม่ได้ชอบมันจริง ๆ

    4. อ่านหนังสือให้มากขึ้น จริง ๆ การอ่านหนังสือมันเป็นสิ่งที่เราชอบอยู่แล้วแหละ แต่เราชอบซื้อมาดองไว้มากกว่าชอบอ่านแค่นั้นเอง ช่วงที่เราเรียนหนัก เราไม่มีเวลาจับหนังสือที่เราชอบเลยด้วยซ้ำ ซึ่งมันเป็นสิ่งที่ไม่ควรเกิดขึ้น เรารู้สึกว่าการอ่านหนังสือมันเป็นการเปิดโลกให้กับเราได้มาก ๆ เรายอมรับว่าส่วนหนึ่งของการเติบโตของเรามันมาจากการได้อ่านหนังสือ เรารู้สึกว่าโลกใบนี้มันเริ่มกว้างออกมาเรื่อย ๆ และทางหนึ่งที่น่าจะช่วยให้เราเอนเกจกับโลกใบนี้ได้ก็คือการอ่านหนังสือ ตอนนี้เราพยายามกลับมาอ่านหนังสือให้มากขึ้นแล้ว 

    5. ติดตามข่าวสารบ้านเมืองให้มากขึ้น นี่ก็เป็นอีกวิธีหนึ่งในการเปิดโลกให้กับเรานอกจากการอ่านหนังสือ เราเป็นมนุษย์ มนุษย์เป็นสัตว์สังคม เราไม่สามารถอยู่คนเดียวบนโลกนี้ท่ามกลางผู้คนมากมายได้หรอก การรับรู้ความเป็นไปของสังคม รับรู้ความเป็นไปของโลกใบนี้ก็เป็นวิธีหนึ่งที่ทำให้เรากลายเป็นส่วนหนึ่งในประชาคมโลกได้อย่างแท้จริง นอกจากนั้นมันยังเป็นการพัฒนาความคิดความอ่านของเราด้วย โดยเฉพาะข่าวที่นำเรื่องราวที่เกิดขึ้นมาวิเคราะห์ มันช่วยให้เราได้ลองคิดตาม ลองนึกถึงความเป็นไปได้ต่าง ๆ 
     
    6. ถ้าใจไม่ไหวก็ร้องไห้ออกมาบ้าง เราโอเคกับการที่ตัวเองจะร้องไห้ออกมาเพราะมันเป็นทางหนึ่งที่ช่วยระบายความอัดอั้นในใจออกมา อีกปัญหาคือเราเจอผู้ชายหลายคนมากที่ไม่กล้าร้องไห้ออกมาเวลามีความทุกข์ใจหรือเสียใจ เพราะกลัวว่าจะถูกมองว่าอ่อนแอ ซึ่งจริงๆแล้วจะผู้ชายหรือใครก็ตามทุกคนมีมุมอ่อนแอกันหมดแหละ ถ้าอยากร้องไห้ก็ร้องออกมาเลย ไม่ต้องกลัวคนอื่นจะตัดสินว่าเราเป็นอย่างนั้นอย่างนี้ เราก็แค่มนุษย์คนนึง มีดีใจ มีเสียใจ 

    7. พยายามอย่าคิดลบไปก่อน เรายอมรับเลยว่าเราเป็นคนนึงที่ชอบคิดลบไปก่อนเสมอ แต่พอถึงเหตุการณ์จริงแล้วมันก็ไม่ได้มีอะไรแย่ตามที่เราคิด ซึ่งมันเปลืองพลังงานโดยไม่มีเหตุจำเป็นเอาซะเลย 
    แต่ถ้าเกิดมันซวยจริง ๆ เกิดเหตุการณ์แย่ ๆ ตามที่เราคิด ก็แล้วไง เราก็ต้องหาทางแก้ปัญหานั้นในตอนที่มันเกิด เพราะถ้าไปคิดมโนตอนที่มันยังไม่เกิดมันก็ไปแก้อะไรไม่ได้อยู่แล้ว 

    8. ลองออกจากคอมฟอร์ทโซนดู  คือเราเป็นคนนึงที่คิดว่าการออกจากคอมฟอร์ทโซนมันยากมากเลย 
    การออกจากคอมฟอร์ทโซนมันมักจะมีคำถามตามมาว่า แล้วถ้าออกจากคอมฟอร์ทโซนแล้วมันไม่ดีล่ะ 
    คือเรามองว่าคำถามนี้มันเป็นกับดักอ่ะ คนที่ได้ยินอาจจะกลัวการออกจากคอมฟอร์ทโซนเลยก็ได้ แต่ลองมองดูดี ๆ ลองเปลี่ยนคำถามเป็น ถ้าออกจากคอมฟอร์ทโซนแล้วมันดีมาก ๆ ล่ะ เนี่ย เห็นมะ การใช้คำพูดมันสำคัญ แต่ก็นั้นแหละ เราไม่รู้ไงว่าอนาคตมันจะเป็นยังไง ถ้าเราออกจากคอมฟอร์ทโซนแล้วมันจะดีกว่าเดิมหรือแย่กว่าเดิม ถ้ามันดีก็ดีไป แต่ถ้ามันแย่ ก็แล้วไงล่ะ เราก็แค่เปลี่ยนเส้นทาง



    ก็เพราะไม่มีใครรู้อนาคตไง แม้แต่หมอดูยังบอกว่าอนาคตมันเปลี่ยนได้ ดังนั้น อยากทำอะไรก็ทำเลย 
    เพราะชีวิตมันคือการลองผิดลองถูกจนกว่าเราจะเจอจุดที่ใช่



Views

เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น

Log in