Hidden creative บริษัทสัญชาติอังกฤษ ได้ทำวิจัยเพื่อพิสูจน์ว่า augmented reality นั้นเพิ่มยอดขายได้จริง โดยเปรียบเทียบการโฆษณาแบบดั้งเดิม (traditional) และการโฆษณาด้วย augmented reality ผู้ปกครองทั้งหมด 100 คน จะได้รับชมโฆษณาเกี่ยวกับของเล่นเด็กแบบดั้งเดิมธรรมดาๆ ในขณะที่ผู้ปกครองอีก 100 คน จะได้รับชมโฆษณาของเล่นเด็กที่ใช้ augmented reality
แต่ละคนจะได้รับ 2 คำถาม
1.คุณจะซื้อของเล่นให้กับลูกของคุณไหม ?
2.จำนวนเงินเท่าไหร่ที่คุณจะจ่ายให้กับของเล่นนั้น
ผลที่ได้ คือ ผู้ปกครองกลุ่มที่ได้รับชมโฆษณาแบบปกติ 45% จาก 100 คน คิดว่าจะซื้อของเล่นนั้นให้ลูกของเขา ในราคา £5.99 ในขณะที่ผู้ปกครองกลุ่มที่ได้ชมโฆษณาแบบ augmented reality ถึง 74% คิดว่าจะซื้อของเล่นนั้นในราคา £7.99 การสำรวจนี้คล้ายกับของ Pepsi ที่เคยจัดทำขึ้นในปี 2014
วันนี้จึงอยากจะหยิบยกเหตุผลทางจิตวิทยาที่ทำให้ลูกค้าจะสนใจและรู้สึกอยากซื้อสินค้าของคุณ หากนำ augmented reality เข้ามาใช้ในธุรกิจของคุณ
ความรู้สึกของ “การเป็นเจ้าของ”
ปกติเวลาเราเห็นสินค้าใน catalog หรือในเว็บไซต์ต่างๆเนี่ย จะทำให้เรารู้สึกว่ามันอยู่ไกลจากตัวเรา แต่กลับกัน ถ้าเราเห็นสินค้าอย่างเฟอร์นิเจอร์ชิ้นที่ชื่นชอบมาวางไว้อยู่ในบ้านที่คุ้นเคย ได้ลองใส่เสื้อผ้าในห้องทดลองเพื่อดูเนื้อสัมผัสของผ้า ความสบายเวลาสวมใส่ หรือการทดลองเครื่องประดับบนข้อมือ เราจะตัดสินได้ว่ามันเหมาะหรือไม่ และหากว่ามันเหมาะ ส่วนลึกๆของเราก็จะคิดว่าสินค้านั้นเป็นของเราแล้ว เรียกง่ายๆว่าคนส่วนใหญ่จะซื้อสินค้าที่พวกเขารู้สึกเชื่อมต่อกับมันนั่นแหละ อีกทั้งยังมีงานวิจัยมากมายที่เข้ามายืนยันว่า “ความรู้สึกในการเป็นเจ้าของ” เนี่ย เป็นจุดเริ่มต้นของผลลัพธ์ทางบวกที่หลากหลายต่อผู้บริโภค เช่น word of mouth กลยุทธ์การบอกปากต่อปากของผู้บริโภค, purchase intention กระบวนการทางจิตใจผู้บริโภคในการตัดสินใจซื้อสินค้า
ความรู้สึก "การควบคุมได้"
ในการใช้งานแอพที่มี ar ผู้ใช้จะเป็นผู้ควบคุมทุกอย่าง ตั้งแต่การเลือกสินค้า เคลื่อนย้าย เปลี่ยนสี วาง หรือหยิบออก การปฏิสัมพันธ์เหล่านี้ ทำให้เรารู้สึกสามารถควบคุมสถานการณ์และสิ่งต่างๆได้ เริ่มตั้งแต่ขั้นตอนแรกไปจนถึงขั้นตอนสุดท้ายด้วยความรู้สึกผ่อนคลาย ดังนั้น ความรู้สึก "ควบคุมได้" เนี่ย จะทำให้อยากช็อปปิ้งเพิ่มมากขึ้นแน่นอน
ความรู้สึก "เหมาะสม คุ้มค่า"
การใช้ augmented reality ทำให้เว็บไซต์ออนไลน์หรือแอพขายสินค้าของเรานั้นมีข้อมูลครบถ้วน นอกจากที่ผู้ใช้หรือลูกค้าจะได้เห็นสินค้าในสถานที่ใช้งานจริงแล้ว ยังได้รับข้อมูลที่จำเป็นมากมาย เช่น ข้อควรระมัดระวัง, สินค้าที่ match กัน, เงื่อนไขการจัดส่ง อีกด้วย พูดง่ายๆคือ ar ผสานเว็บไซต์ออนไลน์กับพนักงานในร้านไว้ด้วยกัน พอลูกค้ารู้สึกว่าได้รับข้อมูลสินค้า บริการอย่างครบถ้วนแล้ว ก็จะรู้สึกว่าการซื้อนั้นเหมาะสม คุ้มค่านั่นเอง
ความรู้สึก "ปลอดภัย"
คงไม่มีใครชอบความรู้สึกไม่ปลอดภัยอย่างแน่นอน ปกติในการสั่งซื้อสินค้าออนไลน์ เราก็มักจะต้องมานั่งวิตกว่า สินค้านั้นจะเหมาะมั้ยนะ หรือรูปตรงปกรึเปล่า สีเหมือนในรูปมั้ย เพราะการส่งสินค้าคืนก็เป็นกระบวนการที่วุ่นวายและเสียเวลา เพราะผู้ซื้อนั้นต้องการที่จะ “สัมผัส” สินค้าก่อนซื้อ และ augmented reality ทำให้ความต้องการนี้เกือบจะเป็นจริงมากที่สุดโดยที่ไม่ต้องเดินทางออกไปที่ร้านจริง ลดความเป็นไปได้ของการ “ไม่ชอบ” ลงไป เพราะฉะนั้นจึงทำให้ความรู้สึกปลอดภัยเพิ่มมากขึ้น
ความรู้สึก "ได้รับการสนับสนุนจากคนรอบข้าง"
การช็อปอยู่บ้านนั้น คงไม่สามารถลองใส่เสื้อผ้าแล้วเดินออกมาจากห้อง fitting room เพื่อถามเพื่อนว่าชุดนี้โอเคไหมได้ และแน่นอน เวลาไปช็อปปิ้งสินค้าอย่างเสื้อผ้า หรือรองเท้า เราก็ต้องการ feedback ของเพื่อนหรือมุมมองบุคคลอื่นเพื่อตัดสินใจว่าจะซื้อดีมั้ยนะ เพราะตามปกติ คนเราต้องการสิ่งที่เรียกว่า "Peer support" แต่ augmented reality เข้ามาเป็นทางเลือกให้เราลองเสื้อผ้าหรือลองแต่งหน้าด้วยใบหน้าของเรา จากนั้นก็ capture แล้วส่งให้เพื่อนดูเพื่อถามความเห็นได้ ความรู้สึกก็เหมือนการได้ออกไปช็อปปิ้งด้วยกันแล้ว
---------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
หากคุณอ่านมาถึงตรงนี้ อยากจะรบกวนเวลาซักเล็กน้อย ในการทำแบบสอบถามความคิดเห็นที่มีต่อ blog ที่ได้จัดทำขึ้น เนื่องจาก blog นี้เป็นส่วนหนึ่งของรายวิชาฝึกงาน รบกวนช่วยทำกันซักนิดน้าาา จิ้มตรงนี้ ขอบคุณมากๆค่ะ -/-
---------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
บทความที่ผ่านมา ..
อ่านเพิ่มเติม ..
เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น
Log in