เราใช้คุ๊กกี้บนเว็บไซต์ของเรา กรุณาอ่านและยอมรับ นโยบายความเป็นส่วนตัว เพื่อใช้บริการเว็บไซต์ ไม่ยอมรับ
SHORT FICTION - yunjaedomonuat_
SF : ABOUT LOVE - ABOUT US.

  • ABOUT LOVE - ABOUT US.
    LOVE IS LOVE. IT’S JUST SIMPLE AS THAT.
    pairing: yunho X jaejoong
    rate: PG – NC17
    genre : slice of life , romantic , domestic life

     

    ยุนโฮเป็นคนใจเย็นเขามีเหตุผลในทุก ๆการกระทำและการตัดสินใจ
    กลับกันแจจุงเป็นคนที่ทำตามสัญชาตญาณตัวเองซะมากกว่า
    อยากทำอะไรก็ทำไม่ค่อยคิดถึงผลที่ตามมา 

    ยุนโฮถึงได้บ่นเขาบ่อย ๆ ว่าชอบทำอะไรไม่คิดหน้าคิดหลัง กล้าเสี่ยงเสียจนดูบ้าบิ่น

    แต่จะพูดก็พูดเถอะแจจุงภูมิใจและหลงใหลในความบ้าบิ่นของตัวเอง
    เขาไม่มีอะไรให้เสีย คนเราเกิดมาแล้ว จะมามัวพะวักพะวงนู่นนี่ให้เสียเวลาไปทำไม

    ดังนั้นแจจุงถึงได้ทำอะไรเต็มที่ตลอด

    ถ้า รัก ก็รักเต็มที่

    ถ้า เกลียดก็อย่าหวังว่าจะให้อภัย

    ยุนโฮเรียกเขาว่าเป็นพวกสุดโต่ง


    เขาหัวเราะหยิบบุหรี่ขึ้นมาจากในซอง คาบไว้ที่ปาก ยื่นหน้าให้ยุนโฮจุดไฟแช็คให้ กลุ่มควันสีเทาลอยบนอากาศก่อนจะจางหายไปจริงๆแล้ว ยุนโฮก็ไม่ค่อยอยากให้เขาสูบซักเท่าไหร่ ด้วยเหตุผลที่ก็รู้กันดีอยู่
    ว่ามันไม่ดีต่อสุขภาพแต่ถ้าจะมาห้ามไม่ให้เขาสูบ เขาก็คงไม่ยอม ในเมื่อยุนโฮก็สูบเหมือนกัน

    ถ้าจะมาอ้างเรื่องผลเสียต่อสุขภาพตัวยุนโฮเองก็ต้องเลิกสูบเหมือนกันนั่นแหละ
    ไม่งั้นจะยุติธรรมได้ไง

    สุดท้ายประเด็นเรื่องบุหรี่จึงจบไป

     

     

     

    ยุนโฮกับแจจุงคบกันมาเกือบหกปีแล้วหลายคนบอกว่าให้ระวังให้ดี เรื่องหกปีอาถรรพ์น่ะ
    ไม่เชื่อก็อย่าลบหลู่ คู่ที่ดูหวาน ๆ รักกันปานจะกลืนกินก็เลิกกันตอนครบหกปีมาก็หลายคู่

    แต่เขากับยุนโฮไม่เชื่อ  ไม่ใช่ว่าเชื่อมั่นในรักอันยิ่งใหญ่ที่จะไม่มีทางถูกทำลายได้หรอกนะ
    แต่พวกเขามองว่าเวลาไม่ใช่เรื่องสำคัญ
    สิ่งที่จะทำให้ความรักอยู่รอด คือคนสองคนที่แชร์ความรู้สึกด้วยกันต่างหาก

    ถ้าฝ่ายหนึ่งเริ่มเบื่อความเชื่อใจไม่เหลือ ความรักมันก็ต้องล่ม จะหกปีเจ็ดปีหรือยี่สิบปีก็เถอะ

    เขาไม่ได้กังวลในเรื่องนั้นเพียงแค่ว่าตอนที่ยังรักกัน เขาก็จะพยายามทำให้ดีที่สุด
    แต่ถ้าพรุ่งนี้มีเหตุให้ต้องทะเลาะ ฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งไปเจอคนที่ใช่มากกว่า
    แล้วสุดท้ายเรื่องบานปลายใหญ่โตจนแก้ไขไม่ได้ และมันต้องเลิก ก็เลิก

    หลายคนอาจมองว่ามันแปลกถ้ารักกันจริงก็ต้องยื้อกันไว้ให้ได้นานที่สุดสิ
    น้ำตาต้องไหล ต้องเสียใจและฟูมฟาย

    แต่แจจุงไม่คิดแบบนั้น  รักมันก็คือรักถ้าตอนไหนเลิกรักกันก็ไม่มีประโยชน์ต้องรั้งอีกฝ่ายไว้
    ความทรงจำดี ๆที่เคยมีร่วมกันก็เก็บไว้  อันไหนที่เฮงซวยก็ลืม ๆ มันไปซะ
    หากถึงเวลาที่มันต้องเลิกก็คงปล่อยมือกัน  ต่างคนต่างไปแล้วก็มีชีวิตของตัวเอง

    เพราะสุดท้ายแล้วน่ะ  


    เราก็ต้องอยู่ด้วยตัวเองให้ได้อยู่ดี

    นั่นเป็นมุมมองความรักของแจจุง
    และเขาก็รู้สึกว่าตัวเองโชคดีที่ยุนโฮเข้าใจ

     


    แต่ถึงยุนโฮจะเข้าอกเข้าใจและเป็นคนมีเหตุมีผลแค่ไหน
    บางครั้งเราก็ทะเลาะกันด้วยเรื่องงี่เง่าจากความขี้หึงเกิตเหตุ อย่างเช่น 
    ยุนโฮไม่ชอบให้แจจุงใส่เสื้อคอกว้างเกินไป กว้างจนเห็นแผ่นอก  เขาบอกว่าเขาหวง
    ไม่อยากให้มีคนมอง แต่สำหรับแจจุงเขามองว่ามันเป็นเรื่องยิบย่อยเกินไป ก็มันตัวเขาจะใส่อะไรมันก็เรื่องของเขาไหมล่ะมันเป็นความชอบ เป็นสไตล์
    ทียุนโฮเองยังใส่เชิ้ตปลดกระดุมหรือใส่เสื้อกล้ามยืนรดน้ำต้นไม้หน้าบ้านได้เลย

    เขาไม่เคยไปว่าหรือบังคับให้เปลี่ยนเสื้อซะหน่อย
    แล้วนี่จะมาบังคับไม่ให้ใส่มันใช่เรื่องซะที่ไหน


    เขาจำได้ว่าวันนั้นยุนโฮหงุดหงิดแค่ไหนฝ่ามือใหญ่นั่นยกขึ้นขยี้หัวแรงๆ
    เดินไปเปิดประตูตู้เย็น คว้ากระป๋องเบียร์ไปดื่มที่หน้าระเบียงบ้าน 
    ตอนแรกแจจุงก็กะจะปล่อยให้เลยตามเลยเพราะเขารู้ว่ายุนโฮน่ะโกรธง่ายหายเร็ว

    เดี๋ยวพรุ่งนี้ก็กลับมาทำอาหารเช้าให้เขากินอยู่ดี  แต่คิดไปคิดมา
    คืนนั้นเขาอยากมีคนตัวอุ่นๆ ให้นอนกอด เขาเลยตัดสินใจเดินไปหา ทรุดตัวลงนั่นข้างๆ คนตัวโตกว่า
    กดจูบที่หัวไหล่เปล่าเปลือยของอีกฝ่าย ยุนโฮยังนั่งนิ่งมือยังกระดกเบียร์เข้าปากเรื่อยๆ

    จริง ๆ แจจุงไม่ชอบง้อใครและครั้งนี้เขาก็มั่นใจว่าเขาไม่ผิด
    แต่จะยอมอ่อนให้บ้างก็ได้ เพราะหลาย ๆ ครั้งยุนโฮก็ยอมอ่อนให้เขาตลอดจะได้พอเจ๊ากันบ้าง


    ความรักมันก็แบบนี้ยอมอ่อนให้กันและกันบ้างก็ได้  

    จะถือทิฐิไปทำไมให้หนักนักหนา

    เขาขยับตัวนั่งให้ชิดยุนโฮมากกว่าเก่ามือขาว ๆ แย่งเอากระป๋องเบียร์มาถือไว้ ยกขึ้นดื่มก่อนจะเอียงตัวประกบริมฝีปากลงบนริมฝีปากอีกฝ่ายเบา ๆ กะจะแกล้งให้ยุนโฮใจอ่อนเลิกงอนเขาไม่เข้าเรื่องสักที 

    แต่สุดท้ายเขาดันถูกไล่ต้อนจนได้ จากที่เป็นฝ่ายเริ่มกลับกลายเป็นฝ่ายรับซะงั้น
    ยุนโฮช้อนมือขึ้นประคองใบหน้าเขา เราแนบชิดกันมากขึ้นเสียงลมหายใจดังแผ่วสลับกับเสียงหอบ
    ยุนโฮยังจูบเก่งเหมือนเคย ทุกครั้งที่จูบกันเขาแทบจะหมดลมหายใจ

    ยุนโฮไม่เคยจูบเล่น ๆหรือทำเป็นหยอก เขาจูบจริงทุกครั้ง
    ฟันคมขบที่ขอบริมฝีปากล่าง ฝ่ามืออุ่นจัดลูบไล้ที่สะโพก

    ลมหายใจเขาสะดุด

    แจจุงรู้สึกว่าตัวเองร้อนไปทั้งตัวไม่ใช่เพราะเบียร์แน่ๆ ในเมื่อเขากินไปแทบไม่ถึงอึกดี สติเริ่มพร่ามัว ภาพตรงหน้าเบลอไม่ชัดเจนมารู้สึกตัวอีกทีก็ตอนที่โดนเหวี่ยงไปที่เตียงหลังกว้างในห้องนอนใหญ่

     

    ใช่ว่าเขาจะไม่ประสีประสาหลายครั้งเขาเป็นฝ่ายเริ่มจนยุนโฮหลงเคลิ้มมาก็หลายครั้งแต่จนแล้วจนรอดเขาก็เอาชนะยุนโฮไม่ได้ซักที ครั้งนี้ก็เช่นกัน ยุนโฮเป็นคนนำเกมเขายืนอยู่ที่ปลายเตียงเสื้อกล้ามสีขาวถูกถอดทิ้งโยนไปกองที่พื้นเช่นเดียวกับกางเกงผ้านิ่ม แจจุงยกยิ้มเมื่อเห็นอะไรบางอย่างดุนดันอยู่ที่กางเกงชั้นในสีอ่อน

    “จะเอาแต่มองจริงเหรอ”ยุนโฮเอ่ยถาม และไม่ต้องให้พูดซ้ำ แจจุงขยับตัวคลานเข้ามาหาอีกฝ่าย

    เขารู้ว่ายุนโฮต้องการมากแค่ไหนที่ยังทำเป็นนิ่งก็เพราะไม่อยากให้ตัวเองเสียฟอร์มก็เท่านั้นล่ะตอนที่เขาเลื่อนใบหน้าเข้าไปใกล้ แลบปลายลิ้นไล้เลียเบา ๆ ทั้งที่ยังมีเนื้อผ้ากั้นเขาได้ยินเสียงครางผะแผ่วดังลอดจากริมฝีปากหยักนั่นและยิ่งเข้ากดน้ำหนักลงที่ปลายลิ้น ขายุนโฮก็ยิ่งสั่น 

    เขารู้ว่ายุนโฮใกล้จะทนไม่ไหวและถ้าหากเขายังแกล้งเล่นไม่เลิก ตัวเขาเนี่ยแหละที่จะเป็นฝ่ายลำบาก ดังนั้นเขาจึงเริ่มดำเนินการขั้นต่อไปฟันขาวขบที่ขอบชั้นในเนื้อนุ่ม ดึงรั้งมันลงมาเร็ว ๆความต้องการที่หลบซ่อนอยู่ใต้เนื้อผ้าปรากฏให้เห็นเต็มตา ถึงเขาจะเห็นมันจนชินตาหลายต่อหลายครั้งจนนับไม่ถ้วน แต่ก็อดตื่นตะลึงทุกครั้งไปไม่ได้แก้วขาวขึ้นสีแดงเรื่อง


    แจจุงเงยหน้าขึ้นมองอีกฝ่ายสีหน้ายุนโฮยังนิ่งสงบ สิ่งที่ดูแปลกออกไปมีเพียงริ้วแดง ๆ ที่สองแก้มเท่านั้น
    และตัวเขาก็อดใจไม่ไหวที่จะทำให้ยุนโฮเสียการควบคุม

    ลิ้นเล็กไล้ไปตามความยาวด้านข้างเขาทำอย่างเชื่องช้าราวกับจะแกล้งให้อีกฝ่ายเสียสติ
    แจจุงค่อย ๆ วกกลับมาที่ส่วนปลาย เขาจงใจลงน้ำหนักตรงส่วนรอยแยกเล็ก ๆ นั่น
    ดูดเลียจนมันชุ่มไปด้วยน้ำลายใส แล้วบรรจงครอบปากลงไปที่แกนกลางที่ขยายพองจนดูคล้ายอึดอัด

    เขาขยับศีรษะขึ้นลงช้าๆ ทำให้แน่ใจว่าเข้าไปให้ได้ลึกที่สุดและไม่ลืมที่จะดูดตรงส่วนปลายเล็กๆ ทุกครั้ง ความตั้งใจของเขาเป็นผล  ยุนโฮเลื่อนฝ่ามือขยุ้มผมเขาแรง ๆ เสียงครางทุ้มดังรอดจากลำคอ

     

    “อ..อ้า เร็ว” เขาเอ่ยวอน
    และแจจุงก็พร้อมที่จะทำตามคำขอ เขาปรับความเร็วให้มากขึ้นฝ่ามือช่วยขยับตรงส่วนโคนที่เข้าไปไม่ถึง ดวงตากลมโตช้อนขึ้นมองใบหน้าของอีกฝ่ายเขาแอบลอบยิ้มทั้งที่สิ่งนั้นยังคับเต็มปาก

    ถึงยุนโฮจะเก่งแค่ไหนแต่ใบหน้าของอีกฝ่ายที่เขาเห็นอยู่ตอนนี้ก็ทำให้เขารู้สึกอยากชนะขึ้นมา

    ดวงตาเรียวรีปิดสนิทขนตายาวระที่ข้างแก้ม ริมฝีปากหยักได้รูปเผยออ้าออก
    และเหงื่อเม็ดโตผุดซึมที่ไรผม

    ยุนโฮดูเหมือนรูปสลักกล้ามท้องและไรขนอ่อนแถวสะดือยิ่งทำให้เขาเซ็กซี่และน่ามอง
    เขาส่งเสียงครางเบา เชิดหน้าขึ้น ริมฝีปากสีสดขยับเป็นรูปตัวโอ ยิ่งตอนที่เขายกมือขึ้นเสยผมชื้นเหงื่อนั่นขึ้นโดยที่มืออีกข้างยังลูบไล้ที่ผิวเนื้อหลังคอเขาพร้อม ๆกับสะโพกสอบที่กระแทกแรง ๆ ให้รับกับจังหวะ

    มันเหมือนมีอะไรบางอย่างในตัวแจจุงที่สั่นสะท้านเหมือนกระแสไฟฟ้าเต้นริ้วอยู่ในอก เขารู้สึกว่าต้องทำให้ดีกว่านี้ เป็นหน้าที่ที่ต้องทำให้ยุนโฮมีความสุขที่สุดเขาจึงเร่งความเร็ว ขยับให้เร็วแต่ลึก
    ไล่ปลายนิ้วที่ต้นขาแน่นแผ่วเบาและสุดท้ายโจมตีที่ส่วนปลายฉ่ำเยิ้มวนลิ้นเป็นวงกลมสลับกับ              ใช้ข้อมือช่วยรูดขึ้นลงรัวเร็ว

    เขาสัมผัสว่ายุนโฮตัวเกร็งสองมือโอบที่รอบคอเขาแน่นและ...


    จังหวะที่เขาดูดดุนย้ำเป็นครั้งสุดท้ายยุนโฮเกร็งตัวแน่นก่อนของเหลวอุ่นสีขุ่นจะพุ่งปะทะเข้าเต็มใบหน้า
    มีบางส่วนติดย้อยอยู่ที่ริมฝีปากบาง

    ลิ้นเล็กแลบเลียมันจนหมดก่อนจะยกยิ้มพอใจ

     

    เขาง้อยุนโฮสำเร็จ

     

     

     

    บางครั้งเราต่างคนต่างตกอยู่ในโลกของตัวเอง
    แจจุงนั่งเสก็ตซ์รูปในสมุด หูสองข้างเสียบหูฟังไว้ในขณะที่ยุนโฮนั่งอ่านหนังสือพร้อมกับจิบกาแฟ
    เรานั่งอยู่บนโซฟาตัวเดียวกันที่กลางบ้าน ข้างหน้าเป็นโต๊ะกระจกตัวเล็กๆ
    เขาขยับขาขึ้นนั่งขัดสมาธิ ยุนโฮหยิบแก้วกาแฟขึ้นจิบ พลิกหน้ากระดาษแล้วจดจ่อกับตัวหนังสือ

    ทั้งบ้านเงียบสนิทเงียบจนได้ยินเสียงเข็มนาฬิกาเดินผ่านแต่ละวินาที
    เขาและยุนโฮต่างไม่ได้ปริปากพูดใดๆ เวลาผ่านไปนาทีแล้วนาทีเล่าก่อนยุนโฮจะปิดหนังสือ วางลงกับโต๊ะข้างหน้า แล้วลุกขึ้นเข้าครัว

    แจจุงได้ยินเสียงกุกกักเหมือนยุนโฮจะรื้อหาภาชนะใส่อาหาร ได้ยินเสียงมีดที่กระทบกับเขียง
    เสียงฉ่าๆ ของกระทะและตะหลิวเขาลอบยิ้ม

    ใกล้ถึงเวลาอาหารเย็น

    ยุนโฮไม่เคยถามว่าเขาชอบทานอะไรแต่ร่างสูงเป็นคนช่างสังเกต ถึงยุนโฮจะชอบบอกว่าตัวเองไม่ใช่คนโรแมนติกหรือละเอียดอ่อนแต่แจจุงรู้ว่าอีกฝ่ายจดจำรายละเอียดต่างๆ ได้ดีแค่ไหน
    อย่างเรื่องอาหารที่แจจุงชอบ

    ถ้าเป็นข้าวต้มก็ต้องมีกระเทียมเจียวกับโรยพริกไทยเยอะๆ แต่ไม่เอาผักโรยอย่างต้มหอม
    ข้าวผัดกิมจิต้องคู่กับไข่ดาวที่ไข่ขาวกรอบ ๆ แต่ไข่แดงยังไม่สุกดี
    ช็อคโกแล็ตปั่นต้องหวานน้อยใส่ไซรัปแค่ปั้มเดียว
    ใช้นมนอนแฟทแต่เพิ่มช็อกโกแล็ตชิปกับวิปครีมเยอะ ๆ
    แล้วก็อย่าลืมว่าต้องราดซอสช็อกโกแลตด้วย

    ยุนโฮเคยถามว่าจะสั่งแบบหวานน้อยและใช้นมไร้ไขมันไปทำไมในเมื่อสั่งทั้งวิปครีป
    และช็อคชิพเพิ่ม  เขาหัวเราะ บอกว่า  “มันเป็นการสร้างสมดุล”


    ยุนโฮส่ายหัวอย่างระอาแต่ทุกครั้งที่ซื้อช็อคโกแล็ตปั่นมาฝากเขา
    เขาก็ได้เครื่องดื่มแบบที่เคยสั่งเป็นประจำทุกครั้ง ถูกต้องทุกอย่างตามที่เขาชอบ


    และที่สำคัญก็คือข้างแก้วก็จะต้องมีคำว่า“แจจุงที่รัก” ปรากฏอยู่เสมอ พร้อมหัวใจหนึ่งดวงที่ดูคล้ายตัว B ใหญ่ในภาษาอังกฤษ  ตอนแรกเขาก็นึกว่ายุนโฮให้บาริสต้าเขียนให้แต่พอดูดี ๆอีกที
    ถึงได้รู้ว่าเป็นยุนโฮนั่นแหละเขียนเองกับมือ ก็ลายมือตัวเบี้ยว ๆ แบบนี้จะเป็นใครไปได้ล่ะ

    ไม่ใช่แค่เรื่องอาหารที่ยุนโฮใส่ใจ  เรื่องอื่น ๆก็เหมือนกัน

     

    แจจุงชอบวาดรูปและงานศิลปะ  ถึงจะไม่ได้ยึดเป็นอาชีพหลักก็ตาม

    แต่มันเป็นงานอดิเรกที่เขารักเขาหลงใหลในลายเส้นสีดำบนหน้ากระดาษ
    ความรู้สึกตอนผสมสีในจานสีกลม ๆหรือแม้กระทั่งตอนมองดูน้ำในแก้วเปลี่ยนสีตอนที่จุ่มพู่กันลงไปล้าง

    ยุนโฮไม่ได้ชื่นชมศิลปะขนาดนั้นแต่เมื่อเขารู้ว่าแจจุงหลงรักมันมากขนาดไหน เขาก็พร้อมจะลงทุนให้
    ยุนโฮซื้อสมุดเสก็ตซ์ ดินสออย่างดี ชุดพู่กัน สีน้ำเกรดเอกระดาษสำหรับสีน้ำโดยเฉพาะ
    และอุปกรณ์ศิลปะอีกหลากหลายอย่างให้แจจุงในวันเกิด

    เขาไม่ได้ร้องขอ และอีกฝ่ายก็ซื้อให้โดยไม่เคยเอ่ยถาม

     



    หรือบางทีที่แจจุงบ่นว่าเหนื่อยอยากไปเที่ยว
    ยุนโฮก็จะเริ่มวางแผนทริปสั้น ๆ ที่ไปกันได้ง่าย ๆ แต่สนุกทุกที

    ถึงเขาจะบอกว่าไม่ต้องหรอกก็แค่บ่นไปงั้นแหละ ยังไม่ได้อยากไปไหนสักหน่อย

    แต่ยุนโฮก็จะดึงดันที่จะพาเขาไปให้ได้และทุกครั้งที่ไปเขาก็ไม่เคยผิดหวัง
    สถานที่ที่ไปอาจไม่ใช่ที่ที่หรูหรา หรือสวยงามราวเทพนิยายทุกครั้ง แต่มันมีความสุข
    เพราะรายละเอียดเล็ก ๆน้อย ๆที่ยุนโฮใส่ไปตลอดการเดินทางต่างหาก

    ถ้าช่วงที่ไปเป็นฤดูหนาวยุนโฮจะตรวจให้แน่ใจเสมอว่าเขามีเสื้อกันหนาวแล้วก็ผ้าพันคอพอ
    ยาแก้หวัด แก้ไข้ต้องพร้อมในกระเป๋า
    หรือถ้าไปเที่ยวทะเล หมวกและครีมกันแดดก็ต้องพร้อมสรรพ

    บางครั้งยุนโฮก็เซอร์ไพร์สเขาด้วยการจอดรถกลางทางเขาหันไปถามว่าทำไม
    อีกฝ่ายเพียงยิ้ม ยกกระเป๋าออกมาแล้วเดินลงจากรถ
    เขาเดินตามด้วยความสงสัย

    “ทีนี้สวยดี แจจุงคงอยากวาดรูป”

    เขาหยุดเดินมองไปยังภาพตรงหน้าแล้วก็ต้องเห็นด้วยว่ามันสวยจริงๆ

    พระอาทิตย์กำลังจะตกดินสีแดงอมส้มตัดกับสีฟ้าของผืนน้ำ

    ยุนโฮอาจไม่ได้ชื่นชมในธรรมชาติแต่เขาแค่ชอบเวลาได้เห็นแจจุงทำสิ่งที่ตัวเองรัก

    เพราะ ความสุขมันก็คือการได้เห็นคนที่เรารักมีความสุขนั่นแหละ

     



    มันอาจฟังดูเป็นเรื่องเล็กน้อยก็แค่ซื้อของขวัญวันเกิด พาไปเที่ยว ใคร ๆเขาก็ทำกัน
    แต่การได้เห็นความใส่ใจเล็ก ๆ น้อยแบบนี้มาตลอดหลายปี โดยที่ตัวเขาไม่เคยเรียกร้อง
    ก็ทำให้เขาปฏิเสธไม่ได้จริงๆ ว่า

    ยุนโฮน่ะน่ารัก

    พอตกหลุมรักไปแล้วก็ทำให้รักมากขึ้น

    จะรักตลอดไปหรือเปล่าเขาไม่แน่ใจ

    แต่ตอนนี้ สิ่งที่เขาแน่ใจมากก็คือ

     

    เขารักเจ้าตาตี่คนนี้มากจริงๆ

     

    อือ

    รักจริงๆ นะ

    (:



    - MAY THEIR LOVE GROW STRONGER AND STRONGER EVERY SINGLEDAY. –

    talk: แวบมาลงฟิคต้อนรับเทศกาลวาเลนไทน์นะคะเป็นเอ็นซีครั้งแรกที่แต่งจริงจัง
    ปกติไม่ค่อยได้แต่งเท่าไหร่ ดีไม่ดียังไงติชมกันได้นะคะ 55555555555 ขอบคุณสำหรับการต้อนรับ
    ที่ดีมากๆจาก HE JAEJOONG AND KISSES นะคะเราไม่นึกว่าจะมีคนเข้ามาอ่านเยอะขนาดนั้น
    และได้รับคอมเม้นต์ที่ดีมากขนาดนั้น เป็นเรื่องแรกที่แต่งละได้เม้นต์เกินสองหน้าฮือ ;____;
    ขอบคุณจริงๆค่ะ เป็นกำลังใจที่ดีมากๆ แล้วพบกันเรื่องหน้าค่า (:
    ปล. Happy valentine’s day ล่วงหน้าทุกคนค่า

     


Views

เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น

Log in
isthepe (@isthepe)
อบอุ่น~ น่ารัก~
บางทีความรักก็มาในรูปแบบที่เรียบเงียบไม่ต้องหวือหวาแค่เข้าใจกันแค่รู้ว่าอีกฝ่ายชอบหรือไม่ชอบอะไรแค่นั้นก็เพียงพอ