เราใช้คุ๊กกี้บนเว็บไซต์ของเรา กรุณาอ่านและยอมรับ นโยบายความเป็นส่วนตัว เพื่อใช้บริการเว็บไซต์ ไม่ยอมรับ
[Fic: Thor x Loki] LIEnarscel
[Fic: Thor x Loki] LIE - Ep20 : Confession
  • Author’s Note : คงเพราะเป็นตอนใกล้จะจบเต็มที เราเลยอยากให้แน่ใจว่าใส่ครบน่ะน้า ตอนนี้เลยช้ามากเลย ขอบคุณคนอ่านทุกคน ทั้งที่เป็นกำลังใจแวะมาพูดคุย คนที่อ่านวนจนยอดวิวขึ้นเรื่อยๆ และทุกคนที่แวะเข้ามาอ่านนะคะ ถ้าแบ่งปันให้ทุกคนได้สนุก มีความสุขไปกับการกาวคู่นี้ด้วยกันได้เราก็ดีใจมากๆ เลย

    แจ้งนิดนึงเรื่องการเปลี่ยนชื่อยานอวกาศที่ชาวแอสการ์ดใช้หลบหนี เดิมทีเราใช้ชื่อตามบทสคริปหนังคือ 'The Ark' ในตอนที่แล้ว แต่ในวิกิลงไว้ว่า 'Statesman' คิดว่าเป็นชื่อที่ตั้งใหม่ในช่วงถ่ายทำแล้ว ในตอนนี้ยานเดอะอาร์คก็เลยจะเปลี่ยนชื่อเป็น สเตทสแมนนะคะ

    ** มีข่าวมาอัพเดทไว้นิดนึง คือเราคิดว่าจะพิมพ์รวมเล่มเรื่องนี้ จากนี้คงจะมีฟอร์มมาให้กรอกสำหรับคนที่สนใจนะคะ น่าจะมาลงไว้ใน Talk ตอนจบอีกที ถือโอกาสแจ้งไว้ล่วงหน้าตรงนี้ก่อนละกันเนอะ ขอบคุณทุกคนที่แวะมาอ่านนะคะ **

    Pairing : Thor x Loki
    Rate : 15+
    Warning : LGBT , Boy's Love , ฟิควาย , *Spoiler Alert* for Thor : Ragnarok

    ………………………………………………………………..

    LIE – Ep. 20 : Confession

    ………………………………………………………………..

     

              ...จากท่าปล่อยยานบนดาวซาคาร์ สถานที่ซึ่งบุตรแห่งลอเฟย์ถูกผู้เป็นเชษฐาทิ้งเอาไว้ เขาสู้ยอมบากหน้าติดตามมายังแอสการ์ด เพื่อมาเดจาวูถูกทิ้งซ้ำอีกครั้ง… แถมครั้งนี้เขายังต้องหนีเอาชีวิตรอดจากดาวบ้านเกิดที่กำลังลุกไหม้และกำลังจะระเบิดอีก...ถ้าไม่ใช่เพราะเขาหัวไว ยืมพลังของเทสเซอแรคต์มาเปิดประตูมิติได้ทัน มีหรือจะหนีรอด ได้มายืนดูใบหน้าเปื้อนยิ้มทึ่มๆ ของผู้เป็นเชษฐาอยู่ตรงนี้...

              ...กอดงั้นเหรอ?...

              ...น่าขำ...

              ใครเขาทำทั้งหมดนี่เพียงเพื่อหวังจะได้อ้อมกอดกันเล่า เจ้าพี่บ้า!

              ยิ่งคนพูดว่าจะ ‘กอด’ จนถึงตอนนี้ก็ยังเอาแต่ยืนทื่อมะลื่ออยู่ตรงหน้า ทำอะไรก็ไม่ทำ เอาแต่จ้องมองเขาอยู่แบบนี้ มันก็ยิ่งน่าหงุดหงิดเข้าไปใหญ่…

              ...ดูเอาเถอะ... กระทั่งระยะทางระหว่างพวกเขาเหลือแค่ไม่กี่ก้าว เท่าความกว้างของห้องนี้ คนตรงหน้ายังไม่คิดจะช่วยเขาลดระยะห่างที่ว่าลงแม้สักก้าว...

              สุดท้ายเจ้าชายองค์รองแห่งแอสการ์ด ก็เป็นฝ่ายเลิกคิ้วข้างหนึ่งเป็นเชิงถาม ว่า ‘แล้วเอาไงต่อ?’ ซึ่งก็ได้แค่ท่าทีอึกอักจากอีกฝ่ายเป็นคำตอบ

              โลกิกลอกตามองบน พลางพ่นลมหายใจออกมาอย่างหน่ายๆ

              “...ท่านมัน... ถูกตามใจจนเสียนิสัย...”

              สีหน้าบุตรแห่งลอเฟย์กลับมาเรียบเฉย แลดูเย็นชา นัยย์ตาสีเขียวน้ำทะเลพลันหรี่ลง และปลายจมูกโด่งก็เชิดรั้นขึ้นอย่างขัดใจ

              ถึงอย่างนั้น เขาก็ยังเป็นฝ่ายเดินเชิดหน้าน้อยๆ เข้าหาเจ้าคนเสียนิสัยที่ว่า

              ...ทำไงได้... แต่ไหนแต่ไรมา คนที่ตามใจหมอนี่จนเสียคนมากที่สุด... มันก็เขานี่ล่ะ...

    --- ℑ ---

              ธอร์ โอดินซัน ไม่ได้ขยับ... ดวงตาสีฟ้าครามของเขาเพียงจับจ้องใบหน้าของผู้ที่ก้าวเข้ามาใกล้... ใบหน้าของผู้ได้ชื่อว่าเป็นอนุชา...

              ...กอดงั้นเหรอ?...

              ...ใช่... เขาหลุดปากพูดไปแบบนั้น...

              แต่ยิ่งอีกฝ่ายก้าวเข้ามาใกล้ เขาก็ยิ่งไม่แน่ใจ ว่ามันคือสิ่งที่เขาต้องการจริงๆ รึเปล่า...

              ธอร์ไม่แน่ใจกระทั่งว่า เขาควรวางมือไม้เกะกะของตนไว้ตรงไหน ท่าไหนดี เพราะพวกมันดูจะอยู่ผิดที่ผิดทางไปเสียหมด ในหัวรึก็ว่างเปล่า พาลนึกหาคำพูดที่ควรพูดไม่ออกไปเสียแล้ว สุดท้ายก็ได้แต่ยืนฉีกยิ้มกว้างรอรับน้องชายต่างสายเลือด...

              ...นี่สินะ ‘ยิ้มโง่ๆ’ แบบที่อนุชาชอบค่อนแคะเขา...

              โลกิก้าวมาจนหยุดยืนเบื้องหน้า ใบหน้าสวยเงยมองสบตาเขาในระยะใกล้... ดวงตาของอนุชาคล้ายร่ายเวทสะกดให้เขาแทบลืมหายใจ... หูคล้ายแว่วสดับเสียงสายน้ำจากฝักบัว พร่างพรมผิวกาย และร่วงกระทบพื้นเบาๆ...

              ความจริงตรงหน้ากำลังถูกซ้อนทับเข้ากับความทรงจำอันตราตรึงในอดีตเมื่อไม่นานมานี้ ต่างกันก็แต่สีหน้าท่าทางของอนุชา ซึ่งกำลังเงยมองสบตาเขาอย่างท้าทาย แทนที่จะก้มหน้างุด แล้วตัดพ้อน้อยใจภายใต้สายน้ำจากฝักบัวในวันนั้น…

              ความเงียบระหว่างคนทั้งคู่ยังไม่ทันได้สร้างความอึดอัดอะไร โลกิก็เป็นฝ่ายเบนสายตาหลบไปทางโต๊ะด้านข้าง ร่างเพรียวเบี่ยงตัวและก้มเฉียดโดนกายเขา เพื่อเอื้อมปิดปากขวดเหล้าด้วยจุกขวดโลหะในมือ

              ร่างกายของอนุชาเอนเข้ามาใกล้ จนแทบจะแนบลงกับอกเขาอยู่แล้ว... แค่เพียงเขายกแขนขึ้นโอบรับ...

              มันช่างเป็นการกอดอันง่ายดาย และแทบไม่ต้องใช้พลังงานหรือความคิดใดๆ อย่างที่สุดแล้วในประวัติศาสตร์

              ...แต่ธอร์ก็ไม่ได้ทำ...

              ...มันกลายเป็นเรื่องยากขนาดนี้ไปตั้งแต่เมื่อไหร่...

              ธอร์ โอดินซัน ได้แต่ถามตัวเอง

              และชั่วเวลาสองสามวินาทีที่เขาลังเล โลกิก็ถอยกลับไปยืนเบื้องหน้า ห่างจากอ้อมอกเขาอีกครั้งเสียแล้ว

              “...พี่เพิ่งเคยได้กอดข้าเป็นครั้งแรกรึไง?...”

              เทพจอมเจ้าเล่ห์อดกระเซ้าแหย่ผู้เป็นเชษฐาของตนไม่ได้ ใบหน้าแม้ทำเป็นแยกเขี้ยวดุใส่ แต่ก็พอดูออกว่าเจ้าตัวกำลังกลั้นยิ้ม

              ...โลกิคงทั้งนึกขำทั้งอ่อนใจ ในความไม่เอาไหนของเขาอยู่…

              กว่าพันปีที่พวกเขาเติบโตมาด้วยกัน... กระทั่งแก้ผ้าโดดน้ำเล่นในทะเลสาบด้วยกันยังทำมาแล้ว... เขายังมีอะไรเหลือให้อายอีกเล่า... กับแค่การกอด...

              ...และแน่ล่ะ... มันไม่ใช่การกอดครั้งแรก...

              แต่เพราะหลายปีมานี้ต่างหาก ที่พวกเขาต้องห่างไกลกัน จนความคุ้นเคยเดิมๆ เริ่มกลายเป็นเรื่องไม่คุ้นชิน...

              โลกิดูโตขึ้น และแปลกตาไปมากสำหรับเขา จากน้องชายตัวน้อยน่ารักน่าแกล้ง พักหลังๆ มานี้ กลับสะกดสายตา และชวนให้หวั่นไหวทุกครั้งยามอยู่ใกล้ ดวงตาสีเขียวคู่นั้นคล้ายคอยร่ายเวทล่อหลอก พรากเอาความมั่นใจ และความยับยั้งชั่งใจไปจากเขาอย่างง่ายดาย

              ...ใช่ว่าไม่รู้ ว่าเขาต้องการอะไร...

              มือใหญ่และหยาบของเทพนักรบ แทรกเรือนผมดำขลับ โอบต้นคอคนตรงหน้า ดึงรั้งใบหน้าอีกคนให้เข้ามาใกล้อย่างเอาแต่ใจเช่นทุกที จนร่างโปร่งบางของอีกฝ่ายเซปะทะเข้ากับแผ่นอกเขา... และครั้งนี้ธอร์เลื่อนหัวแม่มือดันใต้แนวกรามของอีกคน เชยใบหน้าติดหวานนั้นให้เงยขึ้นสบตาเขาอีกครั้ง…

              ...แต่ต่อให้รู้ว่าใจตัวเองต้องการอะไร แล้วยังไง?...

              ...เขาจะไปมีสิทธิ์ทำอะไรแบบนั้นกับคนตรงหน้าได้เล่า...

              ในยามนี้ที่บุตรแห่งโอดินย้ำบอกกับตัวเอง... ร่างกายกลับกระทำในสิ่งตรงกันข้าม...

              ธอร์หลุบตาลง และช่วงชิงในสิ่งที่เขาล้วนไม่มีสิทธิ์...

              ริมฝีปากของเทพสายฟ้าทาบลงบนริมฝีปากนุ่มของอีกฝ่าย งับเม้มกลืนกินกลีบปากหวานล้ำนั้นซ้ำๆ อย่างโหยหา ความรู้สึกในใจท่วมท้นไหลบ่า จนไม่อาจฝืนเก็บซ่อนมันไว้ได้อีกต่อไป ได้แต่โทษร่างกายและจิตใจอันเหนื่อยล้า ที่ไม่เข้มแข็งพอจะห้ามปรามทัดทานตัวเอง

              ความรู้สึกซึ่งถูกเก็บงำมาเนิ่นนาน... ถูกกาลเวลาหมักบ่มเปลี่ยนรสชาติจากฝาดขม ให้กลายเป็นหอมหวานเย้ายวนให้เมามายประหนึ่งเหล้าไวน์รสเลิศ ซึ่งหากใครได้ลิ้มลองสักครั้ง ครั้งถัดไปก็ยากเกินใจจะต้านทานปฏิเสธมันได้อีก

              ...ความรักที่เขามีให้โลกิก็เป็นเช่นนั้น...

              แก้มอันขาวซีดของอนุชาต้องลมหายใจอุ่นของเชษฐารินรด ก็ค่อยๆ ปรากฏเป็นสีฝาดเรื่อ แต่เพราะใบหน้าของพวกเขาอยู่ใกล้กันเกินไป ภาพเหล่านั้นจึงพร่าเบลอ... จนบุตรแห่งโอดินอาจไม่ทันได้สังเกตเห็นด้วยซ้ำ

              ...ทุกเรื่องก็เป็นเช่นนี้ไม่ใช่เหรอ?...

              ...สิ่งใดอยู่ใกล้ตาจนเกินไป ก็ยิ่งมิอาจเห็นภาพมันได้ชัดเจน...

              ธอร์ไม่รู้ด้วยซ้ำ ว่าเขาเริ่มรักโลกิตั้งแต่ตอนไหน... โลกิกับเขาเติบโตมาด้วยกัน เล่นด้วยกัน ร่วมสู้มาด้วยกัน... เดี๋ยวก็ดีกัน อีกเดี๋ยวก็ทะเลาะกัน กว่าครึ่งค่อนของเวลาทั้งหมดในชีวิตที่ผ่านมา พวกเขาเคยอยู่ห่างกันเสียที่ไหน...

              หลายปีที่ไม่มีน้องชายตัวแสบอยู่เคียงข้าง... เขาเฝ้าติดตามหาตัวอีกคนไปทั่วทั้งจักรวาล... จนใครต่อใครต่างพากันบอกให้ล้มเลิก ต่างบอกเขาว่าอีกไม่นานเขาก็จะทำใจได้เอง... แต่มันไม่ใช่เลย...

              ยิ่งนานวันก็ยิ่งรู้สึกได้ถึงการสั่งสมของความเจ็บปวดที่เพิ่มขึ้นในแต่ละวัน... ไม่มีวันเลย... ที่เขาจะคุ้นชิน... ทำได้แค่ตบตาใครต่อใครให้แนบเนียนขึ้นได้ก็เท่านั้น

              “...อืม..ธอร์...”

              อีกฝ่ายพึมพำเรียกชื่อเขาแผ่วเบาเท่าเสียงลมหายใจ พรูผ่านริมฝีปากซึ่งกำลังตอบรับจูบของเขาอย่างเต็มใจ... ถ้านั่นไม่ใช่การคิดเข้าข้างตนเองจนเกินไปนัก...

              กลีบปากซึ่งเผยอขึ้น เผยช่องว่างเพียงนิด แต่ก็เพียงพอจะเชื้อชวน ให้เขารุกจูบอีกคนดื่มด่ำและลึกซึ้งขึ้นอีก ลิ้นหนาสอดผ่านแนวฟัน เข้าดุนดันไล่ต้อนเรียวลิ้นชื้น แลกเปลี่ยนความต้องการกันและกันจนร่างกายรุมร้อนขึ้นเรื่อยๆ

    --- ℑ ---

              โลกิยังคงไม่มีทีท่าจะขัดขืน มีเพียงการปรับจังหวะลมหายใจเท่านั้นที่เป็นปัญหา เมื่อเขาถูกอีกคนช่วงชิงจังหวะจนเริ่มหายใจไม่ทัน เรียวแขนทั้งสองข้างก็ยกขึ้นพาดบ่ากว้างของเชษฐา แล้วคล้องโอบลำคออีกคนไว้ เป็นหลักให้ร่างกายซึ่งเริ่มจะไร้เรี่ยวแรงได้เกาะเกี่ยวทรงตัว

              เทพจอมเจ้าเล่ห์ลอบหงายฝ่ามือขาวซีดขึ้นข้างหนึ่ง พลันปรากฏมีดอาคมลอยอยู่เหนือฝ่ามือ คมมีดสะท้อนแสงไฟในห้อง ส่องประกายเย็นเยียบอยู่เบื้องหลังว่าที่กษัตริย์แห่งแอสการ์ด...

              นิ้วเรียวสวยจับมีดในมือหมุนกลับเชื่องช้า จนปลายมีดหันเข้าหาบ่ากว้าง ก่อนจะกุมกระชับด้ามมีด แล้วเล็งเพื่อปักมันลงบนบ่าด้านหลังของเชษฐา

              ทว่าข้อมือเล็กของเขากลับถูกมือใหญ่กว่าคว้ากุมไว้แน่น ราวกับถูกบีบด้วยคีมเหล็ก และง้างออกไปด้านข้างได้ทันก่อนปลายมีดจะฝังตัวลงไปใต้มัดกล้าม

              “…โลกิ... เจ้าจะแทงข้า... ทุกครั้งที่อยากให้ข้ากอดเจ้าไม่ได้…”

              ริมฝีปากของเชษฐาละจากริมฝีปากเขา ก็เลื่อนไปกระซิบแผ่วเบาที่ข้างหู น้ำเสียงของธอร์แหบพร่า และสะดุดนิดๆ ไม่เป็นจังหวะ ตามการหายใจซึ่งกำลังปั่นป่วน ไรหนวดคลอเคลียไปตามใบหน้าเขา ให้ความรู้สึกจั๊กจี๋เบาๆ ขณะอีกคนพรมจูบเนินแก้ม และเลื่อนลงไปซุกไซร้ลำคอเขาต่ออย่างไม่คิดจะหยุด...

              “...ไม่ได้เหรอ?...”

              เขาถามกลับ น้ำเสียงบ่งบอกว่าเขาเองก็อยู่ในห้วงอารมณ์ไม่แพ้กัน แม้ดวงตาสีเขียวบัดนี้จะฉายแววซุกซนและท้าทาย ทว่ามีดสั้นในมือข้างนั้นก็อันตรธานไปเสียแล้ว...

              ...เชษฐาพูดถูก... เขาเสพย์ติดการได้รับความรัก จากการให้อภัยอย่างไร้เงื่อนไขของพี่ชายมาโดยตลอด... ยิ่งร้ายก็ยิ่งได้รับความรู้สึกของการ ‘ถูกรัก’... แบบนี้ใครบ้างจะไม่ชอบ

              จะมีก็ครั้งหลังๆ นี่ล่ะ ที่ธอร์ทำเป็นไม่เหลียวแลสนใจ ทำเอาเขาเป๋จนไปไม่เป็น... นึกดูก็น่าเจ็บใจ... ต้องมาถูกเชษฐาซึ่งเขาตราหน้าว่า ‘ทึ่ม’ กลับมาไล่ตามความคิดทันเสียอย่างนั้น...

              แม้จะยังเคลิ้มไปกับสัมผัสอ่อนหวานที่อีกคนมอบให้ แต่ความรู้สึกไม่อยากยอมแพ้พี่ชาย ก็ดันชนะขึ้นมาเสียอย่างนั้น

              บุตรแห่งลอเฟย์พลันลดมือข้างที่เป็นอิสระลงมา ดันแผ่นอกอีกคนให้แยกห่างทั้งที่ใจไม่อยากออกห่างจากริมฝีปากของอีกคนสักนิด เขาได้แต่บอกตัวเองในใจ...

              …ไม่กอดก็ไม่ต้องกอด!... เขาสนใจอยากได้มันเสียที่ไหน?

              แต่แล้วร่างกายถอยห่างออกมาได้ไม่ถึงครึ่งก้าว ก็ถูกแขนแข็งแรงคว้าโอบเอวด้านหลัง รวบร่างเขากลับไปแนบชิดอีกครั้ง

              พอเปลี่ยนไปดึงข้อมือตนข้างที่ถูกยึดจับไว้เพื่อรั้งกลับ ก็พบว่าฝ่ายยึดกุมยังไม่มีความคิดที่จะปล่อย โลกิลองยื้อยุดอยู่อีกพัก เห็นว่าเขาสู้แรงอีกคนไม่ได้จริงๆ บุตรแห่งลอเฟย์ก็ได้แต่เม้มปากแน่นจนเป็นเส้นตรง มือข้างที่ยังเป็นอิสระ จัดการทุบกำปั้นใส่อกเจ้าเทพแรงหมีดังอั้กไปทีอย่างหมั่นไส้

              “ท่านบอกแค่กอด!”

              อนุชาเอ่ยท้วง จงใจแสร้งตวัดเสียงให้ดูฉุนโกรธ แต่ที่ไม่กล้าส่งเสียงดังนัก เอาเข้าจริง คือชักอายจนทำตัวไม่ถูกเสียมากกว่า

              เห็นว่าเชษฐาลังเลอึกอักกับแค่การกอด เขาเลยนึกสนุกอยากแกล้งปั่นหัวอีกคนเล่น ที่ไหนได้ เขากลับเป็นฝ่ายถูกรุกจนขาแทบอ่อนยวบ แล้วแบบนี้ยังจะเรียกว่าเขาเป็นฝ่ายแกล้ง เป็นฝ่ายเอาคืนอีกคนได้อยู่อีกหรือ...

              “...นี่ก็กอดแล้วไง... จูบแบบคนในครอบครัวนั่น แค่แถมให้...”

              เจ้าเทพโคถึกตอบกลั้วขำอย่างอารมณ์ดี นัยย์ตาสีฟ้าครามซึ่งเหลืออยู่เพียงข้างเดียวปรากฏรอยยิ้มจางๆ ขณะทอดมองใบหน้าคนในอ้อมกอดอย่างเอ็นดู

              เทพแห่งคำลวงได้ยินแล้วถึงกับแทบสำลักน้ำลายตัวเอง เมื่อเจอกับความหน้าด้านหน้าทนของเจ้าคนตรงหน้า

              ...มีใครเขาแลกลิ้นกันใน ‘จูบแบบคนในครอบครัว’ บ้าง!!...          

              “ไม่เอาน่า...น้องชาย เจ้าเพิ่งเคยจูบกับข้าเป็นครั้งแรกเสียที่ไหน...”

              ...ไม่ใช่ครั้งแรก?...

              ในหัวโลกิพาลนึกถึงวันนั้นในห้องของวาลคิรี่...

              แต่ว่ากันตามจริง เขาแกล้งทำเมาแล้วลืม หลอกเชษฐาเอาไว้นี่นา... และถ้าเป็นตอนที่เขาแอบจูบอีกฝ่าย ทางนั้นก็หมดสติอยู่ทุกครั้ง… ยังจะมีตอนไหนอีก?...

              คำพูดของเชษฐาทำให้เขาฉุกคิด

              ...หรือว่ามีก่อนหน้านั้น?...

              ...ไม่สิ... ถ้านับครั้งแรกที่พวกเขาจูบกันจริงๆ...

              ...หรือหมายถึงตั้งแต่เมื่อตอนแปดขวบ?  แต่ครั้งนั้นก็แค่อุบัติเหตุ...

              ...เดี๋ยวนะ...ครั้งนั้น...

              อุบัติเหตุใช่ไหม...

              โกหกน่า!

              เจ้าชายองค์รองแห่งแอสการ์ดจ้องเป๋งไปที่เชษฐา ใบหน้าพลันเห่อร้อนขึ้นมา เมื่อจู่ๆ ในใจเกิดคำถาม และคำตอบในหัวของเขาก็ไม่สมเหตุสมผลเอาเสียเลย…

              กำลังคิดหาวิธีจะเค้นเอาความจริงจากเจ้าพี่ชายตัวดี จู่ๆ อ้อมกอดของอีกคนก็คลายออก เชษฐาย่อตัวลงนิด แล้วโดยไม่ทันตั้งตัวเขาก็ถูกอีกฝ่ายจับยกลอยจากพื้น แล้ววางพาดกลางตัวลงบนบ่ากว้าง

              “ธอร์ โอดินซัน!! ท่านทำบ้าอะไรน่ะ!!”

              โลกิร้องเรียกชื่ออีกคนเสียเต็มยศด้วยความตกใจ เขารีบใช้มือเกาะบ่าอีกฝ่ายไว้กันตก และพยายามพลิกตัวหันกลับมาอีกด้าน แต่ท่อนแขนแกร่งโอบล็อคช่วงต้นขาเขาไว้แน่นจนดิ้นไม่หลุด

              “เปลี่ยนที่กอด...”

              เจ้าพี่ชายตอบเรียบๆ ริมฝีปากใต้ไรหนวดเผยรอยยิ้มน้อยๆ แล้วอุ้มอีกคนพาเดินข้ามห้องไปยังประตูซึ่งเปิดเชื่อมไปยังห้องพักของกัปตัน

              “เดี๋ยว! จะไปไหน? แล้วต้องเปลี่ยนที่ทำไมกัน ท่าน..!!!”

    --- ℑ ---

              ปึ้ก!

              เสียงหนึ่งดังขึ้นเยื้องไปทางเบื้องหลัง

              เทพแห่งสายฟ้าไม่ใช่พวกใส่ใจในรายละเอียดสักเท่าไหร่ กรอบประตูบนยานสเตทสแมนก็ไม่ได้ทำเผื่อไว้ สำหรับส่วนสูงของเทพแอสการ์ดสองคนต่อตัวกันเสียด้วย เหลือก็แต่โลกินั่นล่ะ ที่ต้องเป็นฝ่ายก้มลงหลบ เพื่อไม่ให้ศีรษะของเขาฟาดเข้ากับขอบบนของประตูห้อง

              แต่เพราะถูกพาอุ้มหันหลัง แถมกำลังทั้งดิ้นทั้งเถียง กว่าจะหันมาเห็นก็ใกล้มากแล้ว แม้จะรีบก้มตัวต่ำลง แต่ก็ไม่ทัน ถูกขอบประตูกระแทกปึ้ก! เข้าให้แบบเฉียดๆ ตรงส่วนบนด้านหลังศีรษะไปทีนึง

              เทพแห่งคำลวงกัดปากซี๊ด ยกมือกุมหัว พอค่อยหายเจ็บ ก็ทุบกำปั้นลงบนแผ่นหลังเจ้าตัวต้นเหตุเสียหลายทีเอาคืน

              “ปล่อยข้าลงนะ! เจ้าพี่โ...!!”

              กำลังจะเริ่มโวยยกใหม่ อีกฝ่ายก็วางเขาลงตรงกลางเตียงในสภาพกึ่งนั่งกึ่งนอนพอดี แล้วเจ้าตัวก็นั่งลงตามบนเตียงไม่ห่างไปนัก

              “เรามีหลายเรื่องต้องคุยกัน น้องชาย... และคราวนี้ข้าคงไม่ยอมให้เจ้าปฏิเสธอีก”

              โลกิยันตัวขึ้นนั่งจ้องเชษฐาอย่างเคืองๆ

              ว่าที่กษัตริย์แห่งแอสการ์ดนั่งกอดอกมองอนุชา ใบหน้าของเขากลับมาจริงจังอีกครั้งจนดูเหมือนดุ ภายใต้ผ้าปิดตายิ่งทำให้โลกิหวนนึกไปถึงโอดินอย่างช่วยไม่ได้

              ธอร์ระบายลมหายใจออกยาว ก่อนจะเริ่มคำถาม

              “…ข้าถามไฮม์ดัล... เขาว่าไม่เห็นยานคอมมอดอร์... ข้าเลย... นึกว่าเจ้าหนีออกมาไม่ทัน...”

              ในที่สุดบุตรแห่งโอดินก็ได้ ระบายความรู้สึกอัดอั้นที่ผ่านมา คำถามแม้จะฟังดูเป็นเรื่องปกติ แต่ไหนเลยคนต้นเหตุจะไม่รับรู้ความหมาย อีกทั้งน้ำเสียงและแววตาของเชษฐาทั้งสั่นไหวและปรากฏร่องรอยของความเจ็บปวดซึ่งข่มซ่อนเอาไว้ไม่มิดเสียขนาดนั้น

              “ก็แค่ลูกไม้เก่าๆ น่ะพี่ชาย”

              โลกิตีหน้าใสซื่อชิงกลบเกลื่อน ในใจรู้ดีว่า เป็นเพราะพลังของเทสเซอแรคต์ปิดกั้นพลังของไฮม์ดัลไว้ ทำให้เทพผู้เฝ้าไบฟรอสท์ไม่อาจหาเขาพบระหว่างเปิดและข้ามประตูมิติ แต่จะบอกออกไปก็กลัวจะถูกอีกฝ่ายระแวงเข้าให้ แถมเขาเองก็อยากจะเก็บมันไว้กับตัวเป็นไพ่ใบสุดท้ายเสียด้วย

              “เจ้าไม่ได้จงใจแกล้งตายเพื่อหลอกข้าอีกใช่ไหม?”

              ผู้เป็นเชษฐามุ่นคิ้วเมื่อได้ฟังคำตอบ ดวงตาหรี่มองอนุชาอย่างคาดคั้น

              ริมฝีปากบางของเทพแห่งคำลวงคลี่ยิ้มจางๆ พร้อมส่ายหน้าปฏิเสธช้าๆ

              “…อย่าหลอกข้าแบบนั้นอีก...”

              ขอบตาของธอร์เริ่มร้อนผ่าวและเห็นเป็นสีเรื่อจางๆ

              โลกิกลับเป็นฝ่ายเอียงหน้า และยื่นเข้าไปจับผิดอีกฝ่ายใกล้ๆ

              “...ท่านพี่ต่างหากที่หลอกข้า... ไหนล่ะที่ว่า... ร้องไห้เป็นเผาเต่า...”

              ธอร์รีบเสมองไปอีกทาง หลบสายตาของอีกฝ่าย และพยายามไม่อ่อนแอให้อีกคนได้เห็น แต่ก็ไม่ทันแล้ว...

              แค่ได้เห็นเทพนักรบตัวโตๆ อย่างเชษฐา กลับมาเปราะบางจนน่าสงสารเพียงนี้ ไหนเลยผู้เป็นอนุชาจะไม่ใจอ่อนยวบ น้ำเสียงจึงพลอยอ่อนลงตาม คำต่อว่ากลับเป็นแค่คำหยอกล้อให้อีกคนได้ผ่อนคลายลง

              “…อย่าหลอกข้าแบบนั้นอีก...”

              ธอร์พูดประโยคเดิมซ้ำอีกครั้ง และทำท่าจะย้ำมันอีกครั้ง แต่มือขาวสวยทั้งสองข้างของโลกิโอบใบหน้าผู้เป็นเชษฐา รั้งให้หันกลับมาแล้วยันตัวขึ้นจรดจูบอ่อนหวานลงบนริมฝีปาก และเปลือกตาของอีกฝ่าย

              ธอร์คลายแขนซึ่งกอดอกอยู่ เปลี่ยนมากระชับกอดอีกคนด้วยสองแขนในจังหวะเดียวกัน แม้ไม่มีน้ำตาให้เห็นแม้สักหยด หากแต่ความเศร้าและหัวใจอันแตกสลายของเขาในช่วงที่ผ่านมา มีหรือที่อีกคนจะสัมผัสไม่ได้

              คนถูกกอดคิ้วตกลู่ ทำหน้าเหมือนจะร้องไห้แทน แต่ก็ยังไม่วายเอ่ยปากคาดโทษ

              “ถ้าท่านพี่พยายามทิ้งข้าอีก... ข้าจะฆ่าท่าน…”

              รอยยิ้มขื่นๆ ค่อยปรากฏบนใบหน้าของรัชทายาทแห่งแอสการ์ด แต่กลับไม่มีคำพูดตกปากรับคำใดๆ ร่างแกร่งโน้มพาร่างเล็กกว่าให้เอนลงนอนราบไปกับเตียง ขณะเดียวกันก็วางเข่าแทรกลงตรงกลางหว่างขาคนด้านล่าง คร่อมหน้าขาข้างหนึ่งของโลกิไว้ ดวงตาสีฟ้าครามยังคงจับจ้องอยู่เพียงใบหน้าผู้เป็นอนุชา

              โลกิโอนอ่อนอย่างว่าง่าย แต่กลับเบือนหน้าไปทางอื่นหลบเลี่ยงสายตา เขากัดริมฝีปากตนเองเบาๆ มือทั้งสองข้างแตะตรงช่วงเอวเชษฐา แล้วเลื่อนจับขอบเสื้อเกราะด้านล่างของพี่ชายดันขึ้นนิดๆ เป็นเชิงเร่งเร้าให้เจ้าตัวถอดมันออก

              ...ธอร์มองดูสีหน้าท่าทางของอีกฝ่าย ก็ส่ายหน้าเบาๆ อย่างอ่อนใจ... ที่ผ่านมาพวกเขามัวแต่ทำอะไรกันอยู่... แค่เพียงโลกิกับเขาจะซื่อตรงกับใจตัวเองกว่านี้... อะไรๆ ก็คงง่ายขึ้นมาก

              “…มีหลายเรื่อง... ที่คำพูดและการกระทำของข้า ไม่ตรงกับสิ่งที่ใจข้าต้องการ...”

              พูดไปพลางบุตรแห่งโอดินก็ถอดเสื้อเกราะไปพลาง เสร็จแล้วก็โยนมันลงไปบนพื้นข้างเตียง แล้วโน้มตัวคร่อมอยู่เหนือร่างอีกฝ่าย

              มือข้างหนึ่งยันรับน้ำหนักกาย มืออีกข้างสอดเข้าใต้แผ่นหลังเพื่อปลดถอดเสื้ออีกคนออกทีละชิ้นอย่างไม่เร่งร้อน ขณะเดียวกันก็ตัดสินใจค่อยๆ บอกเล่าสิ่งซึ่งอยู่ในใจให้อีกฝ่ายได้รับรู้

              “…โลกิ... ตั้งแต่เจ้าแกล้งตายที่สวาทาล์ฟไฮม์... ข้าเอาแต่นึกขอครั้งแล้วครั้งเล่า ให้เจ้ากลับมา... ขอแค่ให้เจ้ามีชีวิตอยู่อย่างมีความสุขที่ไหนสักแห่ง แล้วข้าจะยอมแลกด้วยทุกสิ่งทุกอย่างที่มี”

              เทพแห่งสายฟ้ากลืนก้อนจุกในลำคอ ก่อนจะพูดต่อ

              “…ข้าสูญเสียเจน... สูญเสียพระบิดา... ข้าเสียค้อน... สูญเสียกระทั่งดวงตา... และแม้แต่แอสการ์ดอันเป็นบ้านเกิดก็ยังสูญสลาย...”

              “......ท่านจะโทษว่าทั้งหมดนี่เป็นความผิดข้างั้นสิ?”

              ด้วยความคิดน้อยใจ ที่ใครต่อใครพากันต่อว่าในทุกเรื่องที่เขาทำ และพากันมองว่าเขามันเลวร้าย ทำให้เมื่อได้ยินสิ่งที่เชษฐาพูด ความคิดแรกของเขากลับตีความหมายเป็นการกล่าวโทษ

              โลกิกัดริมฝีปากตนเองแรงขึ้นอย่างไม่รู้ตัว ขณะหันกลับมามองคนพูดด้วยสายตาขุ่นแข็ง สองมือของเขาวางทาบลงบนแผ่นอกอีกฝ่ายเตรียมจะผลักอีกคนออกห่าง

              ตอนนั้นเองที่โลกิได้เห็นผ้าพันแผลคาดทับบนอกของเชษฐา... รอยเลือดซึมเปรอะออกมาเล็กน้อย บริเวณที่ถูกเขาทุบไปก่อนหน้านี้

              แอสการ์ดแตกสลายไป พลังการรักษาเยียวยาร่างกายตนเองของธอร์จึงพลอยอ่อนลงตาม บาดแผลซึ่งเคยหายได้แทบจะทันที มาตอนนี้ถึงกับต้องทำแผล...

              โลกิชะงักไป เมื่อความคิดน้อยใจในหัวถูกดึงความสนใจไปด้วยเรื่องบาดแผลของคนตรงหน้า จังหวะนั้นธอร์ก็เอ่ยขัดขึ้นมาพอดี

              “ข้าไม่เคยโทษเจ้า... ทั้งหมดมันเป็นความผิดข้าเอง... และที่ข้าอยากให้เจ้ารู้ก็คือ... ข้าไม่คิดจะขอสิ่งเหล่านั้นคืนแม้แต่อย่างเดียว ขอแค่ให้เจ้ามีชีวิตอยู่ ขอแค่ให้เจ้า... มีความสุข... ข้ายินยอมจะแลกทั้งหมดนั่น...”

              เทพแห่งสายฟ้าหลับตา และวางหน้าผากลงบนที่นอนบริเวณเหนือบ่าของอนุชา

              โลกิได้ฟังก็ตัวชา... ได้เห็นความเหนื่อยล้าในสีหน้าของอีกฝ่ายเขาถึงเพิ่งเข้าใจ... ในฐานะรัชทายาทแห่งแอสการ์ด ความคิดเช่นนั้นกัดกร่อนจิตใจผู้เป็นเชษฐาได้มากมายแค่ไหน ความรับผิดชอบซึ่งถูกปลูกฝังให้แบกรับไว้บนบ่า ถูกแปรเปลี่ยนเป็นความรู้สึกผิด… ผิดที่สุดท้ายแล้วความปรารถนาลึกๆ ก็มีเพียงให้คนเพียงคนเดียวเท่านั้นได้มีความสุข

              …และคนคนนั้น... คือเขา...

              เป็นครั้งแรกที่โลกิไม่รู้ว่าเขาควรพูดอะไร ได้แต่ยกมือขึ้นลูบศีรษะด้านหลังของธอร์เบาๆ เขาผินหน้าไปหา และพรมจูบใบหน้าด้านข้างของเชษฐาตนอย่างปลอบโยน

              “แล้วทำไม... เจ้าถึงอยู่ตรงนี้?... เจ้าน้องโง่...”

              ธอร์เงยหน้าขึ้นประสานสายตากับอีกฝ่าย

              “ทำไมถึงไม่ใช้ชีวิต แล้วมีความสุขอยู่ในซาคาร์?...ทำไมถึงเอาตัวเองมาเสี่ยงอีก? อย่าว่าแต่รักคนอื่นเลย แค่รักตัวเองเจ้ายังทำให้ดีไม่ได้... ข้าไม่รู้แล้วจริงๆ ว่าควรทำยังไงกับเจ้าดี...”

              ความรู้สึกมากมายตีกันอยู่ภายใน สีหน้าจึงเต็มไปด้วยความผิดหวังระคนสับสน จากความห่วงก็กลายเป็นขุ่นเคือง คำพูดต่อว่ารุนแรง พร่างพรูออกมาจากปากของเชษฐา พร้อมๆ กับที่หยดน้ำอุ่นร่วงลงต้องเนินแก้มไหลรวมไปกับหยาดน้ำตาซึ่งกำลังไหลรินเป็นทางจากหางตาทั้งสองข้างของอนุชา

              “ใครกันแน่ที่โง่…”

              โลกิทุบกำปั้นลงบนอกอีกฝ่าย ไม่สนแล้วว่ามันจะทำให้อีกคนเจ็บไหม เขาอยากให้อีกคนรู้สึกเจ็บเสียบ้าง รู้สึกเหมือนที่เขากำลังรู้สึก

              “...ท่านกล้าว่าข้ารักใครไม่เป็นได้ยังไง!... คิดว่าข้าตามมาเพื่ออะไร? ทำไมต้องให้ข้าเป็นฝ่ายบอกท่านทุกเรื่อง! เจ้าพี่โง่!”

              เขาทุบมือลงไปบนอกคนด้านบน ครั้งแล้วครั้งเล่า ยิ่งพูดน้ำตาก็ยิ่งไหลอาบแก้ม

             “พี่ไม่รู้จริงๆ ใช่ไหมว่าควรทำยังไง? รักข้าไง... รักข้า! อย่าปล่อยให้ข้าไปไหน... อย่าให้ข้าได้อยู่ห่างจากท่าน!... เมื่อไหร่ท่านพี่จะรู้สักที... ว่าความสุขของข้า... คือการได้อยู่ในสายตาท่าน ได้อยู่เคียงข้างท่าน...”

              ข้อมือเล็กถูกมืออีกคนคร่ากุม ไปกดไว้กับที่นอนทั้งสองข้าง ริมฝีปากคนด้านบนบดจูบลงมาหนักหน่วงจนเจ็บ แต่โลกิไม่ได้ใส่ใจ

              เสียงกระซิบย้ำๆ ของอีกคนต่างหากที่เขากำลังพยายามซึมซับมัน

              “ข้ารักเจ้า...”

              “ข้ารักเจ้า...โลกิ...”

              “เกินกว่าแค่น้องชาย... รักมาตลอด...”

    ==TBC.==

Views

เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น

Log in
Chanicha Kunasinpetch (@CK_TonLew)
เมื่อไหร่จะเข้าหอน้ออออ ไม่ต้องกอด รักกันเลยดีกว่า อิอิ
narscel (@narscel)
@CK_TonLew นี่ลุ้นกว่าตัวบ่าวสาวเองอีกใช่ม้ายยยย 555 /โดนสองเทพแอสการ์ดดุ เขาบอกว่ายังไม่แต่ง! แล้วคนนึงก็หน้าแดงปิดหน้าวิ่งหนีไปล่ะ
supattrapongtee (@supattrapongtee)
แหม่มมมม บอกจะกอด จูบก่อนเลยนะพี่ชาย จูบแบบครอบครัวมาก 55555 ...แล้วที่ว่าเปลี่ยนที่กอดเนี่ย พาไปกอดห้องที่มีเตียง.....แหม่มมมมมมมม ร้ายเหลือจริง ๆ พ่อคุณ

กว่าจะสารภาพรักกันก็ปากันไปเป็นพันปีเข้าไปแล้ว ฮืออออ แต่อย่างน้อยก็ได้ต่างคนต่างรับรู้กันเสียที >> ถึงหลังจากนั้นจะต้องมาลุ้นในอินฟินิตี้วอร์ก็เถอะ (เหม่อมองฟ้าไกล)
narscel (@narscel)
@supattrapongtee ต้องตามไปกาวต่อ อฟนตว ค่ะ แงงงงง ฟิคทั้งยี่สิบกว่าตอนนี่ เขียนเพื่อให้รู้ว่าพี่ไม่โง่ค่ะ พี่มันร้ายยยยย 555555