Author’s Note : ในที่สุดก็กาดื้บออกมาได้อีกหนึ่งตอน แหะๆ ช่วงนี้ไรท์ดูงก เพราะจะทากาวบางๆ 55555 แงงงงง (>_< ) ยังไงก็อดใจรอกันอีกนิดน้า!
Pairing : Thor x Loki
Rate : PG13 ละกัน
Warning : LGBT , Boy's Love , ฟิควาย , *Spoiler Alert* for Thor : Ragnarok
………………………………………………………………..
………………………………………………………………..
...ชีวิต...ที่ไม่มีอนาคตให้ไป ไม่มีอดีตให้หวนรำลึกถึง จะมีสิ่งใดหลงเหลือ... นอกจากลมหายใจวันต่อวัน เป็นเพียงชื่อในตำนานที่สูญหาย และไม่นานก็จะถูกลืมเลือน…
…นี่คือชีวิตที่เจ้าเลือกหยิบยื่นให้ข้าจริงๆหรือ?...ซารีฟา...
วาลคิรี่เฝ้าถามคำถามนี้กับตัวเองมาตลอด ด้วยเจ้าของชื่อนั้น... ไม่อยู่ให้หล่อนเค้นถามเอาคำตอบใดๆ ได้อีกแล้ว
เนิ่นนานกว่าพันปี ที่วาลคิรี่มีชีวิตจมอยู่ในซาคาร์... ดาวแห่งขยะ…
…ก็เหมาะสมดี...ราวกับผู้ถักทอเส้นใยแห่งโชคชะตากำลังประชดประชันหล่อน...
ดาวดวงนี้รายล้อมไปด้วยประตู เป็นแหล่งรวมของเศษซากอันสูญหาย... ถูกลืม... และทับถมจนกลายเป็นอารยธรรม มองไปทางไหนก็มีแต่หอสูงระเกะระกะ สร้างขึ้นจากวัสดุหลากหลายผสมผสานกัน
พอพ้นตัวเมืองออกไป ก็เป็นเพียงพื้นที่โล่งกว้างสุดลูกหูลูกตา ทิวทัศน์ลดหลั่นซับซ้อน ก็ด้วยกองขยะขนาดมหึมาจนดูเหมือนภูเขา...
...ไม่มีส่วนใดเลย ที่เหมือนสิ่งลวงตาสีทองอย่าง... แอสการ์ด...
วาลคิรี่หันหลังให้ราชบัลลังค์แห่งแอสการ์ดมานานแล้ว
คำสัตย์ปฏิญาณของเหล่านักรบวาลคิรี่ ซึ่งเคยมีต่อราชบัลลังก์ ความหมายแท้จริงคือสิ่งใด?...
ยามถูกส่งไปรบ ‘เพื่อแอสการ์ด’ พวกตนแตกต่างอันใดกับ ‘เครื่องมือ’ ในสายพระเนตรของโอดิน สิ่งที่เหล่าทวยเทพในปราสาทสีทองสนใจ มีก็เพียงปลายทางภารกิจอันสำเร็จลุล่วง...
ภายใต้น้ำมือเทพีแห่งความตาย... บุตรสาวแห่งโอดินเล่า?... เหล่าวาลคิรี่ล้วนถูกฆ่าตายอย่างน่าอเนจอนาถ ถูกบดขยี้ไม่ต่างจากมดปลวก... มีผู้ใดแยแสสนใจในชะตากรรมของพวกตน? ท้ายที่สุดแล้วทุกสิ่งก็ ‘เพื่อแอสการ์ด’ เท่านั้น?
...ทั้งที่คิดว่าตนชิงชังจนเข้ากระดูก... ตลกดี... สุดท้ายหล่อนก็ถูกสองเจ้าชายแห่งแอสการ์ด ขุดคุ้ยซากชีวิตซึ่งหล่อนจงใจฝังกลบไว้ในซาคาร์ ให้กลับลุกขึ้นมาเผชิญหน้ากับเฮล่าอีกครั้งจนได้
...ข้าขอโทษ... ซารีฟา...
ในเมื่อโอกาสมันดันวนกลับมาอีกครั้ง... คราวนี้ข้าขอเป็นคนเลือกชีวิตที่เหลืออยู่ของตัวเองเถอะ...
ดวงตาสีนิลจับจ้องไปยังภาพเบื้องหน้า...
บัดนี้ เพียงถัดจากกระจกหน้าต่างของยานคอมมอดอร์ออกไป... คือ อาณาจักรแอสการ์ด...
“ข้าไม่เคยคิดว่าจะกลับมาเลย”
วาลคิรี่เปรยกับตนเองเบาๆ อย่างลืมตัว
“นึกว่าจะสวยกว่านี้... ก็...ไม่ได้ว่าไม่สวยนะ แต่ว่ามัน...มัน...มันไฟลุกเลย”
ยอดปราสาทสีทอง ซึ่งยังคงส่องประกายหยอกล้อยามต้องกับแสงแดดไม่ต่างจากกาลก่อน แต่แบนเนอร์พูดถูก ภาพของตัวเมืองแอสการ์ดซึ่งปรากฏต่อสายตาเบื้องหน้า เต็มไปด้วยเศษซากอาคารมอดไหม้ภายใต้เขม่าและควันไฟ แลดูรกร้าง ไร้วี่แววของสิ่งมีชีวิต
ธอร์พยายามสะกดอารมณ์จากภาพตรงหน้าซึ่งแทบไม่หลงเหลือเค้าโครง เมื่อเทียบกับภาพของบ้านเกิดในความทรงจำ ทั้งที่เขาเพิ่งจากไปแค่ไม่กี่วัน
“ดูสิ! บนยอดภูเขา มีคลื่นความร้อน! มีคนรวมตัวกัน นางจะมาจัดการพวกเขา!”
วาลคิรี่รายงาน หลังจอภาพบนยานคอมมอดอร์ ฉายภาพสแกนคลื่นความร้อนจากภาคพื้นเบื้องล่าง
“โอเคส่งข้าลงที่วัง ข้าจะล่อนางไป!”
“ท่านก็จะตายน่ะสิ!”
แผนการซึ่งถูกถ่ายทอดออกมาอย่างฉับไวปราศจากความลังเล ของเจ้าชายรัชทายาท ถูกวาลคิรี่แย้งออกมาแทบจะทันทีเช่นกัน พลางหันขวับไปมองอีกฝ่าย
“ฝูงชนที่นั่นสำคัญกว่า ระหว่างที่ข้ารับมือกับเฮล่า เจ้าสองคน ก็ช่วยทุกคนออกจากแอสการ์ด”
“แล้วเราจะทำได้ยังไงเล่า?” บรูซถาม
“คนของข้าอยู่ในฝูงชน...”
--- ℑ ---
ยานคอมมอดอร์ร่อนลงจอดบนลานกว้างของพระราชวังแอสการ์ด อาวุธหนักที่จำเป็น เช่น ปืนรบขนาดใหญ่ ถูกลำเลียงจากคลังอาวุธ ขึ้นไปบนยานคอมมอดอร์ เท่าที่ยานท่องเที่ยวลำนั้นจะแบกรับไหว
“ข้าเจอ...นี่...เอ่อ...ในคลังอาวุธ”
เทพแห่งสายฟ้าวางชุดเกราะสีขาวและทองชุดหนึ่งลงบนพื้นยานคอมมอดอร์ มันคือเสื้อเกราะของเหล่านักรบวาลคิรี่ตั้งแต่กาลก่อน
“โชคดีนะ...”
ไม่รอให้อีกฝ่ายตอบรับหรือปฏิเสธ บุตรแห่งโอดินก็เอ่ยลา และก้าวเดินกลับไปทางปราสาท ปล่อยให้วาลคิรี่ชะงักงันเมื่อจดจำของสิ่งนั้นได้
หล่อนวางมือสัมผัสลงบนเศษเสี้ยวแห่งความทรงจำนั้นอีกครั้ง... แปลกดีที่จู่ๆ ก็คล้ายว่าหล่อนจะเข้าใจความรู้สึกของซารีฟาขึ้นมาเสียอย่างนั้น...
...บางทีที่ผ่านๆมา หล่อนคงประเมินเจ้าชายรัชทายาทพระองค์นี้ต่ำเกินไป...
จากคนที่แหกปากตะโกนปาวๆ ใช้ตำแหน่งเจ้าชายแห่งแอสการ์ดมาข่มขู่ ให้หล่อนปล่อยเขาเหนือลานขยะในวันนั้น...
จากเด็กโง่เอาแต่ใจ ที่เลือกจะทิ้งอนุชาผู้เป็นที่รัก ให้พ้นจากเภทภัยแห่งการต่อสู้แย่งชิง โดยไม่คำนึงถึงผลกระทบต่อการกอบกู้บ้านเมือง... และเมินเฉยต่อความรู้สึกของอีกฝ่ายซึ่งถูกทอดทิ้งไว้เบื้องหลัง...
...แต่พอต้องเลือก ระหว่างตัวเขาเองกับแอสการ์ดเล่า...
เจ้าของแผ่นหลังกว้างเบื้องหน้าหล่อน กลับเลือกให้ความสำคัญกับชีวิตตนเองเป็นอันดับสุดท้าย และกำลังจะแลกชีวิตตนเอง... เพื่อปกป้องชีวิตผู้คนมากมายในแอสการ์ด
การไม่ย่อท้อยอมแพ้... เป็นข้อดี ซึ่งรัชทายาทแห่งแอสการ์ดผู้นี้ได้รับมาจากโอดินผู้เป็นบิดาอย่างพร้อมพรั่ง จนบางทีดูดื้อรั้น และโง่เขลา... หากแต่เขายังได้มาซึ่งหัวใจอ่อนโยนของผู้ปกป้อง และความกล้าหาญ ไม่ยี่หระต่อความตาย จากราชินีฟริกก้า... มารดาแห่งทุกสรรพสิ่งด้วย...
...บางที... คำสัตย์ปฏิญาณจะปกปักษ์พิทักษ์ราชบัลลังก์แห่งแอสการ์ด มันก็ไม่แย่นัก... หากนั่นหมายถึงการติดตามแผ่นหลังของคนผู้นี้...
“เดี๋ยว! ฝ่าบาท…”
เสียงเรียกของวาลคิรี่ รั้งให้ธอร์หมุนตัวกลับมา ทั้งสองยืนสบตากันและกันอีกครั้ง ขณะที่ยานคอมมอดอร์ค่อยๆ ลอยตัวสูงขึ้นจากลานกว้างนอกปราสาท
“...ห้ามตาย…… เข้าใจความหมายนะ...”
…รอยยิ้มจางๆ ใต้ไรหนวดพลันปรากฏบนใบหน้ารัชทายาทแห่งแอสการ์ดแทนคำตอบ...
--- ℑ ---
เทพีแห่งความตาย และเพชฌฆาตของนาง รุดมาถึงป้อมปราการโบราณบนภูเขา ก็จัดการถล่มปากทางเข้าเสียย่อยยับ แต่เมื่อย่างเท้าเข้าไปด้านใน กลับพบเพียงความว่างเปล่า...
ด้วยการมาของเฮล่า มิอาจลอดพ้นสายตาของไฮม์ดัลผู้มีดวงตาซึ่งมองเห็นทุกสิ่งได้ ก่อนหน้านี้เขาได้นำพาชาวแอสการ์ดในป้อมหลบหนีออกมา ก่อนที่เฮล่าจะมาถึงได้อย่างฉิวเฉียด พวกเขาเดินทางด้วยเส้นทางลับด้านหลัง ลัดเลาะผ่านหุบเขา โดยมีจุดหมายอยู่ที่ไบฟรอสท์
เฮล่าเหยียดยิ้มเหี้ยมเกรียม ขณะกวาดตามองไปทั่วห้องโถง แม้พวกลิ่วล้อจะหนีออกไปได้ก่อนนางจะมาถึง แต่อย่างไรเสียการเคลื่อนย้ายฝูงชนจำนวนมากเช่นนั้น คงทำได้ไม่รวดเร็วนักอยู่แล้ว
ขณะที่คิดจะไล่ติดตาม เสียงสะท้อนกึกก้องเป็นจังหวะหนักหน่วง เนิบช้าอย่างท้าทาย ก็ดังมาจากทางพระราชวัง...
...ย่อมได้... ในเมื่อมีเจ้าโง่บางคนอยากตายนัก หล่อนก็พร้อมจะอนุเคราะห์...
--- ℑ ---
เสียงกุงเนียร์กระทบพื้นท้องพระโรงยังคงดังกึกก้องไม่ขาด ท่ามกลางความเงียบของพระราชวังอันเปล่าร้าง บัลลังก์บนแท่นสูงปรากฏร่างสูงใหญ่ของเจ้าชายรัชทายาทประทับอยู่ ดวงตาสีฟ้าจับจ้องร่างเพรียวระหง ซึ่งกำลังก้าวย่างตรงมาหา
“พี่สาว...”
ทั้งน้ำเสียงและรอยยิ้มติดกวนอย่างจงใจยามทักทายผู้มาเยือน หากแต่แววตาของธอร์ซึ่งจ้องมองเฮล่าอยู่นั้นเย็นเยียบและเครียดขมึง
“เจ้ายังไม่ตายเหรอ?”
อีกฝ่ายตอบกลับด้วยน้ำเสียงแสร้งทำเป็นประหลาดใจ จงใจยั่วอารมณ์อนุชาไม่แพ้กัน
“ข้าชอบที่ท่านตกแต่งวังใหม่ งามอลังการน่าทึ่ง”
เขากลอกตามองฝ้าเพดานประดับเหนือบัลลังก์ ซึ่งเดิมทีเคยเป็นภาพวาดเรื่องราวของเขาและโลกิ หากแต่ภาพวาดบนฝ้าในตอนนี้นั้น กลับซ้อนและซ่อนอยู่เบื้องหลัง มันถูกปกปิดด้วยเรื่องราวที่แตกต่างออกไปอีกเรื่องหนึ่งมาโดยตลอด
“ดูเหมือนพ่อเราจะแก้ปัญหาทุกสิ่งอย่าง ด้วยการปกปิดความจริงเอาไว้”
“ไม่ก็กำจัดทิ้ง...”
คำพูดกึ่งหยามของธอร์ทำเอารอยยิ้มเหือดหายไปจากใบหน้าเทพีแห่งความตายอย่างรวดเร็ว
“เขาบอกว่าพี่คู่ควร... เขาก็บอกกับข้าแบบนั้น…”
“เห็นไหม... เจ้าไม่รู้จักเขา…”
เชษฐภคินีส่ายหน้าเบาๆ คล้ายอ่อนใจในความไม่เท่าทันของอนุชานาง
“...ตัวตนของเขา”
เฮล่ายังคงพูดจาหว่านล้อม ขณะเดียวกันธอร์เองก็จงใจล่อหลอก ถ่วงเวลาเชษฐภคินีตน เพื่อเปิดโอกาสให้พวกเพื่อนๆ ของเขาได้พาชาวเมืองหนี
...ป่วยการจะโทษว่าเป็นความผิดของผู้ใด...
ความจริงในอดีตจะเป็นเช่นไร... เฮล่าอาจถูกหลอกใช้ หรือถูกกำจัดอย่างอยุติธรรม ธอร์เองก็ไม่อาจบอกได้ หากแต่สุดท้าย คนตรงหน้าเป็นผู้เลือกที่จะฆ่าฟัน และทำร้ายผู้คนในแอสการ์ด จนเกินกว่าที่เขาจะยอมปล่อยให้เป็นไปอยู่ดี
...และนั่นคือความจริงหนึ่งเดียวตรงหน้าของเขา...
“โอดินกับข้าสร้างอารยธรรมทั้งมวลด้วยเลือดและน้ำตา... เจ้าคิดว่าทองทั้งหมดมาจากไหน?... แต่แล้วอยู่มาวันนึง เขาก็เปลี่ยนใจจะเป็นกษัตริย์ใจบุญ รักความสงบ ปกป้องชีวิต...”
รอยยิ้มสวยสล้างบนใบหน้าของเฮล่าพลันแปรเปลี่ยนเป็นเย็นชาและเหยียดหยัน
“…และมีเจ้า...”
ดวงตาสีฟ้าอมเขียวจ้องมองมาอย่างเย็นชาเคืองแค้น จนราวกับจะทิ่มแทงร่างเขาในประโยคสุดท้ายนั่น
ธอร์คงไม่รู้สึกรู้สาอันใดนัก หากไม่ใช่เพราะดวงตาคู่นั้น ช่างดูคล้ายกับใครบางคนที่เขาทอดทิ้งไว้ในซาคาร์
เชษฐภคินีและอนุชาของเขามีส่วนละม้ายคล้ายกันเสียยิ่งกว่าเขา ซึ่งเป็นบุตรแท้ๆ ของโอดินเสียอีก จนอดคิดไม่ได้ว่า... เวทมายาซึ่งพระบิดาร่ายลงบนตัวโลกิเมื่อครั้งยังเป็นยักษ์น้ำแข็งตัวน้อยนั้นได้ต้นแบบมาจากใคร
...ท่านพ่อ... เลือกคุมขังบุตรสาวของตนไว้ในที่ห่างไกล... แต่สุดท้ายก็ยังต้องการได้เห็นหน้า...
ธอร์ไม่แน่ใจว่าตอนที่พระบิดามองดูโลกิ... ท่านจะเห็นเงาของบุตรสาวผู้โหดเหี้ยม... เหมือนที่เขาเห็นภาพใบหน้าน้องชายซ้อนทับรางๆ อยู่กับภาพพี่สาวของตนบ้างไหม...
“ข้าเข้าใจที่พี่เคืองนะ เพราะว่าพี่เป็นพี่สาวของข้า เกิดมาก่อนก็ควรจะได้ครองบัลลังก์…”
เทพแห่งสายฟ้าชิงตัดบท ก่อนความคิดในหัวเขาจะฟุ้งกระจายจนไม่มีสมาธิ
“เชื่อเถอะข้าอยากยกตำแหน่งให้คนอื่น แต่ยกให้พี่ไม่ได้... เพราะพี่...”
เขาส่ายหน้า ก่อนถอนหายใจ
“...เลวสุด!”
เฮล่าเปลี่ยนกลับไปใส่หมวกเกราะ คล้ายสัญญาณเตรียมพร้อมเปิดฉากการต่อสู้
“เอาล่ะลุกขึ้น!... เจ้านั่งที่ข้า...”
ธอร์เองก็ลุกขึ้นก้าวเดินลงมาจากแท่นบัลลังก์พร้อมด้วยกุงเนียร์ในมืออย่างมั่นคง เขาจับจ้องมองเทพีแห่งความตายอย่างไม่ยอมละสายตา กล้ามเนื้อและประสาททุกส่วนตึงเครียด พร้อมรับมือการโจมตี ภายใต้สีหน้าที่แสร้งทำเป็นผ่อนคลาย
“รู้ไหม พ่อเคยสอนข้า... กษัตริย์ผู้มีปัญญา ไม่ใฝ่หาสงคราม...”
“…แต่ต้องเตรียมตัวพร้อมรบอยู่เสมอ!”
สิ้นสุรเสียงเทพีแห่งความตาย รัชทายาทสองพระองค์ก็พุ่งเข้าโรมรันกันอย่างดุเดือด พลังของเฮล่าที่ได้รับจากแอสการ์ดทำให้นางเป็นต่อ ไม่ว่าจะถูกกุงเนียร์ฟาดฟัน หรือแทงสักกี่ครั้ง ร่างกายนางก็ไม่ปรากฏบาดแผล หรือร่องรอยให้ระคายใดๆ เลย
มิหนำซ้ำฝีไม้ลายมือของเฮล่า ยังเหมือนการควบรวมทั้งกำลังกายอันแข่งแกร่งและทักษะการต่อสู้ของธอร์ ผนวกเข้ากับพลังเวทของโลกิเข้าไว้ด้วยกันอีกต่างหาก เรียกได้ว่า กระทั่งได้อนุชาของเขาตัวเป็นๆ มาร่วมมือสู้พร้อมกัน ก็ยังไม่แน่ว่าจะต่อกรได้แค่ไหนด้วยซ้ำ
ไม่ทันขาดคำ แขนของเขาซึ่งควงหอกกุงเนียร์เข้าฟาดฟันก็ถูกเฮล่าจับบิดล็อคจนขยับไม่ได้
“ได้แค่เนี้ย... ไม่เท่าไหร่นะธอร์!”
จบคำเฮล่าก็จับร่างเทพแห่งสายฟ้าเหวี่ยงจนหมุนคว้างกลางอากาศก่อนจะลอยไปกระแทกอั่กที่พื้น กุงเนียร์พลันหลุดจากมือกระเด็นลอยไปไกล
ฝ่ามือเรียวเช่นอิสตรีของเทพีแห่งความตาย กลับมีพละกำลังมหาศาล หล่อนบีบกดเข้าที่ลำคออนุชา และจับเขายกกระแทกแผ่นหลังกับผนัง
“นี่คือความต่างระหว่างเรา ข้าเป็นลูกคนโตของโอดิน เป็นรัชทายาท ผู้กอบกู้แห่งแอสการ์ด... แต่เจ้าไม่ใช่!”
นางบีบคอหอยอนุชาแน่น จนแทบไม่เปิดโอกาศให้อีกคนหายใจ ก่อนจะดันร่างใหญ่โตนั้นขึ้นสูงจนเท้าลอยจากพื้น เฮล่าจับธอร์กระแทกผนังอีกครั้งก่อนจะโยนเหวี่ยงอีกคนลงไปนอนกับพื้น
เมื่อปราศจากกุงเนียร์ ธอร์ก็กระชากดาบคู่ออกจากฝัก เฮล่าเห็นดังนั้นก็เสกดาบยาวสีดำมะเมื่อมของนางขึ้นมารับการจู่โจม
เชิงดาบดูจะเป็นเรื่องถนัดของเฮล่าเข้าไปใหญ่ รุกไล่กันไม่ถึงอึดใจคมดาบของนางก็ปาดเข้าชายโครงขวาของธอร์ไปเต็มๆ จนบุตรแห่งโอดินเข่าทรุดลงนั่ง มือใหญ่เลื่อนมากุมกดบาดแผลไว้ ร่างกายธอร์ซวนเซ ขณะเจ้าตัวพยายามจะลุกกลับขึ้นยืน
เชษฐภคินีสะบัดดาบในมือนางอีกครั้งปลายของมันก็ฟาดฟันเข้าใส่ใบหน้าอนุชา
“เรื่องง่ายๆ แม้แต่คนตาบอดก็มองเห็น!”
“อ๊าาาาก!!”
คมดาบบาดลึกเข้ากลางเบ้าตาขวาของธอร์ จนโลหิตสีชาดสาดกระเซ็นลงบนพื้น เพียงวินาทีเดียวที่เห็นภาพเบื้องหน้าถูกย้อมเป็นสีแดงฉาน จากนั้นดวงตาข้างนั้นของเขาก็สัมผัสได้เพียงความมืดมิดและความเจ็บปวด
ธอร์ได้แต่กัดฟันแน่นข่มความเจ็บ ในหัวมีเสียงอื้ออึงจนแทบไม่ได้ยินคำพูดถากถางเย้ยหยันจากอีกฝ่าย
“อี๋... เจ้าทำให้ข้านึกถึงพ่อ”
พูดจบเฮล่าก็เตะอัดซ้ำเข้าที่บาดแผลตรงสีข้างของอนุชาอย่างแรงซ้ำอยู่หลายครั้ง จนปากแผลปริแยก จากนั้นมือเรียวสวยแต่ทรงพลังของหล่อนก็ตรงเข้าขยุ้มคออนุชาแน่นจนแทบไม่ได้รับอากาศ
--- ℑ ---
สถานการณ์บนสะพานไบฟรอสท์ของชาวแอสการ์ด และแม้แต่กลุ่มของฮัล์คกับวาลคิรี่ก็กำลังย่ำแย่ไม่แพ้กัน
ชาวเมืองและไฮม์ดัลติดกับอยู่ตรงกึ่งกลางไบฟรอสท์ เบื้องหน้าพวกเขาคือสุนัขปีศาจร่างยักษ์...เฟนริส... แต่คิดจะถอยกลับก็มีมือเพชฌฆาตของเฮล่า อย่างสเกิร์จ และกองทัพทหารปีศาจปิดทางอยู่เบื้องหลัง
ปืนจากยานคอมมอดอร์ระดมยิงเข้าใส่เจ้าหมายักษ์ แต่มันกลับดูไม่ระคายผิวแม้แต่นิด แบนเนอร์จึงตัดสินใจกระโดดลงจากยานคอมมอดอร์เพื่อกลายร่างเป็นฮัล์ค เข้าปลุกปล้ำต่อสู้กับเฟนริส จนทั้งคู่พลาดไถลตกสะพานไบฟรอสท์ไปด้วยกัน
--- ℑ ---
เฮล่าฉุดลากร่างอ่อนแรงของเทพเจ้าสายฟ้าออกไปที่ระเบียง
มือสวยเลื่อนไปจิกขยุ้มเรือนผมสั้น ตรงหลังศีรษะของธอร์ และกระชากให้อีกคนเงยหน้ามองข้ามราวระเบียงลงไปยังไบฟรอสท์ ซึ่งเพื่อนๆของเขาใกล้จะเพี่ยงพล้ำในสมรภูมิการต่อสู้
“เห็นไหม... จะไม่มีใครได้ไปไหน ข้าจะได้ดาบนั่น แม้ว่าจะต้องฆ่าทุกคนเพื่อให้ได้มันมาก็ตาม!”
ดวงตาสีฟ้าของธอร์มองภาพพร่าเบลอเบื้องหน้า ในใจกระวนกระวาย ยิ่งเห็นชาวเมืองถูกกองทหารปีศาจฆ่าฟันล้มตายคนแล้วคนเล่า เขาก็ยิ่งเจ็บปวดที่ตนไม่สามารถช่วยอะไรใครได้เลย
ยานคอมมอดอร์เองก็ไม่พ้นถูกทหารปีศาจบุกขึ้นโจมตีจนหมุนคว้างก่อนจอดไถลลงที่ปลายอีกด้านของไบฟรอสท์
ไฮม์ดัลใช้ดาบไบฟรอสท์ต่อสู้ห้ำหั่นกับกองทัพผีร้ายอย่างแกล้วกล้า หากแต่ก็มิอาจต้านทานจำนวนอีกฝ่ายซึ่งมีมากกว่าเหลือคณานับ เขาบาดเจ็บและกำลังจะพลาดพลั้ง
ทันใดนั้นเสียงปืนใหญ่แบบพกพาดังอัดขึ้น ทหารปีศาจซึ่งกำลังเงื้อง่าเกือบจะฝังดาบลงบนร่างของไฮม์ดัลพลันกรีดร้อง กลางลำตัวของมันถูกระเบิดจนกลวงโบ๋ พอร่างของมันร่วงลงไปกองกับพื้น ค่อยเผยให้เห็นต้นเหตุของเสียงระเบิด
“ไงเพื่อน? ข้ากร็อก... นี่มี้ด... เรากำลังจะโดดขึ้นยานอวกาศยักษ์หนี จะไปไหม?”
ชาวโครแนนติดอาวุธกับเพื่อนของเขาเอ่ยทัก
แต่แล้วทางเบื้องหลัง เสียงกระหึ่มของเครื่องยนต์ขนาดยักษ์ก็ดังใกล้เข้ามาจนทุกคนบนสะพานหันไปมองไปตาเดียว
ผิวน้ำใต้สะพานเมื่อโดนความร้อนจากเครื่องยนต์ ก็กลายเป็นละอองน้ำ เกิดเป็นหมอกขาวฟุ้งจนมองแทบไม่เห็น มีเพียงเงารางๆ อันคุ้นตาค่อยๆ โผล่ให้เห็นเด่นชัดขึ้นท่ามกลางสายหมอกหนา
“ผู้กอบกู้ของเจ้า! อยู่นี่!!”
เสียงร้องประกาศการมาของเขาดังกึกก้อง จากตรงปากประตูยานอวกาศขนาดยักษ์ซึ่งลอยตัวเทียบด้านข้างใกล้กับไบฟรอสท์
โลกิ ลอเฟย์ซัน เจ้าชายองค์รองแห่งแอสการ์ดในหมวกเกราะเขายาวโง้งแบบที่เจ้าตัวชอบ กำลังยืนกางแขนผายมือดูยิ่งใหญ่ในการปรากฏตัวเสียเหลือเกิน
เทพหนุ่มเดินเข้าไปในฝูงชน
“คิดถึงข้าไหม? ทุกๆคน รีบขึ้นไปบนยานเดี๋ยวนี้”
โลกิยิ้มทักทายผู้คนอย่างอารมณ์ดี คงเพราะเขารอคอยวันเวลาที่จะได้ทำสิ่งนี้มานานมากแล้วก็เป็นได้
และภาพนั้นเรียกรอยยิ้มกว้างบนใบหน้าใครบางคนซึ่งถูกกดตรึงแนบกับราวระเบียงของพระราชวัง
--- ℑ ---
…โลกิ…
เสียงเรียกชื่ออีกคนเพียงดังสะท้อนก้องในใจ แต่ไม่มีถ้อยคำใดจากปากเจ้าชายรัชทายาท
แม้จะจงใจผลักไสอนุชาออกไปจากชีวิต... แม้จะกีดกันเขาออกไปจากการต่อสู้ครั้งนี้... สุดท้ายพอได้เห็นใบหน้าอีกฝ่าย ความรู้สึกดีใจก็ไหลบ่าเอ่อท้นอย่างห้ามไม่ได้
ก้อนเนื้อในอกสูบฉีดรุนแรง จนธอร์คิดว่าเขาได้ยินเสียงการเต้นของมันชัดเจนเสียด้วยซ้ำ แม้ว่าระยะจากจุดที่เขาอยู่นั้น ไกลเกินกว่าจะเห็นใบหน้าของผู้เป็นอนุชาได้ชัดๆ และอีกคนจะยังไม่รับรู้ถึงตัวเขาซึ่งเฝ้ามองอยู่จากตรงนี้ก็ตามที
เฮล่าซึ่งยืนอยู่เบื้องหลังของธอร์ ก็กำลังเฝ้ามองดูการมาของอนุชาองค์เล็กเช่นกัน แต่ด้วยความรู้สึกที่แตกต่างกันออกไปโดยสิ้นเชิง
เมื่อเห็นธอร์ซึ่งกำลังสูญสิ้นทั้งเรี่ยวแรงและความหวัง กลับฟื้นมีพละกำลังขึ้นมาได้อีกครั้งหลังได้กำลังใจ แววตาของเฮล่าก็ฉายแววเหี้ยมเกรียมขึ้นทันที
ใบมีดเย็นเยียบจากพลังเวทปรากฏบนฝ่ามือ ก่อนที่หล่อนจะแทงสวบลงลึกจนแทบทะลุร่าง เข้าที่กลางหลังของเทพเจ้าสายฟ้า เรียกเสียงร้องลั่นด้วยความเจ็บปวดจากหมากตัวสุดท้ายที่ยังคงอยู่ในกำมือหล่อน
==TBC.==
------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
Author’s Note (2) : ชื่อซารีฟานี่เราเลือกเอาจากชื่อวาลคิรี่จากเวบ http://www.fantasynamegenerators.com/ ค่ะ กะว่าให้เป็นคนรักของเจ๊วาลคิรี่ที่ตายไป อันนี้มโนเองนะคะ
เหมือนเคยอ่านเจอบทภาพยนต์ที่เขียนว่า 'ธอร์ยิ้มให้โลกิ' ตอนน้องลงจากยานด้วยค่ะ ///// **กระอั่กเลือด**
ชอบตรงนี้ T T ชอบความคิดความอ่านของธอร์ที่มีต่อเฮล่า เจ๊คู่ควรกับบัลลังค์ ถ้าเจ๊ไม่ฆ่าคนแอสการ์ด คิดว่าธอร์น่าจะยกให้แน่ ๆ อ่ะ
รีบจัดการพี่สาวแล้วไปเข้าห้องหอกันได้ยังงงงงง