Day 3: Scream (กรีดร้อง)
“นายหมอเลียวสนใจเรื่องลึกลับเรื่องสิงสาราสัตว์และพืชป่าอยู่เป็นทุนเดิม เห็นว่าจะนำไปเขียนหนังสือส่งให้เจ้าของโรงพิมพ์อะไรสักอย่างหนึ่งในกรุงลอนดอน ส่วนนายช่างแจ่มนั้น เข้าป่าล่าสัตว์เป็นกีฬาอยู่นานแล้ว รู้จักชาวบ้านชาวป่าอยู่ก็มาก แต่ไม่เคยได้ยินเรื่องเสือเย็นด้วยเช่นกัน ฉันจึงคาดเอาว่าเรื่องเสือเย็นที่ฉันนำมาเล่าให้ฟังนั้นคงสร้างความพึงพอใจแก่นายฝรั่งทั้งสองคนได้มิใช่น้อย”
“เดี๋ยวนะ... เสือเย็น... มันคืออะไร” ชาร์ลส์ขมวดคิ้ว หลังจากยกมือขึ้นบอกให้ผมหยุดอ่าน
ดูเหมือนว่า ผมจะทำให้เขาเสียการเสียงานเพราะบันทึกของนายแก้ว ลูกจ้างบริษัททำไม้สัญชาติอังกฤษเสียแล้วตั้งแต่ผมลองสุ่มแปลประโยคหนึ่งในหน้าที่เปิดเจอให้เขาฟัง และบังเอิญเป็นเรื่องลึกลับในป่าเมืองไทยที่มีคุณทวดของเขาเข้ามาเกี่ยวข้องด้วย ฟังได้สองสามคำ ชาร์ลส์ก็ดูกระตือรือร้นอยากรู้เรื่องดังกล่าวขึ้นมาทันทีราวกับว่าสิ่งนี้ได้ไปสะกิดความสนใจบางอย่างของเขาที่ผมยังเดาไม่ออกขึ้นมา
“เสือเย็นของคนทางภาคเหนือ ก็คือเสือสมิงของคนไทยทางภาคกลางนั่นละครับ ” ผมบอก “มันเป็นเสือที่แปลงร่างเป็นคนได้”
“เป็นอนิเมจัสแบบศาสตราจารย์มักกอนนากัลหรือริต้า สกีเตอร์ในแฮรี่ พ็อตเตอร์งั้นเหรอ”
ผมส่ายหน้า “ใกล้เคียงกับมนุษย์หมาป่าอย่างศาสตราจารย์รีมัสลูปินมากกว่า แต่ก็ไม่ใช่อย่างนั้นซะทีเดียว เพราะตามความเชื่อแล้ว เสือเย็นอาจเป็นคนที่แปลงเป็นเสือ หรือเสือที่แปลงร่างเป็นคนก็ได้ แต่ส่วนใหญ่มักจะเป็นกรณีหลัง”
“เสือที่แปลงร่างเป็นคนได้...” ชาร์ลส์ทวนคำอธิบายช้า ๆ น้ำเสียงของเขาบอกผมว่า กำลังสนใจประเด็นนี้อย่างจริงจัง
“ใช่ครับ เสือที่แปลงร่างเป็นคนได้” ผมยืนยันสิ่งที่เขาได้ยิน “ว่ากันว่า เสือที่กินคนมามากจะสามารถแปลงร่างเป็นคนได้ และใช้ร่างคนหลอกล่อนายพรานที่ไปนั่งห้างล่าสัตว์ตอนกลางคืนให้ลงจากต้นไม้มาฆ่ากิน ที่ต่างจากพวกมนุษย์หมาป่า คือ เสือเย็นหรือเสือสมิงสามารถควบคุมตัวเองได้แปลงร่างเมื่อไหร่ก็ได้ มีสติ มีสมองไม่ได้คุ้มคลั่งหรือมีเงื่อนไขด้านเวลามาเกี่ยงข้องกับการแปลงร่างเหมือนกรณีมนุษย์หมาป่าที่เรารู้จักกัน ผมว่าเสือสมิงมีความใกล้เคียงกับเชพชิฟเตอร์มากกว่า”
อาจารย์คณะวิศวกรรมพยักหน้าว่า เข้าใจความหมายและข้อแตกต่างระหว่างสิ่งมีชีวิตเหนือธรรมชาติสองชนิดที่ผมอธิบายให้ฟังอย่างสั้นๆ แต่คิ้วเข้มของเขายังขมวดเข้าหากัน “แล้วมันหลอกพรานลงจากต้นไม้ได้ยังไง”
“ที่ผมเคยได้ยินมาเสือเย็นกินคนมามาก มีวิญญาณของคนสิงอยู่ในร่างกาย นอกจากแปลงร่างเป็นคนได้ยังพูดภาษาคนได้ด้วย” ผมพยายามทบทวนความรู้ด้านคติความเชื่อและเรื่องเล่าพื้นบ้านที่เคยอ่านและเคยได้ยินมา “มันมักจะแปลงร่างเป็นคนประเภทที่เหยื่อของมันจะสงสัยน้อยที่สุด อย่างเช่น พระธุดงค์ พระที่อาศัยอยู่ในวัดร้างกลางป่า หรือภรรยาของนายพรานคนนั้นเอง เรียกว่าอาศัยจุดอ่อนจากความไว้ใจของคนก็ว่าได้”
“น่าสนใจ” ไม่ใช่การพูดตามมารยาท เห็นได้ัชัดว่าชาร์ลส์กระตือรือร้นอยากฟังเรื่องนี้ต่อ แต่ทว่ามีบางอย่างไม่เอื้อให้ทำเช่นนั้น
เขาเหลือบตามองนาฬิกาท่าทีของเขาตอนนี้บอกชัดเจนว่า เขาติดใจอยากฟังเรื่องเรื่องนี้ และมีคำถามมากมายที่อยากให้ผมอธิบาย แต่เขาจำเป็นต้องไปสอนในอีกยี่สิบนาทีข้างหน้า อย่างไรก็ตาม เขายังไม่วายทิ้งคำถามสุดท้าย ก่อนนัดแนะกับผมว่าให้กลับไปคุยกันเรื่องนี้ต่อที่บ้าน โดยเขาจะเป็นคนซื้ออาหารเย็นบางส่วนเข้าไปด้วยหลังเลิกชั้นเรียน
“แล้วนายแก้วเจ้าของบันทึกฉบับนี้เล่าเรื่องเสือเย็นแบบเดียวกันหรือเปล่า”
ผมกวาดตาอ่านบันทึกของนายแก้วแบบผ่านๆ อีกครั้ง ลายมือของคนสมัยเก่าสวย สะอาด จะว่าอ่านง่ายก็ง่ายอ่านยากก็ยากอยู่พอสมควร เพราะความไม่คุ้นในขณะที่พยายามทำความเข้าใจสำนวนของคนรุ่นเกือบร้อยปีก่อนผมก็สะดุดกับข้อความในบันทึกของนายแก้วเรื่องหนึ่งเข้า
“ผมคิดว่านี่ไม่ใช่เรื่องเสือเย็นตามตำนานที่เล่ากันบ่อยๆ ของคนเหนือแล้วละครับ ชาร์ลส์...”
ข้อความของนายแก้วที่ผมอ่านพบกล่าวไว้ดังนี้
“เรื่องเสือเย็นที่นำมาเล่าต่อให้หมอเลียวกับนายช่างแจ่ม มิใช่เรื่องเสือเย็นแปลงเป็นหญิงสาวหรือพระชราอย่างที่เล่ากันทั่วไป ฉันได้ยินมาจากชาวบ้านที่อยู่ลึกเข้าไปในป่าอีกทอดหนึ่งเป็นตำนานหรือนิทานที่พิสดาร แปลกใหม่กว่าเรื่องใด ๆ ที่เล่าสืบต่อกันมา เพราะเป็นตำนานเสือเย็นที่เกี่ยวเนื่องกับหุบนางเสือที่ทางนายห้างอีสต์เทิร์นฯคิดจะไปสำรวจอยู่พอดี
เรื่องที่ฉันเก็บความมาเล่าต่อจึงมีทั้งเรื่องเสือที่แปลงเป็นคนเพื่อตามหานางเสือซึ่งเป็นคู่ผัวตัวเมียกันมาร่วมร้อยปี เพราะนางเสือตกตายไปในหุบเขาอันเป็นที่มาของชื่อสถานที่แห่งนั้น เรื่องที่คนมักได้ยินเสียงกรีดร้องของภูตผีก่อนที่เสือเย็นตัวนี้จะปรากฏ และเรื่องที่เสือปีศาจตัวนี้ยังคงท่องเที่ยวไปตามพงไพรกู่ร้องหานางเมียของมันที่อาจกลับมาเกิดเป็นคนดังที่เคยมีการตั้งสัจจาธิษฐานไว้
เมื่อฟังจบนายหมอเลียวถึงแก่หน้าซีด มือสั่นจนนายช่างต้องพาเข้าเรือนไปนอน มิได้อยู่โยงเขียนหนังสือดึกดื่นอย่างเคย”
To be continued.... Day 4: Seven
เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น
Log in