Day 4 : Seven
หากมันสังหารผู้มีพระคุณดุจบิดาและเมตตาข้าน้อยมาตลอดชีวิตด้วยเขี้ยวเล็บของมันจริง ชาติหน้าฉันใด แม้นเกิดร่วมชาติดั่งเคยสาบานไว้ ขอให้คลาดคลากันไปทุกคราวครั้ง
มาตรว่ากาลผ่านพ้นเจ็ดภพ เจ็ดชาติแล้วไซร้ มันยังใฝ่รักมั่นในข้าน้อยไม่เสื่อมไม่คลาย ข้าน้อยจักขอผ่อนผันให้ได้พบพานแต่อย่าให้ได้ครองคู่ จนกว่ามันจักสำนึกรู้ผิดชอบแลถอนคำสาบานที่ผูกมัดกันไว้
เจ้าป่าเจ้าเขาเทวาอารักษ์เป็นพยาน แม้เป็นเดียรัจฉาน ข้าน้อยก็จักขอตั้งจิตอธิษฐานแลถือคำตนเป็นสัจจวาจา
เมื่อใดที่ข้าน้อยเป็นอิสระจากคำสาบานแลข้อผูกพันกับมันแล้วฉันใด ข้าน้อยจักให้อภัยมัน กรรมใดที่เคยก่อแก่กันไว้ในชาติปางนั้น ขออโหสิกรรมให้ เคยรักเคยชังกันมาอย่างใด ก็ขอให้แล้วเลิกกันไปทั้งหมดทั้งสิ้น
ขอให้แล้วเลิกกันไปทั้งหมดทั้งสิ้น...
เสียงสุดท้ายก่อนหมดลมหายใจ ก่อนที่ทุกสิ่งทุกอย่างจะเลือนหายไปในห้วงอันธกาลของความตายสะท้อนก้องกลับไปมาราวกับสมองของเขาเป็นผนังถ้ำ แม้จะแผ่วเบาราวกระซิบแต่สะท้อนสะเทือนไปทั่ว โดยเฉพาะที่หัวใจ
เสียงนั้นไม่ใช่เสียงของเขา แต่ก็เหมือนถูกเปล่งจากปากของเขาเป็นหนึ่งเดียว แม้ถ้อยคำเหล่านั้นจะเป็นศัพท์ต่างภาษา แต่เขาก็เข้าใจอย่างถ่องแท้ราวกับเป็นภาษาแม่ของตนเอง ทุกอย่างรอบตัวของเขาคือความมืด แต่เป็นความมืดที่เขามองเห็นทุกอย่างแจ่มชัดด้วยดวงตาของตนเองราวกับเป็นความสามารถตามธรรมชาติที่ติดตัวมา
เสียงที่บ่งบอกถึงความรู้สึกทั้งรักทั้งชังอย่างสุดหัวใจกระชากเขาให้ฟื้นตื่นจากห้วงฝันเหมือนกับเรื่องจริง ปาก คอ และจมูกแสบระคายเหมือนคนจมน้ำ แต่นั่นก็ยังไม่ย่ำแย่เท่ากับหัวใจในอกที่เต้นแรงจนเจ็บร้าว ความเศร้าถาโถมให้จมดิ่งเหมือนถูกดึงลงไปในหุบเหวก่อนตกกระแทกจนแตกดับ
“ลีโอ...”
เสียงนั้นเป็นเสียงของเจมส์ ฮาร์ตลีย์ เขารับรู้และจดจำได้ แรงกระทบจากปลายนิ้วของอีกฝ่ายที่ตบเบาๆบนแก้มข้างหนึ่งของเขาเป็นเครื่องยืนยันว่าเขาตื่นขึ้น แม้ทุกสิ่งที่มองเห็นจะพร่ามัวเพราะม่านน้ำตา แต่เขาก็รู้ตัวแล้วว่าเขาอยู่ในห้องของตนเอง
เภสัชกรหนุ่มยกมือขึ้นปาดน้ำตา พึมพำขอบใจวิศวกรรางรถไฟที่ช่วยพยุงเขาให้ลุกขึ้นนั่งและเทน้ำชาร้อนชงอย่างอ่อนจากกาใส้ถ้วยให้เขาจิบ พลางถามไถ่อาการของเขาด้วยความห่วงใย
“ผมไม่เป็นไร เจมส์... คงเพราะเร่งเขียนต้นฉบับทำให้นอนน้อยมาหลายวัน ดื่มกาแฟผสมเหล้าเข้าไป ใจเลยสั่น”
“อ้อ...” เจมส์ ฮาร์ตลีย์พูดเพียงแค่นั้น ไม่ได้บอกว่าเชื่อหรือไม่แต่ท่าทีของเขาค่อนไปทางไม่เชื่อ แต่ไม่อยากซักไซ้เสียมากกว่า
“แล้วนายแก้วล่ะ”
“ให้กลับไปแล้ว พรุ่งนี้ยังมีงานต้องทำต่อแต่เช้า” ชายชาวอังกฤษลากเก้าอี้หวายขยับเข้ามาใกล้เตียง หย่อนตัวลงนั่งไขว่ห้างข้างคนป่วยที่เพิ่งฟื้นแต่สีหน้ายังคงซีดเซียว ไม่ใช่เพราะความเจ็บไข้แต่เป็นอะไรอย่างอื่นที่รบกวนยิ่งกว่า “คุณละเมอจนตื่น”
“ผมละเมอหรือ” ลีโอลดถ้วยชาลง ประคองไว้ด้วยสองมือ
“ใช่...ละเมอหนักทีเอาการอยู่ เพียงแต่คุณไม่รู้ตัว” เจมส์ยืนยัน “คงไม่ได้เก็บเรื่องเสือเย็นของนายแก้วไปฝันใช่ไหม เพราะมีอยู่ครั้งหนึ่ง คุณทำเสียงขู่ออกมา เหมือนแม่เสือหวงลูกจนผมสะดุ้งเลยทีเดียว”
To be continued... Day 5: หนังสือพิมพ์
เรื่องนี้เขียนค้างไว้นานมาก ยังอยู่ในไหอยู่เลย ไว้จะค่อยๆ ปัดฝุ่นแล้วมาต่อนะคะ
ขอบคุณมากๆ เลยค่ะ ที่แวะมาอ่านแล้วก็มาคุยกัน