ย่าห์ เมื่อวานไปสวนปรุงมา ที่เชียงใหม่ เป็นวันที่ต้องพบนักจิตพอดี และหมอก็นัดด้วย นัดถี่ดีิเดือนละสองครั้ง
ถือว่าโอเครเลยนะ อ่อ แต่หมอที่รักษาเราไม่อยู่ เลยต้องเปลี่ยนหมอซะงั้น
ไปถึงเก้าโมงตามเวลานัด เราเข้าไปนั่งคุยกับนักจิตชั่วโมงนึงได้ นักจิตดูเป็นมิตรดี หมอนัดให้เราตั้งแต่คราวก่อน นึกออกไม่แหะ ว่ามีไรบ้าง 55 ลืม เราจะค่อยๆนึกแล้วเขียนละกัน
บอกก่อนว่าเมื่อวานเราไม่ได้กินยาเข้าไปคุยกับนักจิตมันก็จะอ่อนไหวง่ายหน่อย
ไปถึงนักจิตแนะนำตัวและก้ถามไถ่เรานู่นนี่นั่นเนี้ยพอจะมาเขียนก้ลืม นักจิตบอกเราก่อนเริ่มบอกว่าเราต้องมาช่วยกันนะคะ มาทำจิตบำบัด
แล้วนางก้ถามกินข้าวปกติมั้ยอะไรยังไง เราบอกไปว่ากินแล้วแต่อารมณ์ นางว่าอะไรที่เป็นกิจวัตรมันต้องฝืนนะ การลุกจากเตียงไปอาบน้ำยังไงก้ต้องลุกแล้วนางก็ถามเรื่องที่บ้านถามปุ๊บน้ำตามาปั้บเลยเพราะว่ารู้สึกว่าเป็นภาระรู้สึกไม่มีงานทำจริงๆคือเราก้ช่วยที่บ้านแหละ ก้รู้สึกผิดที่สอบไม่ได้อยู่ดีนางบอกลองหาไรทำเพื่อให้เราภูมิใจในตัวเอง เราก้บอกว่าพักนี้เราถ่ายรูป มีเป้าหมายใหม่ นางบอกดีแล้ว แต่งานที่บ้านก็ต้องฝืนหน่อย นางถามเราว่าพักนี้ทะเลาะกับคนใกล้ชิดหรือคนอื่นๆบ้างมั้ย เราก้บอกว่ามี เพราะเราทะเลาะกับแม่แล้วเอามือทุบโต๊ะหงุดหงิดตัวเองสักพักนักจิตให้เรานั่งกำหนดลมหายใจ เข้าออกสิบครั้ง รอบแรกให้เพ่งอะไรก็ได้ในห้อง แล้วกำหนดลมหายใจ ครั้งที่สองให้เราหลับตาและกำหนดลมหายใจ แต่เราร้องไห้อะ เพราะยิ่งหลับตาทำให้นึกถึงครอบครัว ญาติ สรุปนางบอกหลับตาใช้ไม่ได้ผลเรานึกถึงครอบครัวเพราะเราคิดว่าเป็นภาระพ่อกับแม่ แล้วก็ถามเคยถามพ่อกับแม่รึยัง เราบอกว่ายังเราคิดเอง 5555 แล้วอีกอย่างเวลาอยู่กับญาติทางแม่เรารู้เราโคตรไร้ตัวตนเลยอันนี้เราไม่ได้บอกนางเรารู้สึกตั้งแต่เด็กหละ พอคุยไปสักพัก นักจิตดึงสติ เพราะเราตาเลื่อนลอยมาก ถามเราว่าจำที่นักจิตพูดได้มั้ย เราจำไม่ได้ค่ะ 555แล้วเราก้เล่าเรื่องสอบ นางบอกเราไม่ควรเปรียบเทียบนะเราชอบเอาตัวเองไปเปรียบเทียบกับน้องชายและน้องคนอื่นๆ นางบอกควรอยู่กับปัจจุบันนะคะ ไม่เปรียบเทียบไม่นึกย้อนเวลาเราไปไหนให้นับ เช่น ไปนั่งไหนสักที่ให้นับเก้าอี้ว่ามีเท่าไหร่ เออนับไป อันนี้แก้ขี้ลืมด้วย
นางบอกเราให้หากิจกรรมผ่อนคลาย โยคะ หรืออะไรด้ได้ที่มันทำให้เรากำหนดลมหายใจ อืมโยคะเหรอน่าสนใจนะ แต่พักนี้ไม่ค่อยอยาก เพราะคนเยอะบอกนางงี้ นางบอกพยายามเลี่ยงที่ที่มีคนเยอะๆ
กลับมาเรื่องถ่ายรูปนางข้ามไปก่อนละวกกลับมาถามเราอีกรอบเราบอกเราชอบถ่ายรูป และเราก้อยากไปเที่ยวเพื่อจะถ่ายรูป แต่ไม่เข้าใจแม่บอกว่าเปลืองตัง 555 แล้วเราก้อวดรูปให้นักจิตดู เราบอกเราถ่ายรูปไม่สวยนะนางปลอบใจเรา นางบอกว่าคนอื่นอาจจะมองว่ารู้สวยก้ได้ จริงๆรายละเอียดเยอะกว่านี้แต่จะมาเขียนเล่าเราลืมเอง และเราถามเรื่องอ่านหนังสือสอบนางบอกถ้าอยากอ่านจริงๆ อ่านแบบซอย อ่านวันละ 15-30 นาที ถ้าสมาธิหลุดให้กำหนดลมหายใจเข้าออก ทำแบบนี้ซ้ำๆ ถ้ามันดิ่งจริงหารดน้ำต้นไม้หรือทำไรที่ผ่อนคลายที่อยู่กับตัวเองเพื่อดึงสติไม่ให้คิด อือนี่หละ ชั่วโมงนึงที่เรานั่งคุยกับนักจิตเราได้ไรเยอะ เพราะนางบอกแต่แรกแล้วว่าเราต้องช่วยกันนะคะ เราก้อยากหายเหมือนกันไม่รู้จะหายเมื่อไหร่
สุดท้ายนางถามที่มาหาหมอเพราะตัวเราหรือพ่อแม่ เพราะเราเองนี่แหละ ก็มันรู้สึกหงุดหงิดอ่อนไหวเลยต้องมา สรุปบอกเราว่า คราวหน้าพาพ่อกับแม่มาด้วยนะ ก้ดีเหมือนกันพาพ่อแม่มา จะได้รู้ เพราะแม่ชอบคิดว่าเราหายแล้ว คุยกับนักจิตชั่วโมงนึงก้ร้องไห้ไปครึ่งชั่วโมงละ 555
คุยเสดนางพาไปหาหมอซึ่งหมอใหม่ เป็นผู้ชายแต่ดูไม่ค่อยใส่ใจเท่าหมอผู้หญิง ระหว่างนั่งรอหมอเรียกมีผู้ชายคนนึงบอกเราหยุดเล่นโซเชียลเฉยเลย แล้ว้ราก้ถามกลับไป ทำไมต้องปิดด้วยเอาจริงเราพร้อมชนหาเรื่องสุด แล้วก้มีผู้หญิงมาขอโทษผู้ชายแทนเรา อืมไม่เปนไร เราเข้าใจ เราคือพวกเดียวกัน(คิดในใจ)
เจอหน้าหมอแปบนึง หมอบอกเปนไงบ้างเล่าให้หมอฟังสิ โคตรขี้เกียจพูดเลยเมืีอวาน เราบอกยังเศร้าเหมือนเดิมค่ะยังอยากตาย ยังหูแว่วอยู่ ได้ยินเสียงนกหัวเราะอะคิดดู ฝันว่ามีคนมาทำร้าย ร้องไห้ท่ามกลางผู้คนเยอะๆ เลยบอกไปแค่นี้หมอเลยถามเราว่านอนโรงบาลมั้ยเราส่ายหัว รอบหน้าถ้าชวนนอนโรงบาลต้องนอนละหละ
หมอเลยปรับยาให้
Sertraline จากสองเม็ด เป็นสองเม็ดครึ่ง
Lorazepam จาก 1 mg เป็น 2mg
Risporidone 0.5 mg. เหมือนเดิม
หมอมีถามเรื่องหูแว่วว่าได้ยินกลางวัน/คืน เราบอกดลางวัน นางบอกนี่หูแว่วของจริง คิดในใจถ้าหูแว่วกลางคืนเป็นของปลอมเหรอวะ 555
หาหมอเสร็จสรรพเมื่อวานใช้เวลาไปครึ่งวัน
เมื่อวานความมืดมนอยู่กับเราตลอดวันจนถึงบ้าน ขับรถกลับบ้านก้ร้องไห้ไป
เมื่อวานทำให้รู้ว่าเราอยู่เพราะยาจริงๆว่ะ
ขอบคุณที่เข้ามาอ่าน
วันนีิ้ไม่มีรูปสวยๆนะ
เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น
Log in