"เจอเรื่องยุ่งยากใจก็อย่าโมโห เรื่องที่ตัดสินใจไม่ได้ก็ต้องใช้หัวใจไปตัดสิน มีบางครั้งสติกับความรู้สึกขัดแย้งกัน ก็ต้องดูว่าหัวใจของตนเองพูดอย่างไร"
(เล่ม 1, หน้า 283)
"โฉมสะคราญล่มเมือง (红颜乱)"
ผู้เขียน: ตั่วตั่วอู่ (朵朵舞)
ผู้แปล: เบบี้นาคราช
สนพ. แจ่มใส, พิมพ์ครั้งแรก 2561
(2 เล่มจบ)
"คนหนึ่งเป็นดอกไม้งามต้องจันทรา อีกคนอ่อนพริ้วดังหลิวต้องลม" คือคำเปรียบเปรยของบรรดาผู้ที่เคยพบเหยาอิ๋ง ธิดาราชบัณฑิตแห่งสำนักราชบัณฑิต และอวี๋กุยหวั่น ธิดาแม่ทัพตรวจการแห่งเมืองหลวง สองยอดสาวงามแห่งแคว้นฉี่หลิง ตลอดมาทั้งสองถูกยกขึ้นมาเทียบความงามเช่นนี้เสมอ แต่กลับไม่เคยพบหน้าค่าตากันมาก่อน ทว่าเมื่อถึงคราวต้องพบกัน เหยาอิ๋งและอวี๋กุยหวั่นนั้นคาดไม่ถึงเลยว่าชะตาชีวิตของทั้งสองจะเกี่ยวร้อยพันกันราวกับสวรรค์กลั่นแกล้งคนให้จนใจ
ในปีที่ 1 รัชศกเทียนไจ่ เจิ้งหลิวฮ่องเต้พระองค์ใหม่ขึ้นครองราชย์ ทั่วทั้งเมืิองหลวงอบอวลไปด้วยบรรยากาศตื่นเต้นยินดีของการเฉลิมฉลอง สองสาวงามพบกันครั้งแรก ณ วัดหงฝู ต่างคนต่างจับได้เซียมซี 'ตี้หวังเยี่ยน' สร้างความตระหนกให้กับไต้ซือหงหย่วนผู้รับทำนายยิ่งนัก เนื่องด้วยในอดีต สตรีที่จับได้เซียมซีใบนี้มีอำนาจวาสนาสูงด้วยยศถาบรรดาศักดิ์ และได้เข้าไปพัวพันกับอำนาจราชสำนักถึงขั้นสั่นคลอนบัลลังก์! หลังเหตุการณ์พบปะอันมีเบื้องหลังน่าตะลึงนี้ เหยาอิ๋งได้รับราชโองการให้เข้าวังเป็นสนม ส่วนอวี๋กุยหวั่นได้รับพระราชทานสมรสกับอัครเสนาบดีโหลวผู้มีอำนาจสูงสุดในราชสำนัก ซึ่งแท้ที่จริงแล้วงานสมรสพระราชทานครั้งนี้มีเหยาอิ๋งบงการอยู่เบื้องหลัง
กุยหวั่นต้องตะลึงเมื่อพบกับสามี นางเคยพบเขามาก่อนหน้านี้ครั้งหนึ่ง แต่ตอนนั้นไม่รู้ว่าที่แท้เขาเป็นใคร ที่น่าตกใจและเศร้าใจยิ่งกว่า การแต่งงานครั้งนี้นางมิเพียงแต่งให้กับคนที่ไม่ได้รัก ซ้ำร้ายเขากลับมีใจให้หญิงอื่นอยู่ก่อนแล้ว ทว่าคำสัญญาที่เขามอบให้นางนั้นล้ำค่ายิ่ง มอบให้ได้ทุกอย่างที่นางต้องการ ดูแลปกป้องให้นางปลอดภัย ทว่ามีเพียงสิ่งเดียวที่เขาไม่อาจให้นางได้ นั่นคือ ความรัก
ถึงอย่างนั้น กุยหวั่นก็ไม่ได้เป็นทุกข์มากมายนัก เพราะตั้งแต่แรกนางก็ไม่ได้คาดหวังว่าจะต้องได้รับความรักจากเขาอยู่แล้ว ตัวนางเองมีเป้าหมายสำคัญที่จะต้องทำให้สำเร็จ และตำแหน่งฐานะที่นางยืนอยู่ รวมทั้งคำสัญญาที่เขามอบให้ล้วนแต่เป็นบันไดที่จะพานางก้าวเข้าไปใกล้คนผู้นั้นมากขึ้น นางจะต้องปกป้องคน ๆ นี้ให้ปลอดภัยให้จงได้
เรื่องนี้ดราม่าจัดเต็ม แนวหญิงงามนำภัย ย้อนยุคแบบไม่มีทะลุมิติ เข้มข้นทั้งการเมืองและความรัก พระเอกต้องเลือกระหว่างแผนการครองอำนาจที่วางแผนมานานกับความรักที่สั่นคลอนจิตใจ นี่เป็นอีกเรื่องที่เล่นปมการเมืองเข้มข้น ลุ้นสนุกดี แม้จะยังไม่เท่า
เทียบท้าปฐพี (且试天下) แต่ก็จัดอยู่ในเรื่องที่ให้คะแนน 5 เต็ม 5 ได้ไม่ยาก
โฉมสะคราญล่มเมือง นี่น่าจะนับเป็นเรื่องแรกจากบรรดาเรื่องทั้งหมดที่เคยอ่านที่การชิงไหวชิงพริบทางการเมืองเกิดขึ้นระหว่างฮ่องเต้กับขุนนาง ไม่ใช่ศึกชิงบัลลังก์ระหว่างญาติพี่น้อง หรือศัตรูต่างแคว้น ฝ่ายฮ่องเต้ต้องการยึดอำนาจกลับคืนมาจากอัครเสนาบดีผู้มีฐานรากฝังลึกในราชสำนัก และนับเป็นตัวอันตรายดุจดั่งหอกข้างแคร่ในพระทัย ฝ่ายอัครเสนาบดีผู้อยู่เหนือคนนับหมื่น อยู่ใต้คน ๆ เดียวก็ไม่ธรรมดา เขาไม่ยอมให้ฮ่องเต้หนุ่มได้ในสิ่งที่หวัง อย่างไรก็ไม่ยอมสูญเสียอำนาจไปเด็ดขาด ภายนอกดูสมัครสมานเคารพนบนอบ ทว่าเบื้องหลังคือการต่อสู้ซึ่งแบ่งเป็นสองฝ่าย หักเหลี่ยมเฉือนคมกันดุเดือดเป็นเวลานานชนิดที่ไม่มีใครยอมใคร ตัวละครมีมิติและมีเบื้องหลังไม่ธรรมดา ต่างคนต่างมีเป้าหมายในใจชัดเจน ปมซ้อนปมหนักเข้าไปอีก บางเรื่องเหมือนเฉลยแล้ว คนอ่านคิดว่าจบละ ที่ไหนได้มีปมซ้อนเข้าไปอีกให้ได้อึ้ง ตัวร้ายก็ร้ายลึก แว้บแรกที่ปรากฏตัวนี่ดูแทบไม่ออกว่าภายหลังจะร้ายกาจได้ขนาดนี้ ตัวละครทุกตัวเป็นสีเทา มีทั้งด้านดีด้านร้าย มีความเป็นคนสมจริง ไม่ใช่แค่ตัวละครที่สร้างขึ้นมาขาว-ดำชัดเจน
เรื่องความรักก็น่าติดตาม โศกซึ้งกินใจ มีช่วงวาบหวามให้ได้ฟินด้วย พระเอกคือดีต่อใจอะ แม้จะมีช่วงไม่ได้ดั่งใจบ้าง แต่โดยรวมแล้วดีต่อนางเอกมาก ความรักของสองคนนี้ค่อย ๆ เกิดขึ้นจากความผูกพันและการใส่ใจด้วยตั้งใจจะชดเชยและลดความรู้สึกผิดในใจของพระเอกเนี่ยแหละ เขาคอยสังเกตสิ่งที่นางชอบ คอยดูแลปกป้อง บรรดาผู้ชายคนอื่นที่มาหลงรักนางเอกก็สร้างสีสันให้ดราม่าเข้มข้นไปอีก โดยเฉพาะแม่ทัพหลินนี่นะ ตัวเรียกน้ำตาเลยค่ะ ความดีงามของพี่ท่านนี่กระแทกใจปวดหนึบจนแอบเทคะแนนให้ เชียร์ให้พี่แกเป็นพระเอกอยู่หลายหน แบบชีวิตข้าเพื่อแผ่นดิน หัวใจนี้เพื่อเธอเลยอะ ? (ตอนพิเศษท้ายเล่มนี่ อ่านจบแล้วใจหวิวหนักมาก คุณคนเขียนแอบโหดกับพี่หลิน มีวาสนา แต่ไร้ซึ่งบุพเพ) เอาล่ะ ก่อนจะสปอยล์มากเกินไป เราควรจบบล็อกนี้ได้แล้ว ?
"ท่านรักข้าหรือไม่
ท่านรักข้าได้หรือไม่
รักข้ากว่าใคร ๆ บนโลกนี้ได้หรือไม่
เพราะจิตวิญญาณของข้า...โดดเดี่ยวมากเหลือเกิน"
(เล่ม 1, หน้า 287)
สำหรับเรา โฉมสะคราญล่มเมือง แม้จะสนุก แต่การเดินเรื่องไม่ได้อึกทึก ตื่นเต้นเร้าใจจนถึงกับลุ้นตัวโก่งแบบ เทียบท้าปฐพี (且试天下) สไตล์แบบเรื่อย ๆ เหมือนอ่านบันทึกหรือเรื่องเล่าทำนองนั้น แต่ไม่น่าเบื่อนะ ช่วงให้ลุ้นก็มีอยู่เยอะ (อ่านถึงเล่ม 2 ละก็ทนไม่ไหว สปอยล์ตัวเองด้วยการเปิดไปอ่านตอนท้ายตามเคย ?) ถ้าคนที่ไม่ชอบแนวดราม่าอาจจะไม่ชอบ สเน่ห์ของเรื่องนี้เราว่าอยู่ที่ผู้เขียนค่อย ๆ สร้างความระแวงในใจให้คนอ่าน เราจะวางใจใครไม่ได้เลย เหมือนดั่งที่กุยหวั่นถูกปลูกฝังมาไม่ให้รักใคร ไม่ให้มอบใจให้ใคร เพราะในทุกรอยยิ้ม และท่วงท่าสง่าอ่อนโยนอาจจะมีคมมีดดาบซ่อนอยู่ สถานการณ์เปลี่ยนแปลงพลิกผันได้เสมอ นอกจากนี้การลุ้นว่าใครจะเป็นพระเอกก็เป็นเสน่ห์อีกอย่างที่ชวนให้ลุ้นไปกับนางเอกว่าแท้จริงแล้วผู้ใดกันที่นางจะวางใจให้เขาถือครองตลอดไป และเชื่อว่าหลายคนที่อ่านจบน่าจะมีคำถามติดค้างในใจเช่นเดียวกับเจิ้งหลิวและเราว่า "ลูกธนูนั้นยิงถูกนางหรือไม่ ยิงถูกนางหรือไม่...ใครบอกเราที ยิงถูกนางหรือไม่" (เล่ม 2, หน้า 404) ???
กับบางเรื่องการปล่อยให้มันคลุมเครือเรือนราง จึงเรียกได้ว่างดงามตราตรึง...
เรื่องนี้เป็นเรื่องที่เราชอบมากเหมือนกัน
ไม่ได้อ่านเวอร์ชั่นไทย อ่านแต่เวอร์อิงค์
เรื่องไม่ยาวแต่มีเสน่ห์ดี