"จับหิ่งห้อยเดียวดายใต้แสงจันทร์
หวังเพียงผันแสงส่องใจที่ไร้สุข
ย้อนนึกถึงสิ่งใด ๆ เหล่านั้น คำที่เจ้าบอกรักข้า
บุปผาผลิบานแล้วโรยรา มิพบพานแม้เวียนว่ายอีกกี่ครา
หิมะเรียบบนบันไดบอกข้า เจ้านั้นหนาไม่หวนคืน"
(เพลง หนานซานหวนรำลึก, สวี่ซง ขับร้อง, หน้า336, เล่ม 5)
"ฉู่หวังเฟย ชายาสองวิญญาณ (楚王妃)"
ผู้เขียน: หนิงเอ๋อร์ (宁儿)
ผู้แปล: เฉินซี
สนพ. แจ่มใส, พ.ศ. 2560
(5 เล่มจบ)
*เนื้อหาในโพสต์นี้อาจมีสปอยล์*
สิ้นเสียงปืน อวิ๋นเชียนเมิ่งก็ล้มลงตรงหน้าเพื่อนร่วมงาน เมื่อมีสติรู้ตัวอีกครั้งก็พบว่าตนมาอยู่ในร่างของสตรียุคโบราณผู้มีนามอวิ๋นเชียนเมิ่งเช่นเดียวกัน ความทรงจำล่าสุดของเจ้าของร่างคือเรื่องน่าอดสู นางถูกเฉินอ๋องถอนหมั้นต่อหน้าทุกคนอย่างโหดร้าย สุดท้ายนางก็ทนความอัปยศไม่ไหววิ่งเอาหัวชนเสาฆ่าตัวตาย หลังฟื้นขึ้นมาอวิ๋นเชียนเมิ่งก็ตั้งใจทวงความเป็นธรรมให้เจ้าของร่างนี้เสียหน่อย จัดแจงวางแผนจนตนกลายเป็นฝ่ายถอนหมั้นเฉินอ๋องด้วยความเต็มใจเสียเอง ทุกคนในที่นั้นต่างรู้สึกได้ว่าอวิ๋นเขียนเมิ่งคนนี้ดูเปลี่ยนไปจากก่อนหน้านี้อย่างสิ้นเชิง
ที่แท้เจ้าของร่างคนก่อนก็มีชีวิตอยู่อย่างลำบากยากแค้น แม้จะเป็นถึงบุตรีคนโตของอัครเสนาบดีอวิ๋น แต่ก็มิได้รับความรักจากบิดา แถมยังถูกมารดาเลี้ยงกีดกันและกดข่ม จะมีก็แต่ไทเฮาและคนจากจวนฝู่กั๋วกง ญาติฝ่ายมารดาที่เอ็นดูนาง อวิ๋นเชียนเมิ่งให้แค้นแทนนางยิ่งนัก จากนี้ไปนางจะไม่ยอมให้ใครมาข่มเหงรังแกได้อีก และจะขอทวงคืนหนี้แค้นแทนเจ้าของร่างคนก่อน จากสตรีอ่อนแอที่ถูกถอนหมั้น ถูกนินทาว่าไม่มีใครต้องการ อวิ๋นเชียนเมิ่งกลายเป็นสตรีที่มีชายหนุ่มชื่อดังของเมืองมาหมายปองถึงสามคน แม้แต่บุรุษที่ถอนหมั้นนางก็หันมามองนางใหม่อย่างแสนเสียดาย
เป็นอีกเรื่องที่พล็อตมาแนวทะลุมิติ เข้าแทนร่างเจ้าของเดิม แถมเจอกับครอบครัวมีปัญหาเป็นลูกภรรยาหลวง กลับถูกอนุคนโปรดของบิดารังแก แต่
ฉู่หวังเฟย ชายาสองวิญญาณ (楚王妃) นี้มีความพิเศษอีกอย่าง คือก่อนเราจะอ่านเรื่องนี้ เราเคยได้ยินดราม่าของเรื่อง
ผลาญ (盛世王妃) มาก่อนหน้านี้ว่าคนเขียนเรื่อง
ผลาญ ไปก๊อป
ฉู่หวังเฟย มา ซึ่งก๊อปจริงไหมอันนี้ไม่กล้าฟันธง แต่ถ้าถามความรู้สึกหลังอ่านทั้งสองเรื่องแล้ว เราก็ว่าปมของเรื่องหลายอย่างมันเหมือนกันจริง แต่สุดท้ายก็จะฉีกทางกันออกไปลงท้ายกันคนละแบบ ไม่ได้เหมือนกันเสียทีเดียว และก็ไม่มั่นใจว่าถ้าอ่านโดยไม่รู้เรื่องดราม่านี้มาก่อน จะยังรู้สึกไหมว่าเหมือนกัน คือเป็นไปได้ว่าเพราะรู้มาก็เลยมีอิทธิพลต่อความรู้สึกอยู่บ้าง ถ้าให้พูดแบบโลกสวยหน่อย ก็เป็นไปได้ที่ผู้เขียนเรื่อง
ผลาญ นั้นอาจได้แรงบันดาลใจมาจากเรื่องนี้ แต่สลัดพล็อตต้นฉบับไปไม่หมด เอาเป็นว่าเดี๋ยวมาลองเทียบจุดหลัก ๆ ที่เราพอจะนึกออกดูละกัน
ใน ฉู่หวังเฟย นางเอกนั้นมีชีวิตในอีกยุคหนึ่ง เป็นตำรวจปราบปรามยาเสพติด และถูกยิงในขณะปฏิบัติหน้าที่ เข้าใจว่าเสียชีวิตในวันเกิดเหตุแล้ววิญญาณก็หลุดมาเข้าร่างของอวิ๋นเชียนเมิ่งที่ฆ่าตัวตาย ซึ่งสองคนนี้ชื่อเหมือนกัน แต่เป็นคนละคน มาจากต่างช่วงเวลา ความแค้นของอวิ๋นเชียนเมิ่งคือความขุ่นเคืองต่อความอยุติธรรมที่เจ้าของร่างคนก่อนได้รับ บวกกับรับความทรงจำความรู้สึกของเจ้าของร่างมาทำให้นางเกิดอินจนเวทนาสงสาร แล้วไหน ๆ ตนก็ต้องอยู่ในร่างนี้ แน่นอนว่าต้องทวงคืนแทนคนก่อนและปกป้องตนเองไม่ให้ถูกรังแกได้อีก ขณะที่ ผลาญ นางเอกถูกทรมานจนตายไปด้วยความเคียดแค้น แล้วได้รับโอกาสใหม่จากมัจจุราชให้ย้อนเวลากลับไปยังช่วงเวลาก่อนที่ความทุข์แท้จริงของนางจะเริ่มต้น นั่นเท่ากับ เจี่ยงหร่วนได้ย้อนเวลากลับมาเป็นตัวเจี่ยงหร่วนเองพร้อมทั้งความทรงจำในชาติก่อนทั้งหมด เป็นความเคียดแค้นจงเกลียดจงชังจากทุกสิ่งที่ตนประสบมาด้วยตัวเองทั้งนั้น ดังนั้น ทิศทางในการเดินเกมของสองสาวในนิยายสองเรื่องนี้จึงต่างกัน เจี่ยงหร่วนนั้นแก้แค้นแบบล้างผลาญสมชื่อเรื่อง แบบเจ้าไม่ตาย ข้าก็ม้วย มันต้องแหลกกันไปข้าง นางเอกสายดาร์กที่แท้จริง แถมนางรู้เหตุการณ์ล่วงหน้า จึงถือว่าได้เปรียบในการวางแผน ส่วนอวิ๋นเชียนเมิ่งมีเพียงความทรงจำของเจ้าของร่างเดิม และอาศัยปฏิภาณไหวพริบจากชีวิตชาติก่อนช่วยเหลือตัวเอง เดินเกมไปอย่างสุขุมรอบคอบ มีสติมากกว่าไม่ได้ปล่อยให้ความแค้นควบคุมจิตใจ
มาดูที่ดารานำฝ่ายชายกันบ้าง เฉินอ๋อง นี่ก็น่าจะเทียบได้กับองค์ชายแปด เซวียนหลี ใน ผลาญ สั้น ๆ เลย สองคนนี้โง่เหมือนกัน ฮ่าาาา คือเรื่องงานเรื่องการนี่ฉลาดนะ แต่พอเป็นเรื่องหัวใจตัวเองนี่โง้โง่ โง่จนสมน้ำหน้าในความนก นกแบบพญาครุฑเลยนะคุณ มัวแต่ใฝ่หาอำนาจจนเสียคนดี ๆ ไปอย่างน่าเสียดาย กว่าจะรู้ตัวก็ได้แห้วมาหลายโลเลยค่ะ ส่วนที่ต่างก็บุคคลิก เฉินอ๋อง ใน ฉู่เฟยหยาง จะขรึม ๆ เย็นชา มีสาวกรี๊ดนะ แต่นางจะไม่หว่านเสน่ห์แบบเซวียนหลี (ผลาญ) ที่ใช้สตรีเป็นเม็ดหมากในแผนการขึ้นสู่อำนาจ และเราว่าเฉินอ๋องยังไม่เลวเท่าเซวียนหลีอะ แล้วพอรู้ตัวว่ารักนางเอก นางก็มุ่งมั่นรักจริงของนางนะ ไม่เหมือนเซวียนหลีที่ให้อารมณ์อย่างแย่งอยากได้ เห็นแก่ตัว ไม่สามารถสัมผัสได้ถึงความรักความจริงใจจากผู้ชายคนนี้
และมาถึงคู่ที่เรากรี๊ดมากที่สุด ฉู่เฟยหยาง จากฉู่หวังเฟย กับ ท่านอ๋องจิ่นอิงเซียวเสา จากเรื่อง ผลาญ สองคนนี้บุคคลิกต่างกันอย่างสิ้นเชิง จะมีเหมือนกันก็ตรงความเป็นพ่อบ้านใจกล้า รักเมียหลงเมียขั้นสุด แต่ที่สุด ๆ ในทุกด้านเราเทคะแนนให้เซียวเสา (อร๊ายย อยากเป็นจิ่นอิงอ๋องเฟย) ตัวฉู่เฟยหยางจะให้กลิ่นอายของความเป็นคุณชายรูปหล่อ ยียวนนิด ๆ ซ่อนคมความคิดแนบเนียน เก่งทั้งบุ๋นและบู๊ก็จริง แต่นึกภาพแล้วบอบบางไปทางบัณฑิตมากกว่านิดหน่อย ส่วนท่านอ๋องเซียวเสาจะออกแนวดิบเถื่อน มีกลิ่นอายนักรบและความเป็นชายชัดเจน และแน่นอนค่ะ ท่านมีความกวนตีนไม่ธรรมดา ในแง่บทบาทและการแสดงความรู้สึก เซียวเสาก็ได้คะแนนไปตามเคย ให้ท้ายเมียแบบทูนเกล้าถวายหัว ช่างปกป้องและขี้หึงสุด ๆ แต่ก็มีมุมทึ่ม ๆ ให้คนอ่านได้ยิ้มเอ็นดู ในขณะที่ใน ฉู่หวังเฟย เราจะได้เห็นแง่มุมพวกนี้ไม่มากนัก สองคนนี้มี "ปม" ในอดีตจากรุ่นพ่อรุ่นแม่เหมือนกันเด๊ะ เซียวเสานั้นกำพร้าบิดามารดา มีแต่พ่อบ้านหลินคอยดูแล ส่วนฉู่เฟยหยางนั้นมีท่านปู่เลี้ยงดูมาตั้งแต่เด็ก เบื้องหลังของทั้งสองคนที่เฉลยออกมานั้นแม้จะมีส่วนคล้ายแต่ก็แค่นิดเดียว
วกกลับมาที่ฟากนางเอก สองคนสองเรื่องนี้ปมเรื่องแม่แทบจะเหมือนกันเป๊ะ แต่ฝั่ง ผลาญ มีตัวละครลับชักใยอยู่เบื้องหลังเยอะกว่า ส่วนน้องสาวร่วมบิดาของเจี่ยงหร่วนใน ผลาญ นั้นดูจะร้ายกว่าและมีบทบาทมากกว่าน้องสาวอวิ๋นเชียนเมิ่งในเรื่องนี้ และจุดจบของน้องสาวตัวดีของทั้งสองเรื่องก็ต่างกัน แต่จุดจบขององค์หญิงที่มาหมายปองฉู่เฟยหยางนั้นกลับคล้ายกับบทลงโทษของน้องสาวเจี่ยงหร่วนที่พยายามยั่วยวนเซียวเสา เบื้องหลังครอบครัวฝ่ายมารดาของเจี่ยงหร่วนนั้นเป็นครอบครัวทหาร แม่ซึ่งเป็นลูกสาวคนโปรดคนเดียวดื้อรั้นอยากแต่งกับพ่อเจี่ยงหร่วน จนถูกตัดขาดจากตระกูลแต่สุดท้ายก็กลายเป็นถูกหลอกใช้ได้รับความชอกช้ำอย่างมาก ทางด้านแม่ของอวิ๋นเชียนเมิ่ง จวนฝู่กั๋วกงรู้สึกจะมีทั้งทหารและข้าราชการสายบัณฑิต ถ้าจำไม่ผิดครอบครัวไม่ได้คัดค้านการแต่งงานของแม่ แต่ก็เจ็บช้ำน้ำใจเพราะสามีรักอนุมากกว่าและถูกใช้เป็นบันไดไต่ขึ้นสู่ความก้าวหน้าในราชสำนักเหมือนกัน ถึงอย่างนั้น นางเอกสองคนนี้ก็ได้ backup เป็นคนในตระกูลฝั่งมารดา ที่กลับมาผูกสมัครรักใคร่กันอีกครั้งในรุ่นลูก แถมยังมีเหตุให้ฟันฝ่าอุปสรรคช่วยเหลือเกื้อกูลจนความสัมพันธ์แน่นแฟ้นขึ้นไปอีก
เรื่องการเมืองระหว่าง ฉู่หวังเฟย กับ ผลาญ ก็มีส่วนคล้ายตรงการแย่งชิงราชบัลลังก์ เรื่องแรกพี่น้องแย่งกัน เฉินอ๋องคิดการณ์ใหญ่ ส่วนเรื่องหลังลูกคิดกบฏต่อพ่อ เซวียนหลีอยากเป็นฮ่องเต้ แต่นิยายจีนแนวราชวงศ์ก็มีปัญหานี้ทั้งนั้นอะนะ ซึ่งส่วนที่ต่างออกไปก็คือใน ผลาญ ฮ่องเต้มีความผูกพันและเชื่อใจเซียวเสาว่ามีความภักดี และออกจะให้ท้ายพี่ท่านอย่างเห็นได้ชัด (ลูกตัวเองคนหนึ่งถูกพี่เขาแล่เนื้อเถือหนัง ยังไม่กริ้วอะคิดดู๊) แต่ก็นับว่าเป็นฮ่องเต้ที่ดีอยู่นะ (ไม่นับปมในอดีตนะ) ส่วนฮ่องเต้ในเรื่องนี้ขี้ระแวง ไม่น่าทำงานด้วยเลยอะ แรก ๆ จะยังไม่รู้สึกเท่าไร พอเรื่องเข้าช่วงท้าย ๆ จะเห็นความเป็นอริกับฉู่เฟยหยางชัดเจนมาก ระแวงว่าจะถูกแย่งชิงอำนาจตลอดเวลา และสุดท้ายทั้งสองเรื่องมีตัวละครม้ามืดปรากฏมามีบทบาทสำคัญต่ออนาคตของราชบัลลังก์
เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น
Log in