自己PR คืออะไร?
自己PR ก็คือการเขียน appeal ตัวเอง บอกให้บริษัทที่เราอยากสมัครงานด้วยว่าเรามีข้อดียังไง สามารถทำประโยชน์ให้กับบริษัทได้
自己PR ข้างล่างนี้คืออันที่เราเขียนไปก่อนได้คอมเมนต์จากอาจารย์และได้เรียนกับผู้เชี่ยวชาญ
私は新しいことに挑戦するのが好きです。経験がないことに挑戦するのは怖くないことだと思います。逆に、知らないことを少しずつ学ぶことができます。私は大学 1 年生から家庭教師をしており、他の人を教えるだけではなく、自分もいろんなことを学びました。それぞれの生徒の性格に応じて、日本語を教えていました。この経験から、コミュニケーション能力を持っています。新しい環境でも良好な人間関係を構築することが得意です。人見知りをしない性格なので、初対面の人とでも一瞬で打ち解けられます。それだけではなく、時間を守ることや時間を分けることなどが私の⻑所の一つです。このような強みを活かして、貴社に貢献したいと考えております。
เราก็บอกไปว่าเราเป็นคนชอบทำอะไรใหม่ ๆ โดยไม่กลัว และเราก็เพิ่ม story ด้วยการบอกไปว่าเราเป็นติวเตอร์สอนหนังสือ ได้เจอกับผู้คนที่หลากหลาย และก็เอามาเชื่อมให้เป็นข้อดีของเราก็คือ ทำให้เรามีสกิลในการสื่อสาร เข้ากับคนได้ง่าย และเราก็เพิ่มข้อดีว่าเราเป็นคนตรงต่อเวลาเวลาและแบ่งเวลาได้ (จริง ๆ ตอนที่เขียนคือคิดไรไม่ออกแล้ว555 จะให้ลิสต์บอกข้อดีไปเรื่อย ๆ ก็แปลก ๆ ข้อดีของเราจากการที่เราเป็นติวเตอร์ก็เขียนไปแล้ว เลยใส่อะไรที่เป็นนิสัยของเราเลยละกัน ก็คือเรื่องเวลานี่แหละ)
ทริคการเขียน 自己PR ที่ได้หลังเรียน
หลังได้คอมเมนต์จากอาจารย์และได้เรียนกับผู้เชี่ยวชาญแล้ว ก็ทำให้เรารู้ว่าแนวการเขียน 自己PR ที่ดีควรเป็นประมาณไหน
ก่อนอื่นเลยคือสิ่งที่ไม่จำเป็นต้องเขียน นั่นก็คือเรื่องการเป็นคนตรงต่อเวลานั่นเอง
เราเอาเรื่องการตรงต่อเวลาและการแบ่งเวลามาเขียนด้วย ตอนแรกคิดว่าใส่เรื่องนี้เข้าไปด้วยก็น่าจะไม่แย่อะไร แต่ความจริงแล้วคือ "การตรงต่อเวลา" มันเป็นเรื่องที่ใคร ๆ ก็ควรมีอยู่แล้ว ไม่ต้องเอามาใส่ ถ้าจะบอกแนว ๆ ว่าเราเป็นคนตรงต่อเวลาก็ควรจะบอกประมาณว่า "เราทำยังไงถึงเป็นคนตรงต่อเวลา" อาจจะเขียนไปว่า "เราเป็นคนวางแผนล่วงหน้าก่อนจะทำอะไร" การที่เราเป็นคนวางแผน=เราเป็นคนตรงต่อเวลานั่นเอง
นอกจากนี้ เราไม่ควรแค่ลิสต์ข้อดีของเราเฉย ๆ ควรมี story ด้วย สิ่งที่เราจะเอามาเขียนใน story ก็เป็นได้ทั้งเรื่องในชีวิตประจำวัน, งานหรืองานพิเศษที่ได้ทำ, ชมรม, การไปแลกเปลี่ยนต่างประเทศ เป็นต้น หรือจะเอาข้อเสียของเรามาพูดให้ดูดีก็ได้นะ เช่น เราเป็นคนไม่กล้าปฏิเสธคนอื่น เลยคิดว่าเราจะเป็นประโยชน์ให้กับบริษัทได้ อะไรประมาณนี้
หรือจะเอาความผิดพลาดในอดีตของเรามาพูดก็ได้เช่นกัน เช่น แต่ก่อนเราเคยทำอะไรผิดพลาดไป แล้วเราก็แก้ไขเรื่องนั้นสำเร็จ ทำให้ทุกวันนี้เราเป็นคนแบบนี้ (ที่ดีขึ้นแล้ว) เราว่าวิธีเขียนแบบนี้เป็นวิธีที่ดีเลย เป็นการเอา story ในอดีตของเรามาเชื่อมกับข้อดีของเราในตอนนี้
และนี่ก็เป็นทริคเล็ก ๆ น้อย ๆ ที่ีเราได้จากการเรียนเรื่อง 自己PR การเขียน 自己PR ก็มีหลายแบบ เวลาจะเขียนก็ให้ดูว่าเราสามารถยกเรื่องไหนของเรามาพูดได้บ้าง เคยมีประสบการณ์อะไรที่เราสามารถเอามาเชื่อมเป็นข้อดีของเราได้บ้าง หวังว่าจะเป็นประโยชน์ให้กับใครหลาย ๆ คนนะคะ
เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น
Log in