หลังจากกดส่งงานไปก็ต้องเริ่มตามล่าหาโรงพิมพ์ในวันถัดไปทันที โดยโรงพิมพ์ที่เลือกเป็นโรงพิมพ์แถวเกษตรที่ถือว่าใกล้บ้านมาก ซึ่งเกณฑ์การเลือกโรงพิมพ์คือต้องใกล้บ้าน เพื่อที่เวลาเกิดเหตุการณ์ฉุกเฉินจะได้ไปโรงพิมพ์ได้ทัน
จากการสอบถามรายละเอียดกับแอดมินของทางร้านก็ได้ชนิดของกระดาษและรูปแบบการพิมพ์ที่ต้องการเบื้องต้นครบถ้วนทุกประการ นัดแนะเสร็จสรรพว่าจะเข้าไปวันไหน และก็ถึงวันที่นัดเข้าไปที่โรงพิมพ์โดยเลือกที่ไปตอนเช้าเพื่อที่จะได้เผื่อเวลาจัดการทุกอย่างให้รอบคอบไม่ตกหล่น หวังแค่ว่าวันนี้จะต้องเป็นวันที่ไปถึงโรงพิมพ์โดยสวัสดิภาพ ไร้ซึ่งอุปสรรคในการพิมพ์
เมื่อไปถึงหน้าร้านตาม Google Maps จากที่คาดหวังว่าจะต้องเจอร้าน แต่ภาพที่เห็นคือตึกเปล่า ไม่มีพี่แอดมินที่เคยคุยกัน ไม่มีป้ายร้าน ไม่มีเครื่องพิมพ์ ไม่มีอะไรเลย ตอนนั้นงงมาก โทรหาร้านก็ไม่ติด พยายามมองหากล้องเผื่อว่าร้านแอบทดสอบจิตใจลูกค้าว่าจะทำยังไงถ้าไม่เจอร้าน แต่ไม่มีกล้องเลยสักตัว มีแต่แม่ค้าร้านหมูปิ้งที่ถามว่า “เอาอะไรดีลูก” ตอนนั้นคือจะเอาแค่โรงพิมพ์เลยถามแม่ค้าว่าเกิดอะไรขึ้นกับโรงพิมพ์ จากการพูดคุยสรุปความได้ว่า “อ๋อ โรงพิมพ์เขาย้ายไปแล้วลูก ไปอยู่หลักสี่นู่นน่ะ หนูมาผิดเหรอลูก” ตอนนั้นได้แต่ตอบไปว่า “หนูมาตามแผนที่เลยค่ะ กดเว็บไหนก็บอกว่าร้านอยู่แถวเกษตร หนูไม่ได้มาผิดนะคะ” ทันทีที่พูดจบสายที่เคยโทรไม่ติดก็โทรกลับมาพร้อมกับประโยค “ร้านย้ายมาอยู่แถวหลักสี่แล้วนะคะ เดี๋ยวส่งแผนที่ให้ในไลน์ค่ะ” จบ รู้เรื่อง หลักสี่ใกล้บ้านกว่าเกษตรด้วยซ้ำ จัดไปหนึ่งฮาค่ะเช้านี้
สุดท้ายก็มาถึงร้านโดยสวัสดิภาพ ชี้แจงรายละเอียดการพิมพ์เสร็จสรรพว่าเป็นหนังสือภาพปกแข็งจั่วปังเคลือบเงา เนื้อในเป็นกระดาษอาร์ตด้าน 128 แกรม ออกใบเสนอราคา ได้ส่วนลดนิดหน่อยพอให้ยิ้มเผื่อเหตุการณ์เมื่อเช้าได้บ้าง โดยทางร้านแจ้งว่าจะได้รับของทันก่อนกำหนดส่งแน่นอน ได้ยินแบบนี้ก็รู้สึกหายใจโล่งขึ้น เหมือนว่าชีวิตนี้จะไม่เจออุปสรรคอีกต่อไป สาธุ
ทั้งนี้ขอขอบคุณพี่สาวทั้ง 2 คนที่ขับรถไปรับไปส่งให้ตลอดทั้งวัน พาไปกินข้าวให้อารมณ์ดีขึ้น พาไปไหว้พระเพื่อความสบายใจ ทำให้ทุกอย่างโดยที่ไม่บ่นสักคำ ซึ่งจริง ๆ พี่ทำให้ทุกอย่างอยู่แล้ว เพียงแต่วันนี้ขอบคุณมากเป็นพิเศษ รักนะ
เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น
Log in