“ในนามของดอกไม้"* ชื่อกิจกรรมแสนละมุนละไมดึงดูดให้ฉันสนใจตั้งแต่แรกเห็น แน่นอนว่ามันต้องเกี่ยวกับดอกไม้ และเป็นการจัดดอกไม้เพราะดูจากรายการอุปกรณ์ที่ผู้เข้าร่วมต้องเตรียม มีทั้งดอกไม้ แจกัน น้ำเปล่า อุปกรณ์ตัดกิ่งก้าน และน้ำดื่ม??? (มีความสงสัยเกิดขึ้นมานิดนึงว่าเอาไว้ทำอะไร) ... ทางผู้จัดแจ้งให้หาใบไม้ ดอกไม้ที่มีในบ้าน ไม่ต้องซื้อหา แต่ดอกไม้ที่บ้านฉันมีน้อยมาก ส่วนมากเป็นไม้ใบ ไม้มงคลที่ได้รับมา ทำให้สองจิตสองใจว่าจะไปซื้อดอกไม้เพิ่มดีไหม คิดในใจว่าจัดแจกันดอกไม้ทั้งที ก็อยากจัดให้มันสวยนะ แต่สุดท้ายตัดสินใจใช้เท่าที่หาได้ โดยไม่ต้องซื้อดีกว่า ไม่เป็นภาระดี และตรงโจทย์ที่เขาแจ้งมาด้วย
แม้ชื่อของกิจกรรมจะดึงดูดใจมาก แต่สิ่งที่น่าสนใจกว่าคือการนำดอกไม้มาเชื่อมโยงกับเรื่องชีวิตและความตายตามเป้าหมายของผู้จัด ฉันยังนึกไม่ออกว่าจะเป็นอย่างไร ยิ่งกว่านั้นคือเป็นการอบรมออนไลน์ ฉันสัมผัสได้ถึงความท้าทาย และความสนุกที่ซ่อนอยู่ขึ้นมาทันใด
เช้าของวันอบรม...เราเริ่มต้นด้วยการแนะนำตัวสั้นๆ พร้อมให้เลือกอวัยวะที่เราชอบที่สุดมา 1 อย่างพร้อมเหตุผล ฉันเลือกดวงตา เพราะมันเป็นสิ่งที่เชื่อมต่อระหว่างตัวฉันกับโลกภายนอก หลายคนเลือกหู ขณะที่บางคนเลือกขา หรือ เท้า หรือ มือ ด้วยเหตุผลความสำคัญของอวัยวะนั้นต่อตัวเขา หรือต่ออาชีพของเขา
ระหว่างที่กำลังชื่นชอบกับคำตอบและความคิดแปลกๆ ของบางคน ฉันก็ถูกดึงให้ดิ่งลงมากับคำถามที่ว่า
“หากเราต้องสูญเสียอวัยวะนี้ไป เราจะพูดกับอวัยวะนั้นว่าอย่างไร “ มันสะกิดใจขึ้นมาทันทีที่ได้ยิน ให้เลือกสิ่งที่ชอบแล้วสิ่งที่ชอบกำลังจะจากไป ความรู้สึกแรกที่เกิดขึ้นคือ ฉันไม่อยากสูญเสียมันไปเลย แม้ว่ามันเป็นเพียงการสมมุติแต่กระตุกใจฉันได้พอสมควรทีเดียว ท้ายสุด ฉันได้แต่กล่าวลาอวัยวะนั้น ขอบคุณที่อยู่กับฉันมาตลอด ตอนนี้ได้เวลาพักผ่อนของเธอแล้ว
หลังจากพวกเราได้ชิมลางไป 2-3 คำถาม ก็เริ่มเข้าสู่การจัดดอกไม้ที่ทุกคนรอคอย แต่ทว่ามันไม่ใช่อย่างที่คิดไว้เลย ในมโนคือ ฉันจะได้จัดดอกไม้ตามที่วางแผนมา ฉันเตรียมแจกันมา 2 ใบ เผื่อไว้ก่อน แต่กลับพบว่าทุกคนจะไม่ได้เป็นคนจัดดอกไม้เอง เพราะมีการจับคู่ แยกย้ายเข้าห้องย่อย โจทย์คืออีกคนเป็นคนบอกอีกคนให้จัด โดยดูจากดอกไม้ ใบไม้ทั้งหมด และแจกันที่มี คนบอกมีหน้าที่บอกตามใจเลย ส่วนคนจัด นี่งัย น้ำดื่มมาแล้ว เขาให้อมน้ำดื่มไว้เพื่อไม่ให้พูด ไม่ให้บอก ถ้าเผลอกลืนไป ก็อมใหม่ เมื่อจัดเสร็จแล้ว ให้สลับบทบาทกัน
ฉันขออาสาเป็นคนจัดดอกไม้ตามคำบอกก่อน ด้วยไม่มั่นใจว่าตัวเองจะบอกให้คนอื่นจัดได้เลยหรือไม่และฉันต้องอมน้ำไว้ ทำให้ต้องมีสติอยู่กับการมีน้ำในปาก จะได้ไม่รู้สึกอยากพูด ตอนที่เริ่มจัด ฉันตัดกิ่งไม้ ใบไม้ ใส่แจกัน สลับกันไปมาตามคำบอก สิ่งที่ผุดขึ้นมาและคิดว่าสร้างความลำบากใจให้กับคนบอกคือ ฉันมีใบไม้ ดอกไม้ไม่พอดีกับแจกัน มันน้อยเกินไป ด้วยแจกันที่เป็นแก้วทรงกระบอกใบใหญ่ พอจัดแล้ว มันจึงดูโหรงเหรง คู่ของฉันลองให้ดึงกิ่งไม้เข้าบ้าง ออกบ้าง ทำอย่างไร ก็ยังไม่พอใจคนจัด ดูเขากระวนกระวายบ้าง ฉันเองก็ไม่รู้จะช่วยอย่างไร ได้แต่เสียดายว่าของที่มี มันน้อยไปหน่อย บวกกับรู้สึกผิดนิดๆ และแอบเสียดายว่าน่าจะไปซื้อดอกไม้มาเพิ่มคงจะดีกว่านี้ แต่ท้ายสุดมาลงตัวที่ไม้ใบขนาดกลางหนึ่งต้น ที่พอใส่ลงไป มันพอดีกับแจกันเป๊ะ ส่วนสิ่งที่ใส่มาทั้งหมดก่อนหน้า ดึงออกไปจ้า พอเสร็จแล้ว ต่างคน ต่างมองด้วยความชื่นชม หลังจากลองผิดลองถูกมาหลายรอบ
รอบถัดไป ตาฉันเป็นคนบอกบ้าง... ฉันพบว่าคู่ของฉัน เตรียมแจกันมาถึง 3 ใบ มีใบไม้ ดอกไม้มากกว่าของฉันเยอะ ทำให้ไม่มีปัญหาเรื่องของไม่พอ แต่มีปัญหาอย่างอื่นแทน คือฉันต้องเลือกเพราะมีทางเลือกเยอะ ฉันเลือกแจกันทรงสูงมาได้ 1 ใบ และพบปัญหาอีกอย่าง ที่มีตั้งแต่รอบแรก คือการตัดกิ่งให้พอดีกับความสูงของแจกัน แม้เราจะเปิดกล้องเห็นทั้งแจกัน และกิ่งไม้ แต่ก็ยังรู้สึกว่ายากอยู่ดี เช่นเดียวกันที่ฉันต้องให้เขาลองตัด ลองเสียบ เพื่อดูว่ายาวไป สั้นไปหรือไม่ แต่สุดท้ายก็ผ่านไปได้ ฉันเลือกดอกไม้พร้อมใบ 2 กิ่ง ใส่ลงไปกิ่งหนึ่งประมาณว่าเป็นกิ่งสวรรค์ สูงหน่อย อีกกิ่งทำให้ต่ำกว่า เหมือนเป็นกิ่งบนดินไป ด้วยปากแจกันที่แคบ ทำให้ไม่ดูโหรงเหรง แต่ก็มีหลวมๆเล็กน้อย แต่จะใส่อีกกิ่งก็มากไป แม้ฉันจะเห็นว่ากิ่งทั้งสองจะสูงไปหน่อย ถ้าตัดออกอีกสักหน่อย จะดูสวยขึ้น แต่ด้วยความเกรงใจ ฉันเลยปล่อยไป
เมื่อกลับไปห้องรวมเพื่อสะท้อนประสบการณ์ในแต่ละบทบาทของแต่ละคน ฉันประทับใจกับคำพูดของคู่ของฉัน ที่บอกว่า การที่เป็นผู้จัดแจกัน ตามคำบอก ทำให้เธอต้องละวางสิ่งที่ยึดติดไว้ทั้งหมด เพราะเดิม เธอเองก็มีภาพไว้ในใจเหมือนกันว่าจะจัดแจกันอย่างไร แต่เมื่อต้องจัดตามคำบอก แม้จะแตกต่างไปจากที่คิดไว้เยอะมาก แต่ก็ได้ผลงานที่สวยงาม สวยกว่าที่คาดไว้ และสวยกว่าที่จัดเอง สิ่งที่ฉันประทับใจไม่ใช่ประโยคท้าย แต่เป็นประโยคแรก เรื่องการละวางตัวตนลงไป ล้มเลิกทั้งหมดที่คิดไว้แต่ต้น มันไม่ง่าย แต่กิจกรรมทำให้เธอเกิดความคิดนี้ขึ้นมา ส่วนในบทบาทของการเป็นคนบอกให้คนอื่นทำให้ ฉันพบว่ามันมีความเกรงใจอยู่ในนั้น การให้เขาตัดกิ่ง ลองวาง เอาออก ตัดใหม่ ในนั้นมีความกลัวเขาจะว่าเราเรื่องมาก ความรู้สึกนี้ ฉันเองมีอยู่ตลอดเหมือนกัน และทำให้ต้องวางใจว่าไม่ต้องสมบูรณ์แบบก็ได้ ทำเท่าที่มองว่ายอมรับได้ ไม่เรื่องมาก พอดีๆ
แล้วถ้าเราเปลี่ยนฉาก
“การจัดแจกัน” เป็น “การดูแลผู้ป่วย” หละ จะเป็นอย่างไร ... ทั้งสองบทบาท คือผู้จัดแจกันที่น้ำท่วมปากพูดไม่ได้ กับ ผู้บอกให้จัดเท่าที่ทรัพยากรที่มีอยู่ แทนการเป็นผู้ดูแล และผู้ป่วย
ฉันพบว่ามีคำที่ใช้ได้กับสถานการณ์ของผู้ป่วย เช่น เกรงใจ กลัวเขาว่าเราเรื่องมาก การละวาง ความคาดหวัง ความสมบูรณ์แบบ ส่วนผู้ดูแล เป็นความรู้สึกที่ไม่แน่ใจว่าจะถูกใจไหม ทำได้ตรงความต้องการหรือไม่ ทางเลือกที่เหมาะสมคืออะไร มีอะไรที่จะทำได้อีกไหมนะ กิจกรรมช่วงนี้ ทำให้ฉันตระหนักถึงความแปลกหน้าของทั้งสองคนที่มาเจอกันในช่วงต้น การทำความรู้จักพูดคุยเพื่อสร้างความคุ้นเคยกัน และเมื่อเร่ิ่มทำกิจกรรมด้วยกัน จึงค่อยๆเกิดการเรียนรู้ที่จะปรับตัวหากัน และปรับใจให้รับได้กับทุกสิ่งที่อีกฝ่ายบอกให้ทำ ขณะเดียวกัน ก็ได้สัมผัสความรู้สึกของตัวเองไปพร้อมๆกัน
กิจกรรมสุดท้ายก่อนจากกัน เป็นกิจกรรมที่ฉันประทับใจมากที่สุด คือ
“ดอกไม้แห่งความสัมพันธ์” กิจกรรมนี้ทุกคนต้องเลือกบุคคลใกล้ตัวที่ยังมีชีวิต แล้ววางดอกไม้ กิ่งไม้แทนตัวเขา ที่แสดงให้เห็นถึงความสัมพันธ์กับเรา ไม่ว่าจะใกล้ชิด ห่างไกล ล้อมรอบ หรือความสัมพันธ์อื่นใดบนกระดาษขาว เมื่อวางแล้ว ให้เราอธิบายในกลุ่มย่อย 3-4 คนฟังว่าทำไมจึงวางลักษณะรูปแบบนี้ และกิ่งไม้ ใบไม้นั้นแทนใครบ้าง กิจกรรมนี้แปลงความสัมพันธ์ที่ล่องลอยในอากาศให้เป็นรูปธรรมที่ชัดเจนขึ้น... แต่ช้าก่อน กิจกรรมยังไม่จบค่ะ
ดอกไม้แห่งความสัมพันธ์ของฉัน
เมื่อกลับมาห้องรวม กระบวนกรให้ทุกคนเลือกว่าดอกใด กิ่งใด (ที่แทนคนใกล้ชิด) คนไหนที่เราจะให้จากไปก่อน และเพราะอะไร
ความแตกต่างของความคิดความรู้สึกเป็นเสน่ห์ของการเรียนรู้ บางคนเลือกคนใกล้ชิดบางคนเลือกคนอายุมาก บางคนเลือกคนที่อายุน้อย บางคนเลือกคนห่างตัว บางคนกลับเลือกคนที่ใกล้ต้วมากที่สุด ด้วยเหตุผลนาๆ ที่น่ารับฟัง
ทำให้เราได้เห็นมุมมองวิธีคิดของแต่ละคน ซึ่งไปพ้นความถูกผิด เพราะมันเป็นชีวิตที่เขารู้ดีที่สุดว่าเขาเลือกเพราะอะไร แต่... มันยังไม่จบค่ะ เพราะนั่นเราเลือกได้ว่าจะให้ใครจากไป หากแต่กิจกรรมท้ายสุด เขาให้หยิบกิ่งหรือดอกขวาสุดออกไป (ไม่ว่าจะเป็นตัวแทนของใครก็ตาม) รอบนี้ ไม่มีทางให้เราเลือกแล้ว คนๆนี้ กำลังออกไปจากชีวิต เรารู้สึกอย่างไร
ฉันได้ยินการสะท้อนกลับของหลายคนที่
ตกใจกับการเลือกไม่ได้
คนที่พยายามเก็บไว้อย่างถึงที่สุด ถูกเลือกออกไปจากชีวิต
มันยากที่จะยอมรับ
อยากให้ตัวเองเป็นคนจากไปมากกว่าคนนั้น
มันเป็นความสูญเสียอย่างกระทันหันเกินไป
ทำใจได้ยาก
ฯลฯ
ทว่าโชคดีที่ครั้งนี้มันเป็นเพียงการสมมุติเท่านั้น แม้กระนั้น ก็ทำหลายคนใจสั่น บางคนน้ำตารื้น บางคนพูดต่อไม่ได้ เพราะแม้เพียงแค่คิด แรงสั่นสะเทือนก็เกินต้านทาน สำหรับฉัน นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่ร่วมกิจกรรมที่เกี่ยวกับการสูญเสียกระทันหันแบบนี้ เพียงแต่ครั้งก่อนไม่ได้ใช้ดอกไม้... ในครั้งนี้ ฉันจึงทำความเข้าใจในอารมณ์ความรู้สึกได้ดีและรวดเร็วขึ้นมาก เหมือนใจที่เคยเตรียมตัวมาแล้ว มันแข็งแรงขึ้นมาหน่อย... ฉันจำได้ว่าในรอบแรก มันเจ็บปวดหัวใจ ยากที่จะยอมรับได้ว่าคนที่รักที่สุดต้องจากไป มันโหวงเหวง และตกใจมาก...
แม้จะรู้เต็มอกว่ามันเป็นเรื่องไม่จริง แต่ความรู้สึกถึงความสูญเสียที่เกิดขึ้น...มันกลับจริงมาก
ในยุคที่โรคร้าย COVID ได้คุกคามโลกทั้งใบมากว่า 2 ปี และยังไม่มีทีท่าว่าจะสิ้นสุดลง ณ เวลาใด ส่งผลกระทบอันใหญ่หลวงต่อทุกชีวิตบนผืนโลก ข้อมูลใหม่เกี่ยวกับโรคนี้ยังคงเกิดขึ้นอย่างต่อเนื่องทุกวัน ความเปลี่ยนแปลงกลายเป็นสิ่งที่ทุกคนต้องเผชิญ และรับมืออยู่เกือบตลอดเวลา... ความพลัดพราก การจากลา การตาย ความเจ็บปวดจากการเห็นคนที่รักจากไปเป็นภาพที่พบเห็นได้บ่อยขึ้น ... การเตรียมใจในเรื่องของความสูญเสียจึงสำคัญและจำเป็นยิ่ง การซักซ้อมเกี่ยวกับความพลัดพรากจากสิ่งที่รักจึงเป็นอีกหนทางหนึ่งที่ช่วยให้ฉันได้ตระหนัก และรู้เท่าทันใจมากขึ้น ... จะสร้างกล้ามเนื้อให้แข็งแรง กล้ามเนื้อเก่าต้องฉีกขาดก่อนเพื่อจะสร้างใหม่ได้ หัวใจก็เช่นกัน...
................................................................................
หมายเหตุ
*กิจกรรม “ในนามของดอกไม้” จัดโดยกลุ่ม Peaceful Death เป็นกิจกรรมเพื่อให้เกิดการเรียนรู้เรื่องชีวิตและความตาย และเพิ่มทักษะ องค์ความรู้ รูปแบบการจัดกิจกรรมให้กับเหล่ากระบวนกรชุมชนของกลุ่มโดยมีคุณวรรณวิภา มาลัยนวลเป็นกระบวนกร
เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น
Log in