เราใช้คุ๊กกี้บนเว็บไซต์ของเรา กรุณาอ่านและยอมรับ นโยบายความเป็นส่วนตัว เพื่อใช้บริการเว็บไซต์ ไม่ยอมรับ
FICTION iKONNapassorn CHAN
Kiss B (BOBBY)



  • CR PIC : www.oknation.net

    คาเฟ่ที่ทุกคนติดใจ

    คาเฟ่ที่มีพ่อครัวที่หน้าตาดีที่สุด

    คาเฟ่ที่มีเด็กเสริฟ์ที่กวนทีนที่สุดในโลก





    บทนำ

                “คาเฟ่ร้าน iKONic ที่อยู่ใจกลางเมืองที่เต็มไปด้วยผู้คนมากมายที่หลั่งไหลเข้ามา อาหารที่จัดเป็นชุดๆ ตามเวลาเช้า กลาง เย็น คือจุดเด่นของร้านของผม”

                “สวัสดีครับ ผมเป็นพ่อครัวที่ร้าน iKONic ชื่อ ยุนฮยอง”

                “ผมบ๊อบบี้ พนักงานเสิร์ฟ”

                “นี้แค่ตัวอย่างของคาเฟ่ของเราครับ คริสมาสต์อีฟผมหวังว่าเราจะได้เจอกันที่คาเฟ่นะครับ” – ยุนฮยอง

                “ผมหวงพ่อครัวครับ” – บ๊อบบี้

                “พูดบ้าอะไรของแกฮะ!!! ไอ้เหยินนนนนนนนนนนนนนนนน!!!”








    เริ่ม

                เริ่มต้นเดือนธันวาคมในเมืองก็พากันครึกครื้นต่างพากันจัดร้านให้เข้าเทศกาลอย่างคริสมาสต์ที่กำลังมาถึง หนึ่งในร้านนั่นก็คือคาเฟ่ของผมที่กำลังแต่งร้านให้รับเทศกาลอย่างคริสมาสต์และปีใหม่ไปเลย จะได้ไม่เปลืองงบบ่อยๆ (= =) ผมเป็นคนรอบคอบครับ

                    คาเฟ่นี้เปิดบริการมาเกือบหนึ่งปีแล้วล่ะครับ ครัวครอบผมเป็นออกทุน แล้วให้ผมที่เพิ่งจบเชฟที่มีไฟเปี่ยมล้นในการทำอาหาร บริหารจัดการร้านเองทุกอย่าง จนร้าน  iKONic มีชื่อเสียงขึ้นมาและเป็นที่นิยมของผู้คนทั่วไป

                    “พี่ยุนฮยองฮะ พรุ่งนี้ผมลาหยุดนะฮะ”

                    ชานอูพูดเสียงอ่อนๆ ขึ้นมา ผมที่กำลังเก็บของใส่ตู้เพื่อที่จะปิดร้าน ผมปิดตู้แล้วหันมามองหน้าเด็กน้อยตรงหน้า ชานอูคือญาติลูกพี่ลูกน้องของผมเอง ซึ่งขอมาทำงานพาร์ทไทม์ที่ร้านนี้

                    “ไปไหนล่ะ หืม”

                    “คือ…ผม จะไปเป็นเพื่อนดงฮยอกซื้อสเกตบอร์ตอันใหม่นะฮะ คือเขาจะเอาไปแข่งนะครับ”

                    ผมแอบยิ้มแต่ต้องแกล้งขรึมไว้ก่อนเดี๋ยวเสียการปกครอง

                    “วันเสาร์ก็มาทำงานแทนวันที่ลาหยุดล่ะกัน”

                    ชานอูยิ้มร่าก่อนจะลงมือช่วยกันเก็บร้าน เพื่อเขาจะได้แวะหาดงฮยอกได้

                    “ผมไปก่อนนะครับ”

                    ชานอูโบกมือ ผมยืนส่งยิ้มให้ ปกติวันจันทร์ถึงศุกร์ ชานอูจะมาทำงานในช่วงเย็น ซึ่งคนค่อนข้างเยอะ ส่วนในตอนกลางวัน ผมจะอยู่ร้านคนเดียว ส่วนเสาร์อาทิตย์ จะมีจุนฮเวและจินวู มาทำแทนชานอู

                    อากาศที่เมืองนี้ค่อนหนาวมาก แต่พอใกล้คริสมาสต์เมื่อไหร่หิมะก็ตกทุกที ผมมองผ่านหน้าต่างร้านออกไป ร้านต่างๆ ทยอยกันปิดร้าน เพราะนี้ก็ใกล้เวลาจะสี่ทุ่มแล้ว แต่คาเฟ่ที่โต้รุ่งก็มีนะ แต่ไม่ใช่ร้านผมแน่นอน แค่เปิดร้านเก้าโมงเช้าถึงสี่ทุ่มก็เหนื่อยจะตายชัก

                    ผมกำลังล็อคประตูด้านหน้า แต่จู่ๆ ก็เหลือบไปเห็นมีเงาทะมึนถลึงตกกระทบตรงไฟหน้าร้าน ผมค่อยๆ หันหน้าไปมอง

    ผ่าง!!!

     ผี!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!

                    “ฮือ พระเจ้าช่วยลูกด้วย”

                    ผมนั่งยองๆ กุมมือทันที ไปซะไอ้ผีร้าย ฮือๆๆๆ

    ตุบ!

                    ผมสะดุงเฮือก มองไปรอบๆ อย่างหวั่นใจ รู้สึกเหมือนมีอะไรมาเกาะที่รองเท้า เหยดดดดดดดด !!!

    มือขาวซีดอย่างกะศพเตะอยู่ที่เท้าของผม

                    “อ๊ากกกกกกก !!!”

                    ผมผละถอยหลังทันที

                    “ฮือๆๆ ออมม่า อาปา ผมกลัวผี  TOT” ยุนฮยองไม่ทนนะแบบนี้ กลัวววววววววว!

                    “คุณ”

                    มือของผมถูกจับไว้ ผมลืมตามอง ผมยาวยุ่งเหยิ่งไม่ได้ทรง ฟันหน้าเหยินเล็กน้อย ยื่นมาใกล้ ไม่ใช่ผีเหรอ

                    “ขอน้ำหน่อย”

    ตุบ!

                    ผมเปิดร้านเข้ามาอีกครั้งพร้อมร่างใหญ่ที่ผมแบกเข้ามานอนที่โซฟาที่หลังร้าน เพราะเขาล้มทับผมเต็มๆ หนักอย่างกับหมีควาย ดีนะที่ผมยังแบกหมอนี้เขาร้านมาไหว แม่ง! หน้าปล่อยให้แข็งตายซะนี้ แต่ผมเป็นคนใจดีไง ถ้ามาปล่อยให้ตายหน้าร้าน ผมก็กลัวผีแย่เลย ^^; ว่าม่ะ ทุกคน

    ร่างสูงที่มีเสื้อแขนยาวตัวเดียวกับกางเกงยีนต์ขาดๆ ผมเผ้ารุงรัง ไม่เป็นทรง มือซีด หน้าซีด หนาวจนฟันเหยินเลยอ่ะ นี้เหรอที่เขาเลิกว่าหนาวจนฟันออกปากอ่ะ น่าสงสาร ดีนะไม่ไหนาวตายไปซะก่อน     ไอ้เราก็นึกว่าผี ฟู่ววว ค่อยยังชั่วเปาลมออกจากปากอย่างโล่งอก

                    “นายเกือบจะทำให้ฉันหัวใจวายตายแล้วนะเนี่ย ให้ตายเหอะ” ผมพูดกับร่างสูงที่นอนนิ่งไม่ได้สติอยู่บนโซฟาโดยมีผ้าห่มผืนใหญ่คลุมร่างอยู่

     แล้วจะทำยังไงต่อไปดีจะทิ้งไว้คนเดียวเกิดหมอนี้มาตายในร้านล่ะ แล้วผมจะต้องนอนเฝ้าเหรอ โฮ! ไม่นะ ทำไมพระเจ้าโหดร้ายกับผมแบบนี้ TOT

    ผมเอาที่นอนปิกนิกมาปูนอนข้างๆ โซฟาแล้วเอาผ้าอีกผืนมานอนเฝ้าอย่างจำใจ ไม่อุ่นซักนิด อากาศแบบนี้เขาต้องนอนที่นอนนุ่มๆ ที่บ้านสิ ด้วยความเพลียและเหนื่อย ทำให้ยุนฮยองหลับด้วยเวลาอันรวดเร็ว

    เช้า

                    กลิ่นอาหารหอมๆ ลอยฟรุ้งอยู่ภายในร้าน ยุนฮยองที่นอนขดเหมือนลูกแมวที่อยู่บนโซฟากลิ่นหอมๆ เตะจมูกของเขาเต็มๆ เขาค่อยๆ ดมกลิ่น ฟุตฟิต ตามกลิ่น ความหอมของมันเหมือนทำให้ลอยได้ยังงั้น

                    “แจ๊บๆๆๆ”

                    มือบางลูบวนทั่วหมอนทำไมวันนี้หมอนมันลื่นๆ อุ่นๆ จัง โอ๊ะ! ตรงกลางมีอะไรแข็งด้วย ยุนฮยองค่อยๆ ลืมตามอง

                    “เฮ้ยยยยย!!!”

                    ร่างสูงใหญ่หันหน้าแมวน้อยขี้เซ้าที่เดินมาคลอเคลียอยู่ที่หลังเขาอยู่นานสองนาน ที่แท้ละเมอนี้เอง

                    “ไม่ใช่หมอนเหรอ” ยุนฮยองพูดกับเองตัวเอง ไม่ใช่หมอนแต่มันคือแผ่นหลังแน่นๆ ของไอ้ผีตัวเมื่อคืนนี้เอง

                    “ลุกขึ้นเถอะ ผมไม่ใช่ผีและหมอนของหรอกคุณนะ” เสียงแหบๆ ใหญ่เอ่ยออกมา

                    ผมลุกขึ้นทันที

                    “ทำไมไม่ใส่เสื้อผ้าให้เรียบร้อยฮะ”

                    ผมแว้ดขึ้นที เจ็บใจนัก! อ๊ากกกกกกกก!!! เมื่อกี๊เราละเมอไปกอดไปถูหลังหมอนี้งั้นเหรอ TOT เราทำอะไรลงปายยยยยยยยยยยยยยยยยยยย ;A;

                    “ตอนนี้ผมแก้ผ้างั้นเหรอ”

                    “นายจะมาเถียงฉันทำไมเล่า! บอกอะไรก็ไปทำสิ”

                    กวนประสาท ไอ้บ้านี้มันมันกวนประสาทผม ร่างสูงกระตุกยิ้ม เห็นแล้วอยากโดดถีบ บ๊อบบี้เดินตรงไปยังยุนฮยอง ร่างบางกว่าค่อยๆ ถอยหลังทีละก้าว

                    “นี้! นายจะทำบ้าอะไรว่ะ”

                    “แล้วคุณสั่งอะไรผมล่ะ” ร่างสูงเลิกคิ้วข้างเดียวอย่างกวนประสาท

                    หยี!!!!! ร่างสูงแกล้งเบียดตัวใส่ร่างบางที่ปิดหูปิดตาหนีเขาเป็นพัลวัน เขาค่อยๆ เอือมมือไปหยิบเสื้อที่ถอดวางอยู่บนโซฟา หน้าอกขาวๆ ของเขาเต็มไปด้วยซิกแพค แถมแขนสองข้างก็เต็มไปด้วยมัดกล้าม หวั่นไหวละสิเจ้าแมวน้อย ร่างสูงแอบยิ้ม ก่อนจะโน้มหน้าลงไปใกล้หูของร่างบาง

                    “ข้าวเช้านี้รับซิกแพคเพิ่มไหมครับ”


    ………………………………………………………………………………………………………......................................


                    รอยแดงเป็นจ้ำๆ อยู่ที่หน้าของบ๊อบบี้ ก็เพราะหมอนี้เล่นบ้าอะไร จู่ๆ ก็มาพูดข้างหูคน ก็ต้องเจอซัดไปเต็มๆ นะสิ ตอนนี้เรากำลังนั่งกินข้าวเช้าโดยที่หมอนี้เป็นคนทำ เข้าท่าดีแหะ นานแล้วเหมือนกันนะที่ผมไม่ได้กับข้าวฝีมือใครแบบนี้ อยู่ที่นี้ผมก็ทำกินเองส่วนกลับบ้านผมก็ทำกินเองเหมือนกัน

                    “อร่อยซึ้งจนต้องร้องไห้เลยเหรอ”

                    นี้ผมเผลอร้องไห้เหรอ ผมรีบใช้มือปาดน้ำตาทิ้ง นี้ผมร้องไห้ทำไมกันเนี่ยประสาทไปแล้วผม

                    “มองทำไม”

                    “แค่ไม่เคยเห็นแมวนั่งร้องไห้เวลากินข้าว” บ๊อบบี้ยักไหล่ก่อนจะตักข้าวต้มเข้าปากต่อ

                    “เอาสักทีดีไหม”

                    “ตบด้วยเม้าท์ จะกรุณาที่ดีที่สุด”

                    “มีแต่ทีนแทนได้นะ จะลองไหมล่ะ”

                    บ๊อบบี้ส่ายหน้าดิก แล้วหันไปสนใจชามข้าวต้มของตัวเองต่อ หึๆ แมวที่ไหนล่ะ ฉันคือสิงโตเจ้าป่าผู้ยิ่งใหญ่ต่างหาก อุว่ะฮ่าๆๆๆๆๆๆๆๆ

                    บ๊อบบี้เหลือบตามองแมวน้อยตรงหน้า ที่กำลังนั่งหัวเราะอยู่ในลำคอ โดนเขาอ่อยแค่นี้เป็นบ้าแล้วเหรอ สงสัยว่างๆ ต้องจับฉีดวัชซีนแล้วล่ะ หึๆๆ

                    “นายไปอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อก่อนไป นี้เสื้อผ้าน้องชายฉัน แล้วค่อยมานั่งคุยกับฉัน”

                    ผมยื่นชุดของชานอูให้ ตัวก็ไม่ต่างกันเท่าไหร่ก็พอน่าจะใส่ด้วยกันได้ล่ะ

                    “แล้วคุณไม่เปิดร้านหรือไง”

                    “เปิด แต่นายจะมาอยู่ตัวเหม็นอยู่ในร้านอาหารหรือไง”

                    “แหม่ มีการแอบดมกลิ่นตัวผมด้วย ร้ายนะเรา หึๆๆ”

                    ผมหันไปคว้ากล่องชิดชู่กำลังจะขว้างใส่หน้าหมอนั่น แต่ดันวิ่งเข้าห้องน้ำไปก่อน รอออกมาก่อนเถอะ  ฮึ่ม -_-!

                    ผมหาผ้ากันเปื้อนมาสวมแล้วไล่เปิดหน้าต่างทีละบาน แล้วเปิดประตูร้าน นี้เพิ่งสองโมงสี่สิบเอง เอาไม้ปัดขนไก่ปัดฝุ่นไปรอบร้าน แล้วเอาไม้กวาดมากวาดพื้นต่อ คนบ้าอะไรเหมาะสมกับผู้หญิงทุกคนบนโลกใบนี้จริงๆ ฐานะดี ครอบครัวอบอุ่น ลูกชายคนเดียว เรียนเก่ง ความสามารถก็เยอะ แถมหน้าตาดีสุดๆ เรื่องงานบ้านไม่ต้องพูดถึง ไม่มีที่ติ ถ้าผมแต่งงานไป สาวๆ อีกค่อนโลกคงต้องร้องไห้ชักดิ้นชักงอ ไม่ยอมแน่

                    บ๊อบบี้ยืดกอดอกมองแมวน้อยที่ยืนกอดไม้กวาดด้วยใบหน้าที่เคลบเคลิ้ม เอาหน้าถูไม้กวาดอีกแหะ เอาหน้าเนียนๆ มาถูกอกเขาดีกว่าไหม เฮ้อ!

    หมับ!

                    “เฮ้ย! ทำอะไร”

                    “อิจฉาไม้กวาด”

                    บ๊อบบี้ดึงไม้กวาดออกจากมือผม พูดจาบ้าๆ อะไรอีกเนี่ยฮะไอ้เหยิน!!! ด่าในใจ

                    “แย่งไปแล้วก็กวาดซะนะ ฉันจะไปเตรียมของที่ครัว”

                    บ๊อบบี้พยักหน้ารับ ตอนนี้ไอ้เหยินอยู่ในเสื้อสแวตเตอร์สีเหลืองสดใสกับกางเกงยีนต์สีเข้ม ดูดีใช้ย่อยแหะ แต่พอมองดูรองเท้า สลิปเปอร์มารุโกะ -_-

                    “เอาไปใส่ซะ วันนี้นายโดนฉันใช้งานอ่วมแน่”

                    ผมยื่นผ้ากระเปื้อนแบบนี้เดียวกับที่ผมใส่ให้ไอ้เหยิน หมอนั่นคลี่ออกแล้วสวมลงตัวทันที ผมเดินอ้อมหลังแล้วหยิบหนังยางเส้นเล็กขึ้นมาที่อยู่ภายในกระเป๋าด้านหน้าของผ้ากันเปื้อน แล้วยกมือขึ้นรวบผมที่หยุ่งเหยิงมาด้านหลังแล้วหมัดจุกๆ ไว้ ร่างสูงหยุดนิ่ง

    ตึก ๆ ตึก ๆ

                    จู่ๆ หัวใจผมมันก็ดันเต้นผิดจังหวะ ผมผละตัวออกมาทันที

                    “เห็นหัวนายมันยุ่งๆ เดี๋ยวลูกค้าเขาจะตกใจกัน”

                    “ผมยังไม่ได้ว่าอะไรสักหน่อย จะแตะตัวผมมากกว่า ผมก็ยอม”

                    ร่างสูงอมยิ้มกับลูกแมวที่กำลังแถจนสีข้างถลอกหมดแล้ว หวังดีหรืออะไรก็ตาม มันดีกับใจเขาจริงๆ

                    ผมก้มหน้าก้มตาล้างผักหั่นผัก จู่ๆ ก็ใจเต้นไม่มีเป็นจังหวะซะงั้น หน้ามันร้อนๆ แปลกๆ ทั้งที่อากาศเย็นออกขนาดนี้

                    “ชุดอาหารเช้าสองที่ครับ”

                    “…”

                    “คุณ…ชุดอาหารเช้าสองที่ครับ”

                    “…”

                    ลูกแมวเหม่ออะไรอีก สะบัดหัวทำไมอีกล่ะ

    หมับ!

                    “ผีๆๆๆๆ”

                    “ผีอะไรของคุณ ลูกค้าเขาสั่งชุดอาหารเช้าสองที่ รีบทำด้วยครับ”

                    ผมมองหน้าบ๊อบบี๊อย่างตกใจ กำลังนึกเขาแล้วเขาก็โผล่มาแบบนี้ เป็นใครก็ต้องตกใจทั้งนั่นและ

                    “เอ่อ…”

                    “สงสัยอะไรอีกคุณ”

                    “มือ”

                    ร่างสูงเลิกคิ้ว ผมเลยโบ้ยปากไปที่มือที่จับบ่าผมอยู่ เขาชักกลับอย่างไว ผมเลยรีบเดินมาทำชุดอาหารเช้าทันที ใจนี้เต้นแรงกว่ากลองที่ถูกตีอีก

                    ลูกค้าสาวๆ นักศึกษาต่างพากันแห่ที่ร้านของผมจนแน่นถนัด เพราะมีตัวเรียกลูกค้าอยู่ นั่นคือ ไอ้เหยินนั่นเอง แค่หมอนั่นเดินเอาขยะไปทิ้งแล้วเดินกลับเข้า ลูกค้าก็พากันกู่เข้าในร้าน ผมงี้ทำอาหารชุดแทบไม่ทัน เลยต้องโทรเร่งให้จุนฮเวมาช่วย

                    คนที่นั่งโต๊ะได้ก็นั่งกินอย่างละเมียด มองหน้าเด็กเสิร์ฟที่ยิ้มแย้มแจ่มใส่เป็นกันเอง ส่วนคนที่ไม่ได้นั่งโต๊ะก็ยืนรอสั่งเป็นชุดใส่ถุงได้

                    “นายจะมาหรือจุนฮเว ฉันใกล้ตายแล้วเนี่ยยย TOT” ผมโทรเร่งให้จุนฮเวมาไวๆ ไม่งั้นผมคงต้องตายเพราะอาหารชุดเช้านี้แน่

                    “ผมอยู่หน้าร้านแล้วพี่ เฮ้ย! หลบทางดิ คนจะเข้าไปทำงาน แค่นี้นะพี่ ผมถึงล่ะ”

                    นี้มันพูดกับลูกค้าผมใช่ไหมไอ้จุนเน่! TOT ผมจะฆ่ามันนนนนนนนนนนนนนนนนน

                    จุนฮเวเดินเข้ามาในร้านสบายๆ ทุกคนรวมใจแวกทางให้มันทุกคน เพราะหน้าเหวี่ยงๆ ของมันเป็นเหตุแน่นอน

                    “ยืนมองหากิมจิไง ยืนเด๋ออยู่ได้ไปเสิร์ฟดิ”

                    “เน่ พี่ว่านายไปช่วยในครัวดีกว่านะ”

                    ผมรีบวิ่งมาลากไอ้จุนเน่เข้าไปครัวไปด้วยกัน เห็นหน้ากันวันแรกอย่าเพิ่งตีกันเลยนะ TOT พี่ขอ

                    “ไอ้เหยินนั่นมันเป็นใครอ่ะพี่ยุนฮยอง มองผมแบบโครตกวนตีนอ่ะ”

                    “เอาน่า ช่วยกันทำของก่อน เดี๋ยวจะเล่าให้ฟังทีหลัง”

                    “อย่าลืมเล่านะพี่ ไม่งั้นมีเรื่องแน่”

                    ผมพยักหน้ารับส่งๆ ไป นี้มันน้องหรือพ่อว่ะ แถมมีขู่อีก TT

                    “อาหารชุดเช้าใส่ถุงห่อกลับอีกห้าชุด แล้วโต๊ะหกเขาจะเช็คบิลด้วย”

                    ไม่ทันที่ผมจะได้ตอบ ไอ้จุนเน่มันตอบกลับก่อน

                    “แค่เช็คบิลทำไมต้องเดินมาบอก เช็คมาเลยดิหรือทำไม่เป็น”

                    จุนเน่ยิ้มเยาะ บ๊อบบี้เพียงยิ้มมุมปาก

                    “พี่ไม่ให้เขาทำเองและ นายไปเช็คบิลที่โต๊ะหกไป”

                    ผมรีบดันหลังไอ้จุนเน่ไปเช็คบิลที่โต๊ะหก บ๊อบบี้มองตามแล้วตวัดสายตามาที่ผม

                    “ด้วยเกียรติลูกผู้ชายเลย ผมจะเช็คบิลเอง รับรองเงินคุณอยู่ครบทุกบาททุกสตางค์แน่นอน”

                    พูดจบบ๊อบบี้ก็เดินออกไปทันที ทิ้งให้ผมเหวออยู่คนเดียว อะไรของเขาเนี่ยเป็นอะไรไปกันหมด จุนเน่กับมาช่วยงานที่ครัวอีกครั้ง โดยที่พยายามกวนตีนบ๊อบบี้เป็นระยะๆ แต่หมอนี้ก็นิ่งไม่โต้ตอบ จนถึงเวลา 10 : 30 น. อาหารก็หมดรอบเช้าไป เราสามคนถึงได้หยุดพัก เหลือเพียงแค่ล้างจานเท่านั่น

                    “เหยิน ชื่อไรว่ะ”

                    “…”

                    “เด็กเสิร์ฟคนใหม่พี่เป็นใบ้ว่ะ ฮ่าๆๆ”

                    “จุนฮเว นายก็อย่าไปกวนบ๊อบบบี้เขานักสิ”

                    ผมปราบไอ้จุนเน่อย่างเหนื่อยใจ

                    “ก็ดูมันดิพี่ ถามดีๆ แล้วตอบป่ะละ”

                    “ก็เพราะนายกวนตีนไง เขาถึงตอบไม่อ่ะ”

                    บ๊อบบี้ยิ้มมุมปาก ไอ้นี้อีกคนกวนตีนใช่ย่อยที่ไหนล่ะ

                    “พี่เข้าไอ้เหยินมันอ่อ ผมน้องพี่นะ”

                    “ก็นายมันแค่น้องไง”

                    จุนฮเวหันมาตาขว้างใส่บ๊อบบี้ทันที

                    “กูเป็นน้องแล้วไง แล้วมึงล่ะเป็นอะไร คนข้างถนนที่พี่ยุนฮยองเจอหน้าร้านงั้นเหรอ” จุนฮเวกดยิ้มแบบจงใจกวนตีน

                    “ว่าที่พี่เขยมึงต่างหาก ไอ้หมาบั๊กจุนฮเว”

                    ^-^ --------> หน้าบ๊อบบี้

                    O_O/// --------> หน้าผม

                    /O[]O/ --------> หน้าไอ้จุนเน่

                    “กูไม่เชื่อ”

                    “ถามพี่นายดูล่ะกัน ว่าใจเต้นแรงแทบหลุดจากอกกับฉันกี่รอบแล้ว”

                    บ๊อบบี้ยิ้มร่า ทิ้งระเบิดลูกใหญ่ไว้ แล้วก็เดินไปล้างชามอย่างตาเฉย ไอ้จุนเน่ตางี้เขียวปั๊ด มันจะเขมือบหัวผมแล้วครับทุกคน

                    “น้องคุณกลับไปและ”

                    ผมเดินมือไพ่หลังมาในมือถือแท่งไฟของวงไอค่อนอยู่ ยิ้มครับ ผมยิ้มหวานมากๆ ไอ้เหยินมองแล้วค่อยๆ ยิ้มแหย่ๆ ตาม

                    “ตายซะเถอะ!!! ไอ้เหยินนนนนน! อย่าอยู่เลย”

                    ผมวิ่งไล่กันในร้านอย่างบ้าคลั่งกล้าดีไปพูดแบบนั่นกับไอ้จุนเน่ได้ยังไง นี้ผมต้องไปนั่งแก้ตัวกับมันเป็นนานๆ นับชั่วโมง ไอ้เน่มันถึงยอมไปเรียนตอนบ่ายได้

                    “คุณใจเย็นก่อน ทำร้ายร่างกายคนมันผิดกฎหมายนะ”

                    ไอ้เหยินวิ่งมาหลบที่โซฟาโดยที่ผมกับมันยืนคนละฝั่ง

                    “บ้านรวย ไม่มีกลัวมีไรป่ะ”

                    “แล้วมันบาปด้วยนะคุณ ที่ทำร้ายร่างกายว่าที่สามีตัวเองอ่ะ”

                    ดูมันตอบกับ อ๊ากกกกกกกกกกกกกกกกกกกกก !!! ว่าที่สามีพ่องมึงสิไอ้เหยินนนนนนนนน

                    “วันนี้นายไม่ตาย อย่ามาเรียกฉันว่ายุนฮยองอีก!!!”

                    “งั้นเรียกเมียเลยล่ะกัน”

                    “ตายแน่ไอ้เหยินนนนนนนนนนนนนนนนนนนนน”

                    ผมขว้างแท่งไฟใส่หัวหมอนั่นแล้วปรากฏว่าโดนเต็ม เยส! ร่างสูงทรุดก้มหัวทันที ตอนแรกก็หัวเราะอยู่หรอก แต่พอเห็นไอ้เหยินมันนิ่ง ผมชักใจคอไม่ค่อยดีแล้วสิ

                    “บ๊อบ…บ๊อบบี้ นายไหวรึเปล่าอ่ะ”

                    ผมเดินเข้าไปใกล้ๆ แล้วนั่งยองข้างๆ มือใหญ่กุมหัวลงกับตัว TOT อย่ามาตายที่ร้านนะ เก๊ากลัวผีอ่า

    หมับ!!!

                    “อ๊ากกกกก !!! ปล่อย”

                    บ๊อบบี้หันหน้ามาแล้วคว้าร่างบางกดลงกับพื้น

                    “ชอบแบบรุนแรงก็ไม่บอกกันดีๆ ผมจะได้จัดให้แบบถึงใจ”

                    “เป็นบ้าหรือไงฮะบ๊อบบี้ นายมากดฉันลงกับพื้นทำไมเนี่ย ปล่อยนะโว๊ย!!”

                    “ต้องลงโทษแมวที่พยศ”

                    “ทะ…อื้อ”

                    ร่างสูงกดริมฝีปากลงใส่ร่างบางทันที

                    ร่างบางได้แต่ดิ้นอึกๆ อักๆ อยู่ภายใต้ร่างสูงที่เต็มไปด้วยมัดกล้าม

                    “หวาน”

                    ร่างสูงถอนจูบแล้วพูดขึ้น หน้าของยุนฮยองแดงลามไปทั่วหน้ารวบถึงไปยันผิวขาวๆ ที่แดงเถือกขึ้นมาอย่างเห็นได้ชัด

                    “ปล่อยฉันได้แล้ว เจ็บหลัง”

                    ร่างสูงคลายมือที่กดร่างบางไว้ แล้วยกตัวขึ้นมานั่งก่อนจะดึงยุนฮยองมากอดโดยที่เขานั่งกอดซ้อนหลังอยู่

                    “ได้ผมแล้วก็อย่าทิ้งผมนะ”

                    ร่างสูงกอดเอวร่างบางแล้วเอาหน้าเกยไหล่

                    “ทำแบบนี้ทำไม”

                    ยุนฮยองถามเสียงเบาพลางก้มหน้าด้วย เขินจนตัวจะแตกแล้วเนี่ย -///-

                    “รัก”

                    ฉ่า …. ได้กลิ่นอะไรไหม้ๆ ไหมครับ หน้าผมเองครับ หัวใจก็รัวเร็วอย่างกับใครมาจุดประทัดเอาไว้

                    “นายเจอฉันแค่วันเดียว นายจะรักฉันได้ไง”

                    “ใครบอกผมเจอคุณแค่วันเดียวกัน”

                    หืม? ผมเงยหน้ามองบ๊อบบี้ทันที ร่างสูงยิ้มก่อนจะหอมแก้มผมเบาๆ อย่าทำอะไรแบบนี้เลยนะ ฉันหัวใจจะวาย -///-

                    “อธิบายเลยนะ” ผมผลักอกหมอนั่น มือไวปากไวจริงๆ

                    “ตกลงเป็นแฟนกันสิ แล้วผมจะเล่าให้ฟัง”

                    “ไม่เอาหรอก ฉันเสียเปรียบแย่เลยแบบนั่น”

                    ผมพยายามยื้อตัวออกมาจากกอดของบ๊อบบี๊แต่หมอนั่นก็ล็อคผมไว้ไม่ยอมปล่อย ฮือๆๆ ปล่อยเลยนะไอ้เหยิน

                    “คุณ! อย่าดิ้นสิ ยิ่งดิ้นมันยิ่งสี”

                    บ๊อบบี้ดุผมหลังจากที่ผมพยายามดิ้นออกจากกอดของเขา แล้วมันไปสีอะไรของหมอนั่นล่ะ แล้วทำไมต้องดุกันด้วย

                    “ทำหน้างง แบบนี้ต้องทำให้ดู”

                    “อ๊ากกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกก !!! ไอ้เหยิน”

    The End

     

    BOBBY Part

                สวัสดีครับผมบ๊อบบี้ สามีที่น่ารักของยุนฮยองครับ (ใครเป็นเมียนายฮะไอ้เหยิน : ยุนฮยอง) อย่าไปสนใจรายนั่นเลยครับ ปล่อยให้เขานักเลี่ยงหมาบั๊กไปเถอะ (มึงว่าใครหมาฮะ! ไอ้เหยิน : จุนฮเว) หึๆๆ

    ผมรักยุนฮยองตั้งแต่แรกที่มหาลัยแล้วล่ะครับ เขาเรียนเชฟ ผมเรียนดนตรี ตึกของเราอยู่ใกล้กันและพวกเพื่อนๆ ผมก็ชอบไปกินอาหารที่ตึกเรียนของยุนฮยองด้วย ผมก็เลยเจอใบหน้าที่ยิ้มให้เพื่อนของผมที่อยู่ในกลุ่ม พอดีไอ้ฮันบินมันเป็นญาติห่างๆ ของยุนฮยอง ก็เลยได้เจอกันบ่อย

    แต่เราก็ไม่เคยได้คุยกันสักครั้งเจอกันทีไรผมก็แกล้งเมินไม่สนใจ เอ้า! ก็คนมันเขินนี้ครับ ใครเขาจะไปกลาคุยด้วย หยิ่งไว้ก่อนดีกว่าครับ

    พอเรียนจบผมก็ได้ยินมาว่ายุนฮยองเปิดร้านอาหารผมก็มาเป็นลูกค้าคนแรกของร้านของเขา แวะมากินทั้งเช้า กลางวัน เย็น พอดึกหน่อยก็เดินตามหลังไปส่งที่บ้าน ผมทำแบบนี้มาเกือบปี แต่ที่ยุนฉฮยองจำผมไม่ได้ก็เพราะ ทรงผมและรูปร่างของผมที่เปลี่ยนไป ตอนเรียนผมตัดผมสั้นแต่งตัวเนี๊ยบๆ หน่อย แต่พอจบผมก็ปล่อยผมยาวดัดลอดถี่ๆ และทำให้ดูเปียกๆ ใส่เสื้อผ้าขาดๆ ทำตัวเซ่อไปเลย ไม่แปลกที่เขาจะจำไม่ได้

    วันนั้นผมรีบวิ่งมาที่ร้านเพื่อที่จะมาส่งเขากลับบ้านเหมือนเคย ตั้งแต่เช้ายังสี่ทุ่มผมมั่วแต่ทำเพลงจนไม่ได้สนใจกินข้าวเลย ดื่มเพียงน้ำและกาแฟแค่นั่นเอง เลยมาเป็นลมอยู่หน้าร้านของเขาพอดี โชคดีที่เขาแบกผมเข้ามาในร้านได้ ทั้งที่ขนาดตัวแตกต่างกันขนาดนั่น

    เป็นนิมิตที่ดีมากๆ ที่ผมตื่นมาแล้วเจอเขานอนขดเป็นแมวอยู่ที่พื้นข้างๆ โซฟา ผมเลยอุ้มเขามานอนบนโซฟาแทน แล้วจงใจถอดเสื้อทิ้งไว้บนโซฟาถึงไปทำข้าวต้มต่อ ใครจะคิดว่ายุนฮยองจะนอนละเมอเดินซบหลังผมและนึกว่าหลังผมเป็นหมอนซะได้ น่ารักชะมัด

    ผมคงไปไหนไม่รอดแล้วครับ รักใครชอบใครก็รีบบอกไปเลยดีกว่าครับ อย่าไปมั่วหยิ่งหรือเก็บไว้  ผลลัพธ์มันจะออกมาแบบไหน เราจะได้โล่งและสบายใจด้วย

    END Part





Views

เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น

Log in