เราใช้คุ๊กกี้บนเว็บไซต์ของเรา กรุณาอ่านและยอมรับ นโยบายความเป็นส่วนตัว เพื่อใช้บริการเว็บไซต์ ไม่ยอมรับ
ฝึกแปลเพลงNekoBox
#04 [แปล+ตีความ] Furiko - Uru



  • 薄汚れた網戸が ずっと目の奥にはまってて
    青い空が見てみたくて 誰かに開けて欲しかった
    求めれば求めた分だけ汚れてった
    でも、誰かの傍にいることで
    私はここに在った
    ภาพประตูมุ้งลวดที่สกปรก ยังคงติดอยู่แม้หลับตา
    เพียงต้องการให้ใครสักคนเปิดมัน เพื่อที่จะได้ลองมองท้องฟ้าสีครามดูสักครั้ง
    ถ้าหากร้องขอก็จะเปรอะเปื้อนเพียงแค่ตอนที่ร้องขอ
    แต่ว่า การมีใครสักคนอยู่เคียงข้างนั้น
    ฉันมีสิ่งนั้นอยู่ตรงนี้

    ただ朝が来て夜が来る
    ただ生まれて死にゆく
    そこには何の意味もない
    独りごちては腐った
    เพียงแค่ค่ำคืนและรุ่งสางที่มาถึง
    เพียงแค่มีชีวิตอยู่จวบจนตายจากไป
    ไม่มีความหมายอะไรตรงนั้น
    บ่นพึมพำกับตัวเองแล้วจึงเน่าเปื่อยไป

    床を撫でるだけの雑巾がけのように
    形だけは一丁前で あぁ
    塵を舞い上げて吸い込んで
    噎せ返っては一人泣いて
    それでも私はどこかで
    ずっと愛を求めてた
    เติบโตเป็นผู้ใหญ่ ได้เท่าแค่เพียงร่างกายเท่านั้น
    เหมือนกับผ้าขี้ริ่วที่ใช้แค่ถูพื้น
    สูดหายใจทั้งที่ฝุ่นยังคงฟุ้งกระจาย
    ไอสำลักแล้วร้องไห้เพียงลำพังทั้งแบบนั้น
    ถึงยังงั้น ฉันยังคงร้องขอ
    ความรักจากตรงไหนสักแห่ง

    毎日夢を見て毎日目が覚めて
    夢と現実の狭間で
    ぶら下がって足を浮かせたまんま
    風が吹けば吹かれた方へ流されて
    我武者羅に走った汗を
    ただの塩にしてきた人生も
    ในทุกๆวันที่หลับฝัน ในทุกๆวันที่ลืมตาตื่น
    ยังคงลอยเคว้งคว้างไปมาอยุ๋อย่างนั้น
    ท่ามกลางระหว่างความฝันและความเป็นจริง
    ถ้าสายลมได้พัดมา คงปลิวล่องลอยตามทางที่ลมจะพัดไป
    หยาดเหงือที่วิ่งอย่างสุดกำลัง
    เป็นเพียงแค่เกลือที่ชีวิตนี้ได้สร้างก็เท่านั้น

    擦り減った靴の底には
    泥や石が挟まったまま
    私は生涯この靴で歩いていく
    それでもあなたという光が
    明日を照らしてくれたから
    ด้านล่างของรองเท้าที่สึกหรอ
    ยังคงมีเศษหินและดินโคลนติดอยู่
    ฉันในช่วงชีวิตยังคงเดินต่อไปด้วยรองเท้าคู่นี้
    ถึงอย่างนั้น เธอที่เป็นดั่งแสงสว่าง
    ยังคงสาดส่องให้เห็นวันพรุ่งนี้

    毎日夢を見て毎日目が覚めて
    夢と現実の狭間で
    ぶら下がって足を浮かせたまんま
    風が吹けば吹かれた方へ流されて
    我武者羅に走った汗を
    ただの塩にしてきた人生も
    ในทุกๆวันที่หลับฝัน ในทุกๆวันที่ลืมตาตื่น
    ยังคงลอยเคว้งคว้างไปมาอยุ๋อย่างนั้น
    ท่ามกลางระหว่างความฝันและความเป็นจริง
    ถ้าสายลมได้พัดมา คงปลิวล่องลอยตามทางที่ลมจะพัดไป
    หยาดเหงือที่วิ่งอย่างสุดกำลัง
    เป็นเพียงแค่เกลือที่ชีวิตนี้ได้สร้างก็เท่านั้น

    愛を知って 生きる意味を知った
    รู้จักความรักและรู้จักความหมายของการใช้ชีวิต


    ถอดความหมายของเพลง " 振り子 - Uru " ep : 1.1


      การตีความครั้งนี้ ตีความผ่านตัวอักษรเพียงเท่านั้น เนื่องจากผู้แปลจนถึงตอนนี้ก็ยังไม่ได้ดูแม้แต่นิดเดียว ซึ่งบทเพลงนี้ได้ใช้ประกอบภาพยนตร์เรื่อง" 罪の声 หรือในชื่อ The Voice of Sin " จึงไม่อาจตีความผ่านตัวละครนั้นได้

    ความหมายของชื่อเพลง " ลูกตุ้ม " คืออะไร


    --- ส่วนนึงของบทสัมภาษณ์ ของ uru (ผู้แต่ง) ---

    『生きていると本当に様々な事がありますが、もし今、悲しみや苦しみの中にいて希望を見出せずにいたり、素直に涙を流す事が出来ずにいる方がいるのならば、この曲が「今悪い方へ振っているその振り子は、次は必ず光の方角へ振る」という希望になってくれることを願います。』
      ในการใช้ชีวิตที่จริงแล้วมีเรื่องราวต่างๆนาๆเกิดขึ้นมากมาย, เช่นสมมติว่าหากตอนนี้ มีใครบางคนก็กำลังจมอยู่ท่ามกลางความทุกข์และความเศร้าเสียใจอยู่ หรือบ้างก็มองออกไปไม่เจอความหวัง. หรือถ้าหากตัวคุณที่ไม่สามารถร้องไห้ออกมาได้โดยชื่อตรงต่อความรู้สึกตัวเองอยู่ล่ะก็, ฉันคิดว่าเพลงนี้จะให้ความหวังที่ว่า " ลูกตุ้มที่แกว่งไปผิดทิศทางในตอนนี้, ครั้งต่อไปจะต้องจะแกว่งไปในทิศทางแสงสาดส่องได้อย่างแน่นอน "

      ลูกตุ้มในความหมายของเพลงนี้ อาจจะเปรียบเทียบเป็นชีวิตมนุษย์ที่ไร้หลักยืด เป็นสิ่งๆนึงที่ผูกไว้กับเชือกเส้นนึง ที่จะแก่งไปมาได้ทุกทิศทางตามแรงกระทำหรือถูกกระทำ ไม่อาจรู้ได้เลยและคงได้แต่หวังว่าทิศทางที่แกว่งไปจะถูกต้อง

    --- ความหมายของเนื้อเพลง ท่อนแรก เป้าหมาย ---

    薄汚れた網戸が ずっと目の奥にはまってて
    青い空が見てみたくて 誰かに開けて欲しかった
    求めれば求めた分だけ汚れてった
    でも、誰かの傍にいることで
    私はここに在った
    ภาพประตูมุ้งลวดที่สกปรก ยังคงติดอยู่แม้หลับตา
    เพียงต้องการให้ใครสักคนเปิดมัน เพื่อที่จะได้ลองมองท้องฟ้าสีครามดูสักครั้ง
    ถ้าหากร้องขอก็จะเปรอะเปื้อนเพียงแค่ตอนที่ร้องขอ
    แต่ว่า การมีใครสักคนอยู่เคียงข้างนั้น
    ฉันมีสิ่งนั้นอยู่ตรงนี้

      เนื้อเพลงพยายามสื่อ ถึงเป้าหมายที่วางไว้ แต่อาจจะด้วยเกินกำลังของตัวเองหรือบางสิ่งบางอย่าง จึงยังไม่ได้ทำหรือเข้าใกล้เป้าหมายนั้น

      ประตูที่สกปรกคือสิ่งที่ขวางทางอยู่ เพราะได้แต่จ้องมองนานจนเกิดภาพจำที่แม้จะหลับตาลงไปก็ยังคงเห็นได้ชัดเจน

      ท้องฟ้าสีครามสดใสคือเป้าหมายในอุดมคติที่วางเอาไว้
    求める - ตรงนี้ถูกใช้ใน2ความหมาย คือ ต้องการ, (ร้อง)ขอ
    " 求めれば求めた分だけ汚れてった "
      หากพิจารณาในบรรทัดเดียวกันแล้วอาจมีความหมายได้ว่า "ถ้าหากต้องการก็จะเปราะเปื้อนเพียงตอนที่ต้องการ" - กล่าวคือเป็นการเปิดประตูนั้นด้วยตัวของตัวเอง สิ่งสกปรกในที่นี้ก็อาจจะหมายความได้ว่าเป็นความ วิตกหรือความกลัว,กังวลใจ
      แต่หากพิจารณาตามบริบทโดยรวมก็อาจจะมีอีกความหมายนึง "หากร้องขอก็จะเปราะเปื้อนแค่ตอนที่ร้องขอ" ตามความเข้าใจ(ไปเอง)ของผู้แปลเข้าใจว่า ในทัศนคติ การจะร้องขอความช่วยเหลือใครสักคนโดยที่ยังไม่พยายามไม่ใช่เรื่องที่ดี น่าอับอาย คือสิ่งสกปรก แต่ในเนื้อเพลงพยายามบอกว่า การขอความช่วยเหลือก็ไม่เป็นอะไรแย่ขนาดนั้น ขอความช่วยเหลือบ้างก็ได้ เพราะมนุษย์ไม่อาจทำอะไรได้ทุกอย่างด้วยตัวคนเดียว

    เพลงนี้ใช้ "ความรัก" เป็นตัวแทนของกำลังใจ, แรงช่วยสนับสนุน, เป็นที่ยืดเหนี่ยว, แรงผลักดัน เมื่อตัวเอกมีสิ่งนี้อยู่จึงพร้อมที่จะเผซิญหน้ากับโลกข้างนอก

    --- ความหมายของเนื้อเพลง ท่อนที่2 ตระหนัก ---

    ただ朝が来て夜が来る
    ただ生まれて死にゆく
    そこには何の意味もない
    独りごちては腐った
    เพียงแค่ค่ำคืนและรุ่งสางที่มาถึง
    เพียงแค่มีชีวิตอยู่จวบจนตายจากไป
    ไม่มีความหมายอะไรตรงนั้น
    บ่นพึมพำกับตัวเองแล้วจึงเน่าเปื่อยไป

      กล่าวถึงความหมายของชีวิตอยู่ ถึงการปล่อยวันเวลาในแต่ละวันให้ไหลผ่านไปอย่างเปล่าประโยน์
    ไม่มีค่าไม่มีความหมาย และตายจากไปโดยที่ไม่มีใครได้ยิน

    --- ความหมายของเนื้อเพลง ท่อนที่3 ขีดจำกัด ---

    床を撫でるだけの雑巾がけのように
    形だけは一丁前で あぁ
    塵を舞い上げて吸い込んで
    噎せ返っては一人泣いて
    それでも私はどこかで
    ずっと愛を求めてた
    เติบโตเป็นผู้ใหญ่ ได้เท่าแค่เพียงร่างกายเท่านั้น
    เหมือนกับผ้าขี้ริ่วที่ใช้แค่ถูพื้น
    สูดหายใจทั้งที่ฝุ่นยังคงฟุ้งกระจาย
    ไอสำลักแล้วร้องไห้เพียงลำพังทั้งแบบนั้น
    ถึงยังงั้น ฉันยังคงร้องขอ
    ความรักจากตรงไหนสักแห่ง

      一丁前 - ถูกใช้อยู่2แบบ คือ การถูกยอมรับว่าคุณได้เติบโตเป็นผู้ใหญ่ ในแง่กฏหมาย,อายุ,และความสามารถที่เหมาะสมในฐานะผู้ใหญ่
    และอีกความหมายคือ คนที่เต็มเปี่ยมไปด้วยความรู้ความสามารถจนผู้คนยอมรับ
    การเลือกใช้คำนี้ของผู้แต่ง คาดว่าจะแฝงความนัยถึงการต้องการเป็นที่ยอมรับด้วยก็ได้

      ทำไมถึงเปรียบเป็นผ้าขี้ริ้วที่ใช้ถูพื้น เพราะเมื่อใช้เช็ดฝุ่นก็ต้องรับสิ่งสกปรกเข้าไปในตัว ยิ่งเช็ดเศษผ้าขี้ริ้วก็ยิ่งสกปรก เมื่อถึงจุดๆนึง ต่อให้เช็ตทำความสะอาดยังไงก็ไม่สามารถทำได้ คือการเปรียบทั้งขีดความสามารถและขีดความอดทนของปัจเจกบุคคลก็มีข้อจำกัด ไม่ว่าจะเก่งแค่ไหนก็ไม่สามารถทำอะไรได้ไปชะทุกอย่าง และไม่อาจแบกรับอะไรได้อย่างเกินตัว

      เช่นเดียวกันการสุดหายใจภายในห้องที่เต็มไปด้วยฝุ่นที่ฟุ้งกระจาย

      ก่อนทำความสะอาด ปกติเรามักจะทำห้องให้โล่งเพื่อระบายอากาศ นั่นอาจหมายความว่ามีอะไรที่ทำให้ ไม่สามารถคุมได้

      เปรียบเป็นชีวิตที่อยู่ท่ามกลางข้อบีบบังกับ,อุปสรรคและข้อจำกัดทางสังคมมากมาย
    ไม่ว่าจะเข้มแข็งแค่ไหนก็ไม่อาจรับแรงกดดันที่ถาโถม
    ถึงจะสำลัก ถึงจะร้องไห้ตัวคนเดียว ชีวิตก็ยังต้องดำเนินต่อ

    --- ความหมายของเนื้อเพลง ท่อนที่3 สภาวะจิตใจ ---

    毎日夢を見て毎日目が覚めて
    夢と現実の狭間で
    ぶら下がって足を浮かせたまんま
    風が吹けば吹かれた方へ流されて
    我武者羅に走った汗を
    ただの塩にしてきた人生も
    ในทุกๆวันที่หลับฝัน ในทุกๆวันที่ลืมตาตื่น
    ยังคงลอยเคว้งคว้างไปมาอยุ๋อย่างนั้น
    ท่ามกลางระหว่างความฝันและความเป็นจริง
    ถ้าสายลมได้พัดมา คงปลิวล่องลอยตามทางที่ลมจะพัดไป
    หยาดเหงือที่วิ่งอย่างสุดกำลัง
    เป็นเพียงแค่เกลือที่ชีวิตนี้ได้สร้างก็เท่านั้น

      อุดมคติที่สวยงาม และ ความเป็นจริงตรงหน้าที่หนักหน่วง
    ในสภาวะที่ถูกกดดัน ได้สร้างความสับสนและเหนื่อยล้าในจิตใจ ความคิดที่จะยอมแพ้ต่อความเป็นจริง หรือจะไขว่ขว้าเป้าหมายต่อไป ได้วนเข้ามาช้ำแล้วช้ำเล่า

      ในขณะที่หมดแรง ที่ยึดเหนี่ยวทางใจยังถูกสั่นคลอน แต่ถึงอย่างนั้น ตอนท้ายของบทเพลงได้ให้ความหวังและกำลังใจ " หยาดเหงือที่วิ่งอย่างสุดกำลังเป็นเพียงแค่เกลือที่ชีวิตนี้ได้สร้างก็เท่านั้น "
      แม้ว่าจะสับสน เหนื่อยล้า จนแทบทนไม่ไหวหมดแรงยืนยังไง ขอให้กัดฟันสู้ต่อไปแม้จะเกิดข้อผิดพลาดบ้าง จงคิดว่าเรื่องราวเหล่านี้คือเรื่องธรรมดาที่อาจเกิดขึ้นได้กับทุกคน

    --- ความหมายของเนื้อเพลง ท่อนที่4 ---

    擦り減った靴の底には
    泥や石が挟まったまま
    私は生涯この靴で歩いていく
    それでもあなたという光が
    明日を照らしてくれたから
    ด้านล่างของรองเท้าที่สึกหรอ
    ยังคงมีเศษหินและดินโคลนติดอยู่
    ฉันในช่วงชีวิตยังคงเดินต่อไปด้วยรองเท้าคู่นี้
    ถึงอย่างนั้น เธอที่เป็นดั่งแสงสว่าง
    ยังคงสาดส่องให้เห็นวันพรุ่งนี้

      บนทางเดินที่เต็มไปด้วยความพยายามที่ผ่านมา เป็นดั่งประสบการณ์ที่คอยสอนในก้าวต่อๆไป
    ในท้ายชีวิตที่ไม่รู้ว่าจะไปจบเมื่อไหร่ที่ตรงไหน ขอแค่เพียงไม่หลงลืมเป้าหมายและละทิ้งมันไป
    ในวันที่ผ่านพ้นเส้นชัยจะรู้สึกภูมิใจเมื่อมองกลับมา
    生涯 - ช่วงหนึ่งของชีวิต ราวกับมีนัยยะแฝงถึงความภาคภูมิใจ

    --- ความหมายของเนื้อเพลง ท่อนที่5 ปิดท้าย ---

    愛を知って 生きる意味を知った
    รู้จักความรักและรู้จักความหมายของการใช้ชีวิต

      ความฝันในอุดมคติและความเป็นจริงที่เป็นดั่งเส้นขนาน ถึงอย่างนั้น การรักษาความรักของคนที่คุณรักเอาไว้ จะทำให้คุณมีแรงที่จะเผชิญหน้ากับความเป็นจริงได้ต่อไป

    --- สรุป ---
      振り子 เป็นบทเพลงที่จะโจมตีคุณด้วยเนื้อหาที่หนักและความรู้สึกที่สิ้นหวังของการดำรงอยู่บนโลกที่เต็มไปด้วยความวุ่นวายและแก่งแย่งชิงดีชิงเด่น ถึงอย่างนั้นก็ได้จุดประกายในการตามหาความหมายของชีวิต และมอบความหวังและกำลังใจ ผ่านเสียงอันไพเราะชวนเหงาอันเป็นเอกลักษณ์ ของศิลปิน Uru

    ทั้งหมดทั้งปวง หากเกิดผิดพลาดประการใด ขออภัยไว้ ณ ที่นั้



Views

เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น

Log in