ถอดความหมายของเพลง " 振り子 - Uru " ep : 1.1
การตีความครั้งนี้ ตีความผ่านตัวอักษรเพียงเท่านั้น เนื่องจากผู้แปลจนถึงตอนนี้ก็ยังไม่ได้ดูแม้แต่นิดเดียว ซึ่งบทเพลงนี้ได้ใช้ประกอบภาพยนตร์เรื่อง" 罪の声 หรือในชื่อ The Voice of Sin " จึงไม่อาจตีความผ่านตัวละครนั้นได้
ความหมายของชื่อเพลง " ลูกตุ้ม " คืออะไร
--- ส่วนนึงของบทสัมภาษณ์ ของ uru (ผู้แต่ง) ---
『生きていると本当に様々な事がありますが、もし今、悲しみや苦しみの中にいて希望を見出せずにいたり、素直に涙を流す事が出来ずにいる方がいるのならば、この曲が「今悪い方へ振っているその振り子は、次は必ず光の方角へ振る」という希望になってくれることを願います。』
ในการใช้ชีวิตที่จริงแล้วมีเรื่องราวต่างๆนาๆเกิดขึ้นมากมาย, เช่นสมมติว่าหากตอนนี้ มีใครบางคนก็กำลังจมอยู่ท่ามกลางความทุกข์และความเศร้าเสียใจอยู่ หรือบ้างก็มองออกไปไม่เจอความหวัง. หรือถ้าหากตัวคุณที่ไม่สามารถร้องไห้ออกมาได้โดยชื่อตรงต่อความรู้สึกตัวเองอยู่ล่ะก็, ฉันคิดว่าเพลงนี้จะให้ความหวังที่ว่า " ลูกตุ้มที่แกว่งไปผิดทิศทางในตอนนี้, ครั้งต่อไปจะต้องจะแกว่งไปในทิศทางแสงสาดส่องได้อย่างแน่นอน "
ลูกตุ้มในความหมายของเพลงนี้ อาจจะเปรียบเทียบเป็นชีวิตมนุษย์ที่ไร้หลักยืด เป็นสิ่งๆนึงที่ผูกไว้กับเชือกเส้นนึง ที่จะแก่งไปมาได้ทุกทิศทางตามแรงกระทำหรือถูกกระทำ ไม่อาจรู้ได้เลยและคงได้แต่หวังว่าทิศทางที่แกว่งไปจะถูกต้อง
--- ความหมายของเนื้อเพลง ท่อนแรก เป้าหมาย ---
薄汚れた網戸が ずっと目の奥にはまってて
青い空が見てみたくて 誰かに開けて欲しかった
求めれば求めた分だけ汚れてった
でも、誰かの傍にいることで
私はここに在った
ภาพประตูมุ้งลวดที่สกปรก ยังคงติดอยู่แม้หลับตา
เพียงต้องการให้ใครสักคนเปิดมัน เพื่อที่จะได้ลองมองท้องฟ้าสีครามดูสักครั้ง
ถ้าหากร้องขอก็จะเปรอะเปื้อนเพียงแค่ตอนที่ร้องขอ
แต่ว่า การมีใครสักคนอยู่เคียงข้างนั้น
ฉันมีสิ่งนั้นอยู่ตรงนี้
เนื้อเพลงพยายามสื่อ ถึงเป้าหมายที่วางไว้ แต่อาจจะด้วยเกินกำลังของตัวเองหรือบางสิ่งบางอย่าง จึงยังไม่ได้ทำหรือเข้าใกล้เป้าหมายนั้น
ประตูที่สกปรกคือสิ่งที่ขวางทางอยู่ เพราะได้แต่จ้องมองนานจนเกิดภาพจำที่แม้จะหลับตาลงไปก็ยังคงเห็นได้ชัดเจน
ท้องฟ้าสีครามสดใสคือเป้าหมายในอุดมคติที่วางเอาไว้
求める - ตรงนี้ถูกใช้ใน2ความหมาย คือ ต้องการ, (ร้อง)ขอ
" 求めれば求めた分だけ汚れてった "
หากพิจารณาในบรรทัดเดียวกันแล้วอาจมีความหมายได้ว่า "ถ้าหากต้องการก็จะเปราะเปื้อนเพียงตอนที่ต้องการ" - กล่าวคือเป็นการเปิดประตูนั้นด้วยตัวของตัวเอง สิ่งสกปรกในที่นี้ก็อาจจะหมายความได้ว่าเป็นความ วิตกหรือความกลัว,กังวลใจ
แต่หากพิจารณาตามบริบทโดยรวมก็อาจจะมีอีกความหมายนึง "หากร้องขอก็จะเปราะเปื้อนแค่ตอนที่ร้องขอ" ตามความเข้าใจ(ไปเอง)ของผู้แปลเข้าใจว่า ในทัศนคติ การจะร้องขอความช่วยเหลือใครสักคนโดยที่ยังไม่พยายามไม่ใช่เรื่องที่ดี น่าอับอาย คือสิ่งสกปรก แต่ในเนื้อเพลงพยายามบอกว่า การขอความช่วยเหลือก็ไม่เป็นอะไรแย่ขนาดนั้น ขอความช่วยเหลือบ้างก็ได้ เพราะมนุษย์ไม่อาจทำอะไรได้ทุกอย่างด้วยตัวคนเดียว
เพลงนี้ใช้ "ความรัก" เป็นตัวแทนของกำลังใจ, แรงช่วยสนับสนุน, เป็นที่ยืดเหนี่ยว, แรงผลักดัน เมื่อตัวเอกมีสิ่งนี้อยู่จึงพร้อมที่จะเผซิญหน้ากับโลกข้างนอก
--- ความหมายของเนื้อเพลง ท่อนที่2 ตระหนัก ---
ただ朝が来て夜が来る
ただ生まれて死にゆく
そこには何の意味もない
独りごちては腐った
เพียงแค่ค่ำคืนและรุ่งสางที่มาถึง
เพียงแค่มีชีวิตอยู่จวบจนตายจากไป
ไม่มีความหมายอะไรตรงนั้น
บ่นพึมพำกับตัวเองแล้วจึงเน่าเปื่อยไป
กล่าวถึงความหมายของชีวิตอยู่ ถึงการปล่อยวันเวลาในแต่ละวันให้ไหลผ่านไปอย่างเปล่าประโยน์
ไม่มีค่าไม่มีความหมาย และตายจากไปโดยที่ไม่มีใครได้ยิน
--- ความหมายของเนื้อเพลง ท่อนที่3 ขีดจำกัด ---
床を撫でるだけの雑巾がけのように
形だけは一丁前で あぁ
塵を舞い上げて吸い込んで
噎せ返っては一人泣いて
それでも私はどこかで
ずっと愛を求めてた
เติบโตเป็นผู้ใหญ่ ได้เท่าแค่เพียงร่างกายเท่านั้น
เหมือนกับผ้าขี้ริ่วที่ใช้แค่ถูพื้น
สูดหายใจทั้งที่ฝุ่นยังคงฟุ้งกระจาย
ไอสำลักแล้วร้องไห้เพียงลำพังทั้งแบบนั้น
ถึงยังงั้น ฉันยังคงร้องขอ
ความรักจากตรงไหนสักแห่ง
一丁前 - ถูกใช้อยู่2แบบ คือ การถูกยอมรับว่าคุณได้เติบโตเป็นผู้ใหญ่ ในแง่กฏหมาย,อายุ,และความสามารถที่เหมาะสมในฐานะผู้ใหญ่
และอีกความหมายคือ คนที่เต็มเปี่ยมไปด้วยความรู้ความสามารถจนผู้คนยอมรับ
การเลือกใช้คำนี้ของผู้แต่ง คาดว่าจะแฝงความนัยถึงการต้องการเป็นที่ยอมรับด้วยก็ได้
ทำไมถึงเปรียบเป็นผ้าขี้ริ้วที่ใช้ถูพื้น เพราะเมื่อใช้เช็ดฝุ่นก็ต้องรับสิ่งสกปรกเข้าไปในตัว ยิ่งเช็ดเศษผ้าขี้ริ้วก็ยิ่งสกปรก เมื่อถึงจุดๆนึง ต่อให้เช็ตทำความสะอาดยังไงก็ไม่สามารถทำได้ คือการเปรียบทั้งขีดความสามารถและขีดความอดทนของปัจเจกบุคคลก็มีข้อจำกัด ไม่ว่าจะเก่งแค่ไหนก็ไม่สามารถทำอะไรได้ไปชะทุกอย่าง และไม่อาจแบกรับอะไรได้อย่างเกินตัว
เช่นเดียวกันการสุดหายใจภายในห้องที่เต็มไปด้วยฝุ่นที่ฟุ้งกระจาย
ก่อนทำความสะอาด ปกติเรามักจะทำห้องให้โล่งเพื่อระบายอากาศ นั่นอาจหมายความว่ามีอะไรที่ทำให้ ไม่สามารถคุมได้
เปรียบเป็นชีวิตที่อยู่ท่ามกลางข้อบีบบังกับ,อุปสรรคและข้อจำกัดทางสังคมมากมาย
ไม่ว่าจะเข้มแข็งแค่ไหนก็ไม่อาจรับแรงกดดันที่ถาโถม
ถึงจะสำลัก ถึงจะร้องไห้ตัวคนเดียว ชีวิตก็ยังต้องดำเนินต่อ
--- ความหมายของเนื้อเพลง ท่อนที่3 สภาวะจิตใจ ---
毎日夢を見て毎日目が覚めて
夢と現実の狭間で
ぶら下がって足を浮かせたまんま
風が吹けば吹かれた方へ流されて
我武者羅に走った汗を
ただの塩にしてきた人生も
ในทุกๆวันที่หลับฝัน ในทุกๆวันที่ลืมตาตื่น
ยังคงลอยเคว้งคว้างไปมาอยุ๋อย่างนั้น
ท่ามกลางระหว่างความฝันและความเป็นจริง
ถ้าสายลมได้พัดมา คงปลิวล่องลอยตามทางที่ลมจะพัดไป
หยาดเหงือที่วิ่งอย่างสุดกำลัง
เป็นเพียงแค่เกลือที่ชีวิตนี้ได้สร้างก็เท่านั้น
อุดมคติที่สวยงาม และ ความเป็นจริงตรงหน้าที่หนักหน่วง
ในสภาวะที่ถูกกดดัน ได้สร้างความสับสนและเหนื่อยล้าในจิตใจ ความคิดที่จะยอมแพ้ต่อความเป็นจริง หรือจะไขว่ขว้าเป้าหมายต่อไป ได้วนเข้ามาช้ำแล้วช้ำเล่า
ในขณะที่หมดแรง ที่ยึดเหนี่ยวทางใจยังถูกสั่นคลอน แต่ถึงอย่างนั้น ตอนท้ายของบทเพลงได้ให้ความหวังและกำลังใจ " หยาดเหงือที่วิ่งอย่างสุดกำลังเป็นเพียงแค่เกลือที่ชีวิตนี้ได้สร้างก็เท่านั้น "
แม้ว่าจะสับสน เหนื่อยล้า จนแทบทนไม่ไหวหมดแรงยืนยังไง ขอให้กัดฟันสู้ต่อไปแม้จะเกิดข้อผิดพลาดบ้าง จงคิดว่าเรื่องราวเหล่านี้คือเรื่องธรรมดาที่อาจเกิดขึ้นได้กับทุกคน
--- ความหมายของเนื้อเพลง ท่อนที่4 ---
擦り減った靴の底には
泥や石が挟まったまま
私は生涯この靴で歩いていく
それでもあなたという光が
明日を照らしてくれたから
ด้านล่างของรองเท้าที่สึกหรอ
ยังคงมีเศษหินและดินโคลนติดอยู่
ฉันในช่วงชีวิตยังคงเดินต่อไปด้วยรองเท้าคู่นี้
ถึงอย่างนั้น เธอที่เป็นดั่งแสงสว่าง
ยังคงสาดส่องให้เห็นวันพรุ่งนี้
บนทางเดินที่เต็มไปด้วยความพยายามที่ผ่านมา เป็นดั่งประสบการณ์ที่คอยสอนในก้าวต่อๆไป
ในท้ายชีวิตที่ไม่รู้ว่าจะไปจบเมื่อไหร่ที่ตรงไหน ขอแค่เพียงไม่หลงลืมเป้าหมายและละทิ้งมันไป
ในวันที่ผ่านพ้นเส้นชัยจะรู้สึกภูมิใจเมื่อมองกลับมา
生涯 - ช่วงหนึ่งของชีวิต ราวกับมีนัยยะแฝงถึงความภาคภูมิใจ
--- ความหมายของเนื้อเพลง ท่อนที่5 ปิดท้าย ---
愛を知って 生きる意味を知った
รู้จักความรักและรู้จักความหมายของการใช้ชีวิต
ความฝันในอุดมคติและความเป็นจริงที่เป็นดั่งเส้นขนาน ถึงอย่างนั้น การรักษาความรักของคนที่คุณรักเอาไว้ จะทำให้คุณมีแรงที่จะเผชิญหน้ากับความเป็นจริงได้ต่อไป
--- สรุป ---
振り子 เป็นบทเพลงที่จะโจมตีคุณด้วยเนื้อหาที่หนักและความรู้สึกที่สิ้นหวังของการดำรงอยู่บนโลกที่เต็มไปด้วยความวุ่นวายและแก่งแย่งชิงดีชิงเด่น ถึงอย่างนั้นก็ได้จุดประกายในการตามหาความหมายของชีวิต และมอบความหวังและกำลังใจ ผ่านเสียงอันไพเราะชวนเหงาอันเป็นเอกลักษณ์ ของศิลปิน Uru
ทั้งหมดทั้งปวง หากเกิดผิดพลาดประการใด ขออภัยไว้ ณ ที่นั้
เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น
Log in