เจ้าหนู (Le Drôle) ฉบับสมบูรณ์ผู้เขียน : ฟร็องซัวส์ โมริยัค (François Mauriac)
ผู้แปล : วัลยา วิวัฒน์ศร
อ่าน๑๐๑
เล่มเดียวจบ
ช่วงงานหนังสือปลายเดือนมีนาคม-ต้นเมษายนคือช่วงที่เสียเงินซื้อหนังสือเยอะที่สุด จ่ายไปชนิดที่ว่าเห็นแล้วยังกลัวตัวเอง แต่เห็น
สำนักพิมพ์อ่าน ๑๐๑ ออกหนังสือใหม่เลยคิดว่าอยากได้อะไรเบาๆ อ่านไม่ยาก ราคาน่าคบหาไว้สักหน่อย
เล่มแรกของสำนักพิมพ์นี้ที่เรามีโอกาสได้อ่านคือ
เรือนแรมสีแดง ที่ทำออกมาได้น่าประทับใจ ครั้งนี้เลยเลือกออกมาเป็น
เจ้าหนู วรรณกรรมที่ดูทรงก็รู้ว่าอ่านไม่ยาก เข้ากับเด็กและผู้ใหญ่ ก็เลยตัดสินใจพรีออเดอร์ไป พอมีเวลาว่างก็เลยหยิบมาอ่านสักหน่อย
เจ้าหนูเป็นวรรณกรรมขนาดไม่ยาว เนื้อหาจริงๆ ของเรื่องมีไม่ถึงร้อยหน้า ทำให้ใช้เวลาอ่านไม่นานอะไร เรียกว่าเป็นหนังสือคั่นเวลาก็เหมาะ แถมยังย่อยง่ายอีกต่างหาก
เนื้อเรื่องเริ่มต้นขึ้นเมื่อ
มาดมัวแซลติโบด์ นั่งรถไฟไปมิลาสเพื่อทำหน้าที่เป็นคุณครูส่วนตัวให้กับ
แอร์เนสต์ โรมาซิล และบนรถไฟขบวนนั้นเธอได้ยินได้ฟังถึงฤทธิ์เดชต่างๆ ของ
"เจ้าหนู" คนนี้ว่ามีมากมายเพียงใด
แรกเริ่มเธอยังมั่นใจว่าตัวเองสามารถรับมือได้อยู่ เธอเป็นครู เธอมีหน้าที่ในการอบรมสั่งสอนเด็กแบบนี้อยู่แล้วอะไรทำนองนั้น แต่พอฟังวีรกรรมเจ้าหนูแอร์เนสต์ผู้นี้มากเข้าเธอก็เริ่มไม่มั่นใจว่าตัวเองจะสามารถรับมือเด็กคนนี้ไหว เพราะจำนวนคุณครูที่เคยทำหน้าที่สอนเจ้าหนูนั้นมีมากถึง 17 คน!
ในฐานะครูคนปัจจุบันที่จิตใจโดนจู่โจมไปแล้วว่าเด็กคนนี้ยากแก่การรับมือ มาดมัวแซลติโบด์ก็รู้สึกเหมือนถูกหลอก เงินเดือนมากขนาดไหนก็ไม่สามารถรั้งให้เจ้าหล่อนอยากอยู่สอนเด็กคนนี้แล้ว เจ้าตัวนึกอยากจะตีตั๋วเที่ยวกลับตั้งแต่รถไฟยังไปไม่ถึงปลายทางดีด้วยซ้ำ
พอมาถึงบ้านของตระกูลโรมาซิลและได้เจอกับคนในครอบครัวของเจ้าหนูผู้พรรณาว่าเจ้าหนูคนนี้เป็นเด็กดีเพียงใด (แน่นอนว่าหลังจากนั้นก็ต้องยอมรับว่าใช่ เจ้าหนูมันร้ายเหลือรับจริงๆ) มาดมัวแซลติโบด์จึงจำต้องยอมเจอหน้าเจ้าหนูก่อนเพราะถูกเกลี้ยกล่อมอย่างหนักว่าเราไม่มีใครแล้ว ไม่มีใครรับมือเจ้าหนูคนนี้ได้จริงๆ ช่วยด้วยพลีสสสส
และเมื่อมาดมัวแซลติโบด์ได้เจอเจ้าหนูแอร์เนสต์ เธอก็ตระหนักแกมตระหนกว่าพฤติกรรมเจ้าหนูคนนี้น่าพรั่นพรึงมากเพียงใด แต่ในใจหล่อนก็สู้ ตัดสินใจว่าจะรับมือกับเด็กคนนี้ด้วยวิธีการของเธอเอง!
วรรณกรรมเรื่องนี้สั้นไปนิด พออ่านจบเลยรู้สึกว่าง่ายดายไปหน่อย ถ้ามีต่อมากกว่านี้ก็คงจะดี แต่เราชอบที่ผู้เขียนแสดงให้เห็นว่าเด็กอย่างไรก็คือเด็ก ต่อให้ร้ายกาจแค่ไหนก็ยังมีบางส่วนในหัวจิตหัวใจที่เป็นเด็ก และความชอบง่ายๆ บางอย่างของเขาก็สามารถพลิกสถานการณ์จากร้ายให้กลายเป็นดีได้ ถ้าทั้งหมดนี้เพียงแค่คนในครอบครัวของเขาใส่ใจเท่านั้น (แต่ว่าเจ้าหนูชอบอะไรต้องไปค้นหาเอาในเล่มเองนะ)
อันที่จริงความชอบเล็กๆ น้อยๆ นี่ของเจ้าหนูก็ไม่ใช่ว่าจะไม่มีใครรู้ แต่คนในครอบครัวเขาเพียงแค่ไม่ใส่ใจเพราะคนเป็นพ่อไม่ชอบ มาดมัวแซลติโบด์เองเพียงแค่บังเอิญได้รับรู้เข้าและสามารถจับมันมาเป็นแกนหลักในการค่อยๆ ละลายพฤติกรรมเจ้าหนูได้ เป็นที่มาของบทส่งท้ายที่ทุกคนแอบย่องเข้ามาดูแล้วต้องตกใจเมื่อพบว่าแม้เจ้าหนูจะดูเฉื่อยชาไปบ้างแต่เขาก็ยังคงทำตามสิ่งที่มาดมัวแซลติโบด์สั่งให้ทำ ไม่เหลือมาดของเจ้าหนูผู้ร้ายกาจคนนั้นเลย
เราคิดว่าส่วนสุดท้ายของหนังสือ คุณวัลยาวิเคราะห์เนื้อหาเอาไว้ได้ครบถ้วนดี ว่าผู้ปกครองควรใส่ใจเรียนรู้ว่าบุตรหลานของตัวเองนั้นชื่นชอบสิ่งใด มีพรสวรรค์ในเรื่องอะไร อันที่จริงมันเป็นเรื่องที่ง่ายดายมากแต่น่าเสียดายที่พวกผู้ใหญ่มักไม่ค่อยใส่ใจกัน
ปกหนังสือยังคงโดดเด่นตามแบบฉบับของอ่าน๑๐๑ เรียกว่าเป็นซิกเนเจอร์ของสำนักพิมพ์นี้เลยก็ว่าได้ กับผลงานการออกแบบปกของคุณนักรบ มูลมานัส ตอนที่แกะกล่องพัสดุออกมามันจะมีความรู้สึกบางอย่างที่อธิบายออกมาเป็นคำพูดไม่ถูก แบบว่า "ว้าววว" ไม่ก็ "โอ้โหหหห" จากนั้นก็จะพอใจกับการลูบๆ คลำๆ ตัวเล่มอยู่พักหนึ่ง แถมเป็นปกแข็งแบบเคลือบเงาด้วย เวลาตัวเล่มมันกระทบกันจะเกิดเสียงที่ชวนให้รู้สึกฟินเกินบรรยายออกมา เชื่อว่าคนที่ได้จับรูปเล่มน่าจะรู้สึกแบบเดียวกัน 55555
อีกอย่างที่ประทับใจคือโปสการ์ดที่ได้มาในเล่ม เป็น portrait ของโมริยัคที่น่าสะสมมาก เนื้อกระดาษที่ใช้ให้สัมผัสมือที่ดีอย่างบอกไม่ถูก ไม่รู้คิดไปเองหรือเปล่า แต่เหมาะสำหรับคนที่ชอบสะสมอะไรทำนองนี้มากเลย สำหรับใครที่สนใจอยากสั่งซื้อก็สามารถติดต่อไปที่
เพจสำนักพิมพ์ ได้โลดดด
โปสการ์ดถ่ายรวมกับเรื่องจุมพิตสีขาว
เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น
Log in