วันนี้แวะมารีวิวนิยายของนักเขียนที่ดูเหมือนช่วงปีนี้และปีที่ผ่านมาจะมีผลงานแปลในบ้านเราอยู่เยอะเลย นั่นคือคุณ
สืออู่ ทาง EverY ก็เหมือนจะเหมามาเยอะเหมือนกัน ที่ออกไปแล้วในเซ็ทนี้คือหนิงอันคอมมิวนิตี้ ศาลคนกระดาษ ต่อด้วยคนสื่อวิญญาณเล่มนี้ แต่รู้สึกว่าอีกเล่มที่เป็นปีศาจจิ้งจอกจะถูกสำนักพิมพ์อื่น LC ไปก่อน
ก่อนหน้านี้เราเคยรีวิวงานของคุณสืออู่อีกเล่มคือ
ฆาตกรรมต้องมนตร์ ค่ะ สามารถคลิกเข้าไปอ่านกันได้นะ เล่มนี้ตีพิมพ์กับทาง Mee-Dee เนอะ
เข้าเรื่องเลยแล้วกัน เราอาจไม่ได้อินกับงานคุณสืออู่มากขนาดนั้น สำหรับตัวเราเองนี่ก็เป็นเรื่องที่ 2 ที่อ่านค่ะ คือเราชอบพล็อตของเค้าทุกเรื่องเลยนะ แต่กลับรู้สึกว่าสไตล์การเขียนไม่ค่อยเข้ากับเราเท่าไหร่ ㅠㅠ
แต่ว่าๆ เรื่องนี้เราชอบตั้งแต่มีคนเคยพูดถึงสมัยหนิงอันคอมมิวนิตี้ตีพิมพ์ในบ้านเราค่ะว่ายังมีเรื่องอื่นในจักรวาลเดียวกันอยู่ แล้วพออ่านเนื้อหาคร่าวๆ รู้สึกว่าน่าสนใจแบบไม่อยากปล่อยผ่าน พอหนังสือออกมาเลยลองแวะไปอ่านตัวอย่างสักหน่อย สุดท้ายก็บอกตัวเองว่าซื้อเถอะ (เพราะชอบปกมากส่วนหนึ่ง ปกดีงาม 5555)
หลังอ่านจบก็คิดกับตัวเองว่า เอาล่ะ เดี๋ยวไปหาหนิงอันกับศาลคนกระดาษมาอ่านดีกว่า
เข้าเรื่องเลยคือ
คน • สื่อ • วิญญาณ พูดถึงเด็กชายคนหนึ่งที่เป็นคนในเผ่าเถี่ยน ซึ่งคนของเผ่าเถี่ยนมีพรสวรรค์ในการสื่อสารกับภูตผี เป็นเสมือนสะพานเชื่อมระหว่างเหล่าวิญญาณและมนุษย์
ไอโม่ซิน ก็คือผู้นำเผ่าเถี่ยนคนปัจจุบัน ช่วงเปิดเรื่องเพิ่งจะอายุ 15 แต่เป็นเด็กหนุ่มอายุ 15 ที่สุขุมเยือกเย็น เช้าไปโรงเรียน เย็นกลับมาคัดอักษร มีหน้าที่ในการเจรจากับบรรดาวิญญาณเพื่อจัดการเรื่องที่วิญญาณเหล่านั้นยังคงค้างคา
วันหนึ่งไอโม่ซินได้ช่วยเจรจากับวิญญาณที่มารังควาญสกุลหลิว ทำให้เขาได้รู้จักกับ
เจียงเฉิงฟาง นายตำรวจวัยกลางคนที่มีบรรพบุรุษสกุลเป็นมังกรวารีนามว่า
เจียงหลี แต่สิ่งที่ทำให้ไอโม่ซินประหลาดใจคือเจียงหลีดูเหมือนจะสนใจในตัวเขามาก ทั้งแอบใช้มือถือของเจียงเฉิงฟางส่งข้อความมาหาไอโม่ซิน หรือบางครั้งก็มาปรากฏตัวให้เห็นจนไอโม่ซินรู้สึกไม่ค่อยปลอดภัย
ไอโม่ซินกลัวผู้อาวุโสอายุพันปีท่าทางไม่น่าไว้วางใจคนนี้ เจียงเฉิงฟางที่เป็นคนกลางก็ได้แต่ต้องกลับไปอธิบายให้บรรพบุรุษตัวเองว่าอีกฝ่ายยังเป็นผู้เยาว์ ทำอะไรก็เบาๆ หน่อย พูดกันไปพูดกันมา สุดท้ายเจียงหลีเลยต้องหยุดหน้าที่สตอล์กเกอร์รังควาญผู้เยาว์ไปช่วงหนึ่ง แต่ก็ยังติดต่อกับไอโม่ซินบ้างนานๆ หน
เวลาผ่านไป ไอโม่ซินกลายเป็นเด็กมัธยมปลาย ผู้อาวุโสเจียงหลีจึงเริ่มต้นเดินหน้าทำในสิ่งที่เขาต้องการอีกครั้ง จนความแตกโป๊ะ กลายเป็นว่าเป็นเรื่องที่เกี่ยวกับความลับสะเทือนโลกทัศน์ของไอโม่ซิน เพราะที่จริงแล้วบรรพบุรุษรุ่นที่หกของไอโม่ซินเคยสัญญากับเจียงหลีไว้ว่าจะให้ลูกหลานสักคนในเผ่าเป็นคู่บำเพ็ญเพียรของเจียงหลีในวันข้างหน้า ถูกใจคนไหนก็เอาไปได้เล้ย!
แต่ไอโม่ซินเป็นผู้ชาย ยังไม่บรรลุนิติภาวะดี จะให้เป็นคู่บำเพ็ญเพียรของมังกรวารีอายุพันปีได้ยังไง! (me: ได้สิ ขอต้อนรับนายเข้าสู่โลกของชายรักชาย 5555)
ความจริงก็คือคนในเผ่านี้ไม่มีเหลือหลอแล้วแหละ เหลือแค่ตัวไอโม่ซินกับแม่ของเขา
ไอเยวี่ยเจิน แต่แม่เขาเคยผ่านการแต่งงานมาแล้ว ยังไงก็เป็นคู่บำเพ็ญให้ไม่ได้แน่ๆ เจียงหลีเห็นว่าโอเคเหลือคนเดียวก็ยังดีไม่เห็นเป็นไร จากนี้ก็อยู่เป็นเพื่อนข้าจนถึงเวลาที่ข้าจะบรรลุแล้วกัน อะไรทำนองนี้
เราชอบการที่เจียงหลีถึงจะเป็นผู้อาวุโสอายุพันปี นานๆ ทีจะออกมาดูโลก ไม่ค่อยเข้าใจกฏเกณฑ์โลกมนุษย์แต่ก็พยายามทำความเข้าใจ อย่างเห็นว่าไอโม่ซินอายุยังน้อย แม้สมัยโบราณอายุเท่านี้ก็แต่งงานมีลูกได้แล้ว แต่เจียงเฉิงฟางบอกว่าไม่ได้นะผู้อาวุโส สมัยนี้ต้องรอให้บรรลุนิติภาวะก่อนนนน เจ้าตัวก็อ๋ออองั้นรอก็ได้ แล้วก็คือตั้งใจรอจริงๆ นะ 5555
แต่เจียงหลีไม่ได้บังคับนะ คือแค่ตะล่อมๆ ถามแล้วก็บอกว่าอีกสิบห้าปีปรโลกจะเกิดเรื่องร้าย ถ้าเจ้ายอมเข้ามาอยู่ใต้ปีกข้า ข้าก็จะปกป้องเจ้า อะไรแบบนี้ เหมือนผู้ใหญ่หว่านล้อมเด็กให้กินผักนั่นแหละ ซึ่งไอโม่ซินเองอยู่ในช่วงสับสน เลยกลายเป็นว่าขอลองคบหาดูใจกันก่อนจะดีกว่า
ความสัมพันธ์หลักๆ ในเรื่องจะแบ่งเป็นสองช่วง เหมือนที่เกิดคดีใหญ่ในเรื่องสองคดี แบ่งได้แบบครึ่งเล่มแรกกับครึ่งเล่มหลังพอดี ช่วงครึ่งเล่มแรกเป็นช่วงไอโม่ซินเรียนมัธยมปลาย เปิดคดีใหญ่ขึ้นคดีหนึ่ง ส่วนครึ่งเล่มหลังเป็นช่วงที่เขาอยู่มหาลัย ก็จะเป็นอีกคดีหนึ่ง
ส่วนตัวชอบครึ่งหลังมากกว่า รู้สึกว่าลุ้นระทึกและสยองๆ ดี
พูดถึงความสัมพันธ์พระนาย จะว่าไงดีล่ะ มันไม่ค่อยมีฉากรักหรอกนะ 5555 พระเอกค่าตัวแพงอยู่เด้อออ จะหวานกันจริงๆ ก็ช่วงท้ายๆ เล่มแหละ แต่ก็เป็นความหวานแบบหวานตัดขาเหมือนกัน ฤดูผสมพันธุ์ของพวกงูนี่มัน เฮ้ออออ
อ้อ แต่หนังสือเล่มนี้มันก็จบครบถ้วนดีในเล่มนะคะ ไม่ต้องกลัวว่ามันจะค้าง เล่มสองมันเหมือนกับหนังภาคต่อมากกว่า ที่สำคัญมีตัวละคร สือหมิง จากเรื่องศาลคนกระดาษเข้ามาแจมด้วย นี่แหละเราเลยรู้สึกอยากไปหาศาลคนกระดาษมาอ่านต่อ 5555
แนวเรื่องมีบางช่วงที่เรื่อยๆ อยู่บ้าง บางจุดคิดว่าน่าจะไปได้มากกว่านี้อีกนิดเลยรู้สึกแอบเสียดาย แต่ก็คิดว่ามันคงเป็นซิกเนเจอร์ของคนเขียนล่ะมั้ง เพราะสไตล์การเขียนคล้ายกันทุกเรื่อง อ่านแล้วฟีลเดียวกัน ตอนที่เราอ่านฆาตกรรมต้องมนตร์ก็รู้สึกคล้ายๆ กันเลยคือคิดว่าบางจุดมันยังไปได้อีกแต่มันก็ไปไม่ถึงจดนั้นอ่ะ
คนที่ชอบเนื้อหาที่มีจุดดิ่งขึ้นลงอะไรแบบนี้อาจจะไม่ได้อินมาก แต่เอาไว้อ่านเพลินๆ ก็สนุกดีค่ะ ส่วนตัวชอบนะโดยเฉพาะครึ่งเล่มหลัง
เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น
Log in