เราใช้คุ๊กกี้บนเว็บไซต์ของเรา กรุณาอ่านและยอมรับ นโยบายความเป็นส่วนตัว เพื่อใช้บริการเว็บไซต์ ไม่ยอมรับ
All are storyLanguor Earl Grey
ไม่เป็นไรหรอกถ้าวันนึงความฝันจะเปลี่ยนแปลงไปกับนักจิตวิทยา
  • แม้ว่าจะหาคำตอบให้ตัวเองได้บางส่วนแล้ว แต่ก็ยังมีคิวที่จองคุยกับนักจิตวิทยาไว้ ไหนๆก็ไหนๆแล้วลองคุยดูหน่อยก็ไม่เสียหาย ช่วงนี้วนเวียนอยู่กับศาสตร์ด้านจิตใจบ่อยๆเพราะบางทีก็ไม่เข้าใจตัวเอง ความสั่นคลอนจากโลกภายนอกเข้ามากระทบจิตใจเราได้ง่าย เออมนุษย์ sensitive ก็งี้ แต่มาถึงจุดนี้เราว่าคนอื่นก็อาจจะกำลังเปราะบางอยู่เหมือนกัน

    มนุษย์เราเกิดมาไม่ได้มีความฝันกันทุกคนหรอก ถ้าไม่ได้หลับน่ะนะ.. หลายคนไม่ได้มีเป้าหมายในชีิวิต ไม่รู้ว่าจะเรียนต่อคณะอะไร ไม่รู้ว่าจบไปจะทำอะไร แต่ก็มีอีกหลายคนที่รู้ว่าตัวเองต้องการอะไร อยากใช้ชีวิตแบบไหน ตั้งเป้าหมายในชีวิตไว้ว่ายังไง ซึ่งเราเป็นแบบหลัง คือวางไว้ประมาณนึงแล้วว่าจบแล้วจะไปไหนต่อ แต่จู่ๆโควิดก็โผล่มา 

    "สวัสดีค่ะ" เสียงนุ่มทุ้มตามแบบฉบับนักจิตวิทยาพูดทักทายคำแรก "สะดวกจะเปิดกล้องหรือว่าคุยผ่านเสียงดีคะ" ยุคโควิดก็งี้แหละเนอะ มนุษย์อินโทรเวิร์ตอย่างเราก็ตอบแบบไม่ต้องคิดเลย "คุยผ่านเสียงค่ะ" หลังจากแนะนำตัวอะไรเรียบร้อยก็เริ่มเลย "วันนี้อยากจะคุยเรื่องอะไรดีคะ" ตอนนั้นเราเลือกคุยเรื่องเป้าหมายที่อยากทำหลังเรียนจบ หรือเรียกอีกอย่างว่าความฝันนั่นแหละ ก็เล่าให้เค้าฟังว่ามันเป็นมายังไง เคยอยากจะทำอะไร อยากจะเดินไปจุดไหนต่อ บลาๆ สิ่งที่เค้าทำคือก็ช่วยสะท้อนมันออกมา "ดูผิดหวังเนอะ ดูสับสนเนอะ" แล้วก็ค่อยๆคุยไปจนถึงจุดพีค เหมือนเค้าเข้าไปสะกิดแผลที่อุตส่าซ่อนมันไว้ หลังจากนั้นการคุยกันก็ไม่เหมือนเดิมอีกต่อไป คือจะได้ยินเสียงสั่งน้ำมูกเป็นระยะ ทิชชู่ถูกหยิบออกมาเรื่อยๆ "อืมม มันเหมือนไม่ใช่แค่คิดเนอะ แต่ลงมือไปแล้วด้วย" โอโห ถังขยะใบเล็กนี่ไม่น่าจะพอแล้ววว แต่ก็ยังมีสติไว้ตอบคำถามเค้าบ้าง 

    จริงๆ เราตั้งเป้าไว้ประมาณ 2 ปีครึ่ง เริ่มตั้งแต่ช่วงปี 2 เทอม 2 แล้วก็พยายามวิ่งไล่ตามมันมาตลอด ผ่านไป 9 เดือนก็มาได้ไกลเกือบครึ่งทางแล้ว แต่สิ้นปีนั้นก็เริ่มเห็นสัญญาณร้ายลางๆ พอขึ้นปีใหม่ก็เริ่มชัดขึ้นเรื่อยๆ สุดท้ายทั่วโลกก็ได้ทำความรู้จักกับเจ้าไวรัสโควิด 19 (เอ็งโผล่มาตะไม T^T) โชคร้ายซ้ำซ้อนคือการบริหารงานบ้านเราไม่มีประสิทธิภาพ พูดง่ายๆคือรัฐบาลห่วย จัดการแก้ไขปัญหาไม่ได้สักอย่าง เห็นผลงานได้จากสภาพสังคมเราทุกวันนี้ นอกจากจะใช้ชีวิตปกติได้ยากแล้ว เรายังมีสายพันธุ์ใหม่ๆเกิดขึ้นเยอะมาก 

    สิ่งที่เคยคิดไว้กลับตาลปัตรไปหมด "มันโอเคนะที่จะพักก่อน ยังไม่ต้องรีบหางานก็ได้" เราค่อนข้างเห็นด้วยนะ แต่ความเป็นปัจเจกในตัวมันก็เรียกร้องอยู่ลึกๆว่าเราอยากเป็นอิสระ....อยากเป็นอิสระจากสายตาของคนอื่นสักที "เดี๋ยวคุยเสร็จ เข้าห้องน้ำไปล้างหน้าล้างตาแล้วก็ดื่มน้ำสักหน่อยนะคะ" หลังจากตอบรับและวางสายไปเรียบร้อย ในหัวก็ยังไม่หยุดทำงาน อืม..เย็นนี้ต้องไปวิ่ง แล้วก็เพิ่งนึกขึ้นได้หลังวิ่งมาได้กิโลนิดๆว่า 'ลืมล้างหน้าว่ะ น้ำก็ลืมกิน' autopilot เฉยยย
    .
    ส่วนใครที่กำลังไม่โอเคกับเรื่องอะไรก็ตาม การขอความช่วยเหลือเป็นเรื่องที่ยอมรับได้นะ :)
Views

เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น

Log in