----------‘อืม... คงจะใช้ความคิดพิจารณาอะไรบางอย่างอยู่ละมั้ง’ ฉันคิด
----------ฉันถือโอกาสในระหว่างที่พวกเขาส่วนมากยังคงเงียบอยู่กวาดสายตามองสำรวจบริเวณรอบ ๆ ฉันพบว่าตัวเองกำลังยืนอยู่ในห้องสี่เหลี่ยมจัตุรัสสีขาวปนเทา ทางซ้ายมือของฉันเป็นประตูกระจกใสสำหรับเดินเข้า-ออกจากห้องนี้และมีกระดานไวท์บอร์ดติดอยู่ข้าง ๆ ประตูอีกที ส่วนทางขวามือเป็นหน้าต่างที่ถูกบดบังด้วยมู่ลี่อลูมิเนียมสีขาวจนแสงอาทิตย์ไม่อาจเล็ดลอดเข้ามาได้
----------ความเงียบถูกพังทลายลงโดยหญิงสาวที่ยืนอยู่เพียงหนึ่งตรงหน้าชั้นเรียนเธอเอ่ยกับเหล่านิสิตที่นั่งอยู่ตรงหน้าว่าให้พูดสิ่งที่คิดออกมาโดยไม่จำเป็นต้องยกมือขออนุญาตพูดก่อน
“เห็นเป็นเสาค่ะ”
“เห็นเป็นนาฬิกาทรายค่ะแล้วก็เห็นเป็นหน้าคน”
“เห็นเป็นแก้วครับ”
“มันเป็นระยะห่างหรือเปล่า”
“ภาพลวงตาไม่ใช่เหรอ”
“เป็นการเผชิญหน้าฮะ”
“เป็นหน้าคนสองคนหันเข้าหากัน”
----------ความเห็นมากมายพรั่งพรูออกมาจากปากของเด็กหนุ่มสาวไม่ซ้ำกันจนฉันไม่อาจทำความเข้าใจได้ว่าแท้จริงแล้วฉันคืออะไรกันแน่ฉันเป็นเสาหรือเปล่า หรือฉันคือนาฬิกาทราย หรือฉันจะเป็นอย่างอื่นนอกจากนั้นคำจำกัดความทั้งหลายที่ได้รับมามีมากเกินกว่าที่ฉันจะประมวลผลออกมาได้
----------ช่างน่าเศร้าที่ฉันไม่มีกระจกเอาไว้ส่องให้หายสงสัยว่าฉันคืออะไรหรือสิ่งใดกันแน่
----------ขณะที่จิตใจกำลังสับสนอยู่ฉันก็ได้ยินเสียงหนึ่งที่เอ่ยออกมาหญิงสาวที่ยืนอยู่เพียงหนึ่งคนเดิมพูดออกมาเหมือนกับว่ากำลังสรุปกิจกรรมที่ทำมาในวันนี้ทั้งหมดเธอเอ่ยด้วยวาจาฉะฉานและไม่ลืมที่จะกล่าวถึงตัวฉันด้วยในตอนท้าย
----------เธอบอกว่าภาพ ๆ หนึ่งย่อมมองได้หลายมุมมอง หลายอารมณ์ หลายความรู้สึก ขึ้นอยู่กับว่าคน ๆ นั้นจะมองสิ่งนั้นไปทางไหน ไม่มีอะไรที่จริงแท้ถาวรหรือถูกต้องที่สุดเมื่อได้ยินเช่นนั้นแล้วตัวฉันจึงไม่จำเป็นต้องกังวลหรือสับสนอีกต่อไปว่าที่สุดแล้วฉันคือสิ่งใดกันแน่
----------ฉันอาจเป็นได้ทั้งเสาหินในยุคกลาง
----------ฉันอาจเป็นได้ทั้งนาฬิกาทรายที่คอยบอกเวลาไม่รู้จบ
----------ฉันอาจเป็นได้ทั้งสัญลักษณ์ของการเผชิญหน้าเป็นได้ทั้งแก้วน้ำใบสวย เป็นได้ทั้งภาพลวงตาหรือกระทั่งภาพที่บ่งบอกถึงระยะห่างของบุคคลสองคน
----------สิบคนสิบมุมมองและสิบมุมมองนั้นก็ร้อยเรียงจนมาเป็นฉัน ฉันไม่จำเป็นต้องกังวลว่าใครจะมองฉันไปในทางไหนขอแค่มุมมองเหล่านั้นค่อย ๆ ประกอบสร้างฉันให้เป็นฉันที่สมบูรณ์ในวันใดวันหนึ่งที่ยังไม่มาถึงก็พอ
----------ถึงจะไม่แน่ใจสักเท่าไรและจนกว่าจะถึงวันที่ฉันแน่ใจฉันจะขอเรียกตัวเองว่าหนึ่งในความหลากหลายไปก่อนแล้วกัน
----------ตอนแรกที่เลือกภาพนี้ เราจับได้หัวข้อ "น่าสนใจ" ค่ะ นอนคิดทั้งคืนเลยว่าสิ่งใดบนโลกบ้างที่น่าสนใจ จะเอาของที่ตัวเองอยากได้ อยากมี เป็นพิเศษ เพราะเราให้ความสนใจแต่กับสิ่งนี้ก็ดูพื้น ๆ ไป สุดท้ายเลยมาจบลงที่ภาพแบบทดสอบทางจิตวิทยาค่ะ
----------พอเปิดภาพนี้ให้ทุก ๆ คนในห้องดู ก็ได้รับความเห็นมามากมายและกระจัดกระจายไปคนละทางพอควร ทั้ง ๆ ที่ตอนแรกเรามองได้เป็นแค่ภาพหน้าคนหันหน้าเข้าหากันและภาพนาฬิกาทราย แต่พอมาให้ทุกคนดู ทุกคนกลับเห็นภาพนี้เป็นมากกว่านั้น เราจึงเลือกที่จะปรับเรื่องสั้นเรื่องนี้ให้เหมือนเหตุการณ์จำลองในห้องเรียนวันนั้นที่ทุกคนต่างให้ความเห็นออกมา และเปลี่ยนจาก "น่าสนใจ" เป็น "ความหลากหลาย" (ที่ดูนามธรรมจับต้องไม่ได้มาก ๆ) แทน รู้สึกว่าตัวเองเล่นง่ายไปหน่อย ยังไงงานหน้าอยากจะลองเล่นให้ยากกว่านี้สักนิดหนึ่งล่ะค่ะ
เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น
Log in